บ้านคิงส์ “อ้าวทำไมถึงไม่นั่งลงกินข้าวล่ะ มีแต่ของน่าอร่อยทั้งนั้นเลยนะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยืนนิ่งไม่นั่งเหมือนอย่างที่เคยทำ“นายไม่รู้เหรอว่าฉันแพ้กุ้ง ฉันกินกุ้งไม่ได้” เธอบอกกับคิงส์ เขาทำหน้าตกใจก่อนจะให้แม่บ้านรีบมาเก็บอาหารที่มีส่วนผสมของกุ้งทุกอย่างออกไปจากโต๊ะอาหาร“ฉะ ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเธอแพ้กุ้ง”“นายนี่ก็น่าแปลกนะ บอกว่าอยู่กับฉันมาตั้งนานจนมีลูกด้วยกัน แต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย” พิงค์พูดขึ้นมา ถึงมันจะไม่ใช่คำด่าแต่ก็ทำเอาคิงส์ถึงกับหน้าชาไปเลย“ขะ ขอโทษ คือ…”“ไม่ต้องพูดละ ฉันจะไปต้มมาม่ากิน” พิงค์เดินเลี่ยงไปที่ครัว อาหารที่จะเตรียมมาในวันนี้ทุกอย่างมันมีกุ้งเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งเธอไม่สามารถกินได้เลยไม่ว่าจะกุ้งสดหรือกุ้งแห้ง“พิงค์คือฉัน…ฉันขอโทษ” คิงส์เดินตามเธอมาในครัว “ฉันไม่รู้ว่า…”“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเราคบกันรักกันได้ยังไงเพราะฉันเองก็จำไม่ได้ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับฉันเลย ฉันแพ้อาหารทะเลบางชนิดอย่างรุนแรง ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยถูกเพื่อนแกล้งเอากุ้งมาใส่ในกับข้าวให้ฉันกิน ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายแ
เวลาต่อมา “นี่มันอะไรกัน” พิงค์ยืนมองอยู่ที่หน้าบ้าน เมื่อบ้านของเธอถูกติดประกาศขายและไม่มีใครอยู่ในบ้านเลย“บ้านถูกประกาศขายไปแล้ว” คิงส์บอก“แล้วพ่อกับแม่ของฉันล่ะไปไหน ทำไมถึงประกาศขายแบบนี้ล่ะเกิดอะไรขึ้น” พิงค์หันไปถามด้วยความสงสัย เท่าที่เธอรู้พ่อกับแม่ของเธอรักบ้านหลังนี้มากเป็นไปไม่ได้ที่พ่อกับแม่ของเธอจะขายบ้านหลังนี้แล้วไปอยู่ที่อื่น“ฉันอยู่กับเธอตลอดเวลาจะไปรู้เหรอว่าพ่อกับแม่ของเธอไปไหน”“ทะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมทุกคนทิ้งฉันไปหมดเลยล่ะ” พิงค์ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ถึงแม้เธอกับพ่อแม่จะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ แต่คำว่าครอบครัวมันก็ยังติดอยู่ในใจของเธอและไม่มีทางที่จะลบมันออกไปได้ เพราะนั่นคือครอบครัวของเธอแต่ในตอนนี้ครอบครัวของเธอไม่มีไปแล้ว เหลือเพียงเธอคนเดียว“ฮึกกพ่อแม่ ทำไมต้องทิ้งพิงค์ไปด้วย”“พิงค์ลุกขึ้นก่อนนะ” คิงส์พยุงตัวของพิงค์ให้ลุกขึ้นไปที่รถ ก่อนจะขับพาเธอออกมาจากตรงนั้น“นายไม่รู้เลยเหรอว่าพ่อกับแม่ของฉันไปอยู่ที่ไหน”“ฉันไม่รู้” คิงส์ตอบเสียงแผ่ว“อือ ช่างมันเถอะ” พิงค์ปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะเบี่ยงหน้าหันออกไปที่หน้าต่าง
เวลาต่อมา พิงค์นั่งทนปวดหัวจนผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย ก่อนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงกุกกักอยู่ข้างหู“อือเดียร์ เดียร์” พิงค์เรียกหาเพื่อนสนิทเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมอง แต่กลับพบว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอไม่ใช่เดียร์แต่เป็นคราม เขามองหน้าของเธอพร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตา “คุณเป็นใคร แล้วเพื่อนของฉันไปไหน?”“เป็นยังไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่อีกหรือเปล่า” ครามเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง“ฉันถามว่าคุณเป็นใคร!” พิงค์ข่มเสียงพูดใส่คนตรงหน้า ทำเอาครามถึงกับหน้าเสียไปเลย “เดียร์ เดียร์”“เออ ๆ กูอยู่นี่” เพื่อนสาวของพิงค์เดินออกมาจากในครัว“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วเข้ามาอยู่ในห้องของมึงได้ยังไงผัวมึงหรอ”“มึงนึกดูดี ๆ สิอีพิงค์”“….” พิงค์หันมองหน้าของครามพร้อมกับขมวดคิ้วย่น พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าคนตรงหน้าคือใคร“เขาชื่อว่าครามเป็นผัวของมึงนั่นแหละ ส่วนผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ผัวของมึง”“…” สิ้นสุดคำพูดของเดียร์ พิงค์ก็หันหน้ามามองครามอีกรอบหนึ่ง “ผัวอย่างนั้นเหรอ”“เออ” เดียร์ตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในครัว“เธอเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่อีกหรือเปล
ตัดมาที่คิงส์ เมื่อรู้ว่าพิงค์หนีไปและได้เจอกับครามจนได้เขาก็ไม่พอใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะครามเตรียมตั้งรับเขาไว้อย่างดี ถ้าเข้าไปไม่ระวังตัวก็ตายสถานเดียว แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็จะเอาพิงค์กลับไปเป็นของเขาอีกให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยวิธีใดก็ตาม“กูจะเอาพิงค์กลับมาอยู่กับกูให้ได้ มึงต้องทุกข์ทรมานอีกไอ้คราม” คิงส์กำหมัดแน่นอย่างโกรธแค้น ก่อนจะรัวหมัดใส่กระสอบทรายตรงหน้าจนมือแตกเลือดอาบ“พิงค์เป็นของกู มึงไม่มีสิทธิ์ได้ตัวเธอ” ถึงแม้จะรู้ดีว่าพิงค์รักอยู่กับครามและลูกในท้องของเธอก็เป็นลูกของคราม แต่ในใจเค้าก็ยังอยากได้เธอกลับคืนมา ถึงมันจะเป็นการเห็นแก่ตัวก็ตาม“นายครับ”“มีอะไร!” คิงส์หันไปตอบห้วน ๆ ใส่ลูกน้อง เมื่อลูกน้องทะเล่อทะล่าเข้ามาตอนที่เค้ากำลังอารมณ์เสียอยู่“เอ่อ ที่บ่อนมีปัญหาครับ”“แล้วทำไมพวกมึงไม่จัดการกันเองวะ!?”“คือลูกค้าที่บ่อนบอกว่าอยากจะพบนายเป็นการส่วนตัวครับ ผมบอกกับเค้าแล้วว่านายไม่สะดวกพบใครแต่เค้าไม่ยอมครับ เค้าบอกว่าถ้านายไม่ยอมไปพบเค้าจะเอาตำรวจมาตรวจบ่อนของเราครับนาย”“ไอ้เวรนี่! อยากไปเยี่ยมยมบาลจริง ๆ สินะ” คิงส์เดินไปหยิบเสื้อคลุม จากนั้นก็ให้ลูกน้องรี
2 เดือนถัดมา “ป้าคะ ครามเค้าหายไปไหนเหรอคะ?” พิงค์เดินลงบันไดมาด้านล่าง เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าครามไม่ได้นอนอยู่ข้างเตียงเหมือนอย่างเคย“อ๋อ คุณครามบอกว่าจะไปเคลียร์งานที่คลับค่ะ เห็นว่าเป็นงานด่วนก็เลยต้องรีบไปจะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะมันเป็นงานของตัวเอง”“สงสัยจะเป็นงานด่วนจริง ๆ นะคะออกไปตั้งแต่พิงค์ยังไม่ตื่นเลย”“เดี๋ยวก็คงกลับมานั่นแหละค่ะ คุณพิงค์นั่งลงทานอาหารก่อนนะคะ”“พิงค์ยังไม่หิวเลยค่ะป้า ขอเป็นนมอุ่น ๆ ก่อนได้มั้ยคะ”“ได้เลยค่ะคุณพิงค์ เดี๋ยวป้าไปเอามาให้นะคะ”“ขอบคุณนะคะป้าศรี”ผ่านไปสักพัก พิงค์นั่งจิบนมอุ่น ๆ ไปเงียบ ๆ เพราะในบ้านไม่มีใครมีเพียงเธอกับป้าแม่บ้านสองคน ส่วนนอกบ้านลูกน้องของครามก็เดินวนเวียนกันอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายในบ้าน แต่พิงค์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอเองก็อยากจำเรื่องราวที่ผ่านมาให้ได้เร็ว ๆ ไม่ได้อยากอยู่แบบนี้ เพราะเธอจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน“เฮ้ลูกพี่” มีผู้ชายสองคนเดินเข้ามาทักทายเธอ จากท่าทางแล้วดูเหมือนว่าจะสนิทกับเธอมาก“พวกนายเป็นใครกัน?” พิงค์ถามอย่างงง ๆ“ผมไอ้ตี๋กับไอ้ไม้ไง ลูกน้องของลูกพี่เมื่อก่อนเราไปซ้อม
คิงส์ Talk ปัง!“อึก” ผมเบี่ยงตัวหลบกระสุนปืนของไอ้คิงส์ได้ทันเลยเฉี่ยวแค่แขนของผม ส่วนมันโดนผมยิงโดนไหปลาร้าพอดี สะบักสะบอมพอ ๆ กันเลย“นายครับถอยก่อนเถอะครับพวกเราบาดเจ็บกันเยอะมาก พวกมันเองก็ไม่กล้าตามหรอกครับเพราะบาดเจ็บกันเยอะเหมือนกัน”“ไม่!” ผมปฏิเสธลูกน้องเสียงแข็ง “วันนี้กูจะสะสางอยากให้จบสิ้น”“รีบกลับก่อนเถอะครับ เมื่อกี้ไอ้ตี๋มันโทรมาหาผมบอกว่าคุณพิงค์อยู่โรงพยาบาล”“ว่าไงนะ!” ผมทวนคำถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ“คุณพิงค์อยู่โรงพยาบาลครับ”“บ้าจริง!” ผมรีบวิ่งไปที่รถที่ลูกน้องจอดรออยู่ ครั้งนี้ถือว่ามึงยังมีบุญนะไอ้คิงส์ แต่ครั้งหน้ากูรับรองกูจะเป็นคนเอาปืนจ่อหัวกบาลมึงเองถ้าพิงค์ไม่เข้าโรงพยาบาลซะก่อนแน่นอนว่าผมจัดการไอ้คิงส์เก็บคนในองค์กรของมันไม่เหลือแม้แต่คนเดียวแน่นอน“ไอ้ตี๋มันโทรมาบอกว่าไง” ผมถามลูกน้องที่นั่งอยู่ด้านหน้า“มันบอกว่าพยายามติดต่อหานายแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ มันก็เลยโทรมาหาผมแทนครับ”“….” ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู ปรากฏว่ามันมีทั้งเบอร์ไอ้ตี๋เบอร์ไอ้ไม้แล้วก็เบอร์ป้าศรีโทรมาหาผมเยอะมากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหรือเปล่าเนี่ย “รีบหน่อยดิวะ!”ผมร้อนใจมากพิงค์เ
คราม Talk “ไม่ต้องเข้ามา!”“อุ้ย!” ผมต้องสะดุ้งอย่างแรงเมื่อได้ยินเสียงอันทรงพลังของเมียดังมา เธอไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้เธอเลย และไม่ยอมพูดคุยกับผมสายตาที่เธอใช้มองผมก็เป็นหางตาด้วย เธอคงกำลังโกรธผมมากเลยแหละ “เธอเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”“ไม่ต้องมายุ่งไม่ต้องมาสนใจฉัน ไปสนใจอีตัวของนายโน่น” เธอตวาดไล่ผมเสียงดัง“ใจเย็น ๆ ก่อนนะพิงค์ เธอฟังฉันอธิบายก่อน”“จะให้ฟังอะไรอีก เห็นเต็มสองตาซะขนาดนั้นจะให้ฟังอะไร! ฟังคนอย่างนายแก้ตัวเหรอ เหอะ!”“ฉันรู้ว่าเธอโกรธฉันมาก แต่ฉันมีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนั้น เธอก็รู้ว่างานที่ฉันทำมันอันตรายมากแค่ไหน แล้วฉันก็เคยบอกเธอไปแล้วว่าฉันกำลังมีปัญหาอะไรอยู่และเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันจะให้เธอเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นไม่ได้หรอกฉันถึงไม่ยอมบอกให้เธอรู้ไง”“จะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นสายอย่างนั้นเหรอ?”“เปล่า ผู้หญิงคนนั้นบอกกับฉันว่าเธอคือคนที่มีชีวิตรอดออกมาจากวังวนของไอ้คิงส์ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่ามันทั้งเล่นยาและเล่นเซ็กซ์กับผู้หญิงแบบซาดิสม์ใครไม่ตายก็ถือว่าโชคดีไป ส่วนใครตายมันก็แค่เอาไปโยนทิ้งป่าแค่นั้นแต่เธอหนีกลับออกมาได้”“หมายความว่า
แกร้ก! “นายครับ”“…” เสียงเปิดประตูดังเข้ามาพร้อมกับเสียงของเจ้าของเสียงเปิดประตูนั้น ทำให้พิงค์รีบผลักครามออกทันทีขณะที่ทั้งสองกำลังจูบกัน“คุณพิงค์ผะ…ผม” ตี๋หยุดชะงักเมื่อเห็นเจ้านายทั้งสองกำลังมีท่าทีที่เลิ่กลั่กแปลก ๆ “ผมเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าครับ”“ไอ้ชิบหาย เข้ามาได้กูกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับเมียเลย” ครามยืนหันหลังบ่นพึมพำ ไม่กล้าจะหันหน้าไปเพราะลูกชายยังแข็งปึ๋งพร้อมรบอยู่“มะ ไม่หรอก นายเอาข้าวมาส่งเหรอเอามาสิฉันหิวจะแย่แล้ว”“ให้ผมจัดใส่จานให้เลยมั้ยครับ?”“ไม่ต้อง! มึงจะไปไหนก็ไปแล้วถ้าจะกลับมาอีกก็กรุณาเคาะประตูก่อนเข้ามาด้วย หัดมีมารยาทซะบ้างไอ้เวร!” ครามด่าทอลูกน้องยกใหญ่ เพราะไม่พอใจที่ลูกน้องเข้ามาขัดจังหวะแบบนี้“คะ ครับนาย” ตี๋รีบวางปิ่นโตข้าวแล้วเดินออกไปทันที ถ้าเจ้านายอารมณ์เสียแบบนี้เขาต้องเข้ามาขัดจังหวะอะไรแน่ ๆ เลย“ไอ้เหี้ยตี๋ ทำไมออกมาเร็วจังวะ” ไม้ที่เดินไปซื้อน้ำและของกินจุกจิกที่ร้านสะดวกซื้อมา เห็นว่าตี๋ออกมาจากห้องของพิงค์แล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย“กูโดนนายด่ามาว่ะ” ตี๋ทำหน้าสะอิดสะเอียน ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้านายด่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบแต่ก็ทำเอาเขาขนหัวล
4ปีต่อมา สองพี่น้องกระทิงและน้องฟ้าครามเติบโตกันมาอย่างมีคุณภาพ เพราะได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดีจากผู้เป็นแม่และพ่อ กระทิงทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากคอยปกป้องและดูแลน้องทุกครั้งที่น้องถูกแกล้งหรือรังแก ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กระทิงเข้าชั้นประถมแล้วแต่ฟ้าครามยังเรียนอยู่อนุบาลอยู่เลย“ผมไปเรียนก่อนะครับคุณแม่” กระทิงเดินมาหาผู้เป็นแม่ก่อนจะยกมือไหว้โค้งก้มสวัสดีอย่างนอบน้อม น้องสาวเมื่อเห็นพี่ชายทำแบบนั้นก็รีบทำตามทันที“สวัสดีค่ะคุณแม่”“สวัสดีจ้า ตั้งใจเรียนกันนะลูก”“ครับคุณแม่” กระทิงจูงมือน้องสาวไปขึ้นรถที่ผู้เป็นพ่อสตาร์ตจอดรออยู่หน้าบ้าน “ไปกันเถอะครับคุณพ่อ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย”“ขึ้นรถเลยครับเด็กๆ เดี๋ยวพ่อจะรีบซิ่งรถพาไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”“ครับ//ค่ะ”ครามขับรถพาลูกๆ ไปส่งโรงเรียนตามปกติ จากนั้นก็ขับรถไปทำงานที่บริษัทของตัวเอง ตกเย็นก็ขับรถไปรับลูกๆ กลับมาที่บ้านตามปกติ เขาทำแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่น้องกระทิงเริ่มเข้าโรงเรียน ไม่ได้ให้ลูกๆ ขึ้นรถรับส่งไป เพราะเขาอยากมั่นใจว่าทุกวันเขาไปส่งลูกๆ ถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว อีกอย่างโรงเรียนของทั้งสองก็เป็นทางผ่านบริษัท
6 เดือนต่อมา อุแว้ อุแว้ อุแว้“คุณแม่ครับน้องฟ้าครามร้องอีกแล้วครับ” กระทิงน้อยวิ่งมาบอกผู้เป็นแม่เมื่อน้องสาวตื่นร้องเสียงดัง“พ่อล่ะลูก อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า” เธอหันไปพูดกับลูกชาย“ไม่ครับ คุณพ่อไปเข้าห้องน้ำ”“อ๋อ งั้นหนูไปดูน้องก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่ตามไป” พิงค์วางมือจากงานตรงหน้า รีบล้างมือจนสะอาดจากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปด้านในแง้ แง้ แง้“โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องนะคะคนดีของแม่” พิงค์อุ้มลูกน้อยขึ้นมาพาดอกแล้วลูบหลังปลอบเบาๆ“ลูกตื่นเหรอพิงค์” ครามรีบเดินออกมาอย่างรีบร้อน“อืม…”“ขอโทษนะพอดีว่าฉันปวดท้องหนักอะ เลยรีบไปห้องน้ำ”“ไม่เป็นไรหรอก”ครามหยุดงานมาคอยช่วยพิงค์ดูแลลูกเพราะเธอไม่ได้จ้างพี่เลี้ยง ส่วนป้าศรีก็ต้องทำงานบ้านของตัวเองเหมือนกัน รอจนกว่าน้องฟ้าครามจะโตกว่านี้อีกนิดเขาถึงจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม เพราะตอนนี้พิงค์ต้องคอยดูแลลูกสองคนพร้อมกันน้องกระทิงก็ต้องไปโรงเรียนทุกวัน“แล้วนี่น้องฟ้าครามเป็นอะไรตื่นหรอ”“ฉี่แตกน่ะ นายเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ใหม่หน่อยสิ”“ได้ๆ แป๊บนึงนะ” ครามรีบจัดแจงปูผ้าที่นอนให้กับลูกน้อยใหม่อีกครั้ง จากนั้นพิงค์ก็พาลูกสาวตัวน้อยลงไปนอนบนเบาะเหมือนเดิ
พิงค์ Talk ฉันมาอยู่ที่บ้านของคีร่าหลายวันแล้ว แต่ละวันลูกชายแทบจะไม่อยู่บ้านเลยเพราะลุงกับป้าพาออกเที่ยวทุกวัน ความจริงครามก็ชวนฉันออกเที่ยวเหมือนกันแต่ฉันขี้เกียจไปเพราะมันต้องเดิน ฉันรู้สึกหนักตัวเองจนไม่อยากจะเดินออกไปไหนเลย ถึงจะท้องได้แค่ห้าเดือนแต่ท้องของฉันมันขยายออกมาพอควรเลยแถมมีรอยแตกที่สีข้างอีก เดาได้เลยว่าหน้าท้องของฉันจะต้องแตกลายแน่นอนตอนท้องน้องกระทิงช่วงนี้ฉันยังท้องไม่โตเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะท้องแรกด้วยท้องเลยไม่ค่อยขยายใหญ่เท่าไหร่ แต่พอมาท้องคนนี้เป็นท้องคนที่สองหน้าท้องที่เคยขยายใหญ่อยู่แล้วมันก็ขยายออกมาอีก“พิงค์”“หือว่าไง” ฉันขานรับครามพลางเหลียวหลังไปมองยังต้นเสียงที่เรียกฉัน “เรียกทำไม?”