อวิ๋นซูตกใจ “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเพิ่งซื้อเน็คไทมาคะ? ”เฮ่อเยียนสือมองไปที่ถุงกระดาษแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเดาเอาน่ะ ทำไม? ไม่อยากให้เหรอ"“เปล่าค่ะ แต่ว่าเน็คไทนี้จริง ๆ ก็เพื่อขอบคุณสำหรับสร้อยข้อมือหยกที่คุณมอบให้ฉัน แล้วตอนนี้คุณยังมอบภาพเขียนอักษรจีนแก่ฉันอีก ฉัน......ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริง ๆ ค่ะ”ลูกกระเดือกของเฮ่อเยียนสือก็กลิ้งไปมาอย่างแรง และความตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลง“งั้นก็ช่วยผมผูกเน็คไทหน่อยสิ”“อะ อะไรนะคะ?! ”ติ่งหูของอวิ๋นซูค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเธอไม่เคยผูกเน็คไทให้ผู้ชายมาก่อนเลยเพราะการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ต้องใกล้ชิดกันมาก จึงมีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะทำได้เฮ่อเยียนสือกลับร้องขอสิ่งนี้......“เดือนหน้าเราต้องไปพบพ่อของผมแล้ว ระหว่างพวกเรายังไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่ ดูไม่เหมือนคู่บ่าวสาวที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นจริงๆ เพราะงั้นผมคิดว่าถ้าคุณอยากจะขอบคุณผมจริง ๆ คุณก็ควรปรับตัวให้เข้ากับบทบาทของภรรยาไว้ล่วงหน้า อย่าให้ครอบครัวสงสัยในความสัมพันธ์ของเราได้ แล้วก็ต้องหลีกเลี่ยงการเร่งรีบโดยไม่จำเป็นในการแต่งงานด้วย”ดวงตาของเฮ่อเยียนสือเป็นป
อวิ๋นซูค่อย ๆ เปิดลืมตา เห็นแค่เฮ่อเยียนสือที่กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม“คุณเป็นอะไรไปเหรอ? ”ใบหน้าของอวิ๋นแทบจะระเบิด “ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ...... ”“แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งจะหลับตา...... ”“ฉะ......ฉันแค่ไม่เห็นเน็คไทที่ฉันกำลังผูก” อวิ๋นซูอธิบายอย่างลนลาน หมุนตัวไปมาตรงจุดเดิมหลายครั้งก่อนที่จะนึกถึงม้วนหนังสือในที่สุด “อ่อ ใช่แล้ว ฉันต้องเอาภาพเขียนนี้ไปเก็บก่อน......ฉะ ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ...... ”หลังจากพูดจบ เธอก็วิ่งกลับไปที่ห้องแล้วกระแทกประตูปิดทันทีเมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ รอยยิ้มในดวงตาของเฮ่อเยียนสือก็จางหายไป ดวงตาของเขาก็กลับมาเย็นชาเขาเกือบจะสูญเสียการควบคุม......เขาไม่เคยสูญเสียการควบคุมกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนบางที เย่ชางแหยนอาจจะพูดถูก เขาอาจจะชอบอวิ๋นซูอยู่นิดหน่อยแต่นี่ก็ไม่ใช่ความรักแน่นอน!......อวิ๋นซูเข้าไปในห้อง ซ่อนตัวเองไว้ใต้ผ้าห่ม ราวกับว่าวิธีนี้จะช่วยให้หัวใจที่เต้นแรงของเธอจะไม่ทรยศต่อความรู้สึกของเธอเธอปิดหน้าเมื่อนึกถึงสถานการณ์เมื่อกี้ เธอแทบจะอยากขุดหลุมแล้วกระโดดเข้าไปเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะ!?เหมือนกำลังโดนมนต์สะกดเลยใช่
แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับอารองคนนี้ แต่พวกเขาก็ไม่เคยพบเขา และไม่รู้จักเขาเลย แล้วทำไมถึงได้โทรเพื่อช่วยเธอเป็นพิเศษ?อวิ๋นซูรีบถาม “งั้น......อารองได้บอกเหตุผลไหมคะว่าทำไม? ”ผู้จัดการซุน “ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษนะครับ”อวิ๋นซูผิดหวังเล็กน้อย “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”หลังจากวางสาย อวิ๋นซูเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อทางอินเทอร์เน็ตอารองคนนี้ปกติจะอยู่ที่ต่างประเทศตลอด มีข่าวน้อยมากในประเทศ ไม่มีใครรู้กระทั้งนามสกุลของเขาด้วยซ้ำอวิ๋นซูปัดผมยาวของเธออย่างฉุนเฉียว ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงสิ่งที่นักข่าวตะโกนเข้ามาในวันนั้นได้พวกเขาบอกว่าอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อเองก็ไปที่โรงประมูลด้วย......เป็นไปได้ไหมที่อารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อจะเห็นเมิ่งเหยากำลังกลั่นแกล้งเธออยู่ในวันนั้น เลยรู้สึกว่าเป็นการหยามเกียรติของตระกูล เขาจึงตั้งใจที่จะสั่งสอนเธอโดยเฉพาะอย่างนั้นเหรอ?อวิ๋นซูกดขมับที่กำลังรู้สึกปวดของเธอในเมื่อเดาไม่ออก แล้วทำไมไม่ถามต่อหน้าตรง ๆ ไปเลยล่ะ?อวิ๋นซูหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาคุณปู่ “คุณปู่คะ”“เสี่ยวซูเองเหรอ” ชายชราดูเห
