เธอไม่ได้พูดประโยคถัดจากนั้นต่อ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนครุ่นคิดเกี่ยวกับมันได้“คุณไม่สนใจว่าฉันได้มายังไง” อวิ๋นซูพูดด้วยท่าทางที่เรียบเฉย “ยังไงซะ ตามข้อตกลงของเรา ฉันก็ไม่จำเป็นต้องหย่าแล้ว คุณเองก็ไม่สามารถถอนทุนคืนได้”“รอจนกว่าภายในอวิ๋นกรุ๊ปเกิดความมั่นคงขึ้นแล้ว นายน้อยเฮ่ออยากจะถอนหรือไม่ก็ตามใจ”“อวิ๋นซู! ” คนแรกที่ต้องกังวลคือชางยาจู “ลูกพูดแบบนั้นได้ยังไง?! ”เฮ่อหย่วนเจ๋อหายใจเข้าลึก ๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี ความรู้สึกผิดต่ออวิ๋นซูในใจจากการที่เธอถูกอวิ๋นซือฉิงกล่าวหาเธอว่าขายตัวก็จางหายไปอย่างสิ้นเชิง “เหอะ ผมประเมินคุณต่ำเกินไป ได้ ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง”หลังพูดจบ ก็ผลักอวิ๋นซือฉิงและเดินจากไปเมื่อชางยาจูเห็นแบบนั้นแล้ว เธอก็รีบตามไปอวิ๋นซูรอจนกระทั่งทางเดินที่มีเสียงดังเงียบลงอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะถอยกลับเข้าไปในห้องเธอเหยียบรองเท้าของเฮ่อเยียนสือโดยบังเอิญเธอก้มศีรษะลง ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้ววางรองเท้าไว้บนชั้นวาง หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ เธอก็สวมผ้ากันเปื้อนและเริ่มทำอาหารเช้าเฮ่อหย่วนเจ๋อและอวิ๋นซือฉิงเข้าไปในรถ แต่รถก็สตาร์ทไม
อวิ๋นซูเปิดประตู แต่กลับพบแค่ทางเดินที่ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“แปลกจัง ทำไมถึงไม่มีใครเลย? ” เสียงเธอพึมพำเฮ่อเยียนสือก็เดินตามออกไป หันมองซ้ายขวา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาจเป็นแค่เด็กมากดเล่นก็ได้ กลับไปกินข้าวกันเถอะ”“อืม”อวิ๋นซูพยักหน้า หันกลับมาแล้วปิดประตูจนกระทั่งทางเดินเงียบสนิท เฮ่อหย่วนเจ๋อก็เดินออกมาจากด้านหลังประตูนิรภัยเมื่อมองดูประตูที่ปิดอยู่ ก็เกิดความผิดหวังขึ้นมาในดวงตาของเขาอวิ๋นซู......เธอไม่เพียงแต่แต่งงานแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่กับชายคนนั้นอีกด้วยเขาหวังมาโดยตลอดว่าจะมีสักครั้งที่อวิ๋นซูจะหยุดรบกวนเขา ตอนนี้ความฝันของเขาก็เป็นจริงแล้ว ทำไมเขาถึงไม่มีความสุขเหมือนที่เขาคิดไว้เลย แต่กลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในหัวใจของเขาเขากระทั่ง......เลือกที่จะซ่อนตัวเพราะไม่มีความกล้ามากพอที่จะเห็นพวกเขายืนอยู่ด้วยกันด้วยตาของเขาเอง......หน้าร้านชานมอวิ๋นซูและหลินเหมียวเหมียวต่างก็สั่งชานมกันคนละแก้ว เดินไปคุยไป“เธอเจอลิปสติกอยู่ในกระเป๋าของเขาจริง ๆ เหรอ? ” หลินเหมียวเหมียวดูดหลอด แล้วพูดอย่างคลุมเครืออวิ๋นซูพยักหน้า พอพูดถึงลิปสติกนั่
“อืม” หลินเหมียวเหมียวพยักหน้า แล้วถามอวิ๋นซู “เธอตัดสินใจได้หรือยังว่าภาพเขียนอักษรจีนชิ้นไหนที่เธอจะมอบให้กับคุณปู่? ”อวิ๋นซูคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ออฟฟิเชียลของโรงประมูล สินค้าที่แสดงบนเว็บไซต์ออฟฟิเชียลคือสินค้าที่จะประมูลในวันนี้“งานชิ้นนี้ก็แล้วกัน” อวิ๋นซูส่งให้หลินเหมียวเหมียวดู “เป็นผลงานของจ้าวจือเชียน แม้ว่าผลงานของบุคคลนี้จะไม่โด่งดังมากนัก แต่แบบอักษรก็ดูสง่างามและมีพลัง เป็นแบบที่คุณปู่ชอบ แล้วก็อยู่ในขอบเขตที่ฉันพอจะประมูลได้ มีของขวัญดี ๆ ให้คุณปู่แล้วล่ะ”“เธอไม่มีเรื่องอื่นจะคุยกับคุณท่านแล้วรึไง” หลินเหมียวเหมียวถาม “ผลงานชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่? ”“น่าจะประมาณห้าล้านกว่าล่ะมั้ง”หลินเหมียวเหมียวตกใจ “ห้าล้านกว่าบาท?! เธอไปเอาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนั้น? ”“เป็นเงินออมในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้แหละ” อวิ๋นซูถอนหายใจ “คุณปู่ใจดีกับฉันมาก แต่ฉันกลับผิดต่อท่าน ไม่สามารถเป็นหลานสะใภ้ของท่านได้ ผลงานชิ้นนี้ก็ถือซะว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากใจของฉัน เพื่อเป็นการชดเชย”“แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรโทษเธอหรอก! ”อวิ๋นซูขัดจังหวะหลินเหมียวเหมียว “เหมียวเหมียว การประมูลกำลังจะเริ่
อวิ๋นซูกลับมายังที่นั่ง ใบหน้าของเธอดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดหลินเหมียวเหมียวก็เห็นเมิ่งเหยาเดินบนรองเท้าส้นสูงกลับมาด้วยเช่นกัน เธอถามอย่างรวดเร็วว่า “เมิ่งเหยารังแกเธอหรือเปล่า? ”ขณะที่พูดก็ลุ่งขึ้นด้วย เธอพร้อมที่จะเดินไปทางเมิ่งเหยาอวิ๋นซูรีบจับหลินเหมียวเหมียวเอาไว้ แล้วพูดว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น”“แล้วทำไมหน้าเธอถึงได้ดูไม่สบอารมณ์ขนาดนี้ล่ะ? ”อวิ๋นซูลูบที่แก้ม “ท้องของฉันรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”“ไปโรงพยาบาลหน่อยไหม? ”อวิ๋นซูยิ้มและพูดว่า “ไม่ร้ายแรงขนาดนั้น อาจเป็นเพราะเพิ่งดื่มชานมไป เลยทำให้ทางเดินอาหารรับไม่ไหว อีกสักพักเดี๋ยวก็หายเองแหละ”หลินเหมียวเหมียวขมวดคิ้ว “เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นเธอจะเป็นอะไรแบบนี้เลยหนิ เองงี้ไหม ฉันจะขอให้พนักงานเอาน้ำร้อนมาให้”“ได้” ตราบใดที่หลินเหมียวเหมียวไม่ไปหาเมิ่งเหยา อวิ๋นซูก็เห็นด้วยทั้งหมดหลินเหมียวเหมียวไปหาพนักงาน อวิ๋นซูเองก็นั่งอยู่ที่นั่น ลูบมือของตัวเองอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อต้องการแต่งงานกับเมิ่งเหยาจริงๆเธอคิดว่า ผู้ชายที่ฉลาดและมีความสามารถอย่างอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อ จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่มีการศึกษาดี มีเหตุผล อ
