“ไปฟ้องเลยครับ ป่านนี้คุณยายคงปิดโทรศัพท์เข้านอนไปแล้ว” ฌอนโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน และมือซ้ายของเขาก็ลูบหน้าท้องของเธอ “ไหนขอผมดูหน่อยซิ ว่าวันนี้เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนของเราโตขึ้นบ้างไหม”“ตอนนี้เด็ก ๆ อายุแค่เดือนกว่า ๆ เองนะคะ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกค่ะ” แคทเธอรีนผลักมือของเขาออกดื้อ ๆ “ออกไปค่ะ ฉันอยากนอนแล้ว”“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลยนะ” ฌอนจ้องมองเธอตาไม่กะพริบ “ใครอยากเป็นแม่ทูนหัวของเด็ก ๆ ครับ? ถ้าเป็นเฟรยา ลินช์ ผมไม่ยอม เพราะเธอ IQ ไม่ดี ถ้าเป็นแชริตี้ นีสัน ผมยิ่งไม่ยอมเข้าไปกันใหญ่...”“ฌอน ฮิลล์ คุณมาหาฉันดึก ๆ ดื่น ๆ เพื่อมาชวนฉันเถียงเหรอคะ?” แคทเธอรีนเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาและหยิบหมอนมาตีเขา “ลูกเป็นของฉันค่ะ ฉันตัดสินใจเองว่าจะให้ใครเป็นแม่ทูนหัวของพวกเด็ก ๆ ถ้าคุณไม่เลิกจู้จี้ ฉันจะไม่คลอดพวกแกออกมา”“คุณพูดอะไรของคุณ?” ใบหน้าของฌอนเคร่งขรึมขึ้นทันที “แคทเธอรีน โจนส์ คิดก่อนพูด อย่าคิดว่าลูกจะไม่เข้าใจที่คุณพูดเพราะตอนนี้พวกแกยังเล็กอยู่ คุณคิดถึงความรู้สึกของพวกลูก ๆ บ้างไหม?”แคทเธอรีนกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์ของเธอจึงแปรปรวนได้ง่าย แค่ถูกดุเพียงเล็กน้อยเท่าน
“เฟรยา ลินช์ เธอเองเหรอ!”เมื่อกระจกเลื่อนลง ใบหน้าร้ายกาจของลินดา เชลบี้ ก็ปรากฏขึ้น เธอดูมีความสุขมากที่ได้เจอเฟรยาทว่าเฟรยาแทบจะกระอักเลือดโธ่เอ้ย! เธอเพิ่งกลับมาที่เมลเบิร์นได้ไม่กี่วัน แต่ก็ต้องมาบังเอิญเจอคนที่น่ารำคาญที่สุด“เฟรยา เธอกลับมาที่เมลเบิร์นทำไมเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอได้แฟนใหม่ที่แคนเบอร์รา เธอทำแบบนี้กับแพทริคได้ยังไง?” ลินดาขมวดคิ้วทันทีพลางพูดขึ้น“ไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอหูหนวกหรือไง? เธอไม่ได้ยินฉันตอนที่พูดว่าเธอเกือบจะชนรถของฉันหรือไง?” น้ำเสียงของเฟรยาหมดความอดทนดวงตาของลินดาแดงก่ำด้วยความรู้สึกเสียใจ “ฉันขอโทษ… ฉัน...”“ฉันขอโทษแทนเธอด้วย...”ทันใดนั้นเอง ประตูฝั่งผู้โดยสารก็ถูกเปิดออก แล้วแพทริคก็ก้าวลงมาจากรถ ท่าทางเย็นชาและใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาในตอนนี้กำลังค้อมศีรษะลงน้อย ๆ ขณะที่ใบหน้าที่มีเสน่ห์และริมฝีปากของเขาก็ซีดราวกับกระดาษ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นมองเพียงแวบเดียวเฟรยาก็บอกได้แล้วว่าเขาไม่สบายหัวใจของเธอบีบรัด ทว่าเธอก็รีบข่มความเป็นห่วงในหัวใจของเธอเอาไว้พวกเขาเลิกกันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมาเป็นห่วงถ้าเขาไม่สบายนอกจากนี้
“เฟรยา กำลังไปที่แผนกนิติเวชในโรงพยาบาล เธอคิดไหมว่าหล่อนจะมีลูกนอกสมรส หรืออะไรเถือกนั้น?”“แผนกนิติเวชอย่างนั้นเหรอ?” จู่ ๆ เสียงที่ปลายสายก็ดังขึ้นหลายระดับ “เฟรยาอยู่ที่เมลเบิร์นเหรอ?”“ใช่ ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันที่เธอกลับมาปุบปับ เธอไม่ได้พยายามจะมาแย่งแพทริคกลับไปใช่ไหม? ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จ...”“ลินดา เราค่อยคุณกับทีหลังนะ จู่ ๆ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่”รีเบคก้าวางโทรศัพท์ แล้วนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าหนังศีรษะของเธอยังเจ็บอยู่ เธอเสียผมไปหย่อมใหญ่ตอนที่แคทเธอรีนจิกหัวเธอก่อนหน้านี้หัวใจของเธอเต้นแรง เธอจึงรีบกดเบอร์โทรศัพท์ลึกลับนั่นทันที “จู่ ๆ เฟรยาเพื่อนของแคทเธอรีนก็ไปที่แผนกนิติเวชในโรงพยาบาลที่เมลเบิร์น ฉันคิดว่าแคทเธอรีนเอาผมของฉันไปตรวจดีเอ็นเอกับเจฟฟี่”“ฉันจะสืบเอง”“ถ้าฌอนและคนอื่น ๆ รู้ว่าฉันเป็นเชลลี แลงลีย์ ตัวปลอม พวกเขาจะต้องฆ่าฉันแน่ ๆ”“ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่เธอทำงานให้เรา ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตาย”...ในโรงพยาบาลเฟรยาได้รับผลตรวจอย่างรวดเร็วและเห็นตัวหนังสือขนาดใหญ่ระบุว่า ‘ตรงกัน’ อยู่บนเอกสาร เธอสาปส่งรีเบคก้า โจนส์รวมถึงบรรพบุรุษของเ
แคทเธอรีนพูดต่อ “คิดดูให้ดีนะคะ เพื่อนของคุณเอาแต่พูดว่าความทรงจำของคุณแย่ลงเพราะฉันกระตุ้นคุณ แต่คุณก็ต้องเคยเสียใจมากเหมือนกันตอนที่ ซาร่า แลงลีย์จากไป ตอนนั้นอาการของคุณเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ? ตั้งแต่ตอนที่ เชลลี แลงลีย์เริ่มเข้ามาดูแลคุณ ทำไมคุณถึงสูญเสียความทรงจำของคุณไปล่ะคะ?”ใบหน้าของฌอนซีดขาวเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อไม่นานมานี้เองที่เขาปวดหัวขึ้นมาบ่อย ๆ และความจำเสื่อม“ฉันมั่นใจ 100% ว่าเธอเป็น รีเบคก้า โจนส์ค่ะ จุดประสงค์ที่จู่ ๆ เธอก็มาอยู่ข้าง ๆ คุณคืออะไรกัน? เธอใส่อะไรลงไปในนมและยาที่เธอเตรียมให้คุณทานอยู่เป็นประจำคะ? คุณเคยคิดเรื่องนั้นบ้างไหมคะ?”ดวงตาของแคทเธอรีนน่ากลัวขึ้น “คุณฉีดยาและทานยาทุกวัน และก่อนหน้าคุณเคยอาการดีขึ้น ทำไมตอนนี้สิ่งที่เคยทำเหล่านั้นถึงไม่ได้ผลขึ้นมาล่ะคะ?”ฌอนพูดไม่ออกเขาเริ่มเชื่อคำพูดของเธอขึ้นมาแล้วเหมือนกัน“คุณสั่งให้คนไปจับตัวเชลลีเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ค่ะ แล้วส่งเธอไปตรวจดีเอ็นเอ พ่อแม่ของเธอก็ยังอยู่ไม่ใช่เหรอคะ? ฉันรับรองเลยว่าเธอต้องเป็น รีเบคก้า โจนส์ แน่นอน”แคทเธอรีนเตือนอย่างตรงไปตรงมา “ใช้โอกาสตอนนี้ที่เธอยังไม่รู้ นอกจากนั
“เป็นโรงพยาบาลของคุณชายจิวเวลนะครับ ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด หลังจากนั้น แพทย์จากแผนกนิติเวชจะนำศพไปทำการชันสูตร จะได้รู้แน่ชัดว่าเธอทำศัลยกรรมหรือไม่ครับ”“เอาล่ะ” ฌอนนวดขมับ “ตามหาคนที่ส่งคนมาที่นี่เมื่อคืนนี้ด้วย”“มีอะไรให้ตรวจสอบอีก? ดูก็รู้ว่าเป็นแคทเธอรีน โจนส์ จนถึงตอนนี้นายก็ยังช่วยเธออยู่” ร็อดนีย์ตะคอกอย่างไม่พอใจ “ผู้หญิงคนนั้นโหดร้ายเกินไปแล้ว! เชลลีไม่เคยคิดจะยั่วนายเลย แต่แคทเธอรีนก็ยังพยายามหาทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เพื่อฆ่าเชลลี”“แคทเธอรีนไม่ใช่คนแบบนั้น” ฌอนค้าน “เธอคงถูกหลอกมา”“ถึงเธอจะถูกหลอก เธอก็คงโง่เอง เป็นเพราะความใจแคบของเธอ”“ร็อดนีย์ สโนว์ นายพูดพอหรือยัง?” ฌอนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“ไม่ ฉันไม่พอ ฉันทนมาตลอดเพราะเธอเป็นภรรยาของนาย แต่ฉันไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว” ร็อดนีย์ต่อว่าเสียงดัง“เลิกทะเลาะกันสักที” เชสเตอร์ลงมาจากรถและได้ยินเสียงพวกเขากำลังทะเลาะกัน“ฉันไม่สน ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไปแบบนี้ ถึงฌอนจะเลือกปกป้องคนบงการ แต่ฉันจะไม่ให้อภัยเธอ” ร็อดนีย์หันกลับไปหลังจากที่เตือนอย่างเย็นชา“นายคิดยังไง?” เชสเตอร์เดินมาหาฌอน“ก็จริงที่แค
“ดีจังค่ะ”หัวใจของแชริตี้รู้สึกอบอุ่น “หนูจะลองพยายามดูอีกสักครั้งนะคะ ถ้าหนูไม่ได้ไมโครชิปมา หนูจะขายบริษัทค่ะ หลังจากนั้นครอบครัวของเราจะย้ายออกจากแคนเบอร์รา...”ในขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มใหญ่ก็บุกเข้ามา“คุณนีสัน ตำรวจได้พบหลักฐานที่คุณมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีฆาตกรรม คุณถูกจับแล้ว”เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่กุญแจมือให้เธอทันทีแชริตี้สับสน “คดีฆาตกรรมอะไร? ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร?”“เชลลี แลงลีย์เสียชีวิตแล้ว คุณสั่งให้เกลและเวย์นวางเพลิงเพื่อฆ่าเธอ พวกเขารับสารภาพแล้ว”สมองของแชริตี้มึนงง “เป็นไปไม่ได้ เกลและเวย์นเป็นคนของฉัน แต่ฉันไม่เคยสั่งให้เขาทำแบบนั้น”“ในตอนแรกอาชญากรทุกคนไม่เคยยอมรับการก่ออาชญากรรมของพวกเขา แต่เรามีหลักฐานพิสูจน์แน่ชัดแล้ว” โดยไม่ได้พูดอะไรอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจผลักแชริตี้ออกไปทางประตู“เป็นไปไม่ได้ ลูกสาวของฉันไม่เคยฆ่าใคร!” บอริสวิ่งตามพลางรั้งเจ้าหน้าที่เอาไว้ชายคนนั้นผลักเขาออก “ลูกสาวของคุณไม่เพียงแต่ฆ่าคน แต่เธอยังเป็นคนโหดร้ายอีกด้วย เธอจะต้องเน่าเปื่อยคาคุกไปตลอดชีวิตของเธอ”บอริสทรุดลงกับพื้น ตลอดทั้งร่างของ
เรื่องทั้งหมดนั้นมันบังเอิญเกินไปหลังจากที่วางสายไปแล้ว แคทเธอรีนก็ยังไม่สามารถติดต่อฌอนได้ ดังนั้นเธอจึงโทรหาเฮดลีย์ในที่สุดสุดท้ายเฮดลีย์ก็ยอมรับโทรศัพท์หลังจากที่ดังอยู่นาน “คุณผู้หญิง มีอะไรหรือเปล่าครับ?”“ทำไมฌอนไม่รับสายฉัน?” “คุณชายฮิลล์… กำลังเข้าประชุมอยู่ครับ”“แล้วเมื่อวานกับเมื่อวานซืนล่ะ? เขาไม่รับสายฉันเลยนะ” แคทเธอรีนพูดด้วยความหงุดหงิด “ฉันไม่สนใจ เย็นนี้บอกให้เขากลับมาที่คฤหาสน์ หรือ... หรือจะให้ฉันไปหาเขาแทน”“คุณผู้หญิง ได้โปรดอย่าบังคับผมเลยครับ คุณชายฮิลล์คนโตกำลังยุ่ง...”“เขายุ่งอะไรนักหนาจนไม่ยอมกลับบ้านตั้งหลายวัน แถมยังไม่รับโทรศัพท์ฉันอีก? หรือบางทีตอนนี้เขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่กับเขาแล้ว?” แคทเธอรีนหัวเราะอย่างเย็นชา “คนที่ดูคล้าย ๆ กับซาร่า แลงลีย์ โผล่ขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?”“... ไม่ใช่ครับ ผมจะบอกคุณชายฮิลล์คนโตให้นะครับ” เฮดลีย์รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเวลา 14:00 น. แคทเธอรีนก็ได้รับโทรศัพท์จากเฟรยาอีกครั้ง “จบกัน มีเรื่องเกิดขึ้นกับแชริตี้จริง ๆ เธอถูกตำรวจจับไปแล้ว พวกเขาบอกว่าเธอส่งคนไปฆ่าเชลลี แลงลีย์ พ่อของเธอโรคหัวใจวายกำเริบและถูกนำตัวส่งโรงพยาบ
“ดูเอาเองแล้วกัน” ฌอนยัดรายงานสองฉบับใส่มือของเธอ “หนึ่งในนั้นคือผลการตรวจดีเอ็นเอจากเส้นผม อีกฉบับคือผลการชันสูตรศพของเชลลี แลงลีย์ ทั้งหมดนี้พิสูจน์ได้ว่าเธอเป็นสมาชิกในตระกูลแลงลีย์ แพทย์จากแผนกนิติเวชได้ทำการชันสูตรใบหน้าของเธอแล้ว และพบว่าเธอไม่เคยทำศัลยกรรม เธอเป็นเชลลีตัวจริง แชริตี้โกหกคุณ”แคทเธอรีนรีบเปิดดูรายงานทันที ทันทีที่เธอเห็นตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนหัวกระดาษ หัวของเธอก็แทบจะระเบิดออก“เป็นไปไม่ได้ค่ะ แชริตี้ไม่ได้โกหกฉัน” เธอส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อ“ผมคิดว่าคุณคงถูกเธอล้างสมอง คุณรู้จักเธอมานานเท่าไรกันเชียว? แล้วคุณรู้จักผมมานานเท่าไรแล้ว? ทำไมคุณถึงเชื่อแชริตี้มากกว่าผม? ผมบอกคุณมาตั้งนานแล้ว ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดี”ท่าทางดื้อรั้นของเธอเริ่มทำให้ฌอนคุกรุ่นด้วยความโกรธ “ผมเชื่อฟังคุณและขังเชลลีเอาไว้ แต่ต่อมาแชริตี้ก็สั่งให้คนไปวางเพลิงเผาบ้านและเชลลีก็ถูกไฟคลอกตาย คนที่ลงมือวางเพลิงถูกจับได้แล้ว รวมถึงคนที่ทำตามคำสั่งของแชริตี้ด้วย”“...”แคทเธอรีนถอยหลังและเกือบจะล้มลงบนโซฟาฌอนคว้าเอวของเธอไว้ได้ทันและเตือนเธอขึ้น “ระวังหน่อยแคทเธอรีน ตอนนี้คุณท้องอยู่..
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก