Share

บทที่ 32

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-02-17 01:18:35

เมื่อจบราชโองการ เจียงเฉิงกุ้ยก็ล้มสลบไปกับพื้นทันที ขุนนางในเมืองต่างถอยหลังหนีมิอยากเข้าใกล้เพราะกลัวว่าตนจะโดนโทษไปด้วย เมื่อปลดเจ้าเมืองแล้วก็แต่งตั้งเจ้าเมืองขึ้นมาใหม่โดยเร็ว

เสวี่ยป๋อเหวินที่จบเรื่องแล้วก็พาคนทั้งหมดไปที่เรือนเก่าที่ตนเคยพักอยู่ โดยมีจ้าวตงหยางติดตามตลอดราวกับเดินทางมาพร้อมกับเขาด้วย

นายอำเภอเว่ยที่ได้ข่าวปลดท่านเจ้าเมืองแบบฟ้าผ่า ก็หวังจะใช้ความสัมพันธ์ของตนกับจวนท่านแม่ทัพให้ช่วยขอตำแหน่งนี้กับเสวี่ยป๋อเหวินให้ตน จึงได้เข้าไปพบฮูหยินจ้าวพี่สาวของตน

"พี่หญิงท่านให้หยางเออร์ช่วยพูดเรื่องดีดีของข้ากับท่านเสนาบดีเสวี่ยหน่อยได้หรือไม่"

"เจ้าช่างลืมไวเสียจริง เรื่องที่อิงเออร์โบยบุตรสาวเสนาบดีเสวี่ยเจ้าก็หลงลืมเสียแล้ว"ฮูหยินจ้าวมองน้องชายของตนอย่างเหนื่อยใจ

เสวี่ยป๋อเหรินไม่เอาเรื่องน้องชายกับหลานสาวตนก็นับว่าเมตตามากแล้ว น้องชายที่โง่เขลายังกล้ามาขอตำแหน่งท่านเจ้าเมืองเสียอีก

"เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้ามิได้ แม้แต่หยางเออร์ก็คงไม่เห็นด้วย" ฮูหยินจ้าวเอ่ยปฏิเสธ

"พี่หญิงท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร หรือท่านสุขสบายเสียเคยชินจนหลงลืมว่าตนก็แซ่เว่ยเช่นกัน" ฮูหยินจ้าวโกรธจนหน้
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 33

    "หึหึ ญาติผู้น้องเจ้าจ้างคนลักพาตัวบุตรชายของข้า เจ้าคิดว่ามิผิดหรือ" สายตาของเขาทำให้เว่ยซืออิงสั่นสะท้าน นางถอยหลังอย่างหวาดกลัว"ท่าน ท่านจะทำอันใดข้า" เสียงของนางสั่นจนแทบจะเปร่งออกมาไม่ได้"ข้าจะทำอันใดเจ้างั้นรึ เจ้าขวัญกล้าเสียครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าเตือนเจ้าไปแล้วแต่เจ้ากลับไม่สนใจ รอให้งานของข้าผ่านไป โทษของเจ้าข้าจะตัดสินเอง" เว่ยซืออิงล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง นางจะทนอยู่ในคุกได้อย่างไรจ้าวตงหยางสั่งให้คนของเขาทรมานคนร้ายทั้งสิบห้าคนวนกันไปทุกวัน จนเว่ยซืออิงที่ต้องทนฟังเสียงทรมานแทบจะเสียสติ นางปิดหูก็แล้วยังไม่อาจปิดบังเสียงร้องโหยหวนของนักโทษคนอื่นได้เลยหากนางย้อนกลับไปได้นางจะไม่ทำเรื่องสิ้นคิดเช่นนี้แน่ บิดานางรู้ข่าวก็ไม่เคยมาดูนางเลยสักครั้ง ถึงอาหารการกินจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแต่นางจะกินลงได้อย่างไร ในเมื่อเสียงร้องที่น่ากลัวหลอกหลอนนางอยู่ตลอดเช่นนี้จ้าวตงหยางเมื่อเห็นว่าบุตรชายทั้งสองมิได้รับบาดเจ็บที่ใด ก็วางใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จินเยว่ฟัง เมื่อนางฟังจบก็แทบจะอยากไปสังหารเว่ยซืออิงที่ตามจองเวรนางไม่เลิกทิ้งเสีย จนจ้าวตงหยางต้องเอ่ยเล่าเรื่องที่เขาลงโทษนา

    Last Updated : 2025-02-18
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 34

    เสียงฆ้องดังไปทั่วเมืองโยวเป่ย ขบวนรับเจ้าสาวที่เป็นกองทัพพยัคฆ์ดำสวมชุดแดงกันหลายร้อยนาย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ชาวบ้านจนต้องออกมาดูกันมากมายนานเพียงใดแล้วที่พวกเขามิได้เห็นกองทัพพยัคฆ์ดำของตระกูลจ้าวที่แข็งแกร่ง ยิ่งสวมชุดแดง ใบหน้าดุดัน แบกเกี้ยวแดงหลังใหญ่ ด้านหลังยังมีหีบสินสมรสมากมายจนพาให้คนอิจฉา กองทัพนับร้อยที่ร่วมเดินในขบวนพร้อมเสียงฮึกเหิมราวกับพากันไปออกรบจ้าวตงหยางอยู่ในชุดสีแดงของเจ้าบ่าวนั่งบนหลังม้าศึกคู่ใจสีดำเดินนำหน้าอย่างสง่า พาให้สตรีข้างทางที่มาร่วมชมเขินอายจนอยากจะเป็นเจ้าสาวที่โชคดีเสียเองเมื่อถึงหน้าเรือนตระกูลเสวี่ย ทหารทั้งหมดต่างพากันตะโกนโห่ร้องเรียกให้คนด้านในส่งตัวเจ้าสาวออกมา เสวี่ยป๋อเหวินถึงกับมุมปากกระตุก เจ้าบุตรเขยตัวดีทำเช่นนี้ราวกับโจรป่ามาบุกชิงตัวคนต่อให้เสวี่ยป๋อเหวินส่งคนมากั้นประตูมากเพียงใด หลิวเหล่ยกับจ้าวตงหยางก็ต่อบทกลอนปะทะกับบัณฑิตเหล่านั้นได้ทุกคน เมื่อเห็นจะเกินฤกษ์รับตัวแล้ว ด้านสุดท้ายที่เป็นเสวี่ยป๋อเหวินเองจึงเดินออกมาตรงหน้าจ้าวตงหยางแต่ก่อนที่จะเอ่ยบทกลอนขึ้น จ้าวตงหยางก็คุกเข่าลง พร้อมทั้งเอ่ยวาจาเสียงดัง"ข้าจ้าวตงหยาง

    Last Updated : 2025-02-18
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 35

    ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวอยากจะต่อว่าบุตรชายที่ไม่รักถนอมหยกก็ทำไม่ลง เพราะก่อนหน้านี้อารมณ์ของจ้าวตงหยางไม่คงที่นัก อาจจะเป็นเพราะเห็นชิ้นเนื้อแต่กินไม่ได้ พอได้กินก็แทบจะวางไม่ลง นางจึงปล่อยให้ทั้งคู่ได้พักผ่อนต่อ แล้วหันกลับมาสนใจหลานทั้งสองแทนจินเยว่ลุกพรวดขึ้นเมื่อแสงแดดแยงตา นางรีบจะลุกข้ามจ้าวตงหยางที่ยังนอนอยู่แต่ก็โดนเขารวบเอวไว้แล้วดึงเข้ามากอดแทน"ปล่อยข้าได้แล้ว สายเพียงนี้ท่านแม่คงรอนานแล้ว" เสียงของนางแสดงออกว่ากังวลอย่างชัดเจน"ข้าให้บ่าวไปแจ้งท่านแม่แล้ว เจ้านอนต่อเสียหน่อย" เขาซุกหน้าลงกับซอกคอของนางเพื่อสูดดมกลิ่นกายของนาง"จริงรึ แต่..." ก่อนที่นางจะกล่าวจบ จ้าวตงหยางก็ประกบริมฝีปากลงเพื่อจุมพิตนางเสียก่อนแล้วกว่าเขาจะยอมปล่อยนางให้เป็นอิสระ ความต้องการของเขาก็พุ่งขึ้นมาเสียแล้ว จินเยว่ที่ยังไม่หายเพลียจากเมื่อคืนก็ดิ้นประท้วงอย่างไม่ยินยอม มีหรือที่เรื่องเพียงเท่านี้จ้าวตงหยางจะยอมอ่อนข้อให้นางกว่าทั้งคู่จะออกจากห้องไปยกน้ำชาคารวะฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวก็เลยมื้อกลางวันไปเสียแล้ว นางมิได้ตำหนิลูกสะใภ้ออกจะเข้าใจเสียด้วยซ้ำ อีกอย่างก็ไม่มีใครมาแย่งหลานทั้งสองกับนางด้วยจินเยว่ก

    Last Updated : 2025-02-19
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 36

    รุ่งเช้าจ้าวตงหยางก็เดินทางไปที่คุกเพื่อพบเว่ยซืออิง"พี่หยางข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ" เว่ยซืออิงคลานมาจับลูกกรงห้องขังไว้ เพราะไม่ได้อาบน้ำเสียหลายวัน เนื้อตัวของนางจึงมีสภาพไม่ต่างจากขอทานข้างถนนที่นางเคยรังเกียจ"เว่ยซืออิง นับจากนี้เจ้าจงไปใช้ชีวิตที่อารามชีเป็นเวลาสามปี หากยังสำนึกไม่ได้ก็จงอยู่ต่อไปชั่วชีวิต" จ้าวตงหยางมองสภาพของนางก่อนจะเอ่ยพูด เขามิสงสารนางแม้แต่น้อย หากนางไม่อาฆาตจินเยว่หลายครั้งเขาคงไม่ทำกับนางเช่นนี้เว่ยซืออิงแม้จะตกใจจนน้ำตาไหลไม่หยุด แต่นางก็ยินยอมที่จะไปอยู่อารามชีแต่โดยดี เพียงสามปีเท่านั้นไม่นับว่ายาวนานเท่าใด ดีกว่าอยู่ที่นี่ หากนางยังอยู่ต่ออีกเพียงสองสามวันนางคงได้เสียสติไปเสียก่อนถึงแม้จ้าวตงหยางจะส่งคนไปคอยจับตาดูเว่ยซืออิง แต่เขาก็ไม่ยอมให้ใครได้รังแกนาง อาหารการกินก็ให้จัดเช่นชีคนอื่น ถึงนางไม่ต้องโกนผมแต่ก็ต้องปฏิบัติเช่นทุกคนในอารามจินเยว่ก็หวังเช่นเดียวกับจ้าวตงหยาง นางขอให้เว่ยซืออิงสำนึกได้ในเร็ววันแล้วออกมาใช้ชีวิตเพื่อตัวนางเองอย่างมีความสุข ตามความคิดของจินเยว่ถึงแม้จะหย่าเป็นม่าย แต่สตรีก็สามารถยืนได้ด้วยขาของตนเองไม่ต้องพ

    Last Updated : 2025-02-19
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 37

    จ้าวตงหยางเมื่อถึงโยวเป่ยก็จัดการเรื่องภายในค่ายทหารเสียใหม่ หลิวเหล่ยก็เริ่มส่งมอบหมายงานของตนให้คนของเขา เพราะเขาต้องเข้ารับตำแหน่งในเมืองหลวงเช่นเดียวกับจ้าวตงหยางงานทหารชายแดนนั้นมีมากมายหลายสิ่งที่ต้องจัดการ เพราะกำแพงแคว้นเช่นจ้าวตงหยางเหมือนเป็นเกราะกำบังด้านแรกให้คนต่างแคว้นและชาวชนเผ่าหวาดกลัวชื่อเสียงมิกล้าท้ารบ หากเขาไปอยู่ที่อื่นย่อมมีคนอยากจะยึดครองโยวเป่ยที่อุดมสมบูรณ์กว่าพื้นที่ของชนเผ่าต่างๆทางด้านจินเยว่ก็ให้พ่อบ้านเสวี่ยจัดการเรื่องร้านค้าโดยวางกำลังคนเสียใหม่ เพราะคนส่วนหนึ่งจะต้องติดตามนางไปยังเมืองหลวง แม่นมเสวี่ยก็จัดเตรียมข้าวของที่จำเป็นต้องนำไปด้วย เมื่อถึงเวลาที่พระราชโองการเรียกตัวมาถึงโยวเป่ยจะได้ไม่ฉุกละหุกเกินไปเพราะกลัวบุตรเขยจะยังจัดการเรื่องทางโยวเป่ยไม่เรียบร้อยจนเกิดเป็นข้อผิดพลาดให้คนกล่าวโทษได้ในภายหลัง เสวี่ยป๋อเหวินจึงทูลขอความเมตตาจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ยืดเวลาเดินทางเข้าเมืองหลวงของจ้าวตงหยางออกไปก่อนเวลาล่วงผ่านมาสองปี จ้าวตงหยางก็นำกองทัพตระกูลจ้าว รวมทั้งกองทัพพยัคฆ์ดำเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมครอบครัวอย่างยิ่งใหญ่ จำนวนคนที่มากมายหลายพันค

    Last Updated : 2025-02-20
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 38

    ยังมีเรื่องในทำนองเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จ้าวตงหยางล้วนจัดการจนบรรดาคุณหนูหรือขุนนางที่คิดจะแต่งเข้าตระกูลจ้าวต่างถอยหนีอย่างหวาดกลัว เมื่อได้ยินแคว้นเหยี่ยนเอ่ยปากขอเช่นนั้น พวกเขาจึงได้เสียวสันหลังแทนแคว้นเหยี่ยน"เจิ้นคงจะทำตามพระประสงค์ขององค์หญิงเหยี่ยนมิได้" ฮ่องเต้กล่าวขึ้นเมื่อคณะทูตแคว้นเหยี่ยนร้องขอ"หม่อมฉันขอถามเหตุผลได้หรือไม่เพคะ" องค์หญิงเหยี่ยนทูลถามขึ้น"แม่ทัพใหญ่จ้าวมีราชโองการมิอาจรับอนุได้อีกจากเจิ้น""หม่อมฉันมิได้อยากจะเป็นอนุของแม่ทัพจ้าวเพคะ หม่อมฉันจะแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินเอกของแม่ทัพจ้าว ส่วนฮูหยินเสวี่ยก็เพียงลดขั้นลงไปฮูหยินรองแทน" เมื่อสิ้นคำขององค์หญิงเหยี่ยนเสียงฮือฮาในงานเลี้ยงก็ดังขึ้นจ้าวตงหยางกับเสวี่ยจินเยว่สีหน้าไม่เปลี่ยน แต่จ้าวตงหยางจับมือจินเยว่ใต้โต๊ะแน่น เพื่อให้นางมั่นใจว่าตนมิได้คิดจะทำเช่นนั้น (ร้อนตัวหรือพ่อ)"แคว้นเหยี่ยนน่าเลื่อมใสนัก ที่มีองค์หญิงเช่นท่าน แต่เท่าที่กระหม่อมรู้มาแคว้นเหยี่ยนกำลังขาดแคลนเสบียงอาหารอย่างหนัก หากองค์หญิงยังยืนยันต้องแต่งกับกระหม่อม" จ้าวตงหยางหยุดพูดทำให้ทูตแคว้นเหยี่ยนใจกระตุก เพราะนึกไม่ถึงว่าเรื่องภายในแค

