น้ำตาแห่งความโกรธเริ่มไหลลงบนแก้มของเฟรยาเมื่อเธอขึ้นบันได โชคดีที่แคทเธอรีนอยู่ตรงนั้นคอยประคองเธอ“ขอโทษ ฉันไม่ควรพูดอย่างนั้น”“ฉันเคยอยากพูดมันตลอดที่ผ่านมา” เฟรยาปาดน้ำตาด้วยหลังมือ “เธอสังเกตว่าบางอย่างผิดปกติหลังจากเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาสองครั้ง แต่จำนวนครั้งที่ฉันเห็นลินดาเกือบจะเท่ากับจำนวนครั้งที่ฉันออกไปเดทข้างนอกกับแพทริค”สิ่งนี้ทำให้แคทเธอรีนตกใจ เธอไปเรียนต่างประเทศไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจชีวิตความรักของเพื่อนมากนักรอยยิ้มขมขื่นกระจายไปทั่วใบหน้าของเฟรยา “เจ็ดในสิบครั้งที่พวกเราออกไปเดต เขาจะพาลินดามาด้วย แม้แต่การดูหนัง สามครั้งที่เหลือตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกันเขามักจะแยกออกไปก่อนหลังจากรับสายจากผู้หญิงคนนั้น”“ทำไมเธอไม่บอกฉัน?” แคทเธอรีนรู้สึกแย่ แต่ก็โกรธในเวลาเดียวกัน “ฉันไม่ควรที่จะสุภาพ ฉันน่าจะตะโกนใส่พวกเขา”“ฉันไม่อยากเห็นเธอและแพทริคทะเลาะกัน” เธอพูดอย่างโศกเศร้า “ฉันชอบเขามากและพยายามมาเป็นเวลานานที่จะทำให้เขาอยู่กับฉัน ฉันบอกครอบครัวแล้วด้วยว่า ฉันจะพาเขาไปที่บ้านในวันคริสต์มาสนี้ เขาเป็นคนที่ฉันอยากแต่งงานด้วย”แคทเธอรีนพูดอย่างโกรธเคื
ทนายความคนที่กำลังคุยกับฌอนอยู่รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันและหยุดพูดทันที เขาหยิบแก้วไวน์ แล้วเดินไปร่วมเล่นเกมลูกเต๋าด้านข้างแทนเชสนั่งลงข้างเพื่อนของเขาโดยไม่พูดอะไร “พี่ชาย ฉันชวนแคทเธอรีนมาที่นี่ด้วยความเป็นมิตร เมื่อไหร่นายจะหยุดทำตัวเย็นชาสักที?”“นายแน่ใจนะว่า ไม่ได้ชวนเธอมาที่นี่เพื่อไมล์ คลาร์ก?” ฌอนพูดเยาะอย่างเยือกเย็น“เอาน่า” เชสไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไรดี “เอ่อ นายเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สนใจตอนที่เธอมาถึงนะ”รอยยิ้มที่เฉยเมยปรากฏขึ้นมาบนหน้าของฌอน “เหอะ ลืมไปเถอะ ผู้หญิงที่ไม่มั่นคงอย่างเธออะนะ? ไม่เอาล่ะ ขอบคุณ”ในเวลาเดียวกัน มีคนสองสามคนเดินเข้ามาทางประตู นั่นคือสตีเฟ่น แคมป์เบลถัดจากเขาเป็น เจเน็ต และรีเบคก้า “...”เชสไม่รู้จะพูดอะไรช่างเป็นวันที่เลวร้ายจริง ๆ นี่เป็นการเอาศัตรูคู่อาฆาตมาอยู่ในห้องเดียวกัน เขามีลางสังหรณ์ว่าสิ่งที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นสตีเฟ่นมองดูรอบ ๆ ห้องก่อนจะเดินไปหาเชส“คุณชายแฮริสัน ผมกำลังสนุกอยู่กับเพื่อนที่ห้องข้าง ๆ คุณชายคุกบอกผมว่า คุณอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงมาทักทาย นี่ต้องเป็นทนายที่มีชื่อเสียง คุณฮิลล์สินะครับ ผมได้ย
