ฌอนที่ถูกดูหมิ่นอีกครั้ง ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบกลับเขารู้สึกไม่พอใจ ไม่พอใจมากจริง ๆทว่าแคทเธอรีนก็ไม่สนใจเขาแล้ว เมื่อเธอเดินออกไป ซูซี่ก็ทานเสร็จพอดีทั้งยังเรอออกมา “อร่อยมากเลยค่ะ ตอนนี้หนูง่วงแล้ว”“เจ้าหมูน้อย หนูต้องไปแปรงฟันก่อนนะ” แคทเธอรีนหยิบแปรงสีฟันและยาสีฟันใหม่เอี่ยมออกมาจากกระเป๋าฌอนตกใจ “ทำไมเธอถึงมีของแบบนั้นอยู่ในกระเป๋า?”“ฉันซื้อมาจากข้างล่างก่อนหน้านี้ เพราะคุณพาเธอมาที่นี่ดึกขนาดนี้ ฉันเลยเดาว่าเธอคงจะนอนที่นี่”จากนั้นแคทเธอรีนจึงพาซูซี่ไปที่ห้องน้ำ“เดี๋ยวสิ แล้วแปรงสีฟันของฉันอยู่ที่ไหน?” ฌอนพูดขึ้น “ฉันไม่สบายใจที่จะทิ้งซูซี่ไว้ที่นี่ตามลำพัง ฉันจะค้างที่นี่ด้วย”“โทษที แต่ฉันไม่อนุญาตให้ผู้ชายค้างคืน แล้วฉันก็ไม่อยากให้พี่น้องนีสันมาพังบ้านฉันอีก” แคทเธอรีนบอกตรง ๆ“ซาร่า… ไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่” ฌอนพูดอย่างกำกวม “ฉันจะนอนที่ห้องนอนแขก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉันจะไม่ทิ้งซูซี่เอาไว้”“คุณน้าคะ ให้คุณลุงเขานอนที่นี่เถอะค่ะ” ซูซี่ขอร้องเบา ๆ “หนูอยากให้คุณลุงค้างด้วย”แคทเธอรีนลอบมองเธอ ซูซี่ก้มหน้าลงแล้วแลบลิ้นออกมา“ก็ได้ ถ้าคุณอยากนอนที่นี่ คุณนอนบน
แคทเธอรีนขมวดคิ้ว “เมื่อกี้นี้ฌอนเข้ามาเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ คุณพ่อนิสัยไม่ดีบอกว่าเขาหนาว หนูก็เลยเปิดประตูให้เขาเข้ามาเอาผ้าห่ม” ซูซี่พูดอย่างงัวเงีย“...”แคทเธอรีนมองดูระยะทางความห่างจากประตูมาถึงเก้าอี้นั่งเล่น มันเพียงพอที่ฌอนจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ แล้วก่อนหน้านี้ประตูห้องน้ำก็ถูกแง้มเปิดเอาไว้เมื่อจินตนาการถึงภาพนั้น เธอก็อยากจะฆ่าตัวตายหนีจากความอับอายและความโกรธทันทีเธอดึงหูซูซี่และดุลูกสาว “ในเมื่อลูกเรียกเขาว่าคุณพ่อนิสัยไม่ดี ทำไมลูกถึงเป็นห่วงเขา? ถ้าเขาหนาว ก็ปล่อยให้เขาหนาวไปสิ ลูกให้เขาเข้ามาทำไม? ลูกไม่รู้เหรอคะว่าแม่อาบน้ำอยู่?”“ทำไมเหรอคะ?” ซูซี่กะพริบตาด้วยความสับสนแคทเธอรีนอธิบายด้วยความโมโห “แม่สอนหนูว่าอย่าให้คนแปลกหน้าเห็นร่างกายของหนู นั่นเป็นเหตุผลเดียวกับกันการที่ว่าทำไมฌอนถึงเห็นแม่อาบน้ำไม่ได้ ลูกเข้าใจไหม?”“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้คุณพ่อนิสัยไม่ดีก็เห็นร่างกายของคุณแม่น่ะสิ ใช่ไหมคะ?” ซูซี่พูดขึ้นด้วยความเข้าใจเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น“...”แคทเธอรีนหน้าแดงทั้งใบหน้า“คุณแม่ขา คุณแม่หน้าแดงแจ๋เลยค่ะ” ซูซี่พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ฌอนที่นาน ๆ จะป่วยขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง ก็มีอันได้เป็นหวัดในคราวนี้...