    Last Updated : 2025-02-20
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 39

    จางหมิ่นกับจางหย่งที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอกก็รีบวิ่งมาเรือนของมารดาอย่างรวดเร็วจนบ่าวติดตามวิ่งตามไม่ทัน"ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านตาบอกท่านแม่ไม่สบายท่านเป็นอันใดขอรับ" จางหมิ่นที่มิเคยวิ่งหรือโวยวายเลยสักครั้ง รีบพุ่งเข้ามาถามมารดาถึงในห้องอย่างเสียมารยาทก่อนจะถึงตัวของจินเยว่ จ้าวตงหยางรั้งคอเสื้อของบุตรชายทั้งสองขึ้นจนตัวลอยจากพื้นเพื่อไม่ให้ทั้งคู่วิ่งชนนาง"แม่มิได้เป็นอันใด" จินเยว่แย่งตัวบุตรชายทั้งคู่มาจากจ้าวตงหยาง"แม่ของเจ้ากำลังจะมีน้องให้พวกเจ้า ต่อไปพวกเจ้าจะวิ่งมากอดมารดาเช่นนี้มิได้แล้ว" จ้าวตงหยางเอ่ยเตือนบุตรชายทั้งสองหลังจากเรื่องจินเยว่ตั้งครรภ์ถูกพูดออกไปภายนอกจวน คุณหนูต่างๆยังแอบมีหวังว่าตนอาจจะได้เข้ามาเป็นฮูหยินรองตระกูลจ้างเพราะจินเยว่มิอาจปรนนิบัติจ้าวตงหยางได้ในช่วงนี้ แต่พวกนางคิดผิดเสียแล้ว งานไว้ทุกข์ฮ่องเต้พระองค์เก่า จ้าวตงหยางยังข่มใจไว้ได้เสียหลายเดือน เสวี่ยป๋อเหวินจัดตั้งธนาคารเช่นที่จินเยว่เคยบอกกับเขา เพียงแต่เขาปรับรูปแบบนำมาใช้กับโรงรับฝากเงินของแคว้นในตอนนี้ โดยคนที่นำเงินมาฝากระยะยาวจะมีดอกเบี้ยตอบแทน ส่วนชาวบ้านที่มีที่ดินทำกินหรือร้านค้าสามาร

    Last Updated : 2025-02-21
  • จองจำรักร้าย   บทที่ 40

    จ้าวจางหมิ่น กับจ้าวจางหย่ง ที่ถูกสาวใช้วิ่งอย่างร้อนใจไปตามก็รีบมาทันที จึงได้เห็นเหตุการณ์ที่น้องสาวของตนถูกองค์ชายสามกลั่นแกล้งอยู่"องค์ชายสามบุรุษมิสมควรรังแกสตรีเช่นที่ท่านกระทำอยู่" จางหมิ่นยืนบังหลิงอวี้และลี่หลินไว้ เอ่ยต่อว่าองค์ชายสามขึ้นจางหย่งถลึงตามองอย่างโกรธแค้น ก่อนจะรีบช่วยน้องสาวเช็ดหน้าตา ลี่หลินช่วยหลิงอวี้ปิดผ้าคลุมที่หน้า ก่อนทั้งสี่จะเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยงโดยมิสนใจกลุ่มคนด้านหลังอีกองค์ชายสามฉีเฟยหลาง ยืนจ้องมองแผ่นหลังของคนทั้งสี่อย่างเหม่อลอย เขาจับหน้าอกที่ตอนนี้เหมือนมีกวางน้อยวิ่งตะบึงกันอยู่ด้านใน"ข้าป่วยใกล้ตายแล้วหรือ" เพราะหัวใจของเขาเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วัยสิบสี่หนาว เขาเพิ่งเคยเกิดอาการเช่นนี้เป็นครั้งแรก"หรือนางวางยาพิษข้า" เขาเรียกขันทีคนสนิทมาใกล้ๆเพื่อตรวจดูความผิดปกติของร่างกาย"องค์ชาย ท่านมิได้ถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ พระองค์คงหลงรักคุณหนูจ้าวเข้าเสียแล้ว" ประโยคหลังขันทีกระซิบข้างหูของฉีเฟยหลาง"ฝูกงกง จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเพิ่งพบนางเป็นคราแรก" เขาแย้งขึ้นอย่างไม่ยินยอม จางหมิ่นพาน้องสาวกลับเข้ามาในงานเลี้ยงก็มิได้เล่าเรื่อง

    Last Updated : 2025-02-21

Latest chapter

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 49 (ตอนจบ)

    จ้าวตงหยางยังอยากจะเก็บหลิงอวี้ไว้ออกเรือนตอนอายุยี่สิบกว่าด้วยซ้ำ หากยินเยว่ไม่เอ่ยท้วงเสียก่อน"ท่านแม่ทัพ มีราชโองการมาขอรับ" พ่อบ้านจ้าววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตาม ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลและแต่งตั้งจางหมิ่นกับจางหย่งเรียบร้อยแล้ว ยังจะมีราชโองการใดได้อีกทั้งคู่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากเรือนก็พบว่าทุกคนยืนรออยู่หน้าจวนอย่างพร้อมเพรียงแล้ว"ฮ่องแต่มีพระราชโองการ มอบสมรสพระราชทานให้คุณหนูจ้าวหลิงอวี้กับองค์ชายสามฉีเฟยหลาง..." ขันทีประกาศเช่นใดจ้าวตงหยางมิได้ยินอีกแล้ว หูของเขาแทบจะดับไปทันที หากมิใช่มีจินเยว่ประคองไว้เขาคงล้มไปนั่งกองกับพื้นแล้วเมื่อส่งขันทีข้างกายฮ่องเต้กลับไปแล้ว จินเยว่ก็หัวเราะกับท่าทีเหม่อลอยของจ้าวตงหยางขึ้นมา "ท่านมิได้รู้อยู่แล้วหรือ ท่านพี่"จ้าวตงหยางหันไปถลึงตาใส่เมียรักอย่างเห็นได้น้อย รู้อยู่แล้วแต่ทำใจไม่ได้ไงตระกูลจ้าวในเวลานี้บ่าวไพร่แม้แต่นายของจวนต่างก็วุ่นวายจัดเตรียมข้าวของ เสวี่ยป๋อเหวินกับเกาซื่อก็มาอยู่ช่วยดูแลงาน ยังขนเงินทองของมีค่ามาหลายหีบเพื่อเติมสินเดิมให้เจ้าสาว"ท่านพ่อ สินเดิมของอวี้เออร์ไม่เยอ

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 48

    แม่ทัพแคว้นเหยี่ยนส่งคณะทูตมาเจรจากับจ้าวตงหยางถึงค่ายทหาร โดยการยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของแคว้นเหยี่ยนต้องยอมเสียเมืองที่คิดกับแคว้นฉีถึงสามเมือง และจะส่งเครื่องบรรณาการเพิ่มจากเดิมอีกสองส่วนเมื่อทุกฝ่ายหารือร่วมกันเห็นพร่องว่ายินยอมที่จะรับข้อเสนอเช่นนี้ได้ ก็ตกลงทำสัญญาพร้อมถอนทัพกลับทันที ฉีเฟยหลางยังต้องรั้งรอคนที่ราชสำนักส่งมาจัดการหัวเมืองที่ยึดมาได้ก่อน จ้าวตงหยางที่นำทัพกลับเมืองหลวงจึงให้ จางหมิ่นและจางหย่งอยู่ช่วยดูแลอีกแรง การรบกับแคว้นเหยี่ยนครั้งนี้พวกเขาใช้เวลาเดินทางมากกว่าการรบเสียอีก เสียเวลาเดินทางมาสามเดือน เตรียมการรบจนชนะเพียงสองเดือนเท่านั้นตอนนี้จ้าวตงหยางแทบอยากจะมีปีกรีบกลับเมืองหลวงโดยเร็วเพราะกำหนดคลอดของจินเยว่ใกล้เข้ามาแล้ว หากเข้าเร่งรีบนำทัพกลับคงใช้เวลาอย่างน้อยก็สองเดือนเป็นช่วงคลอดของจินเยว่พอดีฉีเฟยหลางยังคงส่งจดหมายหาหลิงอวี้ทุกครั้งที่เขามีเวลา(ก็เขียนทุกวันก่อนนอน) แม้นางจะเขียนตอบมาน้อยครั้งนัก แต่ทุกครั้งก็จะบอกให้เขาดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้บาดเจ็บ เสื้อคลุมที่สวมอยู่ก็เป็นนางที่ส่งมาให้เมื่อคิดจะฝากจดหมายไปและของที่ซื้อไว้ให้นางไปกับว่าท

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 47

    กองทัพแคว้นฉีถึงโยวเป่ยสามเดือนให้หลัง ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ห่างจากเมืองเป่ยซานเพียงสองร้อยลี้ จ้าวตงหยางจึงจำต้องอพยพชาวเมืองโยวเป่ยและเมืองใกล้เคียงให้ห่างออกไปจากแนวการรบอย่างน้อยห้าร้อยลี้ จินเยว่ยังมีส่วนช่วยเรื่องเสบียงของชาวบ้านที่อพยพมา เพราะคนของนางที่โยวเป่ยจำต้องอพยพไปพร้อมกับชาวบ้าน เสบียงที่พวกเขาขนไปด้วยจึงนับว่าช่วยชีวิตคนได้มาก ชาวบ้านจึงมิต้องอดอยากหรือป่วยไข้ตายลงค่ายผู้อพยพก็เป็นจางหย่งที่ได้รับมอบหมายจากบิดาให้เร่งสร้างและจัดหาสิ่งของที่ขาดแคลนให้ชาวบ้านได้ใช้ไปก่อน ถึงคลังหลวงจะมีเงินมากก็มิอาจจะยกทั้งหมดมาใช้กับสงครามได้ เป็นเพราะจินเยว่ที่ได้สามีเป็นแม่ทัพนางจึงนำที่ดิน ที่ฮ่องเต้พระราชทานเป็นรางวัลทั้งหมดมิยอมปล่อยเช่าเช่นขุนนางคนอื่น แต่นางจ้างให้ชาวบ้านปลูกข้าว มันสำปะหลัง พืชผักที่เก็บไว้ได้นาน เลี้ยงดูทหารของตระกูลจ้าว ขึงทำให้มีเสบียงมากพอที่ใช้ในการสู้รบครั้งนี้แม้แต่อาหารพื้นบ้านธรรมดาอย่างเช่นรากบัวก็นำมาปรุงอาหารได้ ถั่วเขียวแช่น้ำ แล้ววางลงในไหหรือตะกร้า เอาผ้าคลุมที่ละชั้นเก็บไว้ในที่มืดคอยรดน้ำสามวันก็เป็นผัก นำมาผัดน้ำมันก็ทานได้แล้ว สิ่งที่นางรู้น

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 46

    "อวี้เออร์ โกรธข้าหรือ" เขาจ้องหน้าของนางก่อนจะอดใจไม่ไหวก้มลงจุมพิตนางทันที "ท่าน อื้ออออ" หลิงอวี้ที่อ้าปากจะร้องห้ามก็เป็นการเปิดทางให้ฉีเฟยหลางแทรกเรียวลิ้นของเขาเข้ามาได้ กว่าเขาจะยอมถอนริมฝีปากออกจากปากนางก็เมื่อคนขับรถม้าเอ่ยว่าถึงจวนท่านแม่ทัพแล้วฉีเฟยหลางลูบริมฝีปากของหลิงอวี้อย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะช่วยนางจัดเสื้อผ้าแล้วพานางไปส่งด้านในจวน เมื่อส่งหลิงอวี้ถึงมือมารดาของนางแล้วเขาก็กลับเข้าวังหลวงพร้อมจางหย่งอีกครั้งจินเยว่ที่เห็นดวงตาของบุตรสาวปูดบวมและมีองค์ชายสามมาส่งก็ตกใจ เมื่อสอบถามจนได้ความนางก็แทบจะเป็นลมหมดสติ มิคิดว่าให้บุตรสาวไปร่วมงานเลี้ยงจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นถึงเพียงนี้"ไม่เป็นไรลูกรัก ทุกปัญหามีท่านตากับท่านพ่อของเจ้าคอยค้ำไว้ให้" จินเยว่กอดปลอบบุตรสาวที่สะอื้นจนตัวโยนในอ้อมกอดของนาง ลี่หลินก็หลั่งน้ำตาสงสารน้องน้อยของตนเช่นกันที่เขาเรียกว่าความงามทำให้เกิดหายนะก็เพิ่งพบเห็นจากเรื่องของจ้าวหลิงอวี้นี่เอง เรื่องภายในวังถูกร่ำลือออกไปภายนอก ย่อมมีคนเห็นด้วยและเห็นต่าง แต่ส่วนมากจะโกรธแค้นแคว้นเหยี่ยนที่หาเหตุผลมาทำสงครามมิได้ต้องดึงแม่นางน้อยคนหนึ่งมาทำร้าย

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 45

    ขุนนางทั้งหลายที่ล่วงรู้ก็นึกถึงเรื่องของหนเก่าครั้งของแม่ทัพจ้าว แคว้นเหยี่ยนมิเคยจดจำเสียเลยจ้าวตงหยางเพียงยกสุราขึ้นร่วมชมความสนุกเท่านั้น เพราะครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับตน (เกี่ยวเต็มๆ พ่อรอดู)จางหมิ่นกับจางหย่งก็เหลือบมองหน้าน้องสาวของตนก่อนจะถอนหายใจ เพราะน้องสาวของตนก็สนใจเพียงดื่มกินอาหารตรงหน้าเท่านั้น คงมีเพียงมือที่สั่นอย่างระงับไว้ไม่อยู่"องค์หญิงแคว้นเหยี่ยนเสียมารยาทแล้ว ท่านมีสิทธิ์อันใดมาสอบถามชื่อของนาง" องค์ชายสามกล่าวตำหนิอย่างไม่ไหวหน้า"เช่นนั้นเปิ่นหวางองค์รัชทายาทแคว้นเหยี่ยนก็สามารถขอพระราชทานสมรสครั้งนี้แทนได้ใช่หรือไม่" องค์รัชทายาทแคว้นเหยี่ยนลุกขึ้นพูด"องค์รัชทายาทแคว้นเหยี่ยน เจ้าหมายตาบุตรสาวขุนนางของเจิ้นคนใดหรือ หากบิดามารดาของนางยินยอมเจิ้นก็มิขัดข้อง" ฮ่องเต้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียด"จ้าวหลิงอวี้ บุตรสาวแม่ทัพใหญ่จ้าว เปิ่นหวางอยากจะแต่งนางเป็นพระชายา มิรู้ว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมหรือไม่" ขุนนางทั้งหลายต่างสูดหายใจเข้าอย่างลืมตัว จ้าวตงหยางที่ยกจอกสุราจรดริมฝีปากเพื่อดื่มก็เผลอบีบแก้วจนแตกคามือ องค์ชายสามก็เช่นกัน สองบุรุษต่างวัยต่างมีสีหน้าดำคล

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 44

    หลิงอวี้เห็นเช่นนั้นก็สั่งให้คนของนางขับรถกลับจวน ชายชุดดำที่เพิ่งลงไปตอนนี้แอบมองรถม้าของนางอยู่ด้านนอก"องค์ชายจับตัวได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" ฉีเฟยหลางหันไปมององครักษ์ที่เข้ามารายงานก็พยักหน้าแล้วขึ้นม้าควบตามไปเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นรถม้าของหลิงอวี้ เพียงอยากเห็นหน้านางเท่านั้นไม่คิดว่าจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด สามเดือนมานี้เขาฝึกฝนตนเองอย่างหนัก ทั้งรับงานจากเสด็จพ่อมาทำหวังจะทำให้ลืมนางได้ แต่ไม่เลยเขายังคิดถึงเพียงแต่นางวันนี้ฉีเฟยหลางพบสายลับต่างแคว้นที่ลักลอบปะปนเข้ามากับคณะทูตจึงออกมาจับกุมตัว จนได้พบกับรถม้าของตระกูลจ้าว เมื่อเห็นว่าเพิ่งออกมาจากตรอกจวนตระกูลเสวี่ยเขาจึงแน่ใจว่าเป็นนาง จึงรีบจัดการให้คนของตนจับคนร้ายแล้วเขาก็ขึ้นมาในรถม้าของนางแต่ฉีเฟยหลางคิดไม่ถึงว่าหลิงอวี้จะถือมีดสั้นเตรียมต่อสู้กับตนอยู่ แล้วกลัวจะทำให้นางบาดเจ็บจึงได้แย่งมีดไว้ แต่สุดท้ายนางก็ได้รับบาดเจ็บจากเขาอยู่ดีหลิงอวี้กลับถึงจวนก็รีบเข้าเรือนตัวเองทันที แล้วให้สาวใช้หายามาทาให้นาง เรื่องที่เกิดขึ้นก็ให้เก็บเงียบไว้อย่าเพิ่งบอกท่านพ่อท่านแม่แต่หลิงอวี้ยังมิได้ออกไปให้จ้าวตงหยางกับจินเยว่ไ

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 43

    ฉีเฟยหลางนั่งรอคำตอบของหมอหลวงแทบไม่ติด เขาอยากจะไปดูอาการของนางให้เห็นกับตาแต่ก็ติดที่จางหมิ่นนั่งเฝ้าเป็นพระพุทธรูปอยู่ "องค์ชายสาม คุณหนูจ้าวมีไข้สูง ตัวร้อนดั่งไฟ แต่..." หมอหลวงยังพูดไม่จบ ฉีเฟยหลางก็ลุกขึ้นพุ่งตัวออกไปที่เรือนของหลิงอวี้แล้วจางหมิ่นก็รั้งตัวเขาไว้ไม่ทัน จางหย่งที่เพิ่งเดินสวนออกมาก็ต้องรีบตามกลับไปที่เรือนของน้องสาวตนทันที"อวี้เออร์ เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง" เสียงขององค์ชายสามมาก่อนที่ตัวจะมาถึง หลิงอวี้ที่กำลังหยิบขนมขึ้นมากินก็แทบจะกลืนทันทีฉีเฟยหลางมองดูสภาพคนตรงหน้าที่บอกว่าป่วยหนักแต่ลุกขึ้นมานั่งกินขนมอยู่ก็ใจกระตุก"อวี้เออร์ เจ้าทำเช่นนี้เพราะไม่อยากแต่งกับเปิ่นหวางใช่หรือไม่" เขารู้ว่านางแกล้งป่วยเพราะหลิงอวี้เช็ดปากแล้วแป้งที่มารดานางทาไว้หลุดออก จากปากที่ขาวซีดก็เผยให้เห็นปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อขึ้นแววตาที่เจ็บปวดของเขาจ้องมองมาที่ใบหน้างามของนาง นางรู้ดีว่าเขาคิดเช่นใด ก่อนหน้างานเลี้ยงฉีเฟยหลางก็บอกประสงค์ของตนที่จะเลือกนางเป็นพระชายาไว้แล้ว พอนางทำเช่นนี้จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร"องค์ชายสาม หม่อมฉันขอพูดตามตรง หม่อมฉันมิอาจแต่งเข้าราชวงศ์ฉีได้ เพรา

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 42

    "ประเดี๋ยว เปิ่นหวางกำลังจะกลับเช่นกัน เช่นนั้นไปพร้อมพวกเจ้าแล้วกัน" องค์ชายสามไม่ได้รอให้จางหย่งรับปากก็เดินนำหน้าไปที่ม้าของตนแล้ว"คุณหนูจ้าว เปิ่นหวางยังมิเคยขอโทษเจ้าเลยสักครั้ง" องค์ชายสามหาเรื่องคุยกับหลิงอวี้"หามิได้เพคะ หลิงอวี้จะกล้ารับคำขอโทษจากองค์ชายได้อย่างไร" นางก้มศีรษะลงแล้วก้าวเท้าขึ้นรถม้าไปองค์ชายสามมองหลิงอวี้ขึ้นรถม้าเสร็จก็กระโดดขึ้นหลังม้าขี่ประกบรถม้าคนละข้างกับจางหย่ง เสียงพูดคุยหัวเราะของดรุณีทั้งสองในรถม้า พาให้คนด้านนอกฟังจนเคลิบเคลิ้ม มารู้ตัวอีกทีก็ถึงจวนแม่ทัพเสียแล้ว"เปิ่นหวางขอตัวก่อน" องค์ชายสามกล่าวกับทั้งสามคนก่อนจะควบม้าไปทางวังหลวงนับตั้งแต่ครั้งนั้นเมื่อหลิงอวี้ไปค่ายทหารทุกครั้งจะบังเอิญพบองค์ชายสามไปเสียทุกครั้ง จ้าวตงหยางก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่องค์ชายสามมิได้แสดงท่าทีเกินเลยกับบุตรสาวจึงมิอาจว่ากล่าวสิ่งใดได้แต่จะให้หลิงอวี้เรียนกับอาจารย์อยู่แต่ภายในจวนเท่านั้นเขาก็สงสารนางเพราะงานเลี้ยงน้ำชาก็แทบจะไม่ได้ไป จะกักขังมากไปก็ดูจะไม่ดี จึงมิได้พูดสิ่งใดที่ไม่ได้พูดเพราะพูดไปแล้วจินเยว่ก็อดที่จะตำหนิเขาไม่ได้ บุตรสาววัยเพียงสิบเอ็ดหนาวก็แท

  • จองจำรักร้าย   บทที่ 41

    องค์ชายสามมิคิดว่าเพียงกลั่นแกล้งหลิงอวี้เล็กน้อยเท่านั้นตนกับสหายถึงพบกับเรื่องเช่นนี้ในเมื่อฮ่องเต้ยังส่งองค์ชายสามไปให้จ้าวตงหยางสั่งสอนด้วยตนเอง พวกเขาจะมิยินยอมส่งตัวบุตรหลานไปได้หรือ เหตุการณ์วุ่นวายจึงจบลงเพียงเท่านั้นพอถึงจวนของตนต่างก็จัดเตรียมของกำนัลมากมายส่งไปจวนแม่ทัพเพื่อให้จ้าวตงหยางคลายโทสะ หวังให้สั่งสอนบุตรหลานของตนเบาลงจางหมิ่นกับจางหย่งจากที่วางแผนจะจัดการองค์ชายสามกับสหายก็เปลี่ยนความคิด พรุ่งนี้พวกเขาจะติดตามบิดาไปค่ายนอกเมืองเพื่อร่วมชมความครึกครื้นด้วย"ท่านพ่อ ท่านทำเกินไปหรือไม่เจ้าคะ" หลิงอวี้เมื่อขึ้นนั่งรถม้ากับบิดามารดาก็เอ่ยปากขึ้นครั้งแรก"อวี้เออร์ เจ้าเป็นเสมือนไข่มุกในฝ่ามือพ่อ เรื่องของเจ้าพ่อย่อมจัดการอย่างเหมาะสม เจ้าอย่าได้คิดมากหรือใจอ่อนกับคนพวกนั้นเด็ดขาด มิฉะนั้นเมื่อมีครั้งแรกย่อมมีครั้งต่อไปที่พวกเขาจะรังแกเจ้า" จ้าวตงหยางลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่เขาถนอมนางมาอย่างดีถึงสิบปี คนพวกนั้นจะรังแกก็รังแกง่ายๆเช่นนี้ หากเขาปล่อยผ่านไปก็นับว่าผิดต่อเวลาสิบปีที่ถนอมนางแล้วจินเยว่ดึงบุตรสาวเข้ามากอด ที่นางมิเอ่ยห้ามสามีเพราะนางรู้ดีว่าหากถูกรังแก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status