แม้แต่หลินเหมียวเหมียวก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของอวิ๋นซู และลดเสียงเสียงต่ำลง “ที่รัก นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ”ต่อให้จะชอบภาพเขียนนี้มากแค่ไหน ก็ไม่ควรจ่ายในราคาสูงขนาดนี้เธอไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?แต่อวิ๋นซูมองดูเมิ่งเหยาที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ตรงหน้าอย่างสงบ และตบหลังมือของหลินเหมียวเหมียว “อย่ากังวลไป เดี๋ยวก็มีคนจ่ายเงินให้เราเองแหละ”หลินเหมียวเหมียวรู้สึกงงงวยขณะที่เธอกำลังจะถาม เมิ่งเหยาที่อยู่แถวหน้าก็คว้าป้ายแล้วโพล่งออกมา “ร้อยล้าน! ”หลังจากสิ้นสุดเสียง เธอถึงได้สูดลมหายใจเข้าได้ในที่สุด เชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ และมองไปที่อวิ๋นซูอวิ๋นซูยิ้มเบา ๆ และภายใต้การจ้องมองของทุกคน เธอวางมือบนป้าย แต่ไม่ได้ยกขึ้นพิธีกรบนเวทีรอนานกว่าหนึ่งนาที ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเสนอราคาอีก และพูดว่า “ร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง! ”“ร้อยล้านครั้งที่สอง! ”“ร้อยล้านครั้งที่สาม! ”“......”เสียงเคาะครบสามครั้งเมิ่งเหยาซื้อภาพงานเขียนอักษรจีนของจ้าวจือเชียนในราคาหนึ่งร้อยล้านทุกคนในงานมองหน้ากันด้วยความสับสน มองเมิ่งหยาวราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนที่กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบเม
อวิ๋นซูปกติเธอเป็นคนที่ไม่ยอมทิ้งเพื่อนเพื่อหนีเอาตัวรอดคนเดียวอยู่แล้ว เธอหยิบถุงอุ่นมือขึ้น แล้วปาใส่หน้าของผู้คนที่ยืนล้อมรอบอยู่ ธรรมชาติของผู้หญิงมักจะใส่ใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ผู้ที่ถูกโจมตีก็รีบยกมือขึ้นปิดหน้า จนไม่มีเวลาสังเกตุหลินเหมียวเหมียวแต่เมิ่งเหยาพาคนมาเยอะเกินไป เป็นเรื่องยากสำหรับสองคนที่จะเอาชนะสี่คนได้ ไม่นาน อวิ๋นซูก็รู้สึกว่าไม่มีกำลังมากพอที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงฝีเท้าของความวุ่นวายอยู่นอกประตู“เร็วเข้า เร็วเข้า ฉันได้ยินมาว่าอารองของคุณชายกลับมาแล้ว เขาอยู่ในโรงประมูลแห่งนี้นี่แหละ...… ”พวกผู้สื่อข่าวที่ถือกล้องตัวใหญ่เทอะทะ เมื่อพวกเขามองไปที่พวกผู้หญิงที่กำลังดึงผมกันในโรงประมูล ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพวกเขาลืมจุดประสงค์ของการมาที่นี่โดยสิ้นเชิงคุณพระ!ลูกสาวคนโตของตระกูลเมิ่ง และคู่หมั้นของคุณชายกำลังทะเลาะกันต่อหน้าสาธารณชน นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริง ๆพวกเขารีบหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปทีละคนอย่างสุดชีวิตเมิ่งเหยาตาพร่ามัวเพราะแสงแฟลช “หยุดถ่ายได้แล้ว! ห้ามถ่ายนะ! เอาตัวพวกมันออกไปเดี๋ยวนี้! ”เจ้าหน้าที
“เธอ...... ”“รีบ ๆ เซ็นชื่อของฉันซะสิ” หอวิ๋นซูหยุดชั่วคราว “ถ้าคุณไม่เซ็น ฉันจะโทรหาร้านหยกทันทีเพื่อขอ กล้อง วง จร ปิด! ”เมิ่งเหยากำปากกาในมือแน่น จ้องมองอวิ๋นซูอย่างเกลียดชัง เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “ได้ ฉันจะเซ็น ฉันจะเซ็นแล้ว”เมื่อเห็นเธอเซ็นชื่ออย่างอัปยศอดสู อวิ๋นซูจึงพูดกับหลินเหมียวเหมียวด้วยความพึงพอใจ “เหมียวเหมียว เราไปกันเถอะ”หลินเหมียวเหมียวตอบรับอย่างมีความสุข และเมื่อเธอเดินไปหาเมิ่งเหยา เธอก็จงใจพูดออกไปว่า “ขอบคุณคุณหนูใหญ่เมิ่งสำหรับความมีน้ำใจของคุณนะคะ”เมิ่งเหยาโกรธมากจนทุบปากกาในมือลงพื้นหลังจากออกจากโรงประมูล หลินเหมียวเหมียวก็จับแขนของอวิ๋นซูอย่างภาคภูมิใจ “ที่รัก วันนี้เธอสง่างามและทรงพลังมาก! อีกนิดเดียวฉันเกือบจะกลายเป็นแฟนคลับเธอแล้วนะเนี่ย! ”อวิ๋นซู “เธอพูดเกินไปแล้วมั้ง? ”“จริง ๆ นะ” หลินเหมียวเหมียวโกรธมากเมื่อเธอพูดถึงเมิ่งเหยา “ยัยนั่นเคยล้อเธอ เธอบอกฉันมาตลอดว่าตระกูลเหอและตระกูลเมิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เธอไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลได้ เธอบอกว่าเธอสามารถทนได้ แต่ตอนนี้ในที่สุดก็จัดการเธอได้สักที รู้สึกดีสุด ๆ ไปเลย
อวิ๋นซูตกใจ “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเพิ่งซื้อเน็คไทมาคะ? ”เฮ่อเยียนสือมองไปที่ถุงกระดาษแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเดาเอาน่ะ ทำไม? ไม่อยากให้เหรอ"“เปล่าค่ะ แต่ว่าเน็คไทนี้จริง ๆ ก็เพื่อขอบคุณสำหรับสร้อยข้อมือหยกที่คุณมอบให้ฉัน แล้วตอนนี้คุณยังมอบภาพเขียนอักษรจีนแก่ฉันอีก ฉัน......ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงจริง ๆ ค่ะ”ลูกกระเดือกของเฮ่อเยียนสือก็กลิ้งไปมาอย่างแรง และความตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลง“งั้นก็ช่วยผมผูกเน็คไทหน่อยสิ”“อะ อะไรนะคะ?! ”ติ่งหูของอวิ๋นซูค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเธอไม่เคยผูกเน็คไทให้ผู้ชายมาก่อนเลยเพราะการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ต้องใกล้ชิดกันมาก จึงมีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะทำได้เฮ่อเยียนสือกลับร้องขอสิ่งนี้......“เดือนหน้าเราต้องไปพบพ่อของผมแล้ว ระหว่างพวกเรายังไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหร่ ดูไม่เหมือนคู่บ่าวสาวที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นจริงๆ เพราะงั้นผมคิดว่าถ้าคุณอยากจะขอบคุณผมจริง ๆ คุณก็ควรปรับตัวให้เข้ากับบทบาทของภรรยาไว้ล่วงหน้า อย่าให้ครอบครัวสงสัยในความสัมพันธ์ของเราได้ แล้วก็ต้องหลีกเลี่ยงการเร่งรีบโดยไม่จำเป็นในการแต่งงานด้วย”ดวงตาของเฮ่อเยียนสือเป็นป