แคทเธอรีนที่กำลังกินช็อกโกแลตอยู่แทบสําลัก อะไรกันผู้ชายคนนี้ถูกวิญญาณหมาฮัสกี้เข้าสิงหรือไง?เธอยิ้มขำ ๆ ขณะอ่านการสนทนานั้นเมื่อเธออ่านมาถึงตรงท้าย มุมปากของเธอก็แข็งค้าง............กลางคืนในบาร์แคทเธอรีนนั่งบนเก้าอี้บาร์ข้างโลแกน เขาสวมเทรนช์โค้ทตัวยาว“การเดินทางไปอ่าวนีอาห์คงยากลำบากน่าดู แล้วการสอบสวนเป็นอย่างไรบ้างคะ?” แคทเธอรีนเปิดขวดเบียร์แล้วดันไปให้“เรื่องแบบนี้เป็นความลับและมักจะไม่เปิดเผย” โลแกนจิบเบียร์แล้วพูดอวดว่า “แต่ผมน่ะคือใคร? ผมใช้เวลาอยู่ที่นั่นจนในที่สุดบางอย่างก็แว่วมาเข้าหู ที่นั่นมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาในประเทศจริง ๆ ตอนนั้นชายหนุ่มรูปหล่อจากออสเตรเลียไปที่นั่นเป็นการส่วนตัวและใช้เงินเป็นจํานวนมากจ้างวานพวกเขา”"มีรูปไหมคะ?""ไม่มีหรอก"ภายใต้สายตาของเธอที่คล้ายจะพูดว่า “คุณนี่ช่างไร้ประโยชน์” โลแกนรู้สึกขัดใจจึงอธิบายว่า “เถอะน่า ถึงแม้จะเป็นสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดในโลกก็ยังมีกฎระเบียบอยู่ หากข้อมูลรั่วไหลง่าย ๆ ต่อไปใครจะกล้าร่วมมือด้วยล่ะครับ”“หนุ่มออสเตรเลียที่หล่อเหลา งั้นตัดโทมัส นีสัน ไปได้เลย เขาไม่กล้าพอที่จะติดต่อคนอันตรายเหล่านั้น”
วันรุ่งขึ้นแคทเธอรีนตื่นขึ้นด้วยอาการปวดท้องนิดหน่อยเนื่องจากเบียร์สองสามไพน์ที่เธอดื่มเมื่อคืนเธอลุกขึ้นไปล้างหน้า แล้วรับโทรศัพท์ฌอน น้ำเสียงเขาเข้ม "เมื่อคืนคุณไปไหนมา""ฉันมีธุระบางอย่างกับเพื่อน..."“ใช่ที่ดื่มในบาร์กับเขาหรือเปล่า?” ฌอนกัดฟันและพูดอย่างเศร้าหมองว่า “ไปอ่านข่าวเกี่ยวกับตัวคุณซะสิคุณโจนส์ ผมจะไปถึงที่พักคุณในสิบนาที คุณควรมีคําอธิบายให้ผมนะ”จากนั้นเขาก็วางสายแคทเธอรีนตกใจและใช้โทรศัพท์ค้นหาข่าวเธอ คนล่าสุดคือ: [ทายาทของยูล คอร์ปอเรชั่น หัวเราะพูดคุยกับแฟนหนุ่มลึกลับของเธออย่างใกล้ชิดสนิทสนม]ในภาพถ่ายเป็นโลแกนและตัวเธอที่เบลอ ๆ ไว้ในบาร์ “......”เธอหรี่ตาและย่นคิ้ว โชคดีที่ใบหน้าของโลแกนไม่ได้ถูกเปิดเผย มิฉะนั้นมันจะยุ่งยาก ท้ายที่สุดแล้วโลแกนเป็นผู้ช่วยเพียงคนเดียวที่เธอวางใจได้ที่สุดนักข่าวเหล่านี้ไม่มีอะไรน่าทำกว่านี้แล้วหรือไง เธอไม่จัดอยู่ในประเภทบุคคลสาธารณะเลยด้วยดูเหมือนว่าเธอจะต้องจับพวกเขามาตีซะให้เข็ดเธอเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเมื่อมีคนมาเคาะประตูอย่างรุนแรงเธอเปิดประตู ใบหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชาของฌอนก็นำความหนาวเยือกชวนขนลุกมาให้
