“พ่อคะ..” เรียกครั้งหนึ่งผ่านประตูรถเมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำสนิท ขณะที่คนพ่อดันแย่งหน้าที่สารถีเปิดประตูให้หญิงสาวนั่ง ทำท่าจะก้าวตามในฝั่งเดียวกันข้างหลัง มันควรเป็นที่นั่งของเธอไม่ใช่เรอะ
“พ่อ!”
ใบหน้าหล่อเหลาที่มีริ้วรอยเล็กน้อยหนีวัยไปมากหันหลังมองลูกสาวที่เพิ่งตะคอกใส่เขา ยังยกมือพรวดผลักประตูปิดลงดื้อ ๆ
“เจอสาวน้อยวัยขบเผาะเรียกไม่ได้ยินเลยนะพ่อ...”
ในน้ำเสียงปรกติเป็นเพราะว่าเธอไม่ใช่คนยิ้มเก่งคงดูเหมือนไม่พอใจ พิภพหน้าเข้มเครียดปราม
“อะไรอีกล่ะ? พ่อกำลังเทคแคร์ลูกหลานอีกคน ลูกสาวท่านนายพล มีอะไรเดือดร้อน ท่านเส้นสายใหญ่โต ช่วยฟาร์มเราได้รู้ไหม?”
สายตาแบบนั้นมันโคแก่จ้องเขมือบหญ้าอ่อนชัด ๆ!
“หยุดคิดเลย.. แกน่ะ”
ไม่คิดก็บ้าแล้ว! เรียวปากบางเม้มเข้าหากัน อริสาเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะยอมรับหากพ่ออยากแต่งงานใหม่ แต่กับเด็กรุ่นลูกที่อายุน้อยกว่าเธอ เธอคงต้องขอเวลาปรับตัว..
ในความสนิทสนมของสองพ่อลูกที่อยู่ด้วยกันมาตลอด บางคราวก็เป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนเสียมากกว่าผู้อยู่ในโอวาท กะพริบตามองกันแค่เสี้ยวนาที อริสาสะบัดหน้าไปอีกทาง เอาลิ้นดันกระพุงแก้มทีหนึ่ง
“พ่ออยากทำอะไรหนูตามใจพ่ออยู่แล้ว แต่ระวังไว้เหอะ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ช่วยนะ บอกเลย”
พิภพแค่นหัวเราะ “นับวันยิ่งบ้านะแกน่ะ พ่อจะไปคิดอะไรกับเด็กรุ่นลูก... ไปกันได้แล้ว รถแกจอดไว้นี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา”
ประตูรถยนต์ปิดลงอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏอยู่ตรงมุมปากงาม อริสานั้นนั่งอยู่ข้างนายสารถีประจำบ้าน แทบอดใจไม่ไหวที่จะเค้นเอาความจริง เธอจึงเฝ้ารอโอกาสยามลอบมองคนทั้งสองผ่านกระจกบานเล็กเหนือศีรษะ
“พายอยากทานอะไร? อาจะได้โทรบอกพ่อครัวให้เตรียมไว้ให้” พิภพก้มหน้าลงบอกหญิงสาวที่ส่งยิ้มหวานตอบ
“พายยังไม่ค่อยหิวเท่าไรค่ะอาภพ ก่อนเข้าเรียนพายทานกับพี่อริสมาหน่อยแล้วค่ะ” ขณิการวบมือประสานไว้บนหน้าตัก ดูเกร็ง ๆ อยู่ไม่น้อย ยิ่งถูกจ้องจนหน้าจะทะลุด้วยสายตาคู่สวยใต้อายไลน์เนอร์คมกริบ
อริสากำลังคิดอยู่ว่าทั้งสองคนรู้จักกันเมื่อไร...
หรือจะเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน...?
หลังจากที่ขณิกากลับมาอยู่โคราชกับบิดา นายตำรวจใหญ่ที่ประจำการอยู่ที่นี่เพราะคดียาเสพติด พลตำรวจเอกปรีชาจึงถือโอกาสพาลูกสาวมาแนะนำให้เจ้าของรีสอร์ตฟาร์มม้ารู้จัก จากนั้นหญิงสาวยี่สิบหกปีผู้มีแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ดุจผ้าขาวสะอาด คงหยอดยาเสน่ห์ใส่นายพิภพตอนไหนไม่รู้ได้
“พ่อ... เมื่อกี้พ่อพูดว่าอะไรนะ? ช่วงนี้สมองหนูเบลอ ๆ จำอะไรไม่ค่อยได้เลยค่ะ” เสียงราบเรียบถาม ในหน้าตาใสซื่อของบุตรสาวผู้พยายามลอกเลียนกิริยาของหญิงสาวอีกคนในรถยนต์ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ
พิภพละสายตาวูบไหวจากเจ้าของใบหน้าสดสวย มองไปทางคนข้างหน้าอย่างสงสัย “อะไรของลูกน่ะ?”
“หนูถามว่าก่อนที่พ่อจะขึ้นรถมา พ่อพูดอะไรกับหนู? หนูลืม เลยถามพ่ออีกทีไง”
“จอดรถไว้ที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยมาเอา ทำไมแค่นี้จำไม่ได้?” วงหน้าหล่อเหลาเจือแววไม่พอใจ หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสองไม่มีท่าทีว่าจะยอมอ่อนให้ลูกสาวซึ่งต้องการคำตอบจากเขาเสียให้ได้
“ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าที่พ่อบอกว่าให้จอดรถไว้ที่นี่ พ่อพูดอะไร?”
“ขนาดแกยังจำไม่ได้ ฉันอายุปูนนี้ จะไปจำได้ได้ยังไง”
“พ่อจะพูดหรือจะให้หนูพูด?” ถ้อยคำประกาศิต นัยน์ตาคู่สวยสาดประกายมาดหมายผ่านกระจกบานเล็กทะลุไปข้างหลัง สะท้อนความรู้สึกของสองหนุ่มสาวต่างวัย
เส้นขนานบาง ๆ ที่แค่สะกิดเบา ๆ ก็ขาดสะบั้น
“พ่อจะไป... คิดอะไรกับเด็กรุ่นลูก” สุ้มเสียงแผ่วเบาออกมาจากลำคอ พิภพสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งด้วยสีหน้าเข้มขรึม ขณะที่เจ้าของแววตาคู่สวยเอ่อคลอยังคงจับจ้องหนุ่มรุ่นพ่ออย่างไม่ละวาง
“อืม... เห็นพายบอกว่านัดเพื่อนไว้หรือเปล่า? พี่ได้ยินอยู่นะ”
ขณิกาหน้าซีดเผือดไร้เม็ดสี ละล่ำละลักเอ่ย “ออ... พายลืมไปเลย... รบกวนส่งพายข้างหน้านี้นะคะ”
“อาจะส่งพายลงตรงนี้ได้ไง พ่อพายฝากพายไว้กับอา พายไปหาเพื่อนตอนนี้ อาก็เสียคนหมดสิ” พิภพออกตัวทันที ทว่าคงไม่ทัน
“จอดรถ... ลุงเษม”
สารถีประจำบ้านอย่างคุณเกษมเลิ่กลั่กมองหาที่จอดรถยนต์ อย่างไม่รอคำสั่งของเจ้าของบ้านตัวจริง ในเมื่ออำนาจเด็ดขาดในบ้านเป็นของหญิงสาวที่ควบคุมทั้งพนักงานในฟาร์มและคนงานทุกคน ไม่มีใครอยากเห็นอริสาโมโหเป็นแน่
และเมื่อรถยนต์จอดสนิทดี พิภพได้แต่มองสาวรุ่นลูกปิดประตูออกจากรถไปอย่างนึกผูกใจเจ็บ
“พ่อจะกลับบ้านกับหนู หรือจะไปดูลูกคนอื่น?”
“พ่อก็ต้องกลับบ้านกับหนูอยู่แล้ว พ่อมีลูกสาวคนเดียวนี่” ตอบเต็มปากเต็มคำ ต่างคนสบตากันผ่านกระจกด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง พิภพไม่สามารถทรยศภรรยา ผู้ร่ำลาจากโลกใบนี้ไปถึงสิบปี เขาไม่ได้รู้ว่าอริสานั้นมีความคิดอีกอย่าง
ความสุขของพ่อเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งเสมอ เธอไม่อยากให้พ่อต้องแก่ตายไปลำพังพอ ๆ กับที่พ่อไม่อยากให้เธอต้องเผชิญความโดดเดี่ยวเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แค่เจ้าเล่ห์ไปตามประสา...
“ดีค่ะ แต่พ่อต้องลงตรงนี้ เพราะหนูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า...” เงียบไปครู่ “ไม่ควรปล่อยให้ลูกศิษย์คนสวยเดินร้องไห้กลับบ้านคนเดียว กว่าลุงคนขับน้องพายจะมา สวย ๆ แบบนี้ คงได้ถูกไอ้หื่นที่ไหนฉุดเข้าป่าก่อนล่ะมั้ง”
ไม่ขาดคำดี เจ้าของร่างสูงสะบัดสูทกระโจนกายออกจากรถยนต์รวดเร็วเสียยิ่งกว่าอะไร อริสาได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอ ขนาดว่าลุงเกษมยังอดขำไม่ไหว กับแผนการของนายผู้หญิงประจำฟาร์ม
สายฝนโปรยปรายลงมาในอีกครู่หนึ่งราวกับฟ้าเป็นใจให้คนทั้งคู่ หลังจัดการพ่อสื่อให้ไปจัดการธุระของตัวเอง จะได้ไม่มาวุ่นวายกับเธอช่วงเย็นนี้ อริสาดันนึกถึงชายหนุ่มอีกคน
“ลุงเษม.. ผ่านหน้าคลินิกให้หน่อยนะคะ ฉันว่าจะแวะซื้อขนมให้เจ้าที่รัก มันนอนซมอยู่ที่บ้านไม่ได้มาด้วยวันนี้”
บางครั้งเจ้าที่รักจะตามเธอมาสนามปืนด้วย แม้ว่ามันเกลียดเสียงปืนเสียจนต้องนอนปิดหู เรียกเสียงหัวเราะและสายตาเอ็นดูจากผู้คนในสนาม มันจึงได้รับสิทธิพิเศษให้นอนหลบอยู่ด้านนอก
เธอรู้สึกผิดกับมันอีกอย่างหนึ่งจนต้องซื้อขนมให้เป็นการไถ่โทษ เพราะดันอยากให้มันป่วยจะได้ไปหาหมอ!
“คลินิกอยู่ข้างหน้านี่เอง เอ่อ.. แล้วลุงต้องวนกลับไปรับนายหัวไหมครับ? คุณอริส” คุณลุงไม่ค่อยแน่ใจ ทว่าพอสบเข้ากับรอยยิ้มร้ายกาจตรงมุมปาก“คนรักกันมันต้องตากฝนกอดกันตัวกลมกลางป่าสิลุง โรแมนติกสุด ๆ”“ลุงว่าฟังดูน่ากลัวมากกว่าโรแมนติกนะ..” สารถีคนดีแค่นหัวเราะ ก่อนขับรถยนต์ต่อไปจนถึงที่หมายในอีกไม่นาน โดยไม่ลืมว่าจะต้องวิ่งตากฝนไปเอาร่มท้ายกระโปรงหลัง ทว่าเขาได้รับความใจดีจากหญิงสาวกว่าทุกวัน“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีร่ม.. ลุงรอนี่”ร่มพับสีน้ำเงินถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า ร่างบางเปิดประตูลงจากรถยนต์ ฝ่าสายฝนที่หยาดหยดลงมากระแทกร่มคันน้อย ดังระรัวไม่ต่างจากเสียงหัวใจสาวในทุกย่างก้าว ขณะที่เธอไม่ลืมว่ามาซื้อขนมสุนัขกระดูกขัดฟันรสเนื้อ เนื้อไก่ผสมผักโขม ปอร์ปคอร์นแคปหนังวัวลดคราบหินปูน เป็นขนมที่เจ้าที่รักชื่นชอบมากที่สุด ร่างบางตรงไปที่ชั้นวางขนมข้าง ๆ เคาน์เตอร์ หลังเก็บร่มไว้ในชั้นวางร่มข้างหน้าคลินิกเรียบร้อยดีดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองความว่างเปล่า ตวัดตามองไปรอบ ๆ กาย บรรดาสาวน้อยใหญ่ยืนชะเง้อคอมองอะไรสักอย่างหา! ขนมหมาหมดเกลี้ยงชั้น แล้วนี่อะไร? ติ่งเกาหลีมายืนรอไอดอลที่สนามบินรึ!“ขอโทษนะค
“ขอบคุณที่มาให้กำลังใจอริสานะคะ... โอลิมปิกเกมส์ปีนี้ไม่ได้เหรียญทอง ขอโทษทุกคนจริง ๆ ยังไงจะฝึกซ้อมให้หนักกว่านี้ค่ะ” “พยายามเข้านะครับ... คุณอริสา” เสียงจากกองเชียร์ปะปนกันไป ประมาณสิบกว่าคนได้ เธอต้อนรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ จับมือในแบบชาวตะวันตกอย่างเท่าเทียม พยายามที่จะจดจำใบหน้าของพวกเขาไว้ในความทรงจำ ทั้งชายหญิงวัยรุ่น ชายร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ เธอยกมือลูบศีรษะเบา ๆ “เป็นเด็กดีนะเรา... มาดูกีฬากับพ่อแม่สนุกไหมคะ?” “สนุกค่ะ หนูชอบดูพี่ ๆ แข่งกีฬา” เด็กสาวยิ้มตอบ ขณะจับจูงมือสองหนุ่มสาว หนึ่งในแฟนคลับของเธอที่ถ้าหากว่าไม่เป็นแฟนพันธุ์แท้จริง ๆ คงไม่พาเด็กสี่ขวบมาดูกีฬายิงปืนแน่ เมื่อเสียงประกาศดังว่าแมตช์ต่อไปกำลังจะเริ่ม หลายคนก็กลับไปยังที่นั่งอัฒจันทร์ของตน หนุ่มวัยห้าสิบ โค้ชส่วนตัวเข้ามาตบบ่าเบา ๆ “เอ้า... ไม่เป็นไรนะ อริส” หนุ่มใหญ่เปรยยิ้มแล้วจากไป ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้น แปลว่าเขาอาจจะต้องคัดสรรนักกีฬาใหม่ในปีหน้า หญิงสาวเดินดุ่ม ๆ ไปหยิบกระเป๋าในล็อกเกอร์ของ
สองหนุ่มสาวต่างวัยคงได้ปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยด้วยฝีมือของอริสา เมื่อเช้าวันต่อมา ในห้องรับประทานอาหารของบ้านนายพิภพวันนี้ ผู้คนพร้อมหน้าพร้อมตา อาหารมากมายเต็มโต๊ะทั้งอาหารฝรั่งไทย ขณิกานั่งอยู่ข้าง ๆ เจ้าของบ้าน อีกฝั่งหนึ่งมีขวัญฤดี บุตรชาย และนายพลตำรวจใหญ่ พลตำรวจเอกปรีชาสนิทสนมกับพิภพมานาน มักมาเยี่ยมเยียนฟาร์มอยู่ทุกเดือน บางครั้งก็ชักชวนเพื่อนฝูงลูกน้องมาเที่ยว มาสังสรรค์กันทั้งโรงพัก ช่วงนี้ลูกสาวกลับมาอยู่ด้วยดูจะมาบ่อยขึ้น อริสายกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นายตำรวจใหญ่วัยหกสิบในเครื่องแบบเต็มยศวางช้อนลง รับคำทักทายผู้น้อย “มาพอดีนะเรา ลุงกำลังบ่นถึงอริสอยู่เลย นึกว่าจะไม่ได้กินข้าวด้วยกันซะแล้ว” “ขอโทษที่ให้รอนะคะ ลุงชา ป้าขวัญ หนูแต่งตัวนานทุกที กลัวสวยไม่พอไปตรวจฟาร์มค่ะ” ในคำขอโทษที่จำต้องโกหกไป เพราะเธอดันตื่นสาย อริสาไม่สามารถทำตัวไร้กิริยามารยาท กับผู้มีพระคุณอย่างขวัญฤดีที่สลับเลี้ยงเธอกับบิดามาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ หรือแม้แต่นายตำรวจใหญ่ผู้คอยให้ความช่วยเหลือฟาร์มม้าแห่งนี้มาตลอด เวลามีเรื
“เห็นเจ้าเล่ห์ ๆ แบบนี้ หนูรักใครรักจริงนะคะลุงชา ถ้าพูดถึงความเหมาะสม หนูว่าหนูมี ขอเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาของลูกเขยลุงเลยได้เปล่า?” ได้ทีของหญิงสาวที่ทำให้มื้อเช้าวันนี้มีสีสันขึ้นมา นายพลตำรวจใหญ่รับประทานอาหารได้มาก ยังได้พวกจับผิดพิรุธเจ้าของบ้าน “พายว่ายังไง? พ่อชอบลูกเขยคนนี้นะ ยิงปืนเก่ง เจ้าเล่ห์ รักจริง ปกป้องลูกสาวพ่อได้” “พ่อกับพี่อริสอ่ะ ทำไมชอบแกล้งพาย” แก้มนวลเนียนของขณิกาเป็นสีแดงอยู่น้อย ๆ มองค้อนวงโตใส่ทั้งสองก่อนทำทีเป็นรับประทานอาหารต่อ อริสาลอบมองหญิงสาวรุ่นน้องด้วยสายตาเล่ห์ร้าย ก่อนเอื้อมมือไปคว้ามือนุ่มที่กุมส้อมไว้แผ่วเบา “น้องพายขา...” “ลูกยังไม่ได้บอกพ่อเลยว่าเตชินหล่อหรือเปล่า? ป้าขวัญก็ถามอยู่น่ะ ลูกควรจะตอบคำถามผู้ใหญ่ก่อน” ไม่เอ่ยเปล่า อารมณ์รุ่มร้อนแรงริษยาทำให้นายพิภพเอื้อมเอาส้อมสะกิดหลังมือลูกสาวตัวเองทีหนึ่งจนเจ้าตัวสะดุ้งดึงมือออก ยอมหยุดหว่านเสน่ห์ใส่ขณิกาแต่โดยดี ลูบมือสูดปากอย่างเจ็บ ๆ อริสาไม่อยากทำเสียมารยาทจึงมองไปทางสาวใหญ่วัยหกสิบในทางฝั่งซ้าย ถัดจากที่นั่งของนายพล ในเมื่อเธอไม่ได้ค
‘เราเคยเจอกัน... ที่เกาหลี...?’[จำไม่ได้จริงหรือครับ?]‘คุ้น ๆ น่ะค่ะ ไม่ถึงกับจำไม่ได้เสียทีเดียว’[แต่หมอจำได้... ไม่เคยลืมคุณอริสาเลย]“อุ๊ยตาย...” อุทานกับคำหยอด จะว่ามีนัยก็มีอยู่ วันนั้นเธอเมา... ลืมตาตื่นมาอีกทีคืออยู่ในห้องพักของโรงแรมที่โค้ชจองไว้สำหรับนักกีฬาหญิงหลายคนมันเป็นภาพเลือนรางในความทรงจำ สัมผัสรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงอบอุ่น กลิ่นโคโลญจน์บุรุษจาง ๆ ไม่ได้จำไม่ได้ทั้งหมด ในที่สุดมันก็ลืมเลือนไปเองตามกาลเวลา... กว่าหลายชั่วโมงที่เธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการแชทระหว่างขี่ม้าไปรอบ ๆ พบผู้จัดการแผนกต่าง ๆ หลังรับประทานอาหารกับพ่อและบรรดามิตรสหายที่มาเยี่ยมชมฟาร์ม เธอก็ต้องสะสางงานตัวเองขณะที่มือไม่หยุดพิมพ์โทรศัพท์ ทั้งที่เธอไม่ใช่คนพูดเยอะแยะอะไร แต่กลับคุยกับคุณหมอหนุ่มได้อย่างเป็นกันเอง เหมือนที่คุยกับน้องพายหรือเพื่อนคนอื่น ๆเธอยังพยายามรื้อฟื้นถามถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว คนบอกว่าไม่เคยลืมทำเป็นบ่ายเบี่ยง และแค่บอกว่าบางทีอาจจะเกิดเหตุการณ์ ‘ภาพตัด[1]’ ตามคนเมาแล้วเขาก็ชวนเธอสนทนาเรื่องงานวิจัยเกี่ยวกับม้ามา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก คนเป็นแฟนคลับต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็น
“มัวแต่เล่นมือถือแบบนี้ มีได้ชนต้นไม้สักต้นแน่ ๆ ให้ผมขับดีกว่าไหม?” เตชินไม่ได้เอะใจอะไร เพราะดูท่าทางแล้วหน้าตาเครียด ๆ ของหญิงสาวคงจะทำงานอยู่ตลอด กระทั่งแม่ของเขาเป็นคนถามขึ้นมา“ตกลงหมอไอนี่ใครจ๊ะ ป้าถามได้ไหม? อริสก็รู้ว่าป้าอยากให้หนูกับเตกลับมาสนิทสนมกันเหมือนเมื่อตอนตัวเล็ก ๆ”“แฟนพี่อริสค่ะคุณป้า” คนตอบฉีกยิ้มกว้างหวานให้สาวใหญ่ที่มีสีหน้าตกใจ มือของหล่อนกำลังจับหมวกปีกกว้างกลัวว่ามันจะหลุดลอยไปกับความหวังอันน้อยนิด “ไหนอาภพบอกป้าว่าอริสไม่มีแฟน”“อาภพไม่รู้หรอกค่ะ มันเป็นความลับ พี่อริสบอกพายคนเดียว คุณป้ากับอาภพเลิกล้มความตั้งใจเถอะนะคะ เป็นมือที่สาม เจตนาให้คนรักกันต้องพรากจากกัน มันเป็นบาปกรรมนะคะ” ไม่บอกเปล่า ขณิกานั่งอยู่ข้าง ๆ คนขับ จงใจพูดเข้าข้างตัวเอง “เนอะพี่เนอะ” ชะโงกคอมองสุนัขข้างหลัง “ใช่ไหม? เจ้าที่รัก”“ผมเห็นด้วยกับคุณพาย เพราะผมไม่คิดอะไรกับคุณอริสาอยู่แล้ว และที่บอกว่าสนิทสนมกันน่ะ มันตอนไหนมิทราบ มีแต่คุณอริสาตามตอแยผมมาแต่เด็ก มาขอแต่งงานอยู่ได้ ไล่เท่าไรก็ไม่ไป” เบ้ปากต่อว่า ยามพูดถึงเรื่องราวในวันวานของเด็กน้อย บัดนี้เติบใหญ่เป็นหญิงสาวผู้หยิ่งผยองเ
