อวิ๋นซูเลิกคิ้วและยิ้ม “ไม่ใช่ว่าหมอเย่กับเยียนสือเพิ่งรู้จักกันหรอกเหรอคะ? ”เย่ชางแหยน “......”เฮ่อเยียนสือ “......”หลังจากนั้นไม่นาน เย่ชางแหยนถึงได้รีบหาคำตอบแล้วพูดออกมา “ผมหมายถึง......สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว การให้บ้านแก่ผู้หญิงค่อนข้างที่จะมีความหมายพิเศษน่ะครับ...... ”“หุบปาก! ” เฮ่อเยียนสือเตือนด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ชางแหยนหุบปากด้วยความโกรธ“ไม่ต้องสนใจเขา นิสัยส่วนตัวของเขาแค่ชอบพูดเรื่องไร้สาระไปเรื่อยก็เท่านั้น”อวิ๋นซูส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ หมอเย่เป็นคนช่างพูด แต่ดูจากที่พวกคุณเข้ากันได้ดีแบบนี้ เลยรู้สึกว่าพวกคุณไม่ใช่แค่เพิ่งรู้จักกัน แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกคุณเคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก”เย่ชางแหยนตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซูที่ดูไร้เดียงสาจะเฉียบแหลมขนาดนี้ตลอดระยะทางที่เหลือ เย่ชางแหยนก็ไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกโชคดีที่มาถึงที่หมายโดยเร็วทั้งสามลงจากรถ นายหน้าก็รออยู่แล้วเมื่อเห็นลูกค้า นายหน้าก็เดินเข้ามาอย่างกระตือรือร้น “ทั้งสามท่าน เชิญตามผมมาทางนี้ครับ”พวกเขาทั้งสามเดินตามนายหน้าที่เข้าไปในวิลล่านี่คือวิลล่าสามชั้น และวิลล่านี้มีขนาด
เธอผลักเฮ่อเยียนสือออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันหลังให้เขา “อย่าดีกับฉันมากนักสิคะ”เธอคงจะ......อดไม่ได้ที่จะคิดเกินเลย และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผูกพันกับโลกที่หนาวเย็นนี้เฮ่อเยียนสือหรี่ตาลงแล้วดึงไหล่ของอวิ๋นซู “วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? คุณได้รับความไม่เป็นธรรมจากข้างนอกมาอย่างงั้นเหรอ? ”วันนี้อวิ๋นซูแตกต่างไปจากเดิมมากอวิ๋นซูเอียงศีรษะ พยายามกลั้นน้ำตาที่ไหลให้กลับคืนที่ และกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น“สุดท้ายพวกเราก็จะต้องหย่าร้างกัน และฉันก็ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องลำบากขึ้นตอนหย่า”เมื่อเธอประกาศแต่งงานกับเฮ่อหย่วนเจ๋อ มันก็จะเป็นวันที่เธอหย่ากับเฮ่เยียนสือด้วยเมื่อถึงเวลานั้น เฮ่อเยียนสือก็จะสามารถตามหาเจ้าของลิปสติกได้ และเธอก็สามารถจากโลกนี้ไปได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆในโลกใบนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องการเธอเฮ่อเยียนสือขมวดคิ้วอย่างดุเดือด สัมผัสได้ถึงการถอนหายใจอย่างหนักในอกของเขาเขาจ้องมองที่อวิ๋นซูอย่างใกล้ชิด ราวกับว่าเขาต้องการเจาะลึกเข้าไปในความคิดของเธอเย่ชางแหยนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนั้น จึงเดินเข้ามา “คุณสองคนมาทำอะไรกันตรงนี้...... ”ก่อนที่เขาจะพู