ฌอนอารมณ์เสียอย่างชัดเจน แต่ทําไมแคทเธอรีนไม่ปลอบโยนเขาอย่างนุ่มนวลหรืออธิบายตัวเองล่ะ?ตราบที่เธอขอร้องเขาและสัญญาว่าจะไม่ออกไปกับเพศตรงข้ามอีกต่อไป เขาจะได้บังคับตัวเองให้ยกโทษให้เธอแต่ท่าทีของผู้หญิงคนนี้ช่างเย็นชามากจริง ๆ “แคทเธอรีน โจนส์ ผมไม่คิดว่าคุณจะสำนึก แต่เนื่องจากคุณเป็นผู้หญิงของผม การเลิกใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ ผมจะทิ้งคุณเองถ้าผมไม่ต้องการคุณ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเป็นฝ่ายขอเลิก”จากนั้นเขาก็ปิดประตูดังโครมและจากไปในห้องแคทเธอรีนโทรหาโลแกนอย่างช่วยไม่ได้ “คุณถูกนักข่าวถ่ายรูป ตอนนี้ซ่อนตัวห้ามใครเห็นหน้าคุณ ฉันจะติดต่อคุณเองหากมีอะไรเกิดขึ้น”วันรุ่งขึ้นฌอนไม่ได้ติดต่อเธอเธอไปที่วิลล่าของตระกูลยูลเพื่ออยู่เป็นเพื่อนลูคัส เมื่อเธอมาถึงลูคัสก็เล่นกับชุดเลโก้สตาร์วอร์สจับของเล่นขึ้นบินส่ายไปมา"คุณปู่ซื้อให้เหรอครับลูก?" แคทเธอรีนมองไปที่กล่อง มันเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ดังนั้นมันคงจะแพงทีเดียว“ลุงเวสลีย์ให้ผม เขามาหาผมที่โรงเรียนอนุบาลเมื่อวานนี้ครับ” ลูคัสเงยหน้าขึ้นยิ้ม เผยให้เห็นแนวฟันสีขาวมุกแคทเธอรีนรู้สึกประหลาดใจ เธอรู้ว่าลูคัสไม่ค่อยยิ้ม แต่ตอนนี
“ลูกอาจพูดถูก...” ได้ฟังเธอพูดเช่นนั้นโจเอลถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่งและถอนหายใจอย่างเศร้าแคทเธอรีนเห็นเขาลังเลจึงพูดว่า “พ่อคะ ถ้ายังปล่อยวางไม่ได้ ปล่อยให้หนูจัดการเองค่ะ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นพ่อยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ? พ่อให้ความสําคัญกับความรักมากเกินไป ความรู้สึกผิดต่อนิโคลา ความรักพี่รักน้องต่อเดเมียน และความรักที่มีต่อคุณปู่คุณย่า ถ้าไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้น พ่อกับแม่ของหนูจะสูญเสียอย่างที่เป็นอยู่เช่นทุกวันนี้หรือไม่? บอกหนูมาตรงๆเถอะค่ะ พ่อมีความสุขไหม?”โจเอลยิ้มขมขื่น เขาจะมีความสุขได้อย่างไรกัน? ตั้งแต่พบว่าเมลานีไม่ใช่ลูกของเขา เขาก็เสียใจมาตลอดคนเหล่านั้นปฏิบัติต่อเขาอย่างกับคนโง่ ทําร้ายเขา และไม่เคยมีการขอโทษอย่างจริงใจเลย“ตกลงแคธี่ พ่อจะปล่อยให้ลูกไปจัดการ” โจเอลพยักหน้า "พ่อจะมอบสิทธิ์ทั้งหมดที่มีให้ลูก”“พ่อคะ เมื่อพ่อเริ่มบริษัทใหม่ พ่อเปิดรับกลุ่มผู้ที่ภักดีต่อพ่อเข้ามาร่วมสร้างสิ่งใหม่กันก็ยังได้นะคะ”แล้วแคทเธอรีนก็เตือนเขา “แต่ห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะค่ะ มิฉะนั้นคุณปู่คุณย่าจะโกรธถ้ารู้เข้า”วันรุ่งขึ้น แคทเธอรีนได้จัดกลุ่มเสวนาเพื่อหาข่าวสารบางอย่า