“เปล่า นึกว่าหายไปไหน” ครามเดินมานั่งลงตรงข้างๆ ฉัน“อยู่ในบ้านมันอุดอู้น่ะ ฉันก็เลยออกมานั่งเล่นอยู่ในสวน บรรยากาศดีเนอะ”“อยากออกไปไหนไหมล่ะ เดี๋ยวฉันพาไป”“ไม่ล่ะ ฉันขี้เกียจเดินอ่ะไม่อยากไปไหนเลย”“อยู่ในบ้านเบื่อจะแย่”“….” ฉันไม่ได้ตอบอะไรครามไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละอยู่ในบ้านก็เบื่อจะแย่แต่จะให้ออกไปไหนฉันก็ขี้เกียจ มันคงเป็นอารมณ์ของฉันที่รู้สึกเบื่อ
เวลาผ่านไป เมืองนอกสองสามีภรรยากับลูกชายอีกหนึ่งคนพากันเดินลงเครื่องทันทีที่เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์เรียบร้อยแล้ว การมาในครั้งนี้ทั้งสองไม่ได้บอกใครเลยเพราะต้องการที่จะมาเซอร์ไพรส์สองลุงป้าพี่มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาพักผ่อนถ้าได้เห็นหน้าหลานคงจะรู้สึกดีมีความสุขน่าดูเลยทั้งสองมีลูกไม่ได้เพราะโรคประจำตัวบางอย่าง ร่างกายของคีร่าไม่แข็งแรงมากพอที่จะอุ้มท้องได้ และภูริก็มีโรคบางอย่างที่ทำให้น้ำเชื้อของเขาไม่แข็งแรง ถึงจะอยากมีลูกแค่ไหนแต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงทั้งสองก็ไม่อยากเสี่ยง เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งด้วย“ฮายคุณป้าคีร่า” กระทิงน้อยวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความดีใจ ทันทีที่รถจอดดับสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ก่อนที่พิงค์และครามจะเดินตามเข้าไปทีหลัง“ว๊ายกระทิงน้อยหลานป้า มาได้ยังไงครับเนี่ย” คีร่าหันมามองด้วยความตกใจเมื่อเห็นหลานชายกำลังวิ่งเข้าไปหาตน ในใจนึงก็คิดว่าตนเองพักผ่อนน้อยจนละเมอไปหรือเปล่า แต่พอกระทิงสวมกอดเท่านั้นแหละรู้เลยว่ามันเป็นความจริงไม่ใช่ละเมอ“มาเซอร์ไพรส์ป้าคีร่าได้ยังไงล่ะครับ โรงเรียนของกระทิงปิดเทอมแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็เลยจะพามาเที่ยวที่บ้านของป้าคีร่านานๆ เลยคร
4 เดือนต่อมา โรงพยาบาล “ยินดีด้วยนะครับ คุณได้ผู้หญิงนะครับ ต้องสวยเหมือนคุณแม่แน่ๆ เลย” คุณหมอเอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พลางเลื่อนอุปกรณ์อัลตร้าซาวด์ไปรอบๆ ท้องใหญ่เพื่อตรวจดูร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ “น้องแข็งแรงปกติดีนะครับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต่อไปก็มาพบหมอตามนัดเหมือนเดิมนะครับ ช่วงนี้หมอจะนัดบ่อยหน่อยเพราะใกล้คลอดแล้ว อีกอย่างหมอจะได้อัลตร้าซาวด์ดูน้องด้วยว่าพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว” หมออธิบาย“ค่ะคุณหมอ”หลังจากเสร็จสิ้นการมาพบหมอในครั้งนี้ ครามก็พาพิงค์แวะไปที่โรงเรียนของลูกชายเพราะถึงเวลาเลิกเรียนพอดีจะได้รับแกกลับมาพร้อมกันเลยโรงเรียนอนุบาลคอนแวนต์ “นั่งรออยู่ที่รถนี่แหละ เดี๋ยวฉันลงไปรับลูกเอง” พูดจบครามก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที ปล่อยให้พิงค์นั่งรออยู่ในรถคนเดียวในโรงเรียนมีเด็กเล็กเยอะแยะมากมาย เขากลัวว่าจะมีเด็กวิ่งซนมาชนพิงค์เข้าเลยให้เธอนั่งรออยู่ในรถดีกว่า“คุณพ่อคร้าบ” ทันทีที่กระทิงน้อยเห็นพ่อของตัวเองก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับกระโดดกอดคอพ่อของตนเองด้วยความดีใจ “คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรอกครับ”“มาครับผมคุณแม่นั่งรออยู่ในรถ พ่อไม่ได้ให้คุณแม่ลงมาด้วยกลัวว่าจะมีคนเดินมา
ร่างบางกระตุกยิ้มก่อนจะก้มลงดูดเลียที่ปลายหัวบานฉ่ำ ลิ้นเรียวเล็กตวัดเลียไปมาอย่างมูมมาม ทำเอาร่างหนาที่นอนอยู่เกร็งไปทั้งตัวเพราะความเสียว สองมือกอบกุมดุ้นใหญ่ส่วนล่างชักรูดเป็นจังหวะพร้อมๆ กับลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปมา“อื้ม พิงค์อ่าส์ เธอแม่ง ซี๊ด!” ครามได้แต่นอนร้องครวญคราง เพราะทุกช่วงจังหวะที่ลิ้นตวัดเลียโดนส่วนหัวมันทำเอาเขาแทบขาดใจ“อื้ม…” พิงค์ครางออกมาเบาๆ พลางไล่ดูดเลียตามลำท่อนใหญ่ไปเรื่อยๆ“พะ พอก่อนอ่าส์ มันจะแตกอื้ม ฉันอยากแตกในตัวเธอมากกว่า” ครามหยุดทุกอย่างด้วยมือของเขา ก่อนที่ร่างหนาจะดันตัวให้ลุกขึ้นผลักตัวของพิงค์ให้นอนราบกับเตียงแทน แล้วขึ้นไปคร่อมตัวของเธอโดยที่ตัวเขาเองทิ้งน้ำหนักตัวลงไปหาเธอเพียงเล็กน้อย “ยั่วเก่งนักนะ รู้ว่าทำแรงไม่ได้แต่ก็ยังจะยั่ว มันน่านัก!” ครามเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะจับพิงค์กระแทกให้หนักๆ ไปซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังท้องอยู่“ฉันเปล่าสักหน่อย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” พิงค์ทำท่าทางเล่นหูเล่นตา ทำให้ครามที่รู้สึกมันเขี้ยวอยู่แล้วอยากจะขยี้เธอมากขึ้นไปอีก“ให้มันได้อย่างนี้สิ” ครามพูดข่มเสียง ก่อนจะไล่ซุกไซร้ตามซอกค
งานแต่ง ครามxพิงค์ หญิงสาวที่อยู่ในชุดสีขาวสะอาดกำลังเดินมาพร้อมกับช่อดอกไม้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขสีหน้ายิ้มแย้ม สายตามองทอดยาวออกไปตรงที่ผู้เป็นสามีกำลังยืนรออยู่ด้วยสีหน้าที่สดใส พร้อมกับลูกชายที่แต่งตัวใส่ชุดสูทสีขาวราวกับเทพบุตรตัวน้อยเสียงปรบมือดังขึ้นรัว ๆ เมื่อเจ้าสาวเดินมาถึงเจ้าสาว สองมือประสานกันแล้วพากันขึ้นไปบนเวทีเล็ก ๆ“วันนี้เธอสวยมากเลยนะพิงค์”“นายก็หล่อมากเลยนะคราม” หญิงสาวมองคนตรงหน้าแล้วยิ้มให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีไม่มีอะไรผิดพลาด งานแต่งของทั้งสองถึงมันจะไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่มันก็หรูหราไม่เบา มีคนรู้จักมากหน้าหลายตาญาติพี่น้องที่เคยรู้จักกันก็มาร่วมพิธีงานแต่งนี้ด้วย“เจ้าบ่าวกล่าวอะไรหน่อยไหมครับ” ตี๋ลูกน้องคนสนิทของพิงค์เป็นพิธีกรในงานนี้ โดยมีไม้ยืนอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน “สักนิดนึงก็ยังดีครับ เล่าถึงเรื่องความรักของทั้งสองว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เจอกันเมื่อไหร่ที่ไหน”ครามรับไมค์จากมือของลูกน้องมา ก่อนจะหันมองไปที่ด้านหน้าที่ทุกคนกำลังยืนรอฟังคำตอบจากปากของครามอยู่“เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ ผมย้ายโรงเรียนบ่อยไม่มีที่เรียนเป็นหลักเป็นแหล่
พิงค์ Talk เย็นวันนั้น“นายแอบถ่ายรูปฉันไปลงไอจีเหรอคราม”“เธอเห็นเหรอ”“เออดิ ทำไมชอบแอบถ่ายอะ ดูแต่ละภาพดิ๊ไม่เห็นจะสวยเลย นายแกล้งฉันเหรอคราม?” ไม่รู้ว่าถ่ายลงไปได้ยังไงฉันเหมือนตัวตลกเลยแหละ แถมยังมีคนมากดไลท์คอมเมนต์กันเยอะด้วยนะ บ้าจริง ๆ เลยคราม“น่ารักจะตายตอนที่เธอเผลอ มองยังไงให้น่าเกลียด ลองให้ใครมันมาว่าเธอดูสิฉันจะจับมันตัดลิ้นเลย”“ยึ๋ยคราม อย่าพูดแบบนั้นสิฉันสยอง” ไม่ใช่แค่คำพูดอย่างเดียวนะแถมครามยังทำหน้าตาเหมือนกับคนโรคจิตฆ่าตัดตอนอีกด้วย ชอบแกล้งกันดีนักนะ“แหะ ๆ พูดเล่นครับไม่ทำจริงหรอก”“ก็ลองให้ทำจริงดูสิ ฉันจะยิงเป้านายให้ดู” ฉันชี้หน้าครามพร้อมกับจ้องหน้าอย่าเอาเรื่อง ฉันไม่ได้พูดเล่นนะฉันพูดจริง และถึงแม้ตอนนี้ฉันจะไม่ได้ซ้อมแต่ฝีมือการยิงปืนของฉันก็ยังเหมือนเดิม ยังแม่นตรงเป้าเหมือนเดิม“คร้าบ ไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกครับ”“ดีมากค่ะ”หลังจากที่เรากินข้าวกันอิ่มเรียบร้อยแล้วก็พากันขึ้นไปนอนด้านบน ซึ่งน้องกระทิงก็หลับไปเรียบร้อยแล้วคงจะเหนื่อยมากเลยน่ะสิ วิ่งเล่นทั้งวันเลยวันนี้ ส่วนฉันก็ยังไม่ค่อยรู้สึกง่วงเท่าไหร่เลยมานั่งเล่นอยู่ที่หน้าระเบียง รับลมทะเลตอนกลางคื
เช้าวันต่อมา “ตื่นเช้าจังเลยครับ” ร่างใหญ่สวมกอดเมียสุดที่รักจากทางด้านหลัง พร้อมกับพรมจูบสูดดมกลิ่นหอมตามลำคอของเธอ มือหนาจับที่หน้าท้องเล็กลูบไล้ไปมา เพราะรู้ว่ากำลังมีอีกหนึ่งชีวิตเติบโตอยู่ในนั้น“อือ ฉันนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่น่ะ เมื่อเช้ารู้สึกพะอืดพะอมก็เลยรีบลุกออกมาก่อน”“แพ้มากหรือเปล่าคนนี้”“ก็ปกตินะ ช่วงแรก ๆ ที่รู้ว่ากำลังมีกระทิงฉันก็แพ้ท้องแบบนี้แหละ เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะรู้สึกอยากกินของเปรี้ยว ๆ กินเยอะอยากนอน”“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันอยากเป็นแทนเธอจริง ๆ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นว่าภรรยาสาวกินอะไรไม่ได้เลยเพราะแพ้ท้องหนักเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นเองซะมากกว่า“ไม่ต้องคิดมากหรอก เป็นปกติของผู้หญิงอยู่แล้ว บางคนไม่แพ้ท้องเลยก็ดี แต่บางคนก็แพ้หนักกว่าฉันอีกนะนี่ถือว่ายังเบา” เท่าที่เคยเห็นมามีคนที่มีอาการแพ้ท้องหนักกว่าเธออีก กินอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งน้ำที่มันมีรสชาติ วันนึงกินได้แต่น้ำเปล่าเพราะกินอะไรไม่ได้เลย ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าจะหายแพ้ท้องก็ตั้งสี่ห้าเดือน แต่สำหรับเธอยังถือว่าเบาไม่ได้แพ้ท้องหนัก เพราะเธอจะเป็นแบบนี้อยู่ประมาณสองถึงสามเดือนแล้ว