“คุณชายแฮริสัน คุณอยากจะมาด้วยกันไหม? ดูสิ ในห้องของคุณไม่มีใครเหลือเลย” สตีเฟ่นหัวเราะอย่างพอใจในตัวเองเมื่อเขาเดินมาถึงประตู“เช็ด สตีเฟ่น แคมป์เบล นายตั้งใจทำแบบนี้ใช่ไหม?” เชสตบโต๊ะด้วยความโกรธและกระทืบเท้า“ก็ พวกเขาเป็นคนฉลาดซึ่งรู้ว่าเงินอยู่ที่ไหนไง” สตีเฟ่นเลิกคิ้วของเขา “บางที ในไม่ช้าคุณอาจจะต้องก้าวลงจากการเป็นครอบครัวซึ่งประสบความสำเร็จที่สุดในเมลเบิร์นซะแล้วล่ะ”“นายต้องกำลังฝันอยู่แน่ ถ้านายคิดว่าจะสามารถขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารโดยการนอนกับผู้หญิงไร้ยางอาย” เชสชี้ไปที่รีเบคก้าและหัวเราะเยาะเย้ย “ผู้หญิงมือสองแบบเธอเหรอ? เดือนที่แล้วเธอยังเป็นคู่หมั้นของคนอื่นอยู่เลย ระวังหลังนายไว้ให้ดีเถอะ”ความเฉยเมยเติมเต็มใบหน้าของรีเบคก้าภายในไม่กี่วินาที “คุณชายคลาร์ก ระวังหลังของคุณไว้เถอะค่ะ มิเช่นนั้น ตอนที่พ่อของฉันกลายเป็นประธานในเดือนถัดไป ฉันอาจจะทำลายครอบครัวแฮร์ริสันเป็นอันดับแรกสุด”แคทเธอรีนที่กำลังฟังอยู่ด้านข้างหัวเราะอย่างเงียบ ๆ “อย่ามั่นใจเกินไป มันจะน่าอายมากนะ ถ้ามันไม่เกิดขึ้น” “ถูกต้อง” เฟรยาหัวเราะอย่างสนุกสนาน “ครอบครัวโจนส์มีชื่อเสียงที่แย่
เจเน็ตหัวเราะเยาะเย้ย “ได้ยินไหม? เขาต้องการให้เธอออกไป”ทุกสีบนใบหน้าของแคทเธอรีนแห้งเหือดไปภายในไม่กี่วินาที“ผมหมายถึงคุณ”ฌอนยกเท้าขึ้นอย่างช้า ๆ เหยียดขายาวออก แล้วเตะเจเน็ตออกจากโซฟาทุกคนตกใจ หญิงสาวกรีดร้อง “ฌอน ฮิลล์ คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? คุณกล้าดียังไงมาเตะฉัน! ฉันไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”“โอ้ จริงเหรอ? ผมจะรอดูแล้วกัน” เขาพูดด้วยสีหน้ารังเกียจพลางหยิบกระดาษเช็ดปากจากบนโต๊ะ และบรรจงเช็ดไหล่ที่เธอพิงศีรษะเมื่อครู่ ความโกรธแค้นภายในใจของแคทเธอรีนก็ถูกลบเลือนหายไปเมื่อเห็นสิ่งนั้นอย่างน้อยเขาก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง มิฉะนั้น เธออาจจะเมินเฉยกับเขาตลอดไป“ฌอน คุณจะเสียใจที่ทำแบบนี้ รอดูได้เลย วันหนึ่งคุณจะมาขอร้องให้ฉันนอนกับคุณ” เจเน็ตกัดฟันและกระทืบเท้าออกไปหลังจากถูกทำให้ขายหน้า“...”เชสสาปส่งหญิงสาว “โง่เง่า! เธอคิดว่าเธอสมควรที่จะได้นอนกับฌอนของพวกเราเหรอ? ขยะ! กองขี้หมา!”เฟรยาและไมล์ล้มเหลวในการกลั้นเสียงหัวเราะของพวกเขามีเพียงแคทเธอรีนและฌอนเท่านั้นที่ยังคงหน้านิ่ง“นายยังมีหน้ามาพูดแบบนั้นอีก ดูพวกคนน่าขยะแขยงที่นายเชิญมาวันนี้สิ” มุมปากของฌอนเผยรอยยิ้มแดกดันสี
ฌอนไม่ได้รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่กลับยิ่งรู้สึกผิดหวัง “คุณไม่ได้มาหาผมทันทีเมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือ แต่คุณกลับหันไปหาผู้ชายที่สนใจคุณแทน แคทเธอรีน โจนส์ผมใจดีกับคุณมากเกินไปใช่มั้ย?”“ไม่ใช่นะคะ ฉันคุยเรื่องนั้นกับเวสลีย์แล้วและเขาเข้าใจเหมือนกัน”“อย่ามากล้าบอกผมว่า ตอนนี้เขาเห็นคุณเป็นเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่ง” เขายิ้มอย่างเหน็บแนม “ดังนั้นคุณคงจะไม่เป็นอะไร หากผมจะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่เคยพยายามเข้าหาผมมาก่อนเหรอ?” “...”สิ่งนี้ทำให้เธอแปลกใจ หลังจากที่ลองพิจารณาจากมุมของเขา ในที่สุดเธอก็เข้าใจข้อผิดพลาดที่เธอได้ทำไป“ฉันขอโทษค่ะ” หลังจากนั้นสักพัก เธอก้มหัวต่ำลง “ฉันจะโทรหาคุณทันที ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลืออีกในอนาคต และฉันจะไม่รับความช่วยเหลือจากเขาอีก ฉันสนใจแค่คุณเท่านั้นจริง ๆ ค่ะ”เขาปล่อยเธอไปและจุดบุหรี่ขึ้น เมื่อเขาหายใจเข้าออก ควันบุหรี่ก็ลอยอยู่ท่ามกลางความเงียบเธอสังเกตท่าทีของเขาอย่างใกล้ชิด มันทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกเมื่อเขายังคงนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้โดยบังเอิญ เธอสังเกตเห็นว่าเพลงรักที่เฟรยากำลังร้องนั้นใกล้ถึงตอนจบแล้วความคิดหนึ่งโผล่เข้ามาในหัวของ
แคทเธอรีนรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาด้วยความอับอายเธอหันมองรอบ ๆ หลังจากที่ในที่สุดการจูบก็จบลง เธอรับรู้เพียงว่าคนอื่น ๆ ได้พากันไปเล่นเกมลูกเต๋าอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งเชสหัวเราะอย่างสะใจ “มาสิ มาเล่นด้วยกันตอนนี้ หลังจากที่พวกนายจูบกันเสร็จแล้ว เพราะพวกเราเล่นจบไปสองสามเกมแล้ว”เธอรู้สึกว่าแก้มเธอแดงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง “ไม่” ฌอนตอบกลับอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะซุกใบหน้าไปที่ผมของเธอ “พวกเราจะกลับบ้านแล้ว”“เดี๋ยวก่อนค่ะ เฟรยายังดื่มอยู่ ฉันต้องขับรถไปส่งเธอที่บ้าน”“เรียกแท็กซี่สิ”เธอลังเลนิดหน่อยก่อนจะปฎิเสธ “ไม่ค่ะ เธอเพิ่งทะเลาะกับแฟนมา และฉันสัญญาว่าจะส่งเธอกลับบ้าน ฉันไม่สามารถเพิกเฉยเธอได้ แค่เพราะฉันมีคุณ”ความรู้สึกไม่พึงพอใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง “คุณหมายความว่าอะไร? ผมสำคัญน้อยกว่าเพื่อนของคุณเหรอ?”“...”‘แน่นอน เพื่อนก็สำคัญเหมือนกันนะ’อย่างไรก็ตาม เธอเก็บความคิดไว้กับตัวเอง และตอบกลับด้วยท่าทางน่ารัก “นี่ หยุดคิดมากได้แล้วค่ะ พวกเราไม่ได้ออกมาและสนุกสนานกันบ่อย ๆ สักหน่อย มีหลายอย่างเลยที่ฉันอยากบอกคุณ”โดยไม่ลังเล เธอบอกเขาทุกอย่างที่เธอรู้จากป้าเวนดี้ในช่วงสอง
ในตอนนั้นเอง แคทเธอรีนก็รู้สึกตกใจมากจนสติกลับมา เธอรีบพูดว่า “นั่น... เธอเดินไหวมั้ย? ฉันจะไปส่งเธอเอง”“ไม่ ฉันไม่ได้เมา ฉันไม่เคยมาว” เฟรยาโบกมืออย่างไม่มั่นคง และเดินโซเซไปยังละแวกบ้านของตัวเอง“คุณลุง?” ฌอนเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแคทเธอรีนตกใจ “เป็นเพราะคุณดูเหมือนคุณลุงของเธอนิดหน่อย ดังนั้นเธอจึงเรียกคุณว่า ‘คุณลุง’ เป็นการส่วนตัวน่ะค่ะ”“บอกเธอว่า อย่าเรียกผมแบบนั้น ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ”ฌอนสตาร์ทรถและแคทเธอรีนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่เขาไม่ได้สงสัยอะไรระหว่างทางกลับบ้าน แอลกอฮอล์และความง่วงงุนเดินทางมาถึงแคทเธอรีน แล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยดวงตาที่พร่ามัว หลังจากเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ ใครบางคนก็อุ้มเธอขึ้นอย่างอ่อนโยนเธอลืมตาด้วยความงุนงงและเห็นใบหน้าหล่อเหลาได้อย่างชัดเจน เธอคิดว่าเธอกำลังฝัน เธอเม้มปากอันอวบอิ่มและโอบรอบคอของเขาด้วยมือของเธอ “ฌอนนี่ อย่าโกรธเลยนะ โอเคไหมคะ? ฉันคิดถึงคุณมากเลย ฉันเหนื่อยมาก เมื่อไม่นานมานี้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และฉันต้องการใครบางคนไว้คุยด้วย ตอนนี้ฉันมีแค่คุณเท่านั้น คุณจะอยู่ข้างฉันเสมอใช่ไหมคะ?”จากนั้น เธอก็ร
ฌอนหยิกแก้มของเธอ “เป็นเด็กดี ผมยังรอให้คุณมาเลี้ยงดูหลังจากที่ได้ฮัดสันมาแล้ว”เสียงทรงเสน่ห์ทำให้แคทเธอรีนไม่มีพลังจะพูดอะไรได้เลยในทางตรงกันข้าม แอลมองพวกเขาด้วยท่าทางแปลก ๆ แคทเธอรีนสังเกตเห็น หลังจากที่ฌอนออกไปทำงาน เธอถามแอลด้วยรอยยิ้ม “คุณรู้จักฌอนนี่?”เมื่อได้ยินชื่อ ‘ฌอนนี่’ แอลยิ้มและตอบกลับด้วยความเคารพ “ใช่ค่ะ”แคทเธอรีนมองรอบ ๆ และถาม “ดังนั้นคุณต้องรู้ว่าเขาเคยมีแฟนเก่ามาก่อน เขาเคยมีกี่คน?”“คุณโจนส์ คุณสามารถถามคุณฮิลล์เกี่ยวกับเรื่องนี้” แอลตอบปัดเรื่องนี้ด้วยคำไม่กี่คำแคทเธอรีนรู้สึกท้อแท้มาก บอร์ดี้การ์ดคนนี้ปากแข็งมากหลังจากวันนั้น แคทเธอรีนลาออกจากตำแหน่งของเธอที่ทัลตัน และทำการเตรียมตัวสำหรับฮัดสัน…บ้านของโจนส์เจฟฟี่อารมณ์ดีหลังจากได้รับสายจากผู้ถือหุ้น “ในที่สุดผู้อำนวยการเออร์ไวน์ก็เห็นด้วยที่จะสนับสนุนผม ตำแหน่งประธานจะตกเป็นของผมในวันพรุ่งนี้”“ที่รัก ยินดีด้วย” แซลลี่ยิ้มอย่างภูมิใจ ข่าวสถานะของเจฟฟี่ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของฮัดสันถูกแพร่ออกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นเหล่าภรรยาที่ร่ำรวยซึ่งเคยดูถูกเธอต่างก็รีบประจบประแจงเธออีกครั้ง “ตอนที่คุณ
ขณะฌอนอุ้มซูซี่ขึ้นรถ จู่ ๆ คนขับก็ถามขึ้นว่า “นี่ลูกของคุณหรือเปล่าครับ?”“... อืม” ฌอนตอบไปทั้งอย่างนั้นเนื่องจากเลียมหายตัวไป เขาจึงจะปฏิบัติต่อซูซี่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของเขาต่อไปในอนาคต"คุณทั้งคู่ดูเหมือนกันมากเลยนะครับ" คนขับยิ้ม"ใช่ครับ เธอดูเหมือนผม" ฌอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป “คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม? ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยครับ”"ใช่ครับ" คนขับหันกลับไปขึ้นรถหลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านกันไป ฌอนก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันนั้นกําลังมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่ด้านบนนั้นเคยเป็นคฤหาสน์ของตระกูลฮิลล์ชายผู้นั้นใช่คนที่ซื้อคฤหาสน์ไปหรือเปล่านะ?แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์ เนื่องจากเขาเพิ่งรู้ว่าแคทเธอรีนกําลังจะไปอยู่ด้วยกันกับเวสลีย์เขามั่นใจว่าเวสลีย์คงนอนกับแคทเธอรีนแล้วหัวใจของเขาอัดแน่นเมื่อนึกถึงแคทเธอรีนนอนอยู่ใต้ร่างของเวสลีย์จุดนี้ไม่สำคัญอะไรหรอก สิ่งที่ฌอนกังวลมากกว่าคือความเป็นไปได้ที่แคทเธอรีนจะตั้งครรภ์ลูกของเวสลีย์ เวสลีย์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน ฌอนไม่รังเกียจที่แยกทางกับแคทเธอรีนหรอก