เช้าวันต่อมาเวลา 07:00 น. ซูซี่ยังคงหลับสนิทอยู่ ถึงอย่างไรก็ตาม แคทเธอรีนมีนิสัยชอบตื่นเช้าจึงลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าเพราะเมื่อคืนนี้เจ้าตัวเล็กค้างคืนที่นี่ เธอจึงทำอาหารมื้อใหญ่เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่น เธอก็พยายามจะไม่มองร่างที่นอนอยู่บนโซฟา“อะแฮ่ม” เสียงฌอนไอดังขึ้นหญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและหยิบแป้งพาสต้าออกมาจากตู้เย็น “ฉันเป็นหวัด” น้ำเสียงน่ากลัวของฌอนดังขึ้นที่หน้าประตูเธอไม่สนใจเขา เธอเกรงว่าถ้าเธอหันกลับไป เธออาจจะคิดถึงเรื่องน่าขายหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อวาน และไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้เตะเขาได้“ฉันบอกว่าฉันเป็นหวัด” ฌอนเอ่ยออกมาเบา ๆ อีกครั้งขณะที่เดินมาหาเธอ“ถึงคุณจะเป็นหวัดฉันก็ไม่สนใจ” แคทเธอรีนหันไปมองเขาด้วยดวงตาเข้มและชัดเจน มีสีแดงระเรื่อแต้มอยู่บนพวงแก้มน่ารักของเธอ ดวงตาคมของฌอนจับจ้องไปที่แก้มแดงระเรื่อนั้น จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วโพล่งออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเมื่อคืนฉันเห็นเธออาบน้ำ สุดท้ายแล้วฉันก็ทนไม่ได้ต้องไปอาบน้ำเย็น ๆ จนฉันเป็นหวัด”พวกเขาต่างก็เป
“คุณพี่ขา นั่นเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วค่ะ โอเคไหม? ถ้าคุณไม่สนใจว่าจะปวดท้อง ฉันก็จะเอายาให้คุณทานเดี๋ยวนี้แหละ” แคทเธอรีนถึงกับพูดไม่ออกกับความหน้าไม่อายของเขา“ยอมรับว่าเป็นห่วงฉันมันยากนักหรือไง?” ฌอนเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม“ถ้าฉันยอมรับแล้วจะทำไม? คุณพี่ขาทั้งโลกเขารู้กันหมดแล้วค่ะ ว่าคุณกำลังจะแต่งงาน คุณชายคนโตจะนอกใจคู่หมั้นอันเป็นที่รักตั้งแต่สมัยเด็กของเขามาหาผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันหรือไง?”แคทเธอรีนเยาะเย้ยเขาก่อนที่เธอจะเข้าครัวไปทำพาสต้าฌอนจ้องมองร่างของเธอเงียบ ๆ ด้วยแววตาที่ซับซ้อนแม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าเขามีความคิดบางอย่างกับเธอ ทว่าเขาก็ยอมรับว่าความคิดเหล่านั้นไม่เพียงพอจะส่งผลต่อความรู้สึกของเขาที่มีต่อซาร่าทว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เขามองซาร่าเปลี่ยนไปบางทีซาร่าอาจจะไม่ได้ใจดีอย่างที่เขาคิด และแคทเธอรีนก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาคิดพาสต้าทำง่ายมาก ภายในเวลาสิบนาทีเท่านั้นก็ปรุงเสร็จเรียบร้อยฌอนทานพาสต้าจนเกลี้ยงจานภายในเวลาไม่กี่นาที มันเป็นเพียงพาสต้าธรรมดา ๆ ทว่าเธอกลับทำได้อร่อยมากดูเหมือนเมื่อไรก็ตามที่เขาได้มาหาเธอ เขาม
“หนูรู้ค่ะ แต่คุณลุงฌอนกำลังจะแต่งงาน คุณน้าเคธี่บอกว่าคุณป้าซาร่าจะไม่มีความสุขถ้าคุณลุงเอาแต่อยู่กับหนูทุกวัน หนูไม่อยากให้คุณป้าไม่ชอบหนูค่ะ” ซูซี่พูดอย่างไร้เดียงสาฌอนมองไปที่แคทเธอรีนด้วยความหงุดหงิด “ฉันพูดอะไรผิดเหรอคะ?” ดวงตาคู่สวยของแคทเธอรีนจ้องมองท้าทายเขา “หรือคุณคิดว่าซาร่าจะไม่คิดอะไรเลย?”“...”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฌอนคงจะเดิมพันว่าซาร่าไม่ใช่คนแบบนั้น ทว่าในตอนนี้ เขาชักจะไม่แน่ใจเขาขบฟันแน่นกับการดูถูกของแคทเธอรีน“รีบไปได้แล้ว คุณจะได้ไม่มาแพร่เชื้อให้ซูซี่” แคทเธอรีนไล่เขาอีกครั้งฌอนทำได้เพียงยอมออกไปเมื่อเขาขึ้นรถแล้ว เขาจึงออกคำสั่ง “ไปที่บริษัท ฉันทานยามาแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล”เฮดลีย์มองเขาแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกหลังจากเลิกรักษาอาการป่วยทางจิต ท่านประธานของเขาโดยปกติแล้วก็มีสุขภาพแข็งแรงดี เขาไม่เคยเป็นหวัดเลยตลอดทั้งปี และวันนี้เป็นข้อยกเว้น“เออ ใช่ โทรบอกให้เลียมมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้ แล้วจัดการหางานด่วนให้เขา” ฌอนพูดขึ้นอีกครั้ง เขาไม่อยากเห็นภาพความรักของเลียม แคทเธอรีน และซูซี่อยู่ด้วยกัน“...”เฮดลีย์พูดไม่ออก เขาพอจะเดาเจตนาของคุณชาย
ซาร่ารู้สึกตกใจ ทว่าเธอยังพยายามคงรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้าของเธอ “ฉันชอบค่ะ เด็ก ๆ ออกจะไร้เดียงสาและน่ารักเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อย ฉันชอบพวกเด็ก ๆ มากค่ะ”ฌอนเม้มริมฝีปากซาร่าจับมือเขาเอาไว้พลางหลุบตาลง “ฌอนคะ ฉันรู้ว่าที่ฉันทำผิดเมื่อคืนทำให้คุณอารมณ์เสียมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ดูแลเด็ก ฉันจึงทำอะไรไม่ถูก ฉันสัญญาว่าต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว คราวหน้าคุณพาซูซี่มาเล่นที่บ้านได้บ่อย ๆ ฉันจะได้ฝึกวิธีดูแลเด็กให้มากขึ้นค่ะ”ถ้าซูซี่กล้าฟ้องฌอนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอมีเป็นพันวิธีในการสั่งสอนซูซี่โดยที่เธอไม่รู้เลยแม้แต่ทำให้ซูซี่ตาย ซาร่าก็ทำได้โดยที่เธอไม่ต้องลงมือเลย“ฝึกอย่างนั้นเหรอ?” ฌอนขมวดคิ้ว “เธอเป็นแค่เด็กเล็ก ๆ ประมาทแค่นิดเดียวก็จะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บได้ แม้กระทั่งกางปลาหรือแกนผลไม้ก็อาจจะฆ่าเธอได้”ซาร่ารีบอธิบายด้วยสีหน้าซีดเผือด “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ ฉันจะระวังให้มาก ๆ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น...”“ซาร่า ผมคิดว่าคุณไม่เหมาะที่จะมีลูกในตอนนี้” ฌอนพูดแทรกเธอขึ้นมาทันที“ทำไมล่ะคะ? แค่เมื่อวานฉันดูแลซูซี่ไม่ดีอย่างนั้นเหรอ
ดังนั้น ฌอนอยากจะมั่นใจว่าลูก ๆ ของเขาจะเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักของพ่อและแม่“ฉันจะทำค่ะ ฉันจะดูแลลูกเอง” ซาร่าพูดขณะที่น้ำตาไหลออกมา“ซาร่า ผมไว้ใจคุณไม่ได้ ผมคิดว่าเรายังอายุน้อยกันอยู่ ไว้ค่อยคุยเรื่องลูกกันทีหลังดีกว่า”จากนั้นฌอนจึงเมินหน้าหนี “คุณกลับไปได้แล้ว ผมยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องจัดการ อ้อ ไม่ต้องทำอาหารกลางวันมาให้ผมอีกแล้วนะ ผมอยากให้คุณทำงานของคุณมากกว่ามาปล่อยให้ชีวิตของคุณโคจรอยู่รอบ ๆ ตัวผม”เมื่อเขาพูดจบ เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้สำนักงานแล้วเริ่มทำงานซาร่าโกรธมากจนแทบจะเป็นบ้าทว่าสิ่งที่เธอทำได้คือตีหน้าเศร้าขณะที่เธอเดินออกไปจากออฟฟิศของฮิลล์ คอร์ปอเรชั่นเธอคิดไม่ถึงว่าภาพพจน์ที่เธอพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างมันขึ้นมาจะถูกเด็กคนหนึ่งทำให้มัวหมองแทนที่จะเป็นยัยแคทเธอรีนในตอนนั้นเอง ลูซิเฟอร์ก็โทรมาหาซาร่า“โอนเงินให้ฉัน 100 ล้านดอลล่าร์ เดี๋ยวนี้เลย ฉันเงินไม่พอใช้”ซาร่าโกรธจัด “ฉันเพิ่งโอนให้แกไป 100 ล้านดอลล่าร์ เมื่อไม่นานนี้เอง แกคิดว่าฉันเป็นเครื่องผลิตเงินอย่างนั้นเหรอ? แกรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะหาเงิน 100 ล้านดอลล่าร์ มาได้?”“เงินขนาดนั้นมันหา
หลังจากที่แคทเธอรีนกลับไปได้ไม่นาน ซูซี่ก็ยัดบัตรเครดิตใส่มือของลูคัส “นี่ได้มาจากคุณพ่อนิสัยไม่ดีของพวกเรา เอาไปใช้เมื่อไรก็ได้ตามที่พี่ต้องการ หนูก็มีอยู่หนึ่งใบเหมือนกัน คุณปู่ทวดให้หนูเอาไว้”“พี่ไม่อยากได้” ลูคัสโยนมันคืนให้ซูซี่และเตือนเธอ “ซูซาน โจนส์ น้องอยากให้พ่อที่นิสัยไม่ดีคนนั้นกลับมาอยู่กับคุณแม่ของเราเหรอ?”แววความรู้สึกผิดผุดขึ้นในดวงตาของซูซี่ “ความจริงแล้ว… คุณพ่อนิสัยไม่ดีของเราตัวจริงดูหล่อมากกว่าในรูปอีก เราจะรู้สึกเป็นเกียรติถ้าเราได้อยู่กับเขานะคะ...”ลูคัสพูดไม่ออก เขารู้ว่าน้องสาวของเขาไว้ใจไม่ได้ เมื่อคิดว่าเธอชอบคนหน้าตาดี “อย่าลืมว่าเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เขาเป็นคนเลว ถ้าตอนนั้นคุณแม่ไม่ปกป้องพวกเราเอาไว้ พวกเราคงไม่รอด”ซูซี่เงียบไปทันที“แล้วก็อย่าลืมว่าคุณลุงเวสลีย์ดูแลพวกเราดีแค่ไหน” ลูคัสเตือนเธอตรง ๆ “ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณลุงเวสลีย์รอแม่ของเราอยู่”“ก็ได้ หนูจะไม่จับคู่ให้พวกเขา”ซูซี่ก้มหน้าลงวันนี้ คุณครูอนุบาลพูดเรื่องหัวข้อสำคัญที่เรียกว่า “คุณสัมผัสฉันไม่ได้”คุณครูพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เด็ก ๆ คะ ถ้ามีคนแปลกหน้าอยากจะสัมผัสใบหน
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก