ไม่ได้รออีกฝ่ายพูดจบ เหอเหยียนสือลากเหมิงเหยาไปที่ประตูเปิดประตูแล้วโยนเธอออกไปดวงตาของเขาเย็นชาและคนที่รัศมีรอบตัวเขาเย็นชาอย่างน่ากลัว“คุณเหมาะสมงั้นหรอ!”ใบหน้าของเหมิงเหยาซีดลงทันทีเย่ชางเหยียนซึ่งอยู่ไม่ไกลกับฉากนี้ก็ได้แต่ส่ายหัวนี่เขายังไม่ยอมรับอีกหรอว่าเขาชอบอวิ๋นซูเขาเป็นเป็ดปากแข็ง ซักวันเขาจะได้รับผลนี้...เวลาตีสาม อวิ๋นซูยังคงนอนไม่หลับการจูบก็เหมือนกับการจูบและริมฝีปากก็ยังเร่าร้อนสัมผัสนั้นพร้อมกับจูบอันเร่าร้อนอีกครั้งแก้มของเธอไหม้โดยไม่รู้ตัวร่างกายของเธอรู้สึกคันแทบจะทนไม่ไหวเมื่อเธอพลิกตัวนอนไม่หลับ ก็มีเสียงดังจากหน้าประตูมันไม่ใช่การเคาะแต่มันเป็นการลูบประตูมากกว่าอวิ๋นซูตื่นขึ้นมาทันที เธอลุกขึ้นไปห้องครัวเพื่อหยิบมีด เธอเดินย่องไปที่ประตูอย่างระมัดระวังเธอมองจากตาแมวนั่นคือเหอหยานสือเธอขว้างมีดทันทีแล้วเปิดประตูทันทีที่ประตูเปิดกลิ่นแอลกอฮอล์อันรุนแรงก็กระทบหน้าเธอ“คุณดื่มเหล้ามาหรอ” อวิ๋นซูก้มตัวปิงพบเหอหยานสือเหอหยานสือที่เมานั้นก็เหมือนลูกแมวที่เชื่อฟัง ตาทั้งสองดวงของเขาปิดสนิทปลายดวงตาจนกลบไฝที่ดวงตาของเขา ถ้าไม่รู้ก็คงค
“คุณยินยอมไหม? ”เสียงของชายคนนั้นแหบแห้งและทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาเป็นประกาย มองไม่ออกจริง ๆ ว่าเขาเมาจริง หรือแกล้งเมากันแน่อวิ๋นซูเม้มริมฝีปากของเธอแน่น ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอายเฮ่อเยียนสือโน้มตัวไปข้างหน้า ประกบริมฝีปากกับหญิงสาวทันทีกลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งเข้ามา ทำให้อวิ๋นซูรู้สึกเวียนหัว แต่นิ้วมือของเธอก็จับชุดสูทของเฮ่อเยียนสือไว้แน่น หลังจากการเคลื่อนไหวของเฮ่อเยียนสือ ขณะที่กำลังขยับ ก็สัมผัสโดนลิปสติกแท่งหนึ่งจริงๆความร้อนในร่างกายตอนนี้ถูกดับลงด้วยน้ำเย็นในทันทีเธอผลักเฮ่อเยียนสือออก เธอสูดลมหายใจเข้า “ฉัน......ฉันจะเตรียมซุปแก้เมาค้างให้คุณ”พอพูดจบ เธอก็เข้าไปในครัวโดยไม่หันกลับมามอง พร้อมปิดประตูเธอตบที่หัวตัวเอง และด่าตัวเองที่ทำตัวเลอะเลือนเฮ่อเยียนสือดื่มจนเมา แต่เธอกลับไม่เมาหากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ พวกเขาจะมองหน้ากันติดได้ยังไงแต่พอเธอนึกถึงลิปสติกแท่งนั้น ฟองอากาศก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว อวิ๋นซูก็ออกไปพร้อมกับซุปแก้เมาค้างเดินไปที่ข้างโซฟา ถึงรู้ว่าเฮ่อเยี่ยนสือหลับไปแล้วเขาหลับตาทั้งสองแน่น หายใจอย่างสม่ำเสมออวิ๋นซูหา