“คุณมีวอทส์แอปของเธอด้วยเหรอ?” ฌอนหรี่ตาไปที่เฮดลีย์ “แล้วคุณคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวหรือไง?”“......”เฮดลีย์หน้าแดง “ในฐานะผู้ช่วยของคุณ ผมจึงเพิ่มวอทส์แอปของคุณโจนส์เพื่อประโยชน์ของคุณเองนะครับ อาทิเช่นเวลาคุณอารมณ์เสีย ผมก็ขอให้เธอช่วยปลอบโยนคุณได้”“แต่ตอนนี้เธอไม่ปลอบโยนฉันเลย” ฌอนตะคอกอย่างไม่แยแส “เธอบอกคุณหรือไงว่ากําลังไปที่โฮบาร์ต?”“เธอเอ่ยบางอย่าง แต่ผม...”“ฉันรู้ เธออยากบอกฉันเรื่องนี้โดยยืมปากคุณนั่นไงล่ะ” ฌอนเย้ยหยัน “เธอคิดว่าฉันคงกังวลถ้าเธอออกจากแคนเบอร์ราไป งั้นก็ปล่อยเธอฝันไป”เฮดลีย์พูดไม่ออกเขาสงสัยจริงจังว่าประธานฮิลล์คิดมากไป“จองตั๋วเครื่องบินให้ฉันเดี๋ยวนี้ คืนนี้ฉันจะไปโฮบาร์ต” จู่ ๆ ฌอนก็สั่ง“คุณจะ... รีบไปตามหาคุณโจนส์เหรอครับ?” เฮดลีย์ตกตะลึงไม่ทันตั้งตัวกับการเปลี่ยนใจปุบปับ“เปล่าเลย ฉันจะไปซื้อเครื่องลายคราม” ฌอนลุกขึ้นเก็บข้าวของของเขาเฮดลีย์อยากร้องไห้ มันดึกมากแล้วแต่เขายังต้องไปที่โฮบาร์ตกับฌอน การเป็นผู้ช่วยนั้นเหนื่อยจัง............ในตอนเย็น แคทเธอรีนเข้าพักโรงแรมระดับสี่ดาว ในโฮบาร์ตเนื่องจากมีคนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกจะมาร่วม
แคทเธอรีนชี้ไปที่ลวดลายมังกรขนาดใหญ่แล้วพูดว่า “ถ้าเป็นจานจากยุคคังซีก็คงเป็นของโบราณที่มีประวัติยาวนานอย่างน้อยหลายร้อยปีและหยกคงจะแปรสภาพไปตามกาลเวลาแล้ว ดูสิบริเวณนี้สะท้อนแสงเกินไป และตรงจุดนี้เคลือบไม่เรียบ แต่ก็เลียนแบบได้ดีนะคะ ฉันเสนอสองพันค่ะ”ใบหน้าของผู้ขายเป็นสีแดงเข้มด้วยความอับอายกับคํายืนยันของแคทเธอรีนคุณคาวาดะจ้องเขา “คุณใช้ของปลอมมาตบตาผม คิดว่าจะมาหลอกได้ง่าย ๆ เพราะผมไม่ใช่คนจีนเหรอ?”“ผมเปล่า ผมคิดว่ามันเป็นของจริง” แล้วผู้ขายก็ปลีกตัวไปเงียบ ๆ พร้อมกับจานในอ้อมแขนของเขา"ขอบคุณครับคุณผู้หญิง" คุณคาวาดะยิ้ม "คุณดูคุ้นหน้าหน่อยนะครับ"“หลายคนก็บอกแบบนั้นค่ะว่าฉันดูคุ้น ๆ ” แคทเธอรีนหันหลังกลับและพยายามหลบไปอย่างเขินอาย“เดี๋ยวก่อนผมจําได้แล้ว คุณเป็นทายาทของยูล คอร์ปอเรชั่น นามสกุลของคุณคือ... โจนส์...” คาวาดะรีบพูด “คุณพ่อของคุณคือโจเอล ยูลใช่ไหมครับ?”"คุณจำผิดคนแล้วล่ะค่ะ" แคทเธอรีนโบกมืออย่างเคอะเขิน“ฮ่าฮ่า เปล่าเลยครับ ผมเคยพบพ่อของคุณมาก่อน” คาวาดะยื่นนามบัตรให้เธอแคทเธอรีนอ่านนามบัตรแล้วจับมือทักทายเขาทันที “สวัสดีค่ะท่านประธานคาวาดะ ที่จริงฉันก็เ