เฮ่อ เฮ่อเยียนสือ? !“ทำไมถึงเป็นคุณล่ะคะ? ! ”เฮ่อเยียนสือดูสงบและชี้ไปที่ห้องตรงข้าม “วันนี้ผมได้นัดกับใครบางคนเพื่อหารือเกี่ยวกับธุรกิจที่ห้องฝั่งตรงข้าม แต่อีกฝ่ายไม่สะดวกมาแล้ว ผมเห็นคุณตั้งแต่ตอนที่คุณเข้ามาครั้งแรกแล้ว ผมกำลังจะกลับ เลยแวะมาทักทายคุณหน่อย”อวิ๋นซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอคิดว่าเฮ่อเยียนสือเป็นอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อซะอีก!เธอตกใจแทบตาย!อารมณ์โกรธเธอยังไม่หาย โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้นอวิ๋นซูรีบเดินไปหยิบมันขึ้นมา แล้วรับสาย“เสี่ยวซูเหรอ” เป็นเสียงของคุณท่านเหอ “เมื่อกี้อารองของหลานโทรมาหาปู่ บอกว่าเขามีธุระนิดหน่อย ไม่สามารถไปตามนัดได้ เขาขอให้ปู่ขอโทษหลานแทนเขา เขาบอกว่าคราวหน้าเขาจะเลี้ยงหลานเอง เพื่อเป็นการขอโทษ”อวิ๋นซูเหลือบมองเฮ่อเยียนสือที่นอกประตู ดวงตาของเธอก็หรี่ลง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและฝืนยิ้มบนใบหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะคุณปู่”หลังจากพูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ“คนที่คุณนัดก็ผิดนัดด้วยเหรอครับ? ”เมื่อเห็นอวิ๋นซูท่าทางดูหม่นหมอง เฮ่อเยียนสือก็รู้สึกแน่นหน้าอก“ใช่ค่ะ” อวิ๋นซูหมดความสนใจโดยสิ้นเชิง ความคาดหวังตลอดทั้งค
อวิ๋นซูเพิกเฉยต่อการทำเล็บที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ พูดบางอย่างกับหลินเหมียวเหมียว แล้วจากไปเมื่อหลินเหมียวเหมียวตามออกไป ก็ไม่เห็นตัวของอวิ๋นซูแล้วอวิ๋นซูรีบกลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ แล้วพบว่าทุกคนในครอบครัวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกันหมด เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก จนดูเหมือนว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ“ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นหรอกเหรอคะ? ”“ถ้าเธอยังไม่กลับมา จะมีเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ แน่”ชางยาจูเงยหน้าขึ้นตอนนั้นเองที่ อวิ๋นซูก็สังเกตเห็นว่ามีขวดขวดหนึ่งวางอยู่ข้างหน้าเธอ เป็นขวดสีดำ และไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน“เป็นยาฆ่าแมลง”ดูเหมือนว่าชางยาจูจะเดาเห็นความคิดของอวิ๋นซูออก จึงพูดออกมาอวิ๋นซูตกใจมาก “แม่พูดอะไรน่ะคะ? ”ชางยาจูหยิบขวดขึ้นมา เดินด้วยตัวสั่นมาข้างหน้าอวิ๋นซู และคุกเข่าลงด้วยเสียงดังกึกก้องอวิ๋นซูสะดุ้งและรีบถอยหลัง “แม่คะ นี่แม่กำลังทำอะไรอยู่? ”“เสี่ยวซู ถือซะว่าแม่ขอร้องนะ ลูกช่วยไปหย่ากับคนนั้น ได้ไหม? ”“แม่คะ หนูเคยบอกแล้วหนิคะ ว่าหนูจะไม่หย่าเด็ดขาด? แล้วตอนนี้เงินในบัญชีของบริษัทก็มีแล้วไม่ใช่เหรอคะ ด้วยเงินจำนวนนี้…...”“เสี่ยวซู! ” ชางยา
อวิ๋นซูรู้สึกราวกับถูกพรากวิญญาณออกไป เดินอย่างไร้จุดหมายบนถนนในช่วงเวลานี้ พ่อแม่ของเธอพูดคำพูดที่เจ็บปวดมากมาย ทุกครั้งที่นึกถึง เธอก็จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แทงทะลุเข้าไปถึงกระดูกแต่ครั้งนี้เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เลยแม้จะมึนนิดหน่อยก็ตามดูเหมือนว่า......พวกเขาในตอนนี้ ถึงจะเป็นตัวตนของพวกเขาจริง ๆความรักที่พวกเขามอบให้เธอครั้งก่อน ก็เป็นเพราะต้องการเอาใจเธอที่กำลังจะเป็นนายหญิงในอนาคตของตระกูลเหอก็เท่านั้น ที่โอบกอดและโอบอุ้มเอาไว้ ต่างก็เพื่อคำว่าเหอแค่คำเดียวไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับสายเลือด“เอ๋” จู่ ๆ เย่ชางแหยนก็พูดกับเฮ่อเยียนสือที่นั่งหลับตาอยู่เบาะหลัง “นั่นไม่ใช่ภรรยาของคุณหรอกเหรอ? ”เฮ่อเยียนสือลืมตาขึ้นทันที มองออกไปนอกหน้าต่างนอกหน้าต่าง มีหญิงสาวหลงทางเดินเพียงลำพัง ทั้งน่าสงสารและเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก“หยุดรถ”เย่ชางแหยนเม้มริมฝีปากและแอบหัวเราะเยาะขณะหยุดรถ“เฮ้ คุณอวิ๋น! ”อวิ๋นซูเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง เห็นเฮ่อเยียนสือนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ร่างกายที่เย็นชาของเธอดูเหมือนว่ากำลังได้สัมผัสกับแสงแดด แขนขาของเธอเองก็ค่อย ๆ
อวิ๋นซูเลิกคิ้วและยิ้ม “ไม่ใช่ว่าหมอเย่กับเยียนสือเพิ่งรู้จักกันหรอกเหรอคะ? ”เย่ชางแหยน “......”เฮ่อเยียนสือ “......”หลังจากนั้นไม่นาน เย่ชางแหยนถึงได้รีบหาคำตอบแล้วพูดออกมา “ผมหมายถึง......สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว การให้บ้านแก่ผู้หญิงค่อนข้างที่จะมีความหมายพิเศษน่ะครับ...... ”“หุบปาก! ” เฮ่อเยียนสือเตือนด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ชางแหยนหุบปากด้วยความโกรธ“ไม่ต้องสนใจเขา นิสัยส่วนตัวของเขาแค่ชอบพูดเรื่องไร้สาระไปเรื่อยก็เท่านั้น”อวิ๋นซูส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ หมอเย่เป็นคนช่างพูด แต่ดูจากที่พวกคุณเข้ากันได้ดีแบบนี้ เลยรู้สึกว่าพวกคุณไม่ใช่แค่เพิ่งรู้จักกัน แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าพวกคุณเคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก”เย่ชางแหยนตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซูที่ดูไร้เดียงสาจะเฉียบแหลมขนาดนี้ตลอดระยะทางที่เหลือ เย่ชางแหยนก็ไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกโชคดีที่มาถึงที่หมายโดยเร็วทั้งสามลงจากรถ นายหน้าก็รออยู่แล้วเมื่อเห็นลูกค้า นายหน้าก็เดินเข้ามาอย่างกระตือรือร้น “ทั้งสามท่าน เชิญตามผมมาทางนี้ครับ”พวกเขาทั้งสามเดินตามนายหน้าที่เข้าไปในวิลล่านี่คือวิลล่าสามชั้น และวิลล่านี้มีขนาด
เธอผลักเฮ่อเยียนสือออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันหลังให้เขา “อย่าดีกับฉันมากนักสิคะ”เธอคงจะ......อดไม่ได้ที่จะคิดเกินเลย และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผูกพันกับโลกที่หนาวเย็นนี้เฮ่อเยียนสือหรี่ตาลงแล้วดึงไหล่ของอวิ๋นซู “วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? คุณได้รับความไม่เป็นธรรมจากข้างนอกมาอย่างงั้นเหรอ? ”วันนี้อวิ๋นซูแตกต่างไปจากเดิมมากอวิ๋นซูเอียงศีรษะ พยายามกลั้นน้ำตาที่ไหลให้กลับคืนที่ และกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น“สุดท้ายพวกเราก็จะต้องหย่าร้างกัน และฉันก็ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องลำบากขึ้นตอนหย่า”เมื่อเธอประกาศแต่งงานกับเฮ่อหย่วนเจ๋อ มันก็จะเป็นวันที่เธอหย่ากับเฮ่เยียนสือด้วยเมื่อถึงเวลานั้น เฮ่อเยียนสือก็จะสามารถตามหาเจ้าของลิปสติกได้ และเธอก็สามารถจากโลกนี้ไปได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆในโลกใบนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ต้องการเธอเฮ่อเยียนสือขมวดคิ้วอย่างดุเดือด สัมผัสได้ถึงการถอนหายใจอย่างหนักในอกของเขาเขาจ้องมองที่อวิ๋นซูอย่างใกล้ชิด ราวกับว่าเขาต้องการเจาะลึกเข้าไปในความคิดของเธอเย่ชางแหยนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนั้น จึงเดินเข้ามา “คุณสองคนมาทำอะไรกันตรงนี้...... ”ก่อนที่เขาจะพู