เจ้าหมาตัวโตได้รับความช่วยเหลือจากมือหนาใต้ถุงมือยางสีขาวในอีกฝั่งของเตียงเหล็ก มันสะดุ้งทันทีที่สัมผัสได้ถึงโลหะเย็นเฉียบ เหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกตกใจกลัวก็ถีบเท้ายันหน้ายันหลังสู้แรงมนุษย์ คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกันจึงต้องออกแรงกดมันให้นอนราบลงในท่าตะแคงสักทางหนึ่ง
“โอ๊ย!” เสียงหวานอุทาน หลังหลบเท้าปุกปุยจนฟาดหน้าผากเข้ากับคุณหมอที่หลับตาปี๋เพราะความเจ็บ
ดวงตาคู่กลมโตลืมพรึบมองขนตางอนเป็นแพหนารับจมูกโด่งเป็นสันคม วงหน้าหล่อเหลาลงตัวไม่มีแม้รอยฝ้ากระ ลูกกะตาเธอก็ติดหนึบอยู่กับหน้าคุณหมอหมา!
ขณะที่อีกคนไม่ได้ต่อว่าอะไรกับรอยแดงบนหน้าผาก นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลสวยพร่างพราวสบมองมานิ่ง ๆ ไม่รู้ว่าเขาอาจนึกโกรธเธออยู่ลึก ๆ หรือว่ากำลังคิดอะไรแน่ อริสาพอตั้งสติได้ในอีกครู่หนึ่ง
“เอ่อ... ขอ.. โทษค่ะ” ตะกุกตะกักตอบ คุณหมอหนุ่มแย้มยิ้มอยู่บนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย
“ไม่เป็นไรครับ”
รอยบุ๋มบนแก้มทั้งสองข้างทำเอาแทบจับไข้ตามหมา หญิงสาวกลอกตาไปมา ยืนตัวเกร็งมือเหงื่อชุ่มบีบขนสีทองอยู่แน่น กลายเป็นว่าสุนัขที่กำลังดิ้นพล่านไม่ต่างจากกามเทพดี ๆ สถานการณ์เป็นใจอะไรขนาดนี้!
“ไงล่ะ? เอ๋บอกแล้วว่าคุณอริสาส้วย สวย หมอจะตะลึง แหม.. ทีเมื่อกี้ทำเมิน เบอร์คุณอริสา เอ๋มีค่ะ เดี๋ยวเอ๋เอาให้หมอไอนะคะ”
ใบหน้าหล่อเหลามองขวับตามเสียงของหล่อนที่ทำความสะอาดอุปกรณ์อยู่ตรงมุมห้อง ขณะโถมน้ำหนักตัวลงกดสุนัข เสียงเข้ม ๆ จึงดังกว่าเสียงของสุนัขที่ร้องครวญครางไม่หยุด
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับคุณเอ๋ แต่มาช่วยกันจับก่อนดีไหม? ผมกดโกลเด้นอยู่นะ ไม่ใช่ปอมปอม ชิวาว่า”
“ไม่ได้อยากจะไม่ช่วยนะหมอไอ แต่โกลเด้นยังตัวเล็กกว่าหมอตั้งเยอะ เอ๋เตรียมของดีกว่า ยืนจีบกันไปก่อนเถอะ”
แทนที่คุณหมอหนุ่มจะโมโหขาใหญ่ประจำคลินิก กวนประสาทได้ทั้งวัน เขาหันกลับมาทางเจ้าของสุนัข แก้มแดงฉ่ำบอกอาการเก้อเขินหนักกับคำว่า ‘จีบกัน’ ทว่าเธอก็ให้ความร่วมมือสัตวแพทย์เป็นอย่างดี
“มันกัดไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ มันแค่ดิ้นกลัว แรงมันเยอะ มันไม่เคยกัดใครค่ะ”
สัตวแพทย์หนุ่มจึงวางใจว่าหมาใจดีอย่างโกลเด้นรีทรีฟเวอร์จะไม่หันมาแว้งกัดจนต้องมัดปากไว้เหมือนหมาดุตัวอื่น ๆ ซึ่งหมอหมาหมอแมวอาจโดนแว้งกัดได้ก็เคยมีเกิดขึ้นอยู่ เขากดกำสองขาปุกปุยหน้าหลังไว้ด้วยมือแต่ละข้าง มีหญิงสาวโน้มน้ำหนักลงบนช่วงลำคอและช่วงตัวของสุนัข
“ไม่มีอะไรนะ ลูกแม่ คุณหมอมือเบ้า เบา นิดเดียว ไม่เจ็บ ไม่ดิ้นนะลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบ สายตาของเธอจรดอยู่ตรงท่อนแขนเป็นล่ำสันเส้นเลือดปุด! กล้ามเป็นมัด ๆ บอกว่าเขาน่าจะเป็นคนชอบออกกำลังกาย ไม่ก็คงเป็นเพราะสู้แรงหมาทั้งวัน
“โฮ่ง ๆ!”
เจ้าหมาตัวโตทั้งร้องทั้งดิ้น กลัวหมอแปลกหน้าชนิดว่าสู้ตาย! เม็ดเหงื่อขึ้นแซมผ่านไรผมของเธอและเขา อริสาลอบมองคุณหมอครั้งหนึ่ง เห็นจะทนไม่ไหว พายุโทสะลูกหนึ่งจึงฟาดลงกับหมาจอมดื้อ
“ที่รัก.. อยู่นิ่ง ๆ! เดี๋ยวแม่ยิงไส้แตก..” ขู่ตะคอกเบา ๆ ผ่านไรฟันขาว
เจ้าหมาตัวโตเหลือกตามองผวา หยุดดิ้นทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ปืน’ หรือ ‘ยิง’ มันฉลาดมากพอจดจำคำศัพท์ของมนุษย์ได้เกือบถึงหนึ่งพันคำ จากที่มันเคยติดตามเจ้านายไปทุกที่แม้แต่สนามยิงปืนซึ่งมันไม่ชอบเสียงดัง ๆ อย่างนั้นเลย
“คุณอริสายิงหมา ก็ต้องมาคลินิกหมออยู่ดี อย่าเลยนะครับ” พูดเรื่อยเฉื่อย ตาคมลอบมองเรียวปากอิ่มงามกระจับด้วยลิปสติกสีแดงสดรับเครื่องสำอางอ่อน ๆ เขี้ยวคมตรงมุมปากยามขยับเอ่ยถ้อยคำ
“ฉันแค่ขู่ให้มันนิ่งเฉย ๆ ฉันไม่ได้ขู่มันบ่อย ใครจะไปกล้ายิงลูกสุดที่รักคะ? หมอไอ”
ไม่ใช่เรื่องแปลกกับการเรียกชื่อหมอ เธอเพิ่งรู้สึกมันแปลก เพราะดันเรียกตามผู้ช่วยที่เตรียมของนานกว่าปรกติ กระทั่งหล่อนเดินกลับมาพร้อมวางถาดลงบนโต๊ะ ลูกค้าประจำอย่างอริสารู้จักคุณหมอที่นี่ทุกคนคงต้องถาม
“อาจารย์นิธิไม่มาหรือคะ? คุณเอ๋...”
“อาจารย์ไม่สบายค่ะ แพร่เชื้อหวัดติดกันไปทั้งคลินิก คุณหมอไอศูรย์เลยมาช่วยงานชั่วคราว แต่ว่านะ งานหนักกว่าอาจารย์อยู่อีก เพราะตอนนี้สาว ๆ ไอเลิฟยูกันไปหมด” ท้ายประโยคบอกเจ้าของร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร
“ถ้าหมอไอจะเกิดมาขายาว หล่อล่ำกล้ามโต เบ้าหน้าส่งตรงจากเกาหลีขนาดนี้ ใส่หน้ากากเสียเถอะค่ะ ใส่ชุดหมีซาฟารีเลยยิ่งดี เอ๋ไม่อยากให้เจ้าของหมาหัวใจวายตาย”
“จะให้หมอใส่ชุดหมี หมาได้กัดหมอก่อนแน่ ๆ”
ผู้ช่วยสาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนสลับที่กับคุณหมอหนุ่ม
สุนัขพันธุ์ใหญ่ถูกยกหาง จับปรอทวัดไข้เสียบก้น มันคงต้องหดตัวอย่างหวาดกลัวหูหางตก ต่างคนจับสุนัขแน่นมือให้คุณหมอได้ทำงานสะดวก ผู้ช่วยสัตวแพทย์สาวชักชวนสนทนาไปเรื่อยเปื่อย ตามนิสัยหล่อนที่ช่างแซวเสียเหลือเกิน
ด้วยความที่เจอหน้ากันอยู่เป็นประจำ หากลูกค้าคนสวยไม่พาเจ้าที่รักมาฉีดวัคซีน ก็จะมาซื้อขนม อุปกรณ์สัตว์เลี้ยงที่นี่
“คุณอริสาพาเจ้าที่รักมาคนเดียวตลอดนี่คะ วันนี้มากับหนุ่มล้อ... หล่อ เดินเข้าคลินิกมา พี่เก๋บอกว่าเหมือน หมาก ปริญ สาว ๆ ข้างนอกนี่นั่งมองตาแทบหลุดเลยค่ะ”
อริสาทำหน้าครุ่นคิดอย่างไม่แน่ใจ “ก็ดูดี... มั้งคะ”
“แฟนหรือคะ?” กระซิบถามแววตาเป็นประกาย อาจไม่ใช่คนเดียวที่หูผึ่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันโสด”
“จริงหรือคะ? อุ๊ย.. พอดีเลย หมอไอก็โสด...” เหมือนว่าจุดประสงค์ของผู้ช่วยสาวจะประสบความสำเร็จ จึงส่งยิ้มให้คุณหมอ และเจ้าของหมาในฝั่งตรงกันข้ามอย่างไม่ต้องสืบความหมายมากมาย
แต่เวลางานก็ต้องเป็นเวลางาน สองหนุ่มสาวเพิกเฉยคำพูดของหล่อน ลิ้นตาของเจ้าที่รักละห้อยมองเข็มขนาดใหญ่ในมือหมอด้วยความหวาดกลัวจับใจ ส่งเสียงดังลั่นขนาดว่ายังไม่ได้ทำอะไร
“คุณเอ๋จับแน่น ๆ ไม่โดนแขนหมา จะเจ็บ...” น้ำเสียงเจือแววข่มขู่ คนที่ช่วยกันจับสุนัขอยู่จึงออกแรงมากกว่าเดิม คุณหมอหนุ่มไม่ได้ใช้เวลามากกับการลงมืออย่างมืออาชีพกดเข็มยาจนสุด ลูบเจ้าขนทองเบา ๆ ปลอบประโลมด้วยคำชมเชย “เก่งมาก นิดเดียวเองเห็นไหม มดกัดนะ เจ้าที่รัก..” แล้วค่อยเงยหน้าขึ้นบอกเจ้าของสุนัข “มีไข้สูงอยู่นะ หมอเพิ่งให้ยาลดไข้บรรเทาอาการ ระหว่างรอผลเลือด ถ้าสุนัขตัวร้อนมากกว่านี้ ใช้ผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนได้ หมอขอฟังเสียงปอดน้องหน่อยว่าชื้นไหม ถ้าไม่มีก็น่าจะคลายกังวลพวกพยาธิในเม็ดเลือด..” พยาธิในเม็ดเลือดเป็นโรคน่ากลัวที่คร่าชีวิตของสุนัขมาแล้วนักต่อนัก การกระทำของสัตวแพทย์หนุ่มที่แตะเครื่องฟังลงบนขนสีทองจนผละมือออก ใบหน้าสดสวยสะท้อนความร้อนรนอย่างชัดเจน “ฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ ถ้าอาการหนักยังไงฉันจะรีบพาที่รักมา” “ครับ คลินิกเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าน้องหมาอาการไม่ดีขึ้นก็รีบมา เดี๋ยวได้ผลเลือด ทางคลินิกจะโทรไปแจ้งนะครับ” พอคุณหมอตอบ ผู้ช่วยสัตวแพทย์สาวส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม “รีสอร์ตของคุ
ด้วยใจรักการยิงปืนมาตั้งแต่อายุสิบแปดปี เป็นนักกีฬาทีมชาติชนะเลิศเหรียญทองประเภทปืนสั้นมาตรฐานแชมป์โลกเยาวชนสองปีซ้อน มีใบอนุญาตเป็นผู้อบรมครบถ้วนตามหลักสูตรครูรุ่นพี่ส่วนใหญ่ค่อนข้างเกรงใจที่จะเรียกอริสาว่าน้อง...“ไม่กล้าครับ พี่แค่แวะมาทักทาย ให้กำลังใจ เผื่อครูอริสจะเหนื่อย”ชินดนัยยกยิ้มเจ้าเล่ห์มองหญิงสาวหน้าตาสะสวยวัยยี่หกปี ลูกศิษย์คนสวยข้าง ๆ ครูสาวที่สวยไม่แพ้กัน แล้วก็เดินไป อริสาจึงจับด้ามโลหะขึ้นมาใหม่ สาธิตวิธีการโดยไม่ได้ลั่นไกออกมา “น้องพายสังเกตดูนะ ในแบบที่ไม่มีมือซ้ายประคองช่วยกับมี การสะบัดของข้อมือมันต่างกัน เวลายิงเราควรจับให้มั่นเสียดีกว่าจับมือเดียวให้มันสะบัด แต่ว่าดีแล้วล่ะ วันนี้ยิงปืน.38 ได้เข้าเป้ากลางเกือบทุกนัด” “แล้วอาทิตย์นี้พายจะได้เปลี่ยนปืนไหมคะ?” “ได้แน่นอนน้องพาย ชั่วโมงหน้ามาลองปืนแม็กกาซีนคอมแพ็ค 9mm กัน มีตั้งแต่ 3.5 นิ้วถึง 4 นิ้ว น้ำหนักเบาถนัดมือ เหมาะสำหรับผู้หญิงสวย ๆ อย่างเราเชียว” อาวุธในมือถูกวางลงบนโต๊ะเบา ๆ อีกคนก็วางอุปกรณ์การเรียนลงเช่นกัน พอใกล้จบชั่วโมง ขณิกาได้รับการแนะนำให้รู้จักล
“พ่อคะ..” เรียกครั้งหนึ่งผ่านประตูรถเมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำสนิท ขณะที่คนพ่อดันแย่งหน้าที่สารถีเปิดประตูให้หญิงสาวนั่ง ทำท่าจะก้าวตามในฝั่งเดียวกันข้างหลัง มันควรเป็นที่นั่งของเธอไม่ใช่เรอะ “พ่อ!” ใบหน้าหล่อเหลาที่มีริ้วรอยเล็กน้อยหนีวัยไปมากหันหลังมองลูกสาวที่เพิ่งตะคอกใส่เขา ยังยกมือพรวดผลักประตูปิดลงดื้อ ๆ “เจอสาวน้อยวัยขบเผาะเรียกไม่ได้ยินเลยนะพ่อ...” ในน้ำเสียงปรกติเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่คนยิ้มเก่งคงดูเหมือนไม่พอใจ พิภพหน้าเข้มเครียดปราม “อะไรอีกล่ะ? พ่อกำลังเทคแคร์ลูกหลานอีกคน ลูกสาวท่านนายพล มีอะไรเดือดร้อน ท่านเส้นสายใหญ่โต ช่วยฟาร์มเราได้รู้ไหม?” สายตาแบบนั้นมันโคแก่จ้องเขมือบหญ้าอ่อนชัด ๆ! “หยุดคิดเลย.. แกน่ะ”ไม่คิดก็บ้าแล้ว! เรียวปากบางเม้มเข้าหากัน อริสาเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะยอมรับหากพ่ออยากแต่งงานใหม่ แต่กับเด็กรุ่นลูกที่อายุน้อยกว่าเธอ เธอคงต้องขอเวลาปรับตัว.. ในความสนิทสนมของสองพ่อลูกที่อยู่ด้วยกันมาตลอด บางคราวก็เป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนเสียมากกว่าผู้อยู่ในโอวาท กะพริบตามองกันแค่เส
“คลินิกอยู่ข้างหน้านี่เอง เอ่อ.. แล้วลุงต้องวนกลับไปรับนายหัวไหมครับ? คุณอริส” คุณลุงไม่ค่อยแน่ใจ ทว่าพอสบเข้ากับรอยยิ้มร้ายกาจตรงมุมปาก“คนรักกันมันต้องตากฝนกอดกันตัวกลมกลางป่าสิลุง โรแมนติกสุด ๆ”“ลุงว่าฟังดูน่ากลัวมากกว่าโรแมนติกนะ..” สารถีคนดีแค่นหัวเราะ ก่อนขับรถยนต์ต่อไปจนถึงที่หมายในอีกไม่นาน โดยไม่ลืมว่าจะต้องวิ่งตากฝนไปเอาร่มท้ายกระโปรงหลัง ทว่าเขาได้รับความใจดีจากหญิงสาวกว่าทุกวัน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีร่ม.. ลุงรอนี่”ร่มพับสีน้ำเงินถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า ร่างบางเปิดประตูลงจากรถยนต์ ฝ่าสายฝนที่หยาดหยดลงมากระแทกร่มคันน้อย ดังระรัวไม่ต่างจากเสียงหัวใจสาวในทุกย่างก้าว ขณะที่เธอไม่ลืมว่ามาซื้อขนมสุนัขกระดูกขัดฟันรสเนื้อ เนื้อไก่ผสมผักโขม ปอร์ปคอร์นแคปหนังวัวลดคราบหินปูน เป็นขนมที่เจ้าที่รักชื่นชอบมากที่สุด ร่างบางตรงไปที่ชั้นวางขนมข้าง ๆ เคาน์เตอร์ หลังเก็บร่มไว้ในชั้นวางร่มข้างหน้าคลินิกเรียบร้อยดีดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองความว่างเปล่า ตวัดตามองไปรอบ ๆ กาย บรรดาสาวน้อยใหญ่ยืนชะเง้อคอมองอะไรสักอย่างหา! ขนมหมาหมดเกลี้ยงชั้น แล้วนี่อะไร? ติ่งเกาหลีมายืนรอไอดอลที่สนามบินรึ!“ขอโทษนะค
“ขอบคุณที่มาให้กำลังใจอริสานะคะ... โอลิมปิกเกมส์ปีนี้ไม่ได้เหรียญทอง ขอโทษทุกคนจริง ๆ ยังไงจะฝึกซ้อมให้หนักกว่านี้ค่ะ” “พยายามเข้านะครับ... คุณอริสา” เสียงจากกองเชียร์ปะปนกันไป ประมาณสิบกว่าคนได้ เธอต้อนรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ จับมือในแบบชาวตะวันตกอย่างเท่าเทียม พยายามที่จะจดจำใบหน้าของพวกเขาไว้ในความทรงจำ ทั้งชายหญิงวัยรุ่น ชายร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ เธอยกมือลูบศีรษะเบา ๆ “เป็นเด็กดีนะเรา... มาดูกีฬากับพ่อแม่สนุกไหมคะ?” “สนุกค่ะ หนูชอบดูพี่ ๆ แข่งกีฬา” เด็กสาวยิ้มตอบ ขณะจับจูงมือสองหนุ่มสาว หนึ่งในแฟนคลับของเธอที่ถ้าหากว่าไม่เป็นแฟนพันธุ์แท้จริง ๆ คงไม่พาเด็กสี่ขวบมาดูกีฬายิงปืนแน่ เมื่อเสียงประกาศดังว่าแมตช์ต่อไปกำลังจะเริ่ม หลายคนก็กลับไปยังที่นั่งอัฒจันทร์ของตน หนุ่มวัยห้าสิบ โค้ชส่วนตัวเข้ามาตบบ่าเบา ๆ “เอ้า... ไม่เป็นไรนะ อริส” หนุ่มใหญ่เปรยยิ้มแล้วจากไป ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้น แปลว่าเขาอาจจะต้องคัดสรรนักกีฬาใหม่ในปีหน้า หญิงสาวเดินดุ่ม ๆ ไปหยิบกระเป๋าในล็อกเกอร์ของ
สองหนุ่มสาวต่างวัยคงได้ปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยด้วยฝีมือของอริสา เมื่อเช้าวันต่อมา ในห้องรับประทานอาหารของบ้านนายพิภพวันนี้ ผู้คนพร้อมหน้าพร้อมตา อาหารมากมายเต็มโต๊ะทั้งอาหารฝรั่งไทย ขณิกานั่งอยู่ข้าง ๆ เจ้าของบ้าน อีกฝั่งหนึ่งมีขวัญฤดี บุตรชาย และนายพลตำรวจใหญ่ พลตำรวจเอกปรีชาสนิทสนมกับพิภพมานาน มักมาเยี่ยมเยียนฟาร์มอยู่ทุกเดือน บางครั้งก็ชักชวนเพื่อนฝูงลูกน้องมาเที่ยว มาสังสรรค์กันทั้งโรงพัก ช่วงนี้ลูกสาวกลับมาอยู่ด้วยดูจะมาบ่อยขึ้น อริสายกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นายตำรวจใหญ่วัยหกสิบในเครื่องแบบเต็มยศวางช้อนลง รับคำทักทายผู้น้อย “มาพอดีนะเรา ลุงกำลังบ่นถึงอริสอยู่เลย นึกว่าจะไม่ได้กินข้าวด้วยกันซะแล้ว” “ขอโทษที่ให้รอนะคะ ลุงชา ป้าขวัญ หนูแต่งตัวนานทุกที กลัวสวยไม่พอไปตรวจฟาร์มค่ะ” ในคำขอโทษที่จำต้องโกหกไป เพราะเธอดันตื่นสาย อริสาไม่สามารถทำตัวไร้กิริยามารยาท กับผู้มีพระคุณอย่างขวัญฤดีที่สลับเลี้ยงเธอกับบิดามาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ หรือแม้แต่นายตำรวจใหญ่ผู้คอยให้ความช่วยเหลือฟาร์มม้าแห่งนี้มาตลอด เวลามีเรื
“เห็นเจ้าเล่ห์ ๆ แบบนี้ หนูรักใครรักจริงนะคะลุงชา ถ้าพูดถึงความเหมาะสม หนูว่าหนูมี ขอเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาของลูกเขยลุงเลยได้เปล่า?” ได้ทีของหญิงสาวที่ทำให้มื้อเช้าวันนี้มีสีสันขึ้นมา นายพลตำรวจใหญ่รับประทานอาหารได้มาก ยังได้พวกจับผิดพิรุธเจ้าของบ้าน “พายว่ายังไง? พ่อชอบลูกเขยคนนี้นะ ยิงปืนเก่ง เจ้าเล่ห์ รักจริง ปกป้องลูกสาวพ่อได้” “พ่อกับพี่อริสอ่ะ ทำไมชอบแกล้งพาย” แก้มนวลเนียนของขณิกาเป็นสีแดงอยู่น้อย ๆ มองค้อนวงโตใส่ทั้งสองก่อนทำทีเป็นรับประทานอาหารต่อ อริสาลอบมองหญิงสาวรุ่นน้องด้วยสายตาเล่ห์ร้าย ก่อนเอื้อมมือไปคว้ามือนุ่มที่กุมส้อมไว้แผ่วเบา “น้องพายขา...” “ลูกยังไม่ได้บอกพ่อเลยว่าเตชินหล่อหรือเปล่า? ป้าขวัญก็ถามอยู่น่ะ ลูกควรจะตอบคำถามผู้ใหญ่ก่อน” ไม่เอ่ยเปล่า อารมณ์รุ่มร้อนแรงริษยาทำให้นายพิภพเอื้อมเอาส้อมสะกิดหลังมือลูกสาวตัวเองทีหนึ่งจนเจ้าตัวสะดุ้งดึงมือออก ยอมหยุดหว่านเสน่ห์ใส่ขณิกาแต่โดยดี ลูบมือสูดปากอย่างเจ็บ ๆ อริสาไม่อยากทำเสียมารยาทจึงมองไปทางสาวใหญ่วัยหกสิบในทางฝั่งซ้าย ถัดจากที่นั่งของนายพล ในเมื่อเธอไม่ได้ค
‘เราเคยเจอกัน... ที่เกาหลี...?’[จำไม่ได้จริงหรือครับ?]‘คุ้น ๆ น่ะค่ะ ไม่ถึงกับจำไม่ได้เสียทีเดียว’[แต่หมอจำได้... ไม่เคยลืมคุณอริสาเลย]“อุ๊ยตาย...” อุทานกับคำหยอด จะว่ามีนัยก็มีอยู่ วันนั้นเธอเมา... ลืมตาตื่นมาอีกทีคืออยู่ในห้องพักของโรงแรมที่โค้ชจองไว้สำหรับนักกีฬาหญิงหลายคนมันเป็นภาพเลือนรางในความทรงจำ สัมผัสรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงอบอุ่น กลิ่นโคโลญจน์บุรุษจาง ๆ ไม่ได้จำไม่ได้ทั้งหมด ในที่สุดมันก็ลืมเลือนไปเองตามกาลเวลา... กว่าหลายชั่วโมงที่เธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการแชทระหว่างขี่ม้าไปรอบ ๆ พบผู้จัดการแผนกต่าง ๆ หลังรับประทานอาหารกับพ่อและบรรดามิตรสหายที่มาเยี่ยมชมฟาร์ม เธอก็ต้องสะสางงานตัวเองขณะที่มือไม่หยุดพิมพ์โทรศัพท์ ทั้งที่เธอไม่ใช่คนพูดเยอะแยะอะไร แต่กลับคุยกับคุณหมอหนุ่มได้อย่างเป็นกันเอง เหมือนที่คุยกับน้องพายหรือเพื่อนคนอื่น ๆเธอยังพยายามรื้อฟื้นถามถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว คนบอกว่าไม่เคยลืมทำเป็นบ่ายเบี่ยง และแค่บอกว่าบางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์ ‘ภาพตัด[1]’ ตามคนเมาแล้วเขาก็ชวนเธอสนทนาเรื่องงานวิจัยเกี่ยวกับม้ามา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก คนเป็นแฟนคลับต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็น
“ลูก...?” เป็นคำถามแรกของอริสา ที่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดในวินาทีที่เธอไม่ควรพรวดพราดออกไปหาอันตรายอย่างนั้น ไอศูรย์พยักหน้าเบา ๆ พาความปลื้มปิติขึ้นในหัวใจ เรี่ยวแรงของเธอตอนนี้ทำได้แค่ยกมือข้างที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือขึ้นสะกิดบ่าแกร่ง แม้ว่าอยากกอดเขาแน่น ๆ สักแค่ไหน “ฉันขอโทษ... พี่... เป็นห่วงฉันมากเลยใช่ไหม?” “ไม่เป็นไร... เราไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเกรอะคราบน้ำตาผละออกมองดวงหน้าซีดขาวราวกระดาษ เบียดตัวนั่งลงข้างเตียง กุมมือน้อยไว้แผ่วเบา ไม่ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บแม้สักนิดกับรอยเข็มบนนั้น “ไม่เป็นไรทำไมตาแดงคะ? กินข้าวหรือยัง ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” เสียงพร่าของคนป่วยตัดพ้อ อริสาสัมผัสได้ถึงมืออันอบอุ่นของชายทั้งสอง ไม่ลืมหันไปทางอีกคนที่คงหวาดกลัวไม่ต่าง จากดวงตาแดงก่ำที่พายุความโศกเศร้าได้สงบลงไปสักพัก “ไม่เป็นไรแล้วนะลูกพ่อ” ใบหน้างามพริ้มระบายยิ้มจาง ๆ “หนูไม่เป็นไร... พ่ออย่าร้องไห้ เวลาพ่อร้องไห้ พ่อจะมองอะไรไม่เห็น...” แล้วเลื่อนสายตาไปทางชายที่ยังคงจ้องหน้าเธออยู่ไม่ห่าง ไม่ได้มองคน
กว่าสิบชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ต่างจากคนเสียสติ ในวินาทีที่อุ้มร่างโชกเลือดไปหาอาจารย์ในโรงพยาบาลสัตว์ หยาดน้ำตาเปียกชุ่มใบหน้าอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยจะร้องไห้ให้ใครได้เท่านี้ แม้แต่ในวันที่แม่จากไป เขาเสียใจแต่ยังคงความเป็นบุรุษที่เข้มแข็งเช่นพ่อ รถพยาบาลที่มาได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ละนาทีช่างยาวนาน ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเขาแค่นั่งสั่นอยู่ตรงนั้นไม่รับรู้สิ่งใดแม้เสียงเรียกของเพื่อนที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอด เขายังจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ใบหน้าสวย ๆ ของผู้หญิงคนนี้อีกตลอดไป ชีวิตที่เหลือจะเป็นอย่างไร กับลูกที่ได้เห็นหน้าเพียงครั้งผ่านจอสีเทาดำ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขารักแต่แรกพบเหมือนอริสา... ความหวังอันเบาบาง เด็กที่เกิดจากความรักของเขาและเธอยังรอปาฏิหาริย์ “พี่จะรีบกลับมานะ... เราไม่ต้องห่วงพี่ พี่จะดูแลตัวเอง...” ในน้ำเสียงและแววตาแสนอ่อนโยน มือหนาค่อยเลื่อนขึ้นปัดไรผมบนขมับอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนจะหยัดกายลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมานานนับชั่วโมง มองเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่อย่างนั้น ก่อนออกจากห้องไป ชายหนุ่มตั้งใจจะตรงกลับบ้าน
“ไหวไหมลุงชา?” ใบหน้าซีดขาวของชายวัยหกสิบขยับเบา ๆ มือกระชับอาวุธในมือไว้เหนือเข่า แม้เลือดโชกชุ่มกาย ตัวต้นเหตุของบาดแผลฉกรรจ์นั้นนอนอยู่ข้าง ๆ ถึงห้าตัว พวกมันสามารถมีน้ำหนักตัวสูงสุดได้ถึงหกสิบสองกิโลกรัม มีอุ้งเท้าอันใหญ่โต แรงกัดมหาศาลด้วยกรามอันทรงพลังยังออกล่าเป็นฝูง หมาป่าสีเทาเกรวูฟที่กำลังหิวโหยดุร้ายถูกลักลอบมากับรถบรรทุกไม่มีป้ายทะเบียน ไม่ไกลจากฟาร์มของพิภพมากนัก คำขอความช่วยเหลือของพลตำรวจเอกปรีชา ประจวบเหมาะพอดีกับหญิงสาวจะออกไปตามล่าหาเสือโคร่ง ดันได้รางวัลเป็นหมาป่าขย้ำคอคนแก่อยู่กับลูกปืนจากพวกลักลอบค้าของเถื่อน ปัง! ปัง! กระสุนแสกผ่านเหล็กหนา เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ผู้หมวดสาวในร่างชายหนุ่มยิงสวนกลับไปเพียงครั้ง ก่อนแนบหลังไว้กับที่กำบัง หันไปถามนายตำรวจใหญ่ “ท่านรองกำลังเสริมใกล้ถึงรึยัง? กระสุนจะหมด...” “อือ... ข้างหน้า...” แรงตอบเฮือกสุดท้ายของพลตำรวจเอกปรีชาที่เอนร่างลงนอนพักไหล่ของหญิงสาว สติพร่าเลือนเต็มที “ลุงชา ๆ !” เรียกเสียงดัง มือเรียวเขย่าบ
มือหนากำหมัดแน่นแม้จะมีแค่รีโมตในมือ แววตาวาวโรจน์สาดประกายไปยังรายการตลก ซึ่งเขาไม่มีอารมณ์จะดูมันเหมือนทุก ๆ วัน “ถ้าแกจะมาตอกย้ำฉันก็ไปเถอะ… ไปไหนก็ไป...” “โธ่… พ่อ… ไอ้เมธพนธ์มันโคตรร้ายเลยนะพ่อ หนูไม่ชอบมัน ทำไมพ่อต้องเป็นแบบนี้ด้วย หนูไม่เข้าใจ” พ่อที่พูดไม่รู้เรื่องยังดีกว่าคุณพ่อเซ็งโลก ทำหูทวนลม อริสาพยายามเซ้าซี้เรื่องเดิม ๆ อยู่อย่างนั้น ทว่าคงไม่มีคำตอบจากร่างสูงในสภาพอิดโรย ขอบตาดำคล้ำด้วยความที่คงนอนคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง จนเธอถึงกับถอนหายใจเสียงดัง ยกมือขึ้นลูบบ่าลูบหลังปลอบประโลม “พ่ออกหักยังไงพ่อยังมีหนู หนูไม่ทิ้งพ่ออยู่แล้ว... พ่อเหนื่อย พ่อหยุดงานไปนะ ดูตลกดูหนัง หนูไปทำป๊อปคอร์นให้” พิภพยิ้มเจื่อน ไม่ได้ดีใจกับคำปลอบของลูกสาวเลย ในที่สุดเขาก็ต้องถาม “อะไรนะ? แกบอกว่าฉันอกหัก?” “ใช่... พ่ออกหักแน่นอน ถ้าพ่อยังนั่งอยู่แบบนี้นะ เอาจริง ๆ ถ้าหนูเป็นพ่อ หนูปล้ำน้องพายไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เสือโหยคาบไป ป่านนี้กินอิ่มท้องไปแล้วมั้ง เอาเถอะ...ไว้หนูแนะนำเพื่อนสาว ๆ สวย ๆ เอ๊าะ ๆ ให้พ่อใหม่ส
“เซ็นแล้ว... ผมมีของขวัญให้พี่สาวคุณด้วยนะ แต่ว่า... มันอยู่ในมือถือ ไม่รู้ว่าอยากดูไหม?” “คุณ... หมายความว่าไง?” ขณิกาหน้าชาวาบ เพียงชายตรงหน้าสลัดคราบเทพบุตรเป็นซาตานร้ายใช่... ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาขณิการู้ว่าถ้าเขาร้าย เขาจะร้ายได้แค่ไหน! “พี่ยักษ์ก็หมายความอย่างที่พูด ของขวัญให้คนรักไอ้พิภพอย่างน้องพาย อืม... แต่พี่ว่านะ มันรักลูกสาวกับเมียเก่าที่สุด ไม่มีเศษซากความรักเหลือเผื่อแผ่ให้ส่วนเกินหรอก” “คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะคุณเมฆ อย่าไปยุ่งกับพี่อริสเลย... ที่แล้วมาก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ พายขอ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเว้าวอน มือเรียวเอื้อมไปแตะลงบนท่อนแขนแกร่งที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี “อย่ามาแตะต้องตัวผม...” ท่าทางเย็นชาของเขาสั่นคลอนหัวใจอย่างรุนแรง ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง ยามสบมองวงหน้าหล่อเหลาของคนที่เคยอบอุ่น อ่อนโยนกับเธอมาเสมอ “พี่สาวคุณก็ทำร้ายคนของผมนะอย่าลืม ที่เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ น่ะ คุณเมฆไม่ทำ ผมเป็นคนเล่นใหญ่” “คุณเมฆ... คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย... คุยกับพายดี ๆ ได้ไหม
นายหัวฟาร์มม้าดูจะทำตัวหม่นหมองลงทุกวันจนคนรอบกายพลอยเครียดตาม สิ่งหนึ่งที่เธอชื่นชมขณิกาคือไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายมากคารมอย่างเมธพนธ์ที่ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ยังมีฐานะร่ำรวยกับธุรกิจสีเทาที่จับอยู่ ความเจ้าเล่ห์ของนายเมธพนธ์นับว่าเป็นตัวร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกคนไม่ได้เข้าใจในความหมายของเธอเลย หันกลับไปทางภรรยาที่เสียชีวิตในวัยสามสิบเจ็ดปี “แกไม่รักแม่แกแล้วหรือ? อริส” หญิงสาวสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย และที่ว่าจะไม่พูดก็ไม่น่าไหว... “แม่ตายไปตั้งกี่ปีแล้วพ่อ นี่คือชีวิตของคนเป็น คนที่ต้องเอาใจใส่คือคนที่ยังอยู่ ไม่ใช่คนตาย” หัวใจหนุ่มใหญ่พลันกระตุกวาบกับคำพูดตรง ๆ ของลูกสาว เขาไม่เคยสนใจความสุขนั้นเลย ยังพยายามยัดเยียดความคิดให้ลูกแต่งงานกับเตชิน เพราะเป็นความต้องการของคนตาย... เพราะเขาเป็นฆาตกร... ยังไม่สามารถทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของภรรยาได้ ดวงตาคู่คมเอ่อคลอหยดน้ำใสกับทุกความรู้สึกผิดในอดีต เสียงทุ้มสั่นเครือ “มาไหว้แม่ก่อน” หน้าเจดีย์ที่มีกระเบื้องหลากสีใต้ร่มไม้ พ
“เจ้าหน้าที่จากกรมปศุฯ กำลังมา ผมตั้งไลน์กลุ่มใหม่มาสามกลุ่ม ให้ลูกศิษย์มาช่วย รุ่นไหนใครสมัครใจมาก็มา บางคนไปเช่าอพาร์ทเม้นต์ คอนโดฯ ไม่ไกล บางคนก็มาบ้านผม ตอนนี้เต็มมาก เพื่อน ๆ รุ่นหมอ ไปอยู่บ้านหมอละกันนะ” “ฮะ? อะไรนะ... ครับ? บ้านผม?” สีหน้าของเขาตกใจยิ่งกว่าเมื่อสักครู่ เพราะนอกจากเขาจะต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งพอเข้าใจได้ แต่การต้องสละพื้นที่ในบ้าน... “ได้ยินว่าหมอเพิ่งซื้อบ้านใหม่นี่ หลังใหญ่กว่าบ้านผมอีก โครงการคฤหาสน์เหลือ ๆ ห้องเยอะแยะ” “อาจารย์ครับ... อาจารย์ออกจะกำไร ระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์เอกชน มีคลินิกครบวงจร สัตว์เล็กใหญ่ เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงอีก ขนมหมาของใช้หมาแมวนี่ก็ขายดี๊ดี.. ผมไม่ได้ส่วนแบ่งสักบาท” ไอศูรย์ยิ้มเจื่อนประชดอย่างสุภาพ คุณหมอรุ่นใหญ่ก็ทำแบบเดียวกัน “บ้านหมอออกจะรวย ผมนี่สิลูกสี่ เดือนนี้ก็ยอดตก ตั้งแต่หมอมีเมียน่ะ” ตาคมสาดประกายวับใส่ลูกศิษย์ที่แค่ยกยิ้มตอบ “ผมมารักษาสัตว์นะครับ ไม่ได้มาเป็นเซลล์ขายของ ลูกอาจารย์โต ๆ หมดแล้ว ลูกผมยังว่ายน้ำอยู่ในท้องคุณแม่เลย” “จริงรึหมอ? ผมดีใจด้ว
“อาภพลืม ๆ เรื่องของผมกับอริสเถอะครับ น้าแก้วแค่เห็นว่าผมกับน้องน่ารักดี ไม่เห็นต้องไปคิดจริงจัง ผมไม่อยากสร้างเวรสร้างกรรม ไปพรากคนรักกันมันบาปกรรม น้องพายเคยบอกผม” พิภพแค่ได้ยินชื่อคนรักเขาจึงได้สติกลับมา หยิบกล่องเล็ก ๆ สีแดงใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต วางลงบนโต๊ะเบา ๆ มันเคยเป็นของสำคัญที่สุดของเขาที่ดื้อรั้นมาจนสุดทาง คงไม่มีหวังอะไรอีก “ก่อนแก้วเสีย แก้วให้อาไว้ ให้อาให้เต อยากเอาไปทำอะไรก็ทำเถอะ...” เตชินหน้าตะลึงงัน กล่องกำมะหยี่สีแดงเก่า ๆ เบื้องหน้าสายตา เดาได้ไม่ยากเลยว่าข้างในเป็นอะไร และด้วยเหตุใดเจ้าของบ้านจึงกำชับนักหนาว่าเขาจะต้องมาในวันนี้ “อาขอไปคุยกับลูกก่อนนะ” ในสายตาอาลัยอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้ายกับแหวนแต่งงานที่เขาให้กับอดีตภรรยาผู้ล่วงลับไปด้วยควันบุหรี่มือสองของเขาเอง พร้อมคำสั่งเสียซึ่งเขาไม่สามารถทำมันได้ ร่างสูงลุกไปทิ้งสองแม่ลูกไว้ “น้าแก้วนะน้าแก้ว... คนเขาวุ่นวายกันไปหมดเพราะแหวนน้าแก้ววงเดียวเนี่ย” คนบ่นคว้ากล่องมาเก็บไว้ลวก ๆ อย่างไม่พอใจ โครม! เสียงของหล่นกระจายจากที่ไหนสักแห่งใน
“นั่นอ่านหนังสืออะไร?” ไม่ทันได้คำตอบ แขกทั้งสองคนก็ปรากฏตัว ต่างคนยกมือไหว้กัน รวมถึงอริสาที่วางหนังสือลงประนมมือนอบน้อม “สวัสดีค่ะ ป้าขวัญ พี่เต” “สวัสดีจ้ะลูก เป็นไงบ้างน่ะเรา? ป้าไม่เจอหน้าเลยนะ” ขวัญฤดีแย้มยิ้มอย่างสดชื่น ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ กันกับลูกชายในฝั่งตรงข้ามกับเจ้าของบ้าน “สบายดีค่ะ ป้าขวัญกับพี่เตสบายดีนะคะ?” “ก็ดีเนอะแม่ เรื่อย ๆ” เตชินแย่งตอบ ดีใจอยู่ที่ได้พบหน้ากันหลังไม่ได้พบกันนานนับเดือน ถึงจะยังงง ๆ อยู่ว่าทำไมเธอถึงได้ดูอารมณ์ดียังทักทายเขาก่อน “วันมะรืนนี้ ผมว่าจะไปทำบุญให้แก้วอีกรอบ พี่ขวัญว่างหรือเปล่า?” พิภพถามด้วยสีหน้าระรื่นความสุขที่ได้กลับมานั่งรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงจะคอยชะเง้อคอมองประตูหาหญิงสาวรุ่นลูกอีกคนหนึ่งว่าจะมาหาเขาไหม แต่ก็ไม่มีวี่แวว... “ช่วงบ่าย ๆ พี่ว่าน่าจะได้นะภพ พี่ไม่ได้ติดธุระอะไร อยากไปหาแก้วอยู่เหมือนกัน” ระหว่างที่ลูกสาวเจ้าของบ้านไม่อยู่ ขวัญฤดียังมาเยี่ยมเยียนบ้าง เว้นแต่เตชินที่ยุ่ง ๆ อยู่กับกิจการร้านทองธุรกิจครอบครัว พิภพนั้นไปอุดหนุน