อวิ๋นซูขมวดคิ้วคำขอโทษของอวิ๋นซือฉิง ทำไมถึงได้ดูปลอมขนาดนี้นะ“อะไรนะเฉินโกเหรอ?! ” ชางยาจูมองอวิ๋นซูอย่างตื่นเต้น “ลูกเสียความบริสุทธิ์แล้วเหรอ? ”อวิ๋นซูเหลือบมองอวิ๋นซือฉิน เธอยกมุมปากอย่างเย็นชา “เมื่อคืนนี้เธอเป็นคนยุยงให้เฉินโกลงมือกับฉันงั้นเหรอ? ”ใบหน้าของอวิ๋นซือฉินซีดลง เธอกัดริมฝีปาก “ไม่ใช่นะ ฉันอธิบายเรื่องนี้กับหย่วนเจ๋อไปแล้ว ฉันโทรหาเขาด้วยความเห็นใจ ขอให้เขาให้คุณยืมเงิน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะกล้าทำเรื่องอะไรแบบนั้น”อวิ๋นซูก้าวไปข้างหน้า เดิมทีเธอก็ไม่สนใจฟังคำอธิบายของอวิ๋นซือฉินเลยด้วยซ้ำ จ้องไปที่แก้มของอวิ๋นซือฉินอย่างเย็นชา“เพราะงั้น ก็เป็นเธออยู่ดี? ”“ไม่ใช่นะ...... ”อวิ๋นซือฉิงเพิ่งจะเปิดปาก เธอก็ถูกอวิ๋นซูตบหน้าทันที ทำให้ศีรษะของเธอเอียงไปตามแรงตบจากนั้น เธอก็ตัวสั่น รีบเอามือกุมแก้มที่ร้อนระอุของเธอทันที และมองดูอวิ๋นซูด้วยความไม่เชื่อผู้หญิงบ้าคนนี้ถึงขั้นกล้าตบหน้าเธอต่อหน้าเฮ่อหย่วนเจ๋อ!โอกาสเข้ามาหาถึงหน้าประตูบ้านแบบนี้ โดยธรรมชาติแล้ว เธอคงไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือไปอย่างแน่นอน เธอหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาทันที “พี่หย่วนเจ๋อ...... ”เ
เธอไม่ได้พูดประโยคถัดจากนั้นต่อ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนครุ่นคิดเกี่ยวกับมันได้“คุณไม่สนใจว่าฉันได้มายังไง” อวิ๋นซูพูดด้วยท่าทางที่เรียบเฉย “ยังไงซะ ตามข้อตกลงของเรา ฉันก็ไม่จำเป็นต้องหย่าแล้ว คุณเองก็ไม่สามารถถอนทุนคืนได้”“รอจนกว่าภายในอวิ๋นกรุ๊ปเกิดความมั่นคงขึ้นแล้ว นายน้อยเฮ่ออยากจะถอนหรือไม่ก็ตามใจ”“อวิ๋นซู! ” คนแรกที่ต้องกังวลคือชางยาจู “ลูกพูดแบบนั้นได้ยังไง?! ”เฮ่อหย่วนเจ๋อหายใจเข้าลึก ๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี ความรู้สึกผิดต่ออวิ๋นซูในใจจากการที่เธอถูกอวิ๋นซือฉิงกล่าวหาเธอว่าขายตัวก็จางหายไปอย่างสิ้นเชิง “เหอะ ผมประเมินคุณต่ำเกินไป ได้ ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง”หลังพูดจบ ก็ผลักอวิ๋นซือฉิงและเดินจากไปเมื่อชางยาจูเห็นแบบนั้นแล้ว เธอก็รีบตามไปอวิ๋นซูรอจนกระทั่งทางเดินที่มีเสียงดังเงียบลงอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะถอยกลับเข้าไปในห้องเธอเหยียบรองเท้าของเฮ่อเยียนสือโดยบังเอิญเธอก้มศีรษะลง ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้ววางรองเท้าไว้บนชั้นวาง หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ เธอก็สวมผ้ากันเปื้อนและเริ่มทำอาหารเช้าเฮ่อหย่วนเจ๋อและอวิ๋นซือฉิงเข้าไปในรถ แต่รถก็สตาร์ทไม
อวิ๋นซูเปิดประตู แต่กลับพบแค่ทางเดินที่ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว“แปลกจัง ทำไมถึงไม่มีใครเลย? ” เสียงเธอพึมพำเฮ่อเยียนสือก็เดินตามออกไป หันมองซ้ายขวา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาจเป็นแค่เด็กมากดเล่นก็ได้ กลับไปกินข้าวกันเถอะ”“อืม”อวิ๋นซูพยักหน้า หันกลับมาแล้วปิดประตูจนกระทั่งทางเดินเงียบสนิท เฮ่อหย่วนเจ๋อก็เดินออกมาจากด้านหลังประตูนิรภัยเมื่อมองดูประตูที่ปิดอยู่ ก็เกิดความผิดหวังขึ้นมาในดวงตาของเขาอวิ๋นซู......เธอไม่เพียงแต่แต่งงานแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่กับชายคนนั้นอีกด้วยเขาหวังมาโดยตลอดว่าจะมีสักครั้งที่อวิ๋นซูจะหยุดรบกวนเขา ตอนนี้ความฝันของเขาก็เป็นจริงแล้ว ทำไมเขาถึงไม่มีความสุขเหมือนที่เขาคิดไว้เลย แต่กลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในหัวใจของเขาเขากระทั่ง......เลือกที่จะซ่อนตัวเพราะไม่มีความกล้ามากพอที่จะเห็นพวกเขายืนอยู่ด้วยกันด้วยตาของเขาเอง......หน้าร้านชานมอวิ๋นซูและหลินเหมียวเหมียวต่างก็สั่งชานมกันคนละแก้ว เดินไปคุยไป“เธอเจอลิปสติกอยู่ในกระเป๋าของเขาจริง ๆ เหรอ? ” หลินเหมียวเหมียวดูดหลอด แล้วพูดอย่างคลุมเครืออวิ๋นซูพยักหน้า พอพูดถึงลิปสติกนั่
“อืม” หลินเหมียวเหมียวพยักหน้า แล้วถามอวิ๋นซู “เธอตัดสินใจได้หรือยังว่าภาพเขียนอักษรจีนชิ้นไหนที่เธอจะมอบให้กับคุณปู่? ”อวิ๋นซูคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ออฟฟิเชียลของโรงประมูล สินค้าที่แสดงบนเว็บไซต์ออฟฟิเชียลคือสินค้าที่จะประมูลในวันนี้“งานชิ้นนี้ก็แล้วกัน” อวิ๋นซูส่งให้หลินเหมียวเหมียวดู “เป็นผลงานของจ้าวจือเชียน แม้ว่าผลงานของบุคคลนี้จะไม่โด่งดังมากนัก แต่แบบอักษรก็ดูสง่างามและมีพลัง เป็นแบบที่คุณปู่ชอบ แล้วก็อยู่ในขอบเขตที่ฉันพอจะประมูลได้ มีของขวัญดี ๆ ให้คุณปู่แล้วล่ะ”“เธอไม่มีเรื่องอื่นจะคุยกับคุณท่านแล้วรึไง” หลินเหมียวเหมียวถาม “ผลงานชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่? ”“น่าจะประมาณห้าล้านกว่าล่ะมั้ง”หลินเหมียวเหมียวตกใจ “ห้าล้านกว่าบาท?! เธอไปเอาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนั้น? ”“เป็นเงินออมในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้แหละ” อวิ๋นซูถอนหายใจ “คุณปู่ใจดีกับฉันมาก แต่ฉันกลับผิดต่อท่าน ไม่สามารถเป็นหลานสะใภ้ของท่านได้ ผลงานชิ้นนี้ก็ถือซะว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากใจของฉัน เพื่อเป็นการชดเชย”“แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรโทษเธอหรอก! ”อวิ๋นซูขัดจังหวะหลินเหมียวเหมียว “เหมียวเหมียว การประมูลกำลังจะเริ่
อวิ๋นซูกลับมายังที่นั่ง ใบหน้าของเธอดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดหลินเหมียวเหมียวก็เห็นเมิ่งเหยาเดินบนรองเท้าส้นสูงกลับมาด้วยเช่นกัน เธอถามอย่างรวดเร็วว่า “เมิ่งเหยารังแกเธอหรือเปล่า? ”ขณะที่พูดก็ลุ่งขึ้นด้วย เธอพร้อมที่จะเดินไปทางเมิ่งเหยาอวิ๋นซูรีบจับหลินเหมียวเหมียวเอาไว้ แล้วพูดว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น”“แล้วทำไมหน้าเธอถึงได้ดูไม่สบอารมณ์ขนาดนี้ล่ะ? ”อวิ๋นซูลูบที่แก้ม “ท้องของฉันรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”“ไปโรงพยาบาลหน่อยไหม? ”อวิ๋นซูยิ้มและพูดว่า “ไม่ร้ายแรงขนาดนั้น อาจเป็นเพราะเพิ่งดื่มชานมไป เลยทำให้ทางเดินอาหารรับไม่ไหว อีกสักพักเดี๋ยวก็หายเองแหละ”หลินเหมียวเหมียวขมวดคิ้ว “เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นเธอจะเป็นอะไรแบบนี้เลยหนิ เองงี้ไหม ฉันจะขอให้พนักงานเอาน้ำร้อนมาให้”“ได้” ตราบใดที่หลินเหมียวเหมียวไม่ไปหาเมิ่งเหยา อวิ๋นซูก็เห็นด้วยทั้งหมดหลินเหมียวเหมียวไปหาพนักงาน อวิ๋นซูเองก็นั่งอยู่ที่นั่น ลูบมือของตัวเองอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อต้องการแต่งงานกับเมิ่งเหยาจริงๆเธอคิดว่า ผู้ชายที่ฉลาดและมีความสามารถอย่างอารองของเฮ่อหย่วนเจ๋อ จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่มีการศึกษาดี มีเหตุผล อ
แม้แต่หลินเหมียวเหมียวก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของอวิ๋นซู และลดเสียงเสียงต่ำลง “ที่รัก นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ”ต่อให้จะชอบภาพเขียนนี้มากแค่ไหน ก็ไม่ควรจ่ายในราคาสูงขนาดนี้เธอไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?แต่อวิ๋นซูมองดูเมิ่งเหยาที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ตรงหน้าอย่างสงบ และตบหลังมือของหลินเหมียวเหมียว “อย่ากังวลไป เดี๋ยวก็มีคนจ่ายเงินให้เราเองแหละ”หลินเหมียวเหมียวรู้สึกงงงวยขณะที่เธอกำลังจะถาม เมิ่งเหยาที่อยู่แถวหน้าก็คว้าป้ายแล้วโพล่งออกมา “ร้อยล้าน! ”หลังจากสิ้นสุดเสียง เธอถึงได้สูดลมหายใจเข้าได้ในที่สุด เชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ และมองไปที่อวิ๋นซูอวิ๋นซูยิ้มเบา ๆ และภายใต้การจ้องมองของทุกคน เธอวางมือบนป้าย แต่ไม่ได้ยกขึ้นพิธีกรบนเวทีรอนานกว่าหนึ่งนาที ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเสนอราคาอีก และพูดว่า “ร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง! ”“ร้อยล้านครั้งที่สอง! ”“ร้อยล้านครั้งที่สาม! ”“......”เสียงเคาะครบสามครั้งเมิ่งเหยาซื้อภาพงานเขียนอักษรจีนของจ้าวจือเชียนในราคาหนึ่งร้อยล้านทุกคนในงานมองหน้ากันด้วยความสับสน มองเมิ่งหยาวราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนที่กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบเม