เซนโซ่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องทำงานเงียบสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ยังไงอย่างงั้น มีเพียงเสียงลมจากเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอย่างต่อเนื่องไม่บกพร่อง สายตาคมกวาดมองทั่วทั้งห้องสี่เหลี่ยมและสะดุดกับร่างบางคุ้นเคยนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาหนังตัวใหญ่ เห็นอย่างนั้นจึงพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดหมดจดและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่
“โมเอิร์น...โมเอิร์น”
“....”
ไม่ว่าจะเอ่ยเรียกซักกี่ครั้งเธอกลับนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว ไม่แม้แต่ครางอื้ออึงโต้ตอบกลับมาแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าสาวเจ้าไม่ได้สติตื่นขึ้นมาในตอนนี้แน่ เซนโซ่จึงตัดสินใจช้อนอุ้มคนตัวเล็กในท่าเจ้าสาวพาลงไปยังลานจอดรถ
“เอ่อ...นายจะไปไหนครับ” จิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังเจ้านาย พลางขยับปากถาม
“กลับเพนท์เฮาส์”
เมื่อได้รับคำตอบ จิมรีบสับเท้าวิ่งเร่งจังหวะแซงเพื่อเปิดประตูรถให้คนเป็นเจ้านายและคู่หมั้นสาว ก่อนจะวิ่งอ้อมไปยังอีกฝั่งของตัวรถขึ้นนั่งประจำที่คนขับกดสตาร์ทเครื่องยนต์เหยียบคันเร่งขับรถออกไปจากตรงนั้น
“สั่งให้การ์ดขับรถโมเอิร
ใช้เวลาไม่นานรถสปอร์ตหรูขับเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ บอดี้การ์ดที่ยืนดูแลความปลอดภัยบริเวณนั้นรีบเข้ามาเปิดประตูรถให้ทั้งสองคนก้าวเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกที่มีญาติผู้ใหญ่นั่งพูดคุยกันอยู่“สวัสดีค่ะ”“สวัสดีครับ”“ไงลูกสาวป๊า...ดื้อกับพี่เขารึเปล่า”“ป๊าอ่ะ! โมลูกป๊านะ...ปู่โฬมดูป๊าสิคะ” เสียงหวานเอ่ยด้วยท่าทีเง้างอนยู่หน้าให้คนเป็นพ่อ สองเท้าเล็กก้าวเดินเปลี่ยนทิศทางไปหาปู่โฬมแทน“แกก็พูดเกินไปเจ้าแบล็ค” แล้วมีหรือคนรักหลานอย่างโฬมจะไม่ออกโรงปกป้อง ยิ่งเธออ้อนเขายิ่งตามใจข้อนี้โมเอิร์นรู้ดี“พ่อน่ะตามใจจนหลานไม่เชื่อฟัง”“แกก็เหมือนกันนั่นแหละวะ...ไอ้ลูกคนนี้”“เอาล่ะๆ หยุดเถียงกันได้แล้ว...อายเด็ก ไปกินข้าวกันเถอะอาหารพร้อมแล้ว” ไซซีเอ่ยห้ามทัพดันตัวลุกขึ้นเดินนำไปยังโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวหลายอย่างจัดเรียงไว้นัดทานอาหารในวันนี้เป็นความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เพื่อสังเกตเด็กสองคนเข้ากันได้ดีมากเพียงใดมีโอกาสมากน้อยแค
@ผับK“เมาแล้วหรอ?” ครามเจ้าของสถานที่เอ่ยกระซิบข้างใบหูเล็กของโมเอิร์น บางจังหวะกลิ่นหอมของสาวเจ้าลอยเข้าจมูกโด่งจนเขาอดใจแทบไม่ไหวหากแต่เธอกลับรักษาระยะห่างตลอดเวลาคงเป็นเพราะข่าวชู้สาวหนาหูของเขา พักหลังมานี้เธอไม่อ่านข้อความไม่รับสายเขาเลยด้วยซ้ำ“ไม่เมาค่ะ”“โอเคครับ...พี่เพิ่งรู้ว่าเฟิร์สเป็นน้องรหัสโม”“เราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ส่วนมากจะส่งข้อความคุยกันมากกว่า” ขณะพูดตอบเธอเองก็ต้องยื่นหน้าเข้าใกล้ครามเพราะเสียงเพลงในผับค่อนข้างดังทำให้คุยกันไม่รู้เรื่อง“อะแฮ่ม...คุยอะไรกันอยู่หรอครับ นี่คอกเทลของพี่โมเอิร์นครับ” เฟิร์สเดินเข้ามาขัดจังหวะ พร้อมกับยื่นแก้วน้ำสีสวยให้รุ่นพี่“คุยกันตามประสา....” ครามพูดไม่ทันจบประโยคโมเอิร์นเอ่ยแทรกขึ้น ราวกับล่วงรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร“พี่กับพี่ครามกำลังพูดถึงเรานั่นแหละ”“ผมหรอครับ?” เฟิร์สถามกลับพลางยกมือขึ้นชี้นิ้วยาวเข้าหาตัว มองหน้าทั้งสองสลับกันไปมา“ใช่...
เซนโซ่ขับรถไปบนถนนแถบชานเมือง ก่อนจะกดต่อสายหาลูกน้องคนสนิทให้ขับรถเขาจอดทิ้งไว้ที่ผับตามมาสมทบที่โกดัง โมเอิร์นนั่งเงียบตลอดทางไม่แม้แต่เอ่ยถามถึงจุดหมาย หากเขาอยากให้เธอให้รู้คงพูดบอกเองนั่นแหละใช้เวลากว่าสามสิบนาทีรถหรูก็ขับเข้ามาจอดหน้าโกดังขนาดใหญ่ใกล้ท่าเรือที่มีชายชุดดำนับร้อยกำลังปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเคร่งครัด เซนโซ่เปิดประตูทันทีที่รถจอดสนิท เท้าหนาก้าวลงจากรถยืนฟังรายงานสถานการณ์จากชายคนหนึ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่นานนักชายคนนั้นโค้งศีรษะและเดินจากไป เห็นอย่างนั้นโมเอิร์นจึงรีบเปิดประตูเดินไปหาเขาทว่า สายตากลับมองเห็นรถของผู้เป็นพ่อจอดอยู่ไม่ไกล เธอจำรถคันนี้จำได้ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ‘ป๊ามาทำอะไรที่นี่’“ตามมา” จบคำ เซนโซ่เดินนำเข้าไปด้านใน สายตาคู่สวยมองสำรวจโดยรอบบริเวณพร้อมกับสับเท้าเล็กเดินตาม ด้านในมีลังไม้จำนวนมากวางซ้อนกันแต่ไม่รู้ว่าข้างในบรรจุอะไรไว้แต่ก็คงเป็นของมีมูลค่าดูจากจำนวนคนดูแลคุ้มกันก็รู้“มาแล้วหรอ” เสียงขรึมดังขึ้นเมื่อประตูห้องบานใหญ่เปิดออกกว้าง เผยให้เห็นแบล็คนั่งอยู่บนโซฟา“ป๊า~” เสียงหวานเอ่ยเรีย
แกร๊ก!ประตูบานใหญ่หน้าห้องถูกเปิดออกกว้างอย่างถือวิสาสะ พร้อมกับคนมาใหม่สาวเท้าเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตคนที่อยู่ด้านใน แต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าเมื่อสายตามองเห็นฉากวาบหวามของเพื่อนสนิท ทว่า ไม่ทันได้เพ่งมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างชัดเจนเซนโซ่ก็หมุนเก้าอี้หนีให้เห็นเพียงพนักพิงเท่านั้น“ไอ้หมอเถื่อน!” เซนโซ่เอ่ยเสียงเข้มเล็ดลอดออกมาจากปากหนาทั้งที่ยังบดจูบดูดดื่ม มือหนาเค้นคลึงหน้าอกอวบใหญ่ไม่ห่าง“เอ่อ…กะ กูเพิ่งนึกขึ้นได้กูมีเคสด่วนว่ะไว้เจอกัน” คนมาใหม่เอ่ยน้ำเสียงตะกุกตะกักท่าทีเลิ่กลั่กรีบหมุนตัวเดินออกจากห้องไป ไม่ลืมปิดประตูล็อคเพื่อให้เพื่อนทำกิจกรรมในร่มให้เสร็จสมโดยไม่มีผู้ใดเข้ามารบกวนอีก เขาเพิ่งออกเวรมาแท้ๆแต่กลับต้องโกหกคำโตเพราะมาผิดเวลากลายเป็นส่วนเกินซะอย่างนั้น ความคิดชวนเพื่อนนั่งดื่มเป็นอันต้องล่มไม่เป็นท่า“อื้อ...” เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอ มือปลาหมึกไม่อยู่สุขลูบไล้บีบขย้ำทั่วทั้งเรือนร่างบางอย่างเล้าโลมปลุกอารมณ์ความใคร่ในกายทั้งสองให้ลุกโชนเข้าสู่ห้วงกามอารมณ์จนยากจะถอนตัวร่างบางระหงบิดเร้
วันต่อมา...โมเอิร์นตื่นอาบน้ำแต่งตัวชุดนักศึกษาเฉกเช่นทุกวัน เมื่อเดินออกมาด้านนอกก็เห็นเซนโซ่นั่งจิบกาแฟอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องหน้าจอไอแพด“โมไปเรียนก่อนนะ วันนี้น่าจะกลับเย็น” ประโยคนั้นของเธอเรียกความสนใจจากคนตัวสูงได้เป็นอย่างดี คิ้วหนาขมวดเป็นปมมองสำรวจร่างบางในชุดนักศึกษาพอดีตัว ไม่สิ! เรียกว่า รัดรูปถึงจะถูก“ชุดดีๆกว่านี้มีมั้ย?”“ไม่ดีตรงไหนคะ ใครๆเขาก็ใส่กัน” โมเอิร์นสวนกลับทันควันอย่างไม่ยอมแพ้“เหอะ!กระโปรงสั้นจนเกือบถึงก้น เสื้อก็รัดจนกระดุมแทบกระเด็น ไม่มีเงินซื้อก็บอก...ฉันจะให้” ร่างสูงประชดประชันใส่ มองโมเอิร์นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความหงุดหงิด ทว่า หญิงสาวกลับไม่คิดเช่นนั้นหัวสมองพลันนึกสนุกอยากแกล้งคนพี่ขึ้นมาดื้อๆ“เอาเงินมาสิคะ เลิกเรียนจะแวะไปซื้อชุดใหม่” ร่างบางแบมือนิ้วเรียวเล็กกระดิกยุกยิกพร้อมยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่ม ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มหวานหยดสะกดสายตาคนมอง เซนโซ่เผลอเลื่
@มหาลัยNโมเอิร์น นิว และพะแพงชักชวนกันไปนั่งร้านอาหารข้างรั้วมหาลัยเพื่อทานมื้อเที่ยงหลังเลิกคลาสเรียน ระหว่างทางเดินพูดคุยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนสนิทเช่นเคย“หยุดก่อน เธอชื่อโมเอิร์นใช่มั้ย” เสียงแหลมไม่คุ้นหูดังขึ้นเรียกความสนใจจากทั้งสามคนหันมามอง หญิงสาวสี่คนในชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกัน ก้าวเดินเข้ามาใกล้ยืนประจันหน้าด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร“ใช่...มีอะไร?” โมเอิร์นตอบพร้อมตั้งคำถามกลับไป นิวกับพะแพงมองอีกฝ่ายอย่างรอฟังเช่นกัน รู้สึกไม่คุ้นหน้าพวกหล่อนเอาซะเลย“ฉันมีเรื่องคุยกับเธอ”“ว่ามาสิ”“ไปคุยหลังตึก”“คุยตรงนี้....ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น” โมเอิร์นตอบ“เลิกยุ่งกับพี่ครามซะ เขาเป็นของฉัน”เจ้าหล่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจ้องโมเอิร์นตามเขม็งต้องการข่มให้เธอกลัว แต่โมเอิร์นกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น“เห
“ไม่คิดจะฟังคนของผมหน่อยหรือครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง พลางก้าวเท้าเดินไปหาโมเอิร์นหันมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว ภายในห้องเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เมื่อทุกคนเห็นว่าคนมาใหม่เป็นใคร เซนโซ่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างคู่หมั้นสาว พร้อมกับตวัดท่อนแขนโอบไหล่เล็กแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเปิดเผย“คุณเซนโซ่” คนอวดเก่งวางอำนาจเมื่อครู่หน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เซนโซ่เป็นมาเฟียใหญ่เขารู้จักดีแถมเงินที่ได้จุนเจือครอบครัวให้อยู่ดีมีสุขทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่มาจากธุรกิจสีเทาของเซนโซ่หยิบยื่นให้มา เพียงแค่เขาอำนวยความสะดวกและไม่เข้าไปก้าวก่ายเท่านั้น“เขาเป็นใครหรอคะพ่อ” หญิงสาวกระซิบถามคนเป็นพ่ออย่างให้ความสนใจ ด้วยความหล่อเหลาดูดีจนโดดเด่นเรียกความอยากรู้อยากเห็นจากหล่อนได้ไม่น้อย“ว่าไงครับ...ผมถามว่าไม่คิดจะฟังคำอธิบายจากคนของผมเลยรึไง” เสียงทุ้งต่ำเย็นเยียบทวนคำถามอีกครั้ง สายตาคมมืดสนิทจ้องมองอีกฝ่ายอย่างต้องการคำตอบ และหวังว่าคำตอบที่ได้จะไม่ทำให้เขาหงุดหงิดไปมากกว่านี้“พี่โซ่มาได้ไ
“กว่าจะมาได้นะมึง...อ้าว น้องโมเอิร์นคนสวยก็มาด้วยหรอครับ เชิญนั่งครับ” น้ำเสียงเอ็ดเพื่อนของฟาสในตอนแรกเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นสาวสวย ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มแบบฉบับชายเจ้าชู้ แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องหุบลงเมื่อถูกมือหนาฟาดลงบนศีรษะอย่างจังจนเกิดเสียงเพี้ยะ!“โอ๊ย!ไอ้โซ่กูเจ็บนะโว๊ย”“จะกินมั้ยเหล้า?” เซนโซ่เอ่ยเสียงเข้มขณะหย่อนตัวลงนั่งพร้อมรั้งร่างบางนั่งลงข้างกัน“หึ!หวงซะด้วย แก้วเหล้าครับคนสวย” เป็นนอร์ธพูดขึ้นมาบ้าง ยิ่งเห็นเพื่อนออกอาการหึงหวงอย่างไม่รู้ตัว ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้ง ‘เหอะ!สุดท้ายความเย็นชาก็แพ้ความใกล้ชิด’“ขอบคุณค่ะ” โมเอิร์นส่งยิ้มให้ตามมารยาท มือบางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ใบหูรับฟังบทสนทนาของชายหนุ่มทั้งสามอย่างไม่ตั้งใจ“ทางนั้นส่งข่าวมาว่าได้ของไม่ครบ” เซนโซ่เปิดประเด็น“จะเป็นไปได้ไงวะ กูเช็คเองกับมือ”“แม่งเล่นตุกติกแน่ๆ”“กูว่าของล็อตใหม่ที่เข้ามาเมื่อคืนคุณภาพต่ำว่ะ มึงได้เปิ
ร่างบางจมอยู่กับความคิดจึงไม่ทันสังเกตเห็น เซนโซ่ลุกจากเก้าอี้ก้าวเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ“โมเอิร์น”“คะ?”“แต่งงานกับพี่นะ”ร่างบางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนหูดับไม่รับรู้สิ่งรอบข้าง สายตาทอดมองไปยังวิวเมืองยามค่ำคืน คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับยื่นดอกไม้ในมือให้ เป็นเวลาเดียวกับโมเอิร์นได้สติกลับคืน หันมาหาชายหนุ่มมองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว“แต่งงานกันนะ” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้ง“เอ่อ...คือ” ร่างบางอึกอักไม่ตอบรับด้วยความสับสน การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่เธอจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ อย่างน้อยคงต้องรอถามความเห็นผู้เป็นพ่อกับปู่เสียก่อน แต่จะว่าไปท่านทั้งสองคงไม่ขัดอะไรในเมื่อเห็นชอบให้เธอหมั้นหมายตั้งแต่แรก“ว่าไงครับ?” รอยยิ้มที่เคยมีบัดนี้จืดจางลงเพราะเริ่มไม่มั่นใจกับคำตอบของสาวเจ้า กล
ปึก!มือบางปิดแฟ้มงานกระแทกลงบนพื้นโต๊ะเต็มแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดกำลังก่อตัวขึ้น คิดไม่ตกหากสิ่งที่คิดเป็นความจริง“โมให้เวลาแค่คืนนี้ถ้าไม่กลับมาหรือยังติดต่อไม่ได้ เราสองคนก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานบ่นพึมพำ พลางเก็บของบนโต๊ะ สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังห้อง เวลานี้คลับปิดให้บริการยี่สิบนาทีแล้ว โมเอิร์นจึงตัดสินใจกลับไปรอที่เพนท์เฮาส์โดยมีจิมขับรถมาส่งร่างบางระหงในชุดเดรสพอดีตัวสีแดงเลือดนกยืนมองตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระดับชั้นที่ลิฟท์สี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวผ่านอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงจุดหมายปลายทางประตูเปิดออกกว้าง สองเท้าเล็กก้าวเดินเข้ามาในโถง แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะไฟภายในห้องไม่เปิดอัตโนมัติเช่นเคย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัยแต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ‘ระบบไฟมีปัญหางั้นหรอ’ คิดได้อย่างนั้นมือเล็กเลื่อนหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า“อุ้ย!ปล่อยฉัน!” โมเอิร์นสะดุ้งเฮือก จู่ๆก็มีมือปริศนาโอบกอดเอวบางจากทางด้านหลัง แต่ทว่าสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยทำให้เธอรู้ได
“แบบไหนคะ อื้อ...” ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางทันที บดจูบดูดดื่มแฝงไปด้วยความเร่าร้อนชนิดที่ว่าไม่เปิดโอกาสให้คนใต้ร่างได้ตั้งตัวไม่เว้นช่วงให้หายใจ จนร่างบางร้องท้วงในลำคอปานจะขาดใจมือเล็กทุบแผงอกแกร่งราวกับกำลังร้องขอชีวิตกระทั่งคนตัวสูงยอมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง“แฮ่ก! แฮ่ก! พี่โซ่ โมเกือบตายแหนะ” เมื่อได้รับอิสระโมเอิร์นรีบโกยอากาศเข้าปอดด้วยอาการเหนื่อยหอบจนตัวโยน ‘ให้ตายเถอะ เขาจะฆ่ากันรึไง’“เด็กดื้อก็ต้องถูกลงโทษ ห้ามงอแงครับ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียซอกคอขาว ขบเม้มทิ้งรอยแดงสีกลีบกุหลาบเอาไว้บนเรือนร่างบางหลายต่อหลายจุดแสดงความเป็นเจ้าของ คืนนี้เขาจะลงโทษเมียเด็กให้หลาบจำ เสร็จจากบนเตียงค่อยย้ายไประเบียง โซฟา เคาน์เตอร์บนโต๊ะอาหารก็ดีไม่น้อย ต่อไปเธอจะได้ไม่กล้าขัดคำสั่งเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกึกก้องทั่วทั้งเพนท์เฮาส์สุดหรูตามจังหวะตอกอัดของคนตัวสูงกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง ดังประสานกับเสียงครางกระเส่าของคนทั้งสองที่กำลังเสพ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากโทรนัดแนะกับเพื่อนสาวทั้งสองคนรวมถึงน้องรหัสไม่ได้เจอกันนาน คืนนี้จึงถือโอกาสนัดมานั่งดื่มด้วยกัน“ทางนี้ครับพี่โมเอิร์น” เฟิร์สโบกมือเรียกเมื่อเห็นพี่รหัสเดินฝ่าผู้คนจำนวนมากเข้ามา“เฟิร์สมาถึงนานรึยัง”“ไม่นานครับ นี้แก้วเหล้าพี่ มาเหนื่อยๆน่าจะคอแห้ง”“โอ้โห...ทั้งโต๊ะนั่งกันแค่สองคนรึไงยะ” พะแพงว่าด้วยท่าทีหมั่นไส้ เบะปากมองบนอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะคว้าแขนเฟิร์สกอดไว้แน่นเผื่อว่าคืนนี้เธอจะได้ชิมเด็ก เฟิร์สเองก็ไม่ได้ขัดขืน ออกจะขบขันด้วยซ้ำที่เห็นรุ่นพี่ลุกหนักขนาดนี้“น้อยๆหน่อยยัยแพงสงสารน้องมัน” นิวถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจนจัดของเพื่อน ทำเป็นล่าเหยื่อพอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้า นี่แหละนิสัยพวกเธอ“มาๆดื่มๆ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ” เป็นไปตามคำพูดโมเอิร์นไม่มีผิดเพี้ยน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งชนแก้วถี่ขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีใครห้ามใคร กระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ทุกคนในโต๊ะเมามายไม่ต่างกันชนิดที่ว่ายืนแทบไม่อยู่“เอ่อ...คุณโมเอิร์
“พี่ว่าชุดมันสั้นมากขึ้นทุกวัน” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ ไหนจะเสื้อนักศึกษาพอดีตัวนั่นอีก รัดจนกระดุมแทบกระเด็นไม่อึดอัดบ้างรึไง“ปกตินะคะ...”โมเอิร์นเอ่ยตอบพลางจัดแจ้งชุดให้เรียบร้อยหมุนซ้ายหมุนขวาหน้ากระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัวโดยมีร่างสูงมองดูไม่ห่าง หลายวันมานี้เขาพูดเรื่องชุดทุกวันจนคนตัวเล็กชินเสียแล้ว จึงไม่ได้ตอบโต้อะไรให้มากความแต่กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาหึงหวงหลังจากมาส่งโมเอิร์นที่มหาลัยเซนโซ่ก็ไปทำงานเฉกเช่นทุกวันโดยมีจิมเป็นคนขับรถ“ไอ้ฟาโรเคลื่อนไหวบ้างรึเปล่า” เซนโซ่เอ่ยถามลูกน้องคนสนิททั้งที่สายตาคมยังคงจ้องมองหน้าไอแพดนั่งเอนหลังพิงเบาะท่าสบาย ช่วงเวลาเร่งด่วนบนถนนกลางกรุงการจราจรติดขัดทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าจะถึงโกดังชานเมือง“ยังส่งออกสินค้าปกติครับ ผมสืบรู้มาว่าคุณลูกตาลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฟาโรแต่ไม่ได้เปิดเผยครับ ก่อนหน้านี้ที่พยายามเข้าหานายคงเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ฟาโรเสนอให้”“อืม..จับตาดูไว้” ผมคิดแล้วไม่มีผิด ผมกับลูกตาลเป็นเพื่อนกันก็
ปึก!“อ๊ะ!” หัวสมองมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ทันระวังตัว ร่างสูงข้างหน้าหยุดเดินกะทันหันทำให้โมเอิร์นชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง มือบางยกขึ้นลูบจมูกปรอยๆ ยู่หน้าให้อย่างเง้างอน“หึ!เมื่อไหร่จะเลิกซุ่มซ่าม” มือหนาเชยคางเล็ก โน้มหน้ามองดูจมูกเชิดรั้นแดงก่ำ ก่อนโอบไหล่เล็กให้เธอเดินเคียงข้างเขาเข้าไปในโกดังที่มีอีกฝ่ายรออยู่ก่อนแล้ว“มาแล้วหรอ.....” ทว่า เสียงทุ้มของฟาโรต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้นเมื่อหันกลับมามองคนมาใหม่ ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าโมเอิร์นคือคู่หมั้นของเซนโซ่เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพาเธอมาด้วย เขาสืบรู้มาว่าทั้งสองไม่ได้รักกันแต่ต้องอยู่ด้วยกันเพราะพันธสัญญาหมั้นหมายที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ที่ผ่านมาเซนโซ่ไม่เคยเปิดตัวเธอ แม้แต่งานหมั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆ ครั้งแรกที่ได้เจอโมเอิร์นเขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูกจึงพยายามเข้าหาเธอและส่งคนสืบประวัติจึงได้รู้ความจริงไม่เพียงแต่ฟาโรที่แปลกใจ โมเอิร์นเองก็ยืนมองอย่างอึ้งๆไม่ต่างกัน มันเก
“ไอ้โซ่มึงกลับไปห้องทำงานก่อน”“กูไม่ไป ที่นี่คลับกู” คนที่สมควรออกไปคือคนไม่คิดให้เกียรติเจ้าของสถานที่เขาคิดอย่างนั้น“โซ่เห็นผู้หญิงคนอื่นสำคัญกว่าเพื่อนอย่างตาลงั้นหรอ” ลูกตาลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หล่อนถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่งตอนเรียน วันนี้หล่อนก็ยังต้องการเซนโซ่มาเป็นคนรักไม่ใช่เพื่อน“โมเอิร์นเป็นเมียฉัน ถ้าเธอไม่ให้เกียรติเราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนกัน” เซนโซ่เอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น บ่งบอกได้ว่าเขาเลือกทำเช่นนั้นหากผู้หญิงตรงหน้ายังแสดงท่าทีหยาบคายใส่คนรัก“ไอ้โซ่ถือว่ากูขอ มึงใจเย็นก่อนดิวะ กลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีมั้ย”“ไม่!!”“น้องโมช่วยพามันไปทีครับ” ฟาสเลือกขอความช่วยเหลือจากโมเอิร์นแทน รู้ดีว่าคนอย่างเซนโซ่ถ้าลองได้ฟาดงวงฟาดงาแล้วไม่ยอมลามือง่ายๆ“พี่โซ่คะ...เราไปห้องทำงานกันเถอะนะ ยืนนานโมเมื่อยขาแล้ว” โมเอิร์นเอ่ยอ้างถึงความเมื่อยล้าเผื่อว่าเข
“พี่โซ่”ร่างบางงัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากผล็อยหลับไปนานนับชั่วโมง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเซนโซ่ยังนั่งอยู่ที่เดิม“ครับ”“ยังทำงานไม่เสร็จหรอคะ...โอ๊ะ!” สงสัยนอนนานไปหน่อย พอขยับตัวลุกขึ้นมาอีกครั้งอาการปวดเมื่อยก็เข้าเลยงานอย่างจังจนโมเอิร์นนิ่วหน้า“เป็นอะไร? มานี่มา” ร่างสูงดันเก้าอี้ห่างโต๊ะทำงานเล็กน้อยรอให้คนตัวเล็กเดินมาหา มือหนารั้งให้เธอนั่งลงบนตักแกร่ง โมเอิร์นไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดใช้แขนเรียวโอบลำคอหนาประคองตัวเองไว้ มืออีกข้างดึงชายกระโปรงไม่ให้ร่นขึ้นสูงไปมากกว่านั้น“โมปวดหลัง”ได้รับรู้ถึงสาเหตุมือหนายกขึ้นบีบนวดแผ่นหลังเล็กเบาๆคลายความปวดเมื่อยให้โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ แต่เป็นเขาเองอยากทำด้วยความเต็มใจ“ดีขึ้นมั้ยครับ”“ดีมากเลยค่ะ” โมเอิร์นตอบด้วยท่าทีอารมณ์ดี ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปหาเจ้าของตักหอมแก้มสากเป็นรางวัล การกระทำของเธอเรียกรอยยิ้มจากเซนโซ่ได้เป็นอย่างดี ‘น่ารักจังวะ’“เราจะไปกันตอนไหนคะ”
“ยัยโมจะไปไหนต่อ? ฉันกับนิวอยากดูหนัง” ให้หลังอาจารย์ผู้สอนเดินออกจากห้องไปพะแพงหันมาถามโมเอิร์นในขณะที่เพื่อนคนอื่นทะยอยกันลุกจากเก้าอี้ ส่วนเธอกับเพื่อนสนิทยังเก็บของไม่เสร็จ“ฉันมีนัดแล้ว ไว้วันหยุดนะ”“คู่หมั้นสุดหล่อมารับอีกแล้วล่ะสิ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งรวยเพอร์เฟคที่สุด”“เว่อร์...วันนี้ฉันขับรถมาย่ะ แล้วนัดของฉันก็ไม่ใช่พี่โซ่”“งั้นฉันจะโทรศัพท์ไปฟ้องพี่เซนโซ่ดีมั้ย” นิวแทรกขึ้นมาบ้างหลังจากเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อย พร้อมกับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าโมเอิร์นด้วยท่าทีทะเล้น“หยุดเลย ไปได้แล้ว จะไปดูหนังไม่ใช่รึไงรีบไปสิ” โมเอิร์นยกมือดันแผ่นหลังเพื่อนทั้งสองออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ เสียงพูดคุยหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะตลอดทางเดินก่อนแยกย้ายกันไปโมเอิร์นเดินเลี่ยงมายังมุมตึกจุดที่เจอฟาโรเมื่อเช้า ก็เห็นว่าเขานั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อนอย่างที่ว่าไว้ ทว่า เสี้ยววินาทีสายตาเหลือบมองแหวนหมั้นที่นิ้วเรียว หัวสมองพลันนึกถึงเซนโซ่ขึ้นมา จู่ๆเธอก็รู้สึ