พย็องชัง เกาหลีใต้ : 10 FEB 2018, 8:30 PM - Black Out Time - “นี่คุณ... ตกลงเป็นหมอ... จริงเรอะ?” เสียงหวานอ้อแอ้ถามคนข้างกาย มือสั่นเทาใต้ถุงมือไหมพรมสีขาวของหญิงสาวรินน้ำใสลงแก้วใบเล็กจิ๋ว มันหกเรี่ยราดบนโต๊ะสีน้ำเงินเข้ม ทว่าแก้วขนาดพอดีมือจับได้แค่ปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้งก็ถูกเติมจนเต็ม “คุณอริสาเมาแล้วนะ... เลิกกินเถอะ เดี๋ยวโค้ชคุณก็ว่าผมหรอก” “ฉัน... ดูแลตัวเองได้... ไม่ต้องการหมอ” ในท่าทีมั่นอกมั่นใจตรงข้ามความเป็นจริง ใบหน้าสดสวยแดงก่ำเพราะความเมา ตั้งแต่หน้าตู้เบียร์ด้วยเบียร์เกาหลีแค่กระป๋องเดียว! จากนั้นก็เดินโซเซฝ่าหิมะมาจบลงที่ร้านโซจูในเต็นท์ริมทางถนน พื้นถนนเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนนั้นซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เมืองแห่งฤดูหนาวยาวนานไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวสักเท่าไร แต่อย่างน้อยเธอก็จำได้ว่าเขาบอก... ว่าเป็นหมอ “เป็นหมอไรอ่ะ หมอดูป่ะ...?” “หมอ... ไอเลิฟยูครับ” เขาพูดแล้วยิ้มขึ้นมา อีกคนหัวเราะคิกคัก ก่อนที่ความสดใสจะหายไปจากใบหน้าสดสวยโดยสิ้นเชิง “แหม... เล่นมุก ทำไมหมอไม่กิน...? ไม่มีมา
ใต้เสื้อโค้ทตัวโตของชายหนุ่มมีแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวครีม กางเกงสแล็คดำ และเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ติดกระดุมเสื้อชั้นนอกไว้ให้มิดชิด มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่อีกคนจะลูบผ่านหน้าท้องเป็นลอนหนาไปถึงจุดหมาย กำเข้าหมับ! “อืม... สมิธแอนด์เวลสัน... รีวอลเวอร์ .38” “อย่าจับ...! อันนั้นไม่ใช่ปืน” ความสุภาพของคุณหมอหนุ่มยังคงอยู่อย่างเต็มกลืน มือหนาเลื่อนลงจับมือเล็กให้เลิกเล่นซุกซน ทว่ามือของเธอก็ดูจะเหนียวแน่นเหลือเกิน เขาเองก็ไม่ใช่ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ยังใช้การได้ดี! “อา... อริสา ปล่อยผมก่อน... ครับ” เสียงทุ้มพร่ากึ่งคำรามอยู่ในลำคอ มือแข็งแรงอ่อนเปลี้ย พ่ายแพ้ให้กับอ้อมกอดอันทรงพลัง ชายหนุ่มขบกรามกรอดแน่นจนเห็นสันกราม เมื่อมือนุ่มนิ่มเริ่มขยับไปมาอย่างเอ็นดูราวกับว่ามันคือ สมิธแอนด์เวลสัน รีวอลเวอร์ .38! “ปืนเก่า... มากเลยนา..” วงหน้าหวานระบายยิ้มบาง ๆ ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น เธอกำลังคิดถึงปืนเก่าอย่างสมิธแอนด์เวลสัน รีวอลเวอร์ มรดกตกทอดจากแม่ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2518 แต่ทำไมมันเปียก? อาจเพราะแอลกอฮอล์ที่วิ่งวนอยู่ในกระแสเล
“ลูก...?” เป็นคำถามแรกของอริสา ที่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดในวินาทีที่เธอไม่ควรพรวดพราดออกไปหาอันตรายอย่างนั้น ไอศูรย์พยักหน้าเบา ๆ พาความปลื้มปิติขึ้นในหัวใจ เรี่ยวแรงของเธอตอนนี้ทำได้แค่ยกมือข้างที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือขึ้นสะกิดบ่าแกร่ง แม้ว่าอยากกอดเขาแน่น ๆ สักแค่ไหน “ฉันขอโทษ... พี่... เป็นห่วงฉันมากเลยใช่ไหม?” “ไม่เป็นไร... เราไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเกรอะคราบน้ำตาผละออกมองดวงหน้าซีดขาวราวกระดาษ เบียดตัวนั่งลงข้างเตียง กุมมือน้อยไว้แผ่วเบา ไม่ให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บแม้สักนิดกับรอยเข็มบนนั้น “ไม่เป็นไรทำไมตาแดงคะ? กินข้าวหรือยัง ได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” เสียงพร่าของคนป่วยตัดพ้อ อริสาสัมผัสได้ถึงมืออันอบอุ่นของชายทั้งสอง ไม่ลืมหันไปทางอีกคนที่คงหวาดกลัวไม่ต่าง จากดวงตาแดงก่ำที่พายุความโศกเศร้าได้สงบลงไปสักพัก “ไม่เป็นไรแล้วนะลูกพ่อ” ใบหน้างามพริ้มระบายยิ้มจาง ๆ “หนูไม่เป็นไร... พ่ออย่าร้องไห้ เวลาพ่อร้องไห้ พ่อจะมองอะไรไม่เห็น...” แล้วเลื่อนสายตาไปทางชายที่ยังคงจ้องหน้าเธออยู่ไม่ห่าง ไม่ได้มองคน
กว่าสิบชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ต่างจากคนเสียสติ ในวินาทีที่อุ้มร่างโชกเลือดไปหาอาจารย์ในโรงพยาบาลสัตว์ หยาดน้ำตาเปียกชุ่มใบหน้าอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยจะร้องไห้ให้ใครได้เท่านี้ แม้แต่ในวันที่แม่จากไป เขาเสียใจแต่ยังคงความเป็นบุรุษที่เข้มแข็งเช่นพ่อ รถพยาบาลที่มาได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ละนาทีช่างยาวนาน ผู้ชายตัวโต ๆ อย่างเขาแค่นั่งสั่นอยู่ตรงนั้นไม่รับรู้สิ่งใดแม้เสียงเรียกของเพื่อนที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอด เขายังจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ใบหน้าสวย ๆ ของผู้หญิงคนนี้อีกตลอดไป ชีวิตที่เหลือจะเป็นอย่างไร กับลูกที่ได้เห็นหน้าเพียงครั้งผ่านจอสีเทาดำ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขารักแต่แรกพบเหมือนอริสา... ความหวังอันเบาบาง เด็กที่เกิดจากความรักของเขาและเธอยังรอปาฏิหาริย์ “พี่จะรีบกลับมานะ... เราไม่ต้องห่วงพี่ พี่จะดูแลตัวเอง...” ในน้ำเสียงและแววตาแสนอ่อนโยน มือหนาค่อยเลื่อนขึ้นปัดไรผมบนขมับอย่างที่เขาชอบทำ ก่อนจะหยัดกายลุกจากเก้าอี้ที่นั่งมานานนับชั่วโมง มองเปลือกตาที่ยังคงปิดอยู่อย่างนั้น ก่อนออกจากห้องไป ชายหนุ่มตั้งใจจะตรงกลับบ้าน
“ไหวไหมลุงชา?” ใบหน้าซีดขาวของชายวัยหกสิบขยับเบา ๆ มือกระชับอาวุธในมือไว้เหนือเข่า แม้เลือดโชกชุ่มกาย ตัวต้นเหตุของบาดแผลฉกรรจ์นั้นนอนอยู่ข้าง ๆ ถึงห้าตัว พวกมันสามารถมีน้ำหนักตัวสูงสุดได้ถึงหกสิบสองกิโลกรัม มีอุ้งเท้าอันใหญ่โต แรงกัดมหาศาลด้วยกรามอันทรงพลังยังออกล่าเป็นฝูง หมาป่าสีเทาเกรวูฟที่กำลังหิวโหยดุร้ายถูกลักลอบมากับรถบรรทุกไม่มีป้ายทะเบียน ไม่ไกลจากฟาร์มของพิภพมากนัก คำขอความช่วยเหลือของพลตำรวจเอกปรีชา ประจวบเหมาะพอดีกับหญิงสาวจะออกไปตามล่าหาเสือโคร่ง ดันได้รางวัลเป็นหมาป่าขย้ำคอคนแก่อยู่กับลูกปืนจากพวกลักลอบค้าของเถื่อน ปัง! ปัง! กระสุนแสกผ่านเหล็กหนา เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำสนิทรุ่นกันกระสุนของท่านนายพลอยู่ในสภาพยับเยิน ผู้หมวดสาวในร่างชายหนุ่มยิงสวนกลับไปเพียงครั้ง ก่อนแนบหลังไว้กับที่กำบัง หันไปถามนายตำรวจใหญ่ “ท่านรองกำลังเสริมใกล้ถึงรึยัง? กระสุนจะหมด...” “อือ... ข้างหน้า...” แรงตอบเฮือกสุดท้ายของพลตำรวจเอกปรีชาที่เอนร่างลงนอนพักไหล่ของหญิงสาว สติพร่าเลือนเต็มที “ลุงชา ๆ !” เรียกเสียงดัง มือเรียวเขย่าบ
มือหนากำหมัดแน่นแม้จะมีแค่รีโมตในมือ แววตาวาวโรจน์สาดประกายไปยังรายการตลก ซึ่งเขาไม่มีอารมณ์จะดูมันเหมือนทุก ๆ วัน “ถ้าแกจะมาตอกย้ำฉันก็ไปเถอะ… ไปไหนก็ไป...” “โธ่… พ่อ… ไอ้เมธพนธ์มันโคตรร้ายเลยนะพ่อ หนูไม่ชอบมัน ทำไมพ่อต้องเป็นแบบนี้ด้วย หนูไม่เข้าใจ” พ่อที่พูดไม่รู้เรื่องยังดีกว่าคุณพ่อเซ็งโลก ทำหูทวนลม อริสาพยายามเซ้าซี้เรื่องเดิม ๆ อยู่อย่างนั้น ทว่าคงไม่มีคำตอบจากร่างสูงในสภาพอิดโรย ขอบตาดำคล้ำด้วยความที่คงนอนคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง จนเธอถึงกับถอนหายใจเสียงดัง ยกมือขึ้นลูบบ่าลูบหลังปลอบประโลม “พ่ออกหักยังไงพ่อยังมีหนู หนูไม่ทิ้งพ่ออยู่แล้ว... พ่อเหนื่อย พ่อหยุดงานไปนะ ดูตลกดูหนัง หนูไปทำป๊อปคอร์นให้” พิภพยิ้มเจื่อน ไม่ได้ดีใจกับคำปลอบของลูกสาวเลย ในที่สุดเขาก็ต้องถาม “อะไรนะ? แกบอกว่าฉันอกหัก?” “ใช่... พ่ออกหักแน่นอน ถ้าพ่อยังนั่งอยู่แบบนี้นะ เอาจริง ๆ ถ้าหนูเป็นพ่อ หนูปล้ำน้องพายไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เสือโหยคาบไป ป่านนี้กินอิ่มท้องไปแล้วมั้ง เอาเถอะ...ไว้หนูแนะนำเพื่อนสาว ๆ สวย ๆ เอ๊าะ ๆ ให้พ่อใหม่ส
“เซ็นแล้ว... ผมมีของขวัญให้พี่สาวคุณด้วยนะ แต่ว่า... มันอยู่ในมือถือ ไม่รู้ว่าอยากดูไหม?” “คุณ... หมายความว่าไง?” ขณิกาหน้าชาวาบ เพียงชายตรงหน้าสลัดคราบเทพบุตรเป็นซาตานร้ายใช่... ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกันมาขณิการู้ว่าถ้าเขาร้าย เขาจะร้ายได้แค่ไหน! “พี่ยักษ์ก็หมายความอย่างที่พูด ของขวัญให้คนรักไอ้พิภพอย่างน้องพาย อืม... แต่พี่ว่านะ มันรักลูกสาวกับเมียเก่าที่สุด ไม่มีเศษซากความรักเหลือเผื่อแผ่ให้ส่วนเกินหรอก” “คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะคุณเมฆ อย่าไปยุ่งกับพี่อริสเลย... ที่แล้วมาก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ พายขอ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาเว้าวอน มือเรียวเอื้อมไปแตะลงบนท่อนแขนแกร่งที่สะบัดออกอย่างไม่ไยดี “อย่ามาแตะต้องตัวผม...” ท่าทางเย็นชาของเขาสั่นคลอนหัวใจอย่างรุนแรง ริมฝีปากคู่งามเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง ยามสบมองวงหน้าหล่อเหลาของคนที่เคยอบอุ่น อ่อนโยนกับเธอมาเสมอ “พี่สาวคุณก็ทำร้ายคนของผมนะอย่าลืม ที่เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ น่ะ คุณเมฆไม่ทำ ผมเป็นคนเล่นใหญ่” “คุณเมฆ... คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย... คุยกับพายดี ๆ ได้ไหม
นายหัวฟาร์มม้าดูจะทำตัวหม่นหมองลงทุกวันจนคนรอบกายพลอยเครียดตาม สิ่งหนึ่งที่เธอชื่นชมขณิกาคือไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายมากคารมอย่างเมธพนธ์ที่ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ยังมีฐานะร่ำรวยกับธุรกิจสีเทาที่จับอยู่ ความเจ้าเล่ห์ของนายเมธพนธ์นับว่าเป็นตัวร้ายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกคนไม่ได้เข้าใจในความหมายของเธอเลย หันกลับไปทางภรรยาที่เสียชีวิตในวัยสามสิบเจ็ดปี “แกไม่รักแม่แกแล้วหรือ? อริส” หญิงสาวสะบัดศีรษะอย่างหัวเสีย และที่ว่าจะไม่พูดก็ไม่น่าไหว... “แม่ตายไปตั้งกี่ปีแล้วพ่อ นี่คือชีวิตของคนเป็น คนที่ต้องเอาใจใส่คือคนที่ยังอยู่ ไม่ใช่คนตาย” หัวใจหนุ่มใหญ่พลันกระตุกวาบกับคำพูดตรง ๆ ของลูกสาว เขาไม่เคยสนใจความสุขนั้นเลย ยังพยายามยัดเยียดความคิดให้ลูกแต่งงานกับเตชิน เพราะเป็นความต้องการของคนตาย... เพราะเขาเป็นฆาตกร... ยังไม่สามารถทำตามคำสั่งเสียสุดท้ายของภรรยาได้ ดวงตาคู่คมเอ่อคลอหยดน้ำใสกับทุกความรู้สึกผิดในอดีต เสียงทุ้มสั่นเครือ “มาไหว้แม่ก่อน” หน้าเจดีย์ที่มีกระเบื้องหลากสีใต้ร่มไม้ พ
“เจ้าหน้าที่จากกรมปศุฯ กำลังมา ผมตั้งไลน์กลุ่มใหม่มาสามกลุ่ม ให้ลูกศิษย์มาช่วย รุ่นไหนใครสมัครใจมาก็มา บางคนไปเช่าอพาร์ทเม้นต์ คอนโดฯ ไม่ไกล บางคนก็มาบ้านผม ตอนนี้เต็มมาก เพื่อน ๆ รุ่นหมอ ไปอยู่บ้านหมอละกันนะ” “ฮะ? อะไรนะ... ครับ? บ้านผม?” สีหน้าของเขาตกใจยิ่งกว่าเมื่อสักครู่ เพราะนอกจากเขาจะต้องทำงานล่วงเวลาซึ่งพอเข้าใจได้ แต่การต้องสละพื้นที่ในบ้าน... “ได้ยินว่าหมอเพิ่งซื้อบ้านใหม่นี่ หลังใหญ่กว่าบ้านผมอีก โครงการคฤหาสน์เหลือ ๆ ห้องเยอะแยะ” “อาจารย์ครับ... อาจารย์ออกจะกำไร ระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์เอกชน มีคลินิกครบวงจร สัตว์เล็กใหญ่ เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงอีก ขนมหมาของใช้หมาแมวนี่ก็ขายดี๊ดี.. ผมไม่ได้ส่วนแบ่งสักบาท” ไอศูรย์ยิ้มเจื่อนประชดอย่างสุภาพ คุณหมอรุ่นใหญ่ก็ทำแบบเดียวกัน “บ้านหมอออกจะรวย ผมนี่สิลูกสี่ เดือนนี้ก็ยอดตก ตั้งแต่หมอมีเมียน่ะ” ตาคมสาดประกายวับใส่ลูกศิษย์ที่แค่ยกยิ้มตอบ “ผมมารักษาสัตว์นะครับ ไม่ได้มาเป็นเซลล์ขายของ ลูกอาจารย์โต ๆ หมดแล้ว ลูกผมยังว่ายน้ำอยู่ในท้องคุณแม่เลย” “จริงรึหมอ? ผมดีใจด้ว
“อาภพลืม ๆ เรื่องของผมกับอริสเถอะครับ น้าแก้วแค่เห็นว่าผมกับน้องน่ารักดี ไม่เห็นต้องไปคิดจริงจัง ผมไม่อยากสร้างเวรสร้างกรรม ไปพรากคนรักกันมันบาปกรรม น้องพายเคยบอกผม” พิภพแค่ได้ยินชื่อคนรักเขาจึงได้สติกลับมา หยิบกล่องเล็ก ๆ สีแดงใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต วางลงบนโต๊ะเบา ๆ มันเคยเป็นของสำคัญที่สุดของเขาที่ดื้อรั้นมาจนสุดทาง คงไม่มีหวังอะไรอีก “ก่อนแก้วเสีย แก้วให้อาไว้ ให้อาให้เต อยากเอาไปทำอะไรก็ทำเถอะ...” เตชินหน้าตะลึงงัน กล่องกำมะหยี่สีแดงเก่า ๆ เบื้องหน้าสายตา เดาได้ไม่ยากเลยว่าข้างในเป็นอะไร และด้วยเหตุใดเจ้าของบ้านจึงกำชับนักหนาว่าเขาจะต้องมาในวันนี้ “อาขอไปคุยกับลูกก่อนนะ” ในสายตาอาลัยอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้ายกับแหวนแต่งงานที่เขาให้กับอดีตภรรยาผู้ล่วงลับไปด้วยควันบุหรี่มือสองของเขาเอง พร้อมคำสั่งเสียซึ่งเขาไม่สามารถทำมันได้ ร่างสูงลุกไปทิ้งสองแม่ลูกไว้ “น้าแก้วนะน้าแก้ว... คนเขาวุ่นวายกันไปหมดเพราะแหวนน้าแก้ววงเดียวเนี่ย” คนบ่นคว้ากล่องมาเก็บไว้ลวก ๆ อย่างไม่พอใจ โครม! เสียงของหล่นกระจายจากที่ไหนสักแห่งใน
“นั่นอ่านหนังสืออะไร?” ไม่ทันได้คำตอบ แขกทั้งสองคนก็ปรากฏตัว ต่างคนยกมือไหว้กัน รวมถึงอริสาที่วางหนังสือลงประนมมือนอบน้อม “สวัสดีค่ะ ป้าขวัญ พี่เต” “สวัสดีจ้ะลูก เป็นไงบ้างน่ะเรา? ป้าไม่เจอหน้าเลยนะ” ขวัญฤดีแย้มยิ้มอย่างสดชื่น ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ กันกับลูกชายในฝั่งตรงข้ามกับเจ้าของบ้าน “สบายดีค่ะ ป้าขวัญกับพี่เตสบายดีนะคะ?” “ก็ดีเนอะแม่ เรื่อย ๆ” เตชินแย่งตอบ ดีใจอยู่ที่ได้พบหน้ากันหลังไม่ได้พบกันนานนับเดือน ถึงจะยังงง ๆ อยู่ว่าทำไมเธอถึงได้ดูอารมณ์ดียังทักทายเขาก่อน “วันมะรืนนี้ ผมว่าจะไปทำบุญให้แก้วอีกรอบ พี่ขวัญว่างหรือเปล่า?” พิภพถามด้วยสีหน้าระรื่นความสุขที่ได้กลับมานั่งรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงจะคอยชะเง้อคอมองประตูหาหญิงสาวรุ่นลูกอีกคนหนึ่งว่าจะมาหาเขาไหม แต่ก็ไม่มีวี่แวว... “ช่วงบ่าย ๆ พี่ว่าน่าจะได้นะภพ พี่ไม่ได้ติดธุระอะไร อยากไปหาแก้วอยู่เหมือนกัน” ระหว่างที่ลูกสาวเจ้าของบ้านไม่อยู่ ขวัญฤดียังมาเยี่ยมเยียนบ้าง เว้นแต่เตชินที่ยุ่ง ๆ อยู่กับกิจการร้านทองธุรกิจครอบครัว พิภพนั้นไปอุดหนุน