@เพนท์เฮาส์แกร๊กอังเดรเปิดประตูเข้ามาในที่พักโดยมีลูเซียร์เดินตามเข้ามาติดๆ มาเฟียหนุ่มเดินตรงไปยังตู้เย็นเพื่อหยิบเบียร์ออกมาดื่ม ระหว่างยืนกระดกเบียร์กระป๋อง มือได้เขี่ยเล่นโทรศัพท์ไปด้วย บางอย่างที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ทำให้สายตาคมเข้มพลันไปมองอัตโนมัติL_Lucia ได้กล่าวถึงคุณในสตอรี่เขากดเข้าไปดูสตอรี่อินสตาแกรมของลูเซียร์ที่แท็กบางอย่างเข้ามาในอินสตาแกรมของเขา พอกดเข้ามาดูพบว่าเธอได้ถ่ายรูปตัวเองที่สวมใส่สร้อยเพชรแล้วนำลงสตอรี่อินสตราแกรมโดยแท็กมาให้เขารับรู้ด้วย"เธอแท็กมาเหรอ?" ทั้งที่รู้แต่ก็เลือกที่จะถามลูเซียร์ซึ่งกำลังหยิบน้ำเปล่าออกจากตู้เย็นมาดื่ม"ค่ะ พี่เดย์ไม่ชอบให้ใครแท็กหาเหรอคะ?""นอกจากเพื่อนฉันแล้วก็ไม่เคยมีใครทำแบบนี้""ถ้าพี่เดย์ไม่ชอบที่เซียร์ทำแบบนี้ เดี๋ยวเซียร์ลบแล้วลงใหม่ก็ได้ค่ะ" "ไม่ได้ไม่ชอบ""แต่เมื่อกี้พี่เดย์พูดเหมือนไม่ชอบให้ใครแท็กหาเลยนะคะ""ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ มีแต่เธอเองนั่นแหละที่คิดเองเออเองทั้งหมด""ใครจะไปรู้ล่ะคะ เห็นพูดด้วยแววตานิ่งๆ แบบนั้น เซียร์ก็นึกว่าพี่เดย์ไม่ชอบซะอีก""หึ..." เขาเพียงแค่ส่งเสียงเบาๆ ในลำคอให้กับประโยคนั้นของลูเ
ลูเซียร์ก้าวขึ้นมานั่งคร่อมบนร่างกายคู่หมั้นหนุ่ม มือเล็กจับแก่นกายขนาดใหญ่จ่อมายังกายสาว จากนั้นค่อยๆ ดันร่างบางลงมากระทั่งแก่นกายได้เข้ามาอยู่ในร่างกายของตัวเอง สร้างความอึดอัดปนเสียวซ่านให้เธอในเวลาเดียวกัน"อึก..." เธอวางมือเล็กทั้งสองสัมผัสลงหน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามของอังเดร ความรู้สึกต่างๆ ที่ประเดประดังเข้ามาเล่นงานในคราเดียวทำให้เธอไม่กล้าเคลื่อนไหวร่างกายไปไหน"ทำไมไม่ขยับ" เขาเอ่ยถาม เมื่อลูเซียร์เอาแต่นั่งแช่อยู่แบบนั้นไม่ยอมขยับอะไร"ขอทำใจก่อนได้ไหมคะ" "ทำใจ?" เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงเอ่ยถามด้วยความมึนงง เธอจะมาทำใจอะไรเอาตอนนี้อีก สอดใส่เข้ามาแล้วแท้ๆ แต่ไม่ยอมขยับตรงนั้นสักที ภายในร่องรักคับแคบที่กำลังตอดรัดแก่นกายสร้างความทรมานให้แก่ตัวเขาไม่น้อย"ค่ะ" "ทำใจทำไม" ถ้าลูเซียร์ยังไม่ขยับ เขาจะจับเธอกระแทกเองแล้วนะ ขืนนั่งแช่แบบนี้ไปนานๆ มีหวังได้เสร็จก่อนพอดี"เวลาเซียร์ออนท็อปให้พี่เดย์ มันเสียวแล้วก็จุก เซียร์เลยอยากทำใจก่อน""จะทำเองหรือให้ฉันกระแทกเข้าไป?"ลูเซียร์ทำหน้ามุ่ยเมื่ออังเดรขู่กลับด้วยคำพูดเดิมๆ เธอเชื่อว่าเขาไม่ได้แค่ขู่เท่านั้น แต่เขา...ทำจริง"ทะ...ท
@18.15 น.ณ คฤหาสน์ครอบครัวอังเดร"สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณป้า" ลูเซียร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม พร้อมยื่นของขวัญให้กับปรีญาร์ แม่ของคู่หมั้นหนุ่ม ปรีญาร์ได้ยินลูเซียร์เรียกแทนตนด้วยสรรพนามว่า 'คุณป้า' ก็อดทำคิ้วขมวดไม่ได้ เคยบอกหลายครั้งแล้วว่าให้เรียก 'คุณแม่' แต่อีกฝ่ายกลับยังคงเอ่ยเรียกตนเช่นเดิม"บอกให้เรียกว่าแม่ ยังจะมาเรียกคุณป้าอีก" "ขอโทษค่ะ พอดีเซียร์ไม่ค่อยชินเท่าไร" เธอพูดพร้อมยิ้มแหยๆ ให้แม่ของอังเดร บ่อยครั้งที่ต้องเรียกด้วยสรรพนามแบบนั้น เธอมักเกิดอาการประหม่าทุกที ทั้งที่ควรชินเพราะครอบครัวเธอและครอบครัวอังเดรสนิทกันตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ดูเหมือนพอเธอเลื่อนสถานะจากลูกสาวเพื่อนสนิท ขึ้นมาเป็น 'คู่หมั้น' ของอังเดร พอได้อยู่ต่อหน้าอนาคินและปรีญาร์ก็เริ่มมีอาการประหม่า ไม่ชินอย่างที่เห็น"ต่อไปนี้ก็เรียกพวกเราว่าคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว เรียกคุณลุงคุณป้ามันดูห่างเหินกันเกินไป" ปรีญาร์บอกลูเซียร์ด้วยรอยยิ้ม "เซียร์จะพยายามเรียกให้ชินนะคะ""พวกเราเข้าไปนั่งคุยกันดีๆ ที่ห้องนั่งเล่นดีกว่านะ กว่าอาหารจะเสร็จคงอีกนาน" อนาคินพูดขึ้นมา"แม่เห็นด้วยกับพ่อนะ หนูเซียร์จ๊ะ เดินไปกับแม่นะ" ปรีญาร์ห
"ฉันเองก็ไม่ชอบการจากลาเหมือนกันโดยเฉพาะการจากลาที่ไม่ได้แม้แต่จะร่ำลากัน""ขอโทษนะคะที่วันนั้นไม่ได้มาลาพี่เดย์ด้วยตัวเอง" พอได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น ก็อดทำให้หวนนึกถึงวันที่ตัวเองบินกลับนิวยอร์กกะทันหันโดยไม่ได้ร่ำลาอังเดรสักคำ แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว หาแต่เรื่องนี้กลับไม่ค่อยเลือนหายออกไปจากความทรงจำของเธอ"ช่างเถอะ มันผ่านไปนานแล้ว""ให้เซียร์อธิบายเรื่องที่บินกลับนิวยอร์กในวันนั้นได้ไหมคะ ถ้าหากเซียร์ยังเก็บมันเอาไว้แบบนี้โดยไม่ได้อธิบายให้พี่เดย์ฟัง...มันคงค้างคาใจเซียร์แบบนี้ไปตลอด" เธอเอียงใบหน้าไปพูดกับเขาพร้อมกับคาดหวังว่าเขาจะรับฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด"อืม ก็ได้" สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมให้ลูเซียร์ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้น แม้ไม่อยากขุดคุ้ยอดีตขึ้นมาอีก แต่ถ้าหากไม่ยอมให้เธอได้อธิบาย มันก็คงค้างคาใจเธออยู่แบบนี้"ที่เซียร์ต้องบินกลับนิวยอร์กในวันนั้นกับคุณพ่อโดยไม่ได้บอกลาพี่เดย์ เพราะคุณแม่ป่วย ถูกหามส่งโรงพยาบาลกะทันหัน พอไปถึงที่นั่นก็พบว่าคุณแม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน"เขายืนฟังสิ่งที่ลูเซียร์พูดเงียบๆ ไม่คิดว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้ลูเซียร์ต้องบินกลับนิวยอร์กกะทันหั
วันต่อมา@บริษัทอังเดรก๊อก ก๊อก~"เข้ามา"แกร๊กเจ้าของเสียงเคาะประตูเปิดประตูเข้ามา หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้องทำงาน หญิงสาวเดินถือถุงของกินมาวางลงโต๊ะกระจกพร้อมกับกระเป๋าสะพายจากแบรนด์ดังลงโซฟาสายตาเหลือบมองไปยังคู่หมั้นหนุ่มซึ่งกำลังนั่งใช้สองมือประคองศีรษะตัวเองและวางศอกทั้งสองไว้บนโต๊ะทำงาน "พี่เดย์เป็นอะไรรึเปล่าคะ" เธอเอ่ยถาม พลางเดินตรงเข้าไปดูเขาด้วยความเป็นห่วงอังเดรเลื่อนสายตามามองมือเล็กที่วางลงบนไหล่ ก่อนช้อนสายตาขึ้นไปมองคู่หมั้นสาวที่มองตัวเองด้วยความเป็นห่วง "เปล่า" เขาตอบกลับลูเซียร์สั้นๆ "หน้าพี่เดย์ซีดๆ นะ ไม่สบายรึเปล่าคะ""สบายดี" คนฟังย่นคิ้วใส่อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่คนตรงหน้าตอบกลับมา ใบหน้าซีดเซียวราวคนป่วยขนาดนี้ ยังปฏิเสธมาได้ว่าไม่เป็นอะไร"แน่ใจเหรอคะว่าสบายดี?""จะมาจับผิดอะไรฉันนักหนา บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่เป็นสิ" อังเดรยังคงเลือกที่จะโกหกคู่หมั้นสาว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวเองเพิ่งอาเจียนไปหมาดๆ แถมตอนนี้ยังรู้สึกเวียนหัว แค่ไม่อยากให้เธอต้องมาคอยเป็นห่วง เลยเลือกที่จะโกหก"เซียร์ไม่ใช่เด็กนะคะที่พี่เดย์จะมาโกหกได้""....""เซียร์แยกออกว่าอัน
คนตัวเล็กนั่งเหม่อลอยท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มภายในไนต์คลับชื่อดัง แม้เสียงเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่จะสนุกสนานมากแค่ไหน แต่ทว่ามันกลับไม่ได้ช่วยดึงเธอออกจากภวังค์ความคิดได้เลย ดวงตาคู่สวยจ้องมองน้ำสีเหลืองอำพันของแก้วในมือด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประเดประดังเข้ามาทำให้เธอรู้สึกกลัดกลุ้มหัวใจ ในหัวเอาแต่คิดเรื่องอังเดร ตั้งแต่เธอบอกเรื่องกลับนิวยอร์กกับเขา เขาก็ไม่พูดไม่จาอะไรกับเธอ ซึ่งมันทำให้เธอหวนนึกถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อน "ยัยเซียร์ ลูเซียร์!""วะ...ว่าไง" เธอหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดเมื่อโดนปันปันเขย่าแขนเพื่อเรียกเธอ"แกเป็นอะไรเนี่ย เห็นนั่งเหม่อลอยมาตั้งนานแล้ว""เปล่า..." เธอตอบกลับไปสั้นๆ แล้วหลบสายตาปันปัน พลางยกน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมาดื่ม"เคยบอกแล้วไงว่าแกโกหกไม่เนียน""เวลาแกโกหก แกจะชอบหลบสายตา" นิวเยียร์เสริมขึ้นมา หลังจากปันปันพูดจบ"กำลังเครียดหรือทุกข์ใจเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า ระบายออกมาให้พวกฉันฟังได้นะ พวกฉันยินดีรับฟังแกทุกเรื่องเลย" ชมพูเอ่ยขึ้นมาอีกคน แววตาลูเซียร์ตอนนี้เหมือนคนกำลังแบกความทุกข์ใจบางเรื่องเอาไว้ ปกติเวลานัดเจอกัน ลูเซียร์จะพูดเยอะและหยอกล้อเพื
"อื้อ..." อังเดรส่งเสียงในลำคอออกมาเบาๆ หลังจากนอนสลบไปหลายชั่วโมง สายตาคมเข้มกวาดมองไปรอบๆ สถานที่แปลกใหม่ ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไออุ่นจากฝ่ามือของใครบางคนที่กุมมือตัวเองเอาไว้ ทำให้มาเฟียหนุ่มเคลื่อนสายตาไปมองเขามองลูเซียร์ซึ่งนอนหลับฟุบอยู่ข้างๆ โดยมือนั้นได้กุมมือของเขาเอาไว้ เขานอนมองใบหน้าสวยหวานนิ่งๆ ความรู้สึกมากมายประเดประดังเข้ามาปั่นป่วนหัวใจแกร่งจนรู้สึกว้าวุ่น 'อีกสองวันเซียร์จะต้องบินกลับนิวยอร์กแล้วนะคะ''เซียร์บินกลับนิวยอร์กคราวนี้ เซียร์ไม่ได้ลืมบอกพี่เดย์เลยนะ ถึงวันบินเมื่อไหร่ เซียร์ก็จะมาลาพี่เดย์อีก...ตกลงไหมคะ'ประโยคที่เธอพูดกับเขายังคงดังก้องในหัว ความจริงเขาควรดีใจที่เธอบินกลับนิวยอร์ก แต่ทำไมพอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่รู้สึกดีใจอะไรเลย"อื้อ..." คนตัวเล็กที่หลับใหลมาเนิ่นนานเริ่มตื่นขึ้นมา เปลือกตาค่อยๆ เปิดออกอย่างยากลำบาก ใบหน้าหล่อเหลาของคู่หมั้นหนุ่มสะท้อนเข้ามาในนัยน์ตาสีน้ำตาลละมุน หญิงสาวดึงศีรษะตัวเองออกจากแขนเล็กที่นอนหนุนมาทั้งคืนเพื่อเฝ้าอังเดร"เป็นยังไงบ้างคะ รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวานไหม""ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" เขาไม่ตอบแต่เอ
เธอเดินมานั่งรอลาเต้เย็นและขนมปังครัวซองต์ที่เพิ่งสั่งกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ไปหมาดๆ พลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่แก๊งเพื่อนสนิทอังเดรพูดคุยกันไปก่อนหน้านี้ ยอมรับว่าตอนได้ยินครั้งแรกแอบตกใจเหมือนกัน เธอเคยได้ยินเรื่อง 'สามีแพ้ท้องแทนภรรยา' ผ่านหูมาบ้าง พอเจอเหตุการณ์นี้กับตัวเอง เริ่มทำให้พลอยคิดว่า หรือเธอจะท้องจริงๆ เธอสลัดไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัว พยายามมองโลกในแง่ดีว่าตัวเองอาจไม่ท้องก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดหวนกลับไปคิดเรื่องนั้นอีกไม่ได้อีกอยู่ดี"อ้าวเซียร์ มาทำอะไรที่นี่เหรอ?" เสียงทุ้มของใครบางคนทำให้เธอที่กำลังนั่งคิดเรื่องนั้นหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด"พี่ภูริช..." เธอเงยหน้าขึ้นมองภูริชที่หย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม คาดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่โรงพยาบาล"บังเอิญจังเลยนะ ไม่คิดว่าจะเจอเซียร์ที่โรงพยาบาล""เหมือนกันค่ะ""แล้วนี่มาทำอะไรเหรอ หรือแค่ผ่านมาซื้อกาแฟเฉยๆ?""พอดีพี่เดย์ไม่สบายน่ะค่ะ ต้องนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล แล้วพี่ภูริชล่ะคะ มาทำอะไรที่นี่""พี่สาวพี่ลืมของเอาไว้ที่บ้าน พี่เลยต้องขับรถเอามาให้ที่โรงพยาบาลน่ะ" "พี่สาวพี่ภูริชทำงานที่โรงพยาบาลนี้เหรอคะ?""ใช่ เป
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหมับลูเซียร์เดินเข้ามากอดคนรักซึ่งกำลังยืนทำอาหารเช้าในห้องครัว "หอมจัง..." "ตื่นแล้วเหรอ" เขาหันไปพูดกับลูเซียร์ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมามองข้าวต้มกุ้งซึ่งเป็นของโปรดคนข้างหลัง"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกเซียร์ล่ะคะ""เห็นเซียร์กำลังหลับสบายเลยไม่อยากกวน"เธอไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายกลับ ยืนชะโงกใบหน้ามองข้าวต้มกุ้งที่อังเดรกำลังทำอย่างตั้งใจเงียบๆ ระหว่างนั้นก็แอบลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของคนรักเป็นระยะด้วยความหลงใหลเธออยากเก็บเขาไว้ดูแบบนี้คนเดียว เวลาเห็นผู้หญิงมองเขาอย่างให้ความสนใจ เธอก็อดเกิดอาการหวงขึ้นมาไม่ได้"เซียร์ไปนั่งรอที่โต๊ะนะ เดี๋ยวพี่ยกข้าวต้มไปให้""เซียร์อยากช่วยถือ""ไปนั่งรอ เดี๋ยวพี่ทำเอง" "กลัวเซียร์ซุ่มซ่ามทำถ้วยข้าวต้มหลุดมือเหรอคะ" "หึ...เปล่า แค่ไม่อยากให้ทำเพราะพี่อยากทำให้ ตอนนี้เซียร์กำลังท้องอยู่ อุ้มท้องอย่างเดียวก็พอ เดี๋ยวอย่างอื่นพี่ทำให้เอง""น่ารักจัง" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม อังเดรหมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็ก มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหาแล้วประทับริมฝีปากลงหน้าผากบาง สัมผัสอ่อนโยนจากมาเฟียหนุ่มพล
หลายวันต่อมา@บริษัทอังเดรแกร๊กลูเซียร์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของอังเดรหลังจากที่ขอเขาลงไปซื้อของกิน ริมฝีปากสีระเรื่อเตรียมขยับเพื่อทักทายคนรัก แต่ทว่าต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นเขากำลังนั่งคุยกับอนาคินคนเป็นพ่อ จากที่ต้องทักทายอังเดร กลับกลายเป็นทักทายพ่อคนรักแทน"สวัสดีค่ะคุณละ...เอ่อ..คุณพ่อ" เธอเกือบพลั้งปากเรียกอนาคินว่า 'คุณลุง' อย่างที่เคยเรียกชินปาก ดีที่ดึงสติกลับมาได้ทันจึงไม่ได้เอ่ยคำๆ นั้นออกมา"หนูเซียร์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ""ค่ะ พอดีว่าเซียร์ลงไปซื้อของกินมาน่ะค่ะ""อืม ได้ยินอังเดรบอกว่าทั้งสองคนคืนดีกันแล้วเหรอ""ใช่ค่ะ พี่เดย์เขาบินไปง้อเซียร์ถึงนิวยอร์กเลย""อะแฮ่ม.." เขากระแอมในลำคอเพื่อปรามไม่ให้ลูเซียร์พูดถึงเรื่องนั้น แต่คงไม่ทันการณ์เสียแล้ว"หนูเซียร์มานั่งเล่าตอนเจ้าเดย์ง้อให้พ่อฟังทีสิ นานๆ ทีจะเห็นลูกชายง้อผู้หญิง""ได้ค่ะ" เธอยิ้มและตอบรับอย่างไม่ปฏิเสธโดยไม่สนใจสีหน้าที่กำลังไม่พอใจของอังเดร ในอดีตเขาทำกับเธอไว้เยอะ คราวนี้ตาเธอเอาคืนแล้ว"ถ้าพ่อหมดธุระกับผมแล้วก็กลับไปได้แล้ว""ฉันยังไม่อยากกลับ นานๆ ทีจะมาบริษัทแก ขออยู่นานๆ ก่อนสิ" อนาคินหันไปมองลู
วันต่อมาลูเซียร์นั่งมองคนเป็นพ่อซึ่งกำลังเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับคนรักใหม่ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์และรู้สึกเสียดาย การหย่าร้างของพ่อแม่ในครั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะตกลงว่ายังคงทำหน้าที่พ่อและแม่ให้เธอเหมือนเดิม มาฉลองด้วยกันทุกเทศกาลและวันสำคัญของเธอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกเสียดายช่วงเวลาดีๆ ที่ครอบครัวเคยทำด้วยกันและเกิดความคิดไม่อยากให้พ่อแต่งงานใหม่ เธอรู้ดีว่าพ่อแม่แต่งงานกันเพราะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจับคลุมถุงชน ทั้งสองคนอาจมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน แต่ใช่ว่าจะรักกันเหมือนคู่รักอื่นๆ ใครบอกว่าความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก น้อยคนนักที่จะโชคดีดังคำพูดนั้นแต่ก็นะ...ในเมื่อพ่อเจอความสุขของตัวเองแล้ว เธอก็ควรยินดีและยอมรับในการตัดสินใจของพ่อ "คุณแม่ไม่รู้สึกเสียดายคุณพ่อเหรอคะ?" เธอเอ่ยถามคนเป็นแม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า"แม่เคารพการตัดสินใจของพ่อ อีกอย่าง ต่อให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมก็พลอยแต่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่มีความสุขเปล่าๆ""....""แม่รู้ว่าเซียร์เสียใจ พวกเราสองคนเองก็เสียใจที่ต้องให้ลูกรู้ว่าพวกเราไม่สามารถไปต่อกันได้อีกแล้ว""นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เซียร์เห็นคุณพ
อังเดรและลูเซียร์เดินจูงมือกันเข้ามายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งของตัวเมืองนิวยอร์กในช่วงหนึ่งทุ่ม ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องอาหารสำหรับวีไอพีโดยมีชายชุดดำสองคนยืนเฝ้า เมื่อชายชุดดำเห็นอังเดรและลูเซียร์มาถึงจึงเปิดประตูออกให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องอาหารวีไอพีซึ่งมีครอบครัวของลูเซียร์นั่งคอยอยู่ ความจริงเลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว แต่อังเดรเกิดมีอาการคลื่นไว้อาเจียนขึ้นมากะทันหันทำให้มาเลทจากเวลานัดราวยี่สิบนาที"สวัสดีครับ" เขาเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้พ่อและแม่ของลูเซียร์ เคยเจอครอบครัวลูเซียร์มาก็หลายครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย"ขอโทษที่มาช้านะคะ""ไม่เป็นไร พ่อกับแม่ก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เหมือนกัน" พ่อของลูเซียร์เป็นคนเอ่ยพูด "สั่งอาหารกันแล้วเหรอคะ?""ยังเลย กะจะรอสั่งตอนเซียร์และเดย์มาถึงแล้ว" แม่ของลูเซียร์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเห็นลูกสาวและอังเดรอยู่ด้วยกันแบบนี้เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้นลูเซียร์บอกว่าอยากถอนหมั้น และหลังจากจบจากงานแต่งคนเป็นพ่อ ลูเซียร์ก็จะบินไปที่ปารีสทันที แต่เหมือนว่าตอนนี้ลูกสาวเธอจะเปลี่ยนใจแล้ว...ทั้งสี่คนเริ
หมับมาเฟียหนุ่มเดินมาสวมกอดลูเซียร์ที่กำลังยืนรับลมชมวิวอยู่ระเบียงที่พักจากข้างหลัง หญิงสาวแอบสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะอีกฝ่ายมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง "คิดอะไรอยู่เหรอ""ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แค่เห็นว่าตรงนี้วิวสวยดีเลยออกมาดู" ไออุ่นจากอ้อมกอดเขาพลอยทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่อังเดรกอดเธอด้วยความอ่อนโยนแบบนี้"กลับไทยเมื่อไหร่ เดี๋ยวพาไปฝากครรภ์นะ""ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ก่อนจะก้มมองมือหนาที่เลื่อนมาสัมผัสหน้าท้องแบนราบของเธอราวกับกำลังทักทายอีกหนึ่งชีวิตในท้อง"คิดไม่ถึงเลยว่าวันนึงจะมีลูกเป็นของตัวเอง จากเคยได้ยินลูกของตินและแม็กซ์เรียกพวกมันสองคนว่าพ่อ ใครจะคิดล่ะว่าวันนึงตัวของฉันเองก็กำลัง...กลายเป็นพ่อคนแล้วเหมือนกัน""พี่เดย์รู้สึกยังไงบ้างคะตอนที่รู้ว่ากำลังกลายเป็นพ่อคน""ทั้งอึ้งและช็อก แต่หลังจากนั้นก็ดีใจและตื่นเต้นที่ตัวเองกำลังมีลูก""ตอนแรกเซียร์คิดว่าพี่เดย์จะรับไม่ได้ที่มีลูกกับเซียร์ซะอีก" เธอพูดออกมาเสียงแผ่ว ก่อนหน้าที่เขาพาเธอไปโรงพยาบาล เธอแอบกลัวว่าถ้าผลออกมาว่าเธอท้อง อังเดรอาจจะรับไม่ได้ คงทิ้งเธอและลูกไป แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่อย
"ความจริงแล้วเธอไม่เคยรักฉันข้างเดียวเลยนะ"กึก...สิ่งที่อังเดรได้เอื้อนเอ่ยออกมาทำให้ลูเซียร์ที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งชะงักลงไปอัตโนมัติ ใบหน้าสวยหวานเปื้อนเขรอะด้วยน้ำตาเคลื่อนมามองคู่หมั้นหนุ่มพร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นแรงเธอไม่อยากคาดหวังอะไรจากคำพูดนั้นของเขาเลย แต่ในขณะที่อีกใจก็เผลอคาดหวังไปแล้ว แววตาที่เขากำลังมองมาต่างไปจากทุกวันโดยสิ้นเชิง จากเคยมีแค่ความว่างเปล่าและเดาอะไรไม่ได้ ตอนนี้กลับมีอีกความรู้สึกจุดประกายออกมาอย่างไม่ปิดบัง"เธอไม่เคยรักฉันแค่ข้างเดียวเลยนะลูเซียร์""มะ...หมายความว่ายังไงคะ" ตอนแรกเธอเผื่อใจเอาไว้ พยายามไม่คาดหวังมากเกินไป แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ออกมา เธอกลับคาดหวังไปมากจนไม่สามารถเผื่อใจเอาไว้ได้"จอดรถก่อน" เขาหันไปสั่งไทจิไทจิเมื่อได้รับคำสั่งก็ตบไฟเลี้ยวเพื่อหาที่จอดรถ ไทจิและโซลเปิดประตูลงไปรอเจ้านายนอกรถ ปล่อยให้อังเดรและลูเซียร์ได้คุยกันตามลำพัง"จำตอนเด็กๆ ที่เธอบอกว่าอยากแต่งงานกับฉันได้ไหม""จำได้ค่ะ""หลังจากเธอกลับบ้านไป ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันไปบอกพ่อกับแม่ ว่าโตขึ้นอยากแต่งงานกับเธอ อยากใช้ชีวิตคู่กับเธอไปจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง"เธอนั่
ปัง!"อึก...อ้วก~" ร่างสูงวิ่งตรงไปยังห้องน้ำของห้องพักในโรงแรมที่พักอยู่กับลูเซียร์ อัวเดรเปิดประตูห้องน้ำอย่างแรงจนกระแทกกับผนังหนา ก่อนที่จะเข้าไปโก่งคออาเจียนลงชักโครกอย่างห้ามสิ่งที่ดันขึ้นมากองบนคอหอยไว้ไม่ได้อาหารที่ทานเข้าไปก่อนหน้านี้ถูกขับออกมาจนแทบหมดไส้หมดพุง ลูเซียร์วิ่งตามคู่หมั้นหนุ่มเข้ามาในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง เธอยกมือลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ ก่อนหน้านั้นนั่งทานอาการกันดีๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งขึ้นมาบนที่พัก อังเดรก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างที่เห็น "พี่เดย์ไหวไหมคะ""ไหว..." เขาเอียงใบหน้าไปตอบลูเซียร์ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะหันไปโก่งคออาเจียนอีกรอบแทบไม่ทัน"เซียร์ว่าพี่เดย์ไปหาหมออีกรอบดีไหมคะ ให้หมอเขาตรวจให้ละเอียดว่าพี่เดย์เป็นอะไรกันแน่" เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกมาเป็นการปฏิเสธ บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาป่วยกะทันหันแบบนี้ได้ ปกติเขาออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ แถมร่างกายยังแข็งแรงไม่ใช่คนป่วยง่ายขนาดนี้ ผิดกับคราวนี้ ที่อยู่ดีๆ ก็มีอาการแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากอาเจียนเสร็จ อังเดรดึงตัวเองขึ้นจากพื้นพลางเอื้อมมื
หลายชั่วโมงต่อมาคนตัวเล็กที่นอนหลับใหลบนเตียงนอนหนานุ่มขนาดใหญ่เริ่มขยับตัวไปมา เปลือกตาสีขาวค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก ข้างกายที่เคยมีคู่หมั้นหนุ่มซึ่งนอนด้วยกันมาตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของเขาคนนั้นเธอดึงตัวเองขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงในอาการง่วงซึมพลางยกมือขึ้นมาขยี้ดวงตาตัวเองเบาๆ หลังจากนั้นจึงกวาดสายตามองหาอังเดร แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเช่นเดิม เริ่มคิดแล้วว่าเรื่องราวก่อนหน้านั้นคือความจริงหรือความฝัน ทว่าช่วงล่างที่รู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยมันทำให้เธอได้คำตอบว่า...นี่ไม่ใช่ความฝัน"ถ้าเขาอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วเขาหายไปไหนแล้ว...ช่างเถอะ" เธอสะบัดไล่ความคิดที่อยู่ในหัวออก ก่อนจะเหวี่ยงขาทั้งสองข้างลงจากเตียงนอนแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าหลังจากเสร็จจากตรงนั้น เธอเดินออกมาจากห้องน้ำออกมานอกห้องนอน แต่ทว่าต้องชะงัก เมื่อสายตาพลันเห็นคนที่ตัวเองมองหาตอนตื่นนอนใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้เขากำลังยืนกินมะม่วงคนเดียวตรงเคาน์เตอร์ครัวเขาไม่ได้หายไปไหน...แต่แค่ออกมาหาอะไรกินเท่านั้น"ตื่นแล้วเหรอ" เขาเอ่ยทักทายลูเซียร์พลางยกมะม่วงขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย"พี่เดย์เอาม
@นิวยอร์ก ณ โรงแรมระดับห้าดาวเธอก้าวขาลงจากรถหรูที่คุณพ่อส่งมารับถึงสนามบิน โดยมีคนขับรถของคุณพ่อเดินมาเปิดประตูรถให้ เธอยิ้มให้ชายในชุดสูทสีดำอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินตามพนักงานที่มารอต้อนรับเข้าไปข้างใน โรงแรมนี้เป็นของคุณพ่อซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองนิวยอร์ก เธอเป็นคนเลือกเองว่าจะพักที่โรงแรมแทนที่บ้าน เพราะยังทำใจเรื่องที่พ่อแม่หย่ากันไม่ได้อยู่นิดนึง เลยเลือกพักที่โรงแรม เธอเดินตามพนักงานโรงแรมมายังห้องพักระดับวีไอพีแถมยังเป็นห้องสวีทอีกต่างหาก เธอไม่ได้จัดการเรื่องห้องพักเพราะคุณพ่อทำให้เรียบร้อยทุกอย่าง"ขอบคุณนะคะ" เธอพูดกับพนักงานที่ช่วยถือกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้องด้วยภาษาอังกฤษ"ยินดีครับ" พนักงานชายของโรงแรมตอบกลับ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องพักลูเซียร์ เธอวางกระเป๋าสะพายลงโซฟา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนอนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาร่วมหลายชั่วโมง เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ในจังหวะกำลังเคลิ้มหลับ เสียงปลดล็อกประตูจากสักที่ของที่พักก็ดังเข้ามาในหู ทำให้เธอลืมตาขึ้น"มาถึงเหนื่อยๆ อาบน้ำสักหน่อยได้ไหม" เสียงเข้มคุ้นเคยที่ดังเข้ามาในหูทำให้ลูเซียร์มองหาต้นเ