หลังจากผ่านวันสุดท้ายไปหลินเหมียวเหมียวก็ตระหนักดีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอวิ๋นซู เธอจับมืออวิ๋นซูแล้วพูดว่า “แน่นอน ไม่มีปัญหา เธอสามารถอยู่ได้นานเท่าที่เธอต้องการเลย เราไปกันเถอะ”ทั้งสองขึ้นรถหลินเหมียวเหมียวขับรถช้า ๆ มองย้อนกลับไปที่อวิ๋นซูเป็นครั้งคราวอวิ๋นซูจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเธอว่างเปล่าราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่แตกหักหลินเหมียวเหมียวรู้สึกเป็นทุกข์อย่างอธิบายไม่ถูก“ที่รัก พ่อของเธอรีบร้อนเรียกให้เธอไปหาแบบนั้น สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”อวิ๋นซูหันกลับมาและยิ้มเบา ๆ “เขาต้องการให้ฉันแต่งงานกับเฮ่อหย่วนเจ๋อ”หลินเหมียวเหมียวพูดไม่ออก “ทำไมต้องให้เธอไปแต่งงานกับคนเจ้าชู้แบบนั้นด้วย? ”“เพราะพวกเขาต้องการพึ่งพาตระกูลเหอเพื่อนำตระกูลอวิ๋นกลับสู่จุดสูงสุดน่ะสิ” อวิ๋นซูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่นหลินเหมียวเหมียวรู้สึกปวดใจที่เธอเป็นแบบนี้ “เธอคงไม่เห็นด้วยหรอกใช่ไหม? ”“ฉันตกลงไปแล้ว”จู่ ๆ หลินเหมียวเหมียวก็หยุดรถ “ที่รัก เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ”อวิ๋นซูยิ้ม “แล้วฉันต้องทำยังไงถ้าไม่ให้ฉันเห็นด้วย? ทนดูพวกเขาดื่มยาฆ่าแมลงต่อหน้าฉ
ภายใต้สายตาที่คาดหวังของทุกคน เมิ่งเหยาก็ก้าวลงจากรถด้วยรองเท้าส้นสูงเธอสวมชุดกี่เพ้าสีดำ ชุดกี่เพ้าที่ตัดเย็บอย่างดีทำให้รูปร่างโค้งมนของเธอดูสมบูรณ์แบบ ขณะที่เธอเดิน ก็ทำให้ช่วงหาของเธอก็ปรากฏเป็นรอยแหวกด้านข้าง ดูสมศักดิ์ศรีและสง่างามมากบางคนอดไม่ได้ที่จะกระซิบ “คุณพระ เธอยังเป็นหญิงสาวที่ร่ำรวยคนเดิมในความทรงจำของฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย? ”“ชุดของเมิ่งเหยาโดดเด่นมาก และเธอก็มีรูปร่างที่ดีมากจริง ๆ! ”“สไตล์เสื้อผ้าของเธอดีขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ”“......”เมิ่งเหยาเม้มริมฝีปากของเธอด้วยความพึงพอใจหลังจากได้ยินการสนทนาเหล่านี้นี่คือปฏิกิริยาที่เธอต้องการในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอฝึกมารยาทที่บ้านทุกวัน เลือกเสื้อผ้าและการแต่งหน้าสำหรับงานวันเกิด เพียงเพื่อต้องการประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอมีศักดิ์ศรีและสง่างามมากกว่าอวิ๋นซู!เธอหยิบปากกาขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ และกำลังจะลงนามในสมุดลายเซ็นต์ ทันใดนั้นก็มีเสียงหอบหายใจอย่างท่วมท้นอยู่ข้างหลังเธอเธอขมวดคิ้วและหันกลับมา เธอตกใจอย่างรุนแรงในรถธรรมดา ๆ ที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังลงมาผู้หญิงสวมชุดเดรสยา
อวิ๋นซูเพิกเฉยต่อการจ้องมองของเฮ่อหย่วนเจ๋อและยิ้มเล็กน้อย “นายน้อยเหอนี่ความทรงจำไม่ดีจริง ๆ นะคะ ปีที่แล้ว คุณปู่ก็มักจะจัดที่นั่งไว้ให้ฉันที่โต๊ะหลักอยู่แล้วหนิคะ”แค่คำว่านายน้อยเหอคำเดียว ก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองห่างเหินกันมากเฮ่อหยวนเจ๋อขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบชื่อที่อวิ๋นซูเรียกเมื่อกี้เลย เมื่อกร่อนเขาจำได้ว่าเธอเคยเรียกเขาว่าหย่วนเจ๋ออวิ๋นซือฉินไอสองครั้งเพื่อดึงดูดความสนใจของเฮ่อหย่วนเจ๋อทันที “คุณเป็นอะไรไหม คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ให้ผมพาคุณกลับไปก่อนเถอะ? ”อวิ๋นซือฉินส่ายหัวด้วยความยากลำบาก เธอมีแววตาที่แคบลง มองไปทางอวิ๋นซูอย่างเปิดเผย เฮ่อหย่วนเจ๋อกังวลเกี่ยวกับเธอมากอวิ๋นซูหลุดพ้นจากกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอมานานแล้ว ขณะที่กำลังจะจากไป ก็ได้ยินอวิ๋นซือฉินพูดว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ ฉันอยากอยู่ต่อค่ะ พี่คงจะไม่ไล่ฉันไปหรอกใช่ไหม? ”อวิ๋นซูหันกลับมา แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ชายชราก็พูดอย่างไร้ความปราณี “แต่ฉันไม่ได้เชิญเธอหนิ”ใบหน้าของอวิ๋นซือฉิงซีดลง เธอมองไปที่เฮ่อหย่วนสืออย่างช่วยไม่ได้เฮ่อหย่วนเจ๋อยืนอยู่ต่อหน้าอวิ๋นซือฉิง “คุณปู่ครับ ซ
อวิ๋นซือฉิงตัวสั่นไปทั่วทั้งตัวและมองไปที่เฮ่อหย่วนเจ๋อ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบกับสายตาที่เย็นชาของคุณปู่หัวใจของเธอเย็นเยือก“คุณคิดถึงพี่เขยของคุณจริง ๆ เหรอ?” คุณปู่ขมวดคิ้ว และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไปอย่างเห็นได้ชัดทันใดนั้น ลมหายใจของอวิ๋นซือฉิงก็เร็วขึ้น เธอรีบคัดค้านขึ้นมาทันที "ไม่ใช่ค่ะ คุณปู่ ฉันไม่ได้คิดถึง..."“ในเมื่อไม่ ก็อย่ากลัวที่จะสาบาน”อวิ๋นซือฉิงกัดริมฝีปากของเธอ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เธอพูดทีละคำว่า "ใช่ ฉันอวิ๋นซือฉิงสาบานว่าถ้าฉันแต่งงานกับพี่เขยของฉันในอนาคต เมื่อฉันย่างเท้าออกจากบ้านขอให้ฉันจะถูกรถชนตาย”หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองที่อวิ๋นซู ด้วยสายตาไม่พอใจอวิ๋นซูยิ้มเบา ๆอวิ๋นซือฉิงอยากให้เธอตาย งั้นเธอก็จะไม่ให้อวิ๋นซือฉิงสามารถแต่งงานกับเฮ่อหย่วนเจ๋อได้ตลอดชีวิตแม้ว่าจะแต่งงานแล้ว ก็จะติดอยู่กับคำสาบานและรู้สึกกังวลจนไม่มีที่สิ้นสุด“ด้วยคำสาบานนี้ ฉันคิดว่าน้องสาวของฉันจะไม่หลงทางอีก วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ และเธออก็ป่วยด้วย ในเมื่อมากันแล้วก็อยู่ต่อเถอะ” หลังจากพูดอย่างนั้น เธอเงยหน้าขึ้นมองที่เฮ่อหย่วนเจ
ลูกกระเดือกของเฮ่อเยียนสือขยับเล็กน้อย "โอ้?"เฮ่อหย่วนเจ๋อเกาหัวและรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผ่านไปสักพัก เขานึกยังไงก็นึกไม่ออก จึงนั่งเฉย ๆ แล้วพูดว่า "อาจมีคนอื่นเคยสวมมัน"ไหล่ผายกว้างของเฮ่อเยียนสือทรุดลง เขาส่งเสียงอืมด้วยความสบายใจเฮ่อหย่วนเจ๋อจิบเบียร์เย็นอีกครั้งแล้วสงบสติอารมณ์“ใช่แล้วอารอง คุณจะออกไปข้างนอกไหม?”เฮ่อเยียนสือมองอวิ๋นซูบนหน้าจอแล้วยักคิ้ว "ไม่ การแอบสังเกตอยู่ในมุมมืดนี้ค่อนข้างน่าสนใจมากกว่า"เฮ่อหย่วนเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วย "ถ้าอย่างนั้นฉันจะออกไปก่อน"เมื่อนึกถึงว่าจะต้องรับประทานอาหารที่โต๊ะเดียวกับอวิ๋นซูทำให้ขมับของเขาเต้นแรง......ในห้องจัดเลี้ยง อวิ๋นซูกำลังคุยกับคุณปู่เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกัน ท่าทางดูใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่าลูกทางสายเลือดของตัวเอง สมาชิกครอบครัวเฮ่อคนอื่น ๆ ก็ฉลาด ต่างชื่นชมประจบสอพลอพวกเขาทันที "คุณอวิ๋นรู้วิธีทำให้คุณปู่มีความสุขจริง ๆ โดยปกติแล้วคุณปู่มักจะหน้านิ่งกับพวกเรา และมีเพียงต่อหน้าคุณอวิ๋นเท่านั้นที่สามารถยิ้มอย่างมีความสุขได้"แม้ว่าจะพยายามพูดดีเพื่อประจบ แต่พวกเขาก็พูดความจริงเช่นกันอ
ไอ้คนชั้นต่ำ!นี่มันไร้ยางอายชัด ๆ หลอกล่อดึงดูดพี่หย่วนเจ๋อต่อหน้าผู้คนมากมาย!หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว อวิ๋นซูก็เหมือนกำลังจะตายบนโต๊ะผ่าตัด อวิ๋นซือฉิงก็ค่อย ๆ สงบลงที่โต๊ะหลัก อวิ๋นซูถอนสายตาและเอนหลังเล็กน้อย "ในเมื่อนายน้อยเขาไม่อยากพูด ก็ช่างมันเถอะ"เธอสามารถสอบถามพนักงานได้เลยมีคนที่รู้อยู่แล้วว่าอารองอยู่ที่ไหนท่าทีที่ไม่แยแสของอวิ๋นซูที่มีต่อเขา กระตุกต่อมเฮ่อหย่วนเจ๋ออย่างลึกซึ้งเธอสามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ แต่เธอไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้? !เมื่อเฮ่อหย่วนเจ๋อกำลังจะมีอาการตอบโต้ เขาก็เห็นเมิ่งเหยา เดินเข้ามาเสิร์ฟไวน์แดงหนึ่งแก้วเมิ่งเหยายิ้มให้กับเฮ่อหย่วนเจ๋อ จากนั้นสายตาของเธอก็มองไปที่อวิ๋นซูเธอหงุดหงิดเพราะโดนอวิ๋นซูแย่งหน้า ดังนั้นเธอจึงคิดหาวิธีที่จะกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมได้ยินมาว่า ของขวัญที่อวิ๋นซูจะมอบให้เป็นซากการเขียนตัวอักษรมากกว่าหนึ่งล้านตัวเธอคิดหาวิธีที่จะทำให้อวิ๋นซูอับอายทันที จากนั้นเธอก็มาถึงโต๊ะหลักอวิ๋นซูรู้สึกไม่สบายใจที่ถูกจ้องมอง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็บังเอิญเห็นสีหน้าที่ได้อกได้ใจของเมิ่งเหยาเธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมิ่งเหยาหย