คาวาดะดีใจมาก “ถ้าอย่างนั้นเราเซ็นสัญญากันคืนนี้เลย ไม่มีเวลาไหนเหมาะเท่าทันทีอีกแล้ว”เขากลัวว่าสาวน้อยคนนี้จะหันไปบอกโจเอล ซึ่งโจเอลอาจไม่เห็นด้วย ที่สำคัญยูล คอร์ปอเรชั่นเป็นบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ ทั้งพวกเขากําลังขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้งในด้าน e-commerce อีกด้วย เขาอยากซื้อยูลคอร์ปอเรชั่นมาตั้งนานแล้ว“ตกลงค่ะ ถ้างั้นคืนนี้เราพบกัน ฉันจะให้เลขาส่งเอกสารสัญญาข้อตกลงไป แต่อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ ฉันกลัวถูกพ่อดุ แล้วอีกสองสามวันค่อยนัดโอนหุ้นกันที่บริษัท” แคทเธอรีนพูดอย่างไม่สบายใจ“แน่นอน แน่นอน แน่นอน ตกลงกันตามนี้เลย”คาวาดะจับมือกับเธอและจากไปอย่างมีความสุขทันทีที่เขาไปแล้ว แคทเธอรีนก็ยิ้มกว้างขายหุ้นยูลคอร์ปอเรชั่น 40% ในราคา 50 ล้าน ก็ไม่เลวเนอะเมื่อคาวาดะไปที่ยูลคอร์ปอเรชั่น จะปลุกกระแสพายุคลื่นลมอย่างแน่นอน เดเมียน เมลานี และชาร์ลีจะต้องเป็นบ้าแน่“พนักงานเสิร์ฟคะ ฉันอยากได้กาแฟอีกแก้ว...”ทันทีที่เธอหันไปก็ถึงกับตะลึงเมื่อเห็นชายร่างสูงจอมเผด็จการยืนจังก้าอยู่ข้างประตูฌอน ฮิลล์ ทำไมเขามาที่นี่ได้ยังไงกัน?ดวงตาสีเข้มของเธอเบิกกว้าง"ออกมา" ฌอน
“แคทเธอรีน โจนส์ คุณกําลังวางแผนอะไรอยู่?”สายตาของฌอนแปลกไป “คุณขายหุ้นของยูลคอร์ปอเรชั่นไปแบบนั้น พ่อคุณรู้หรือเปล่า?”ยูลคอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ทั้งยังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะด้าน e-commerce ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนจับตาดูเนื้อชุ่มฉ่ำชิ้นนี้ แต่แคทเธอรีนมอบให้ไปอย่างง่ายดาย“ใช่ค่ะพ่อรู้ ฉันเกลี้ยกล่อมให้เขาขายมันเองค่ะ” แคทเธอรีนยักไหล่อย่างไม่แยแส “มีการแตกหักกันอย่างรุนแรงภายในยูลคอร์ปอเรชั่น ปูนนี้แล้วปู่ของฉันยังคงทะเยอทะยาน ส่วนเดเมียนกับลูกสาวของเขามองเราอย่างอิจฉาหวังทรัพย์สมบัติ ผู้ถือหุ้นล้วนมาจากแม่พิมพ์เดียวกับเดเมียน ก็ขายมันไปซะให้หมดเลยดีกว่า”“บริษัทเดลต้าจํากัด เป็นบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่น หลังจากที่ประธานคาวาดะเข้าสู่ยูลคอร์ปอเรชั่นเขาจะคิดถึงการแข่งขันแย่งชิงอํานาจกับปู่และบรรดาพวกลุงฉันอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นมันคงน่าดูชมเลยเชียว”ฌอนอึ้งจนพูดไม่ออกเขานึกภาพนายท่านยูลคงแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ บรรพบุรุษของตระกูลยูลแทบปีนออกจากหลุมหากพวกเขารู้เรื่องนี้บริษัทเกิดจากความอุตสาหะพยายามของตระกูลยูลมาหลายชั่วอายุคน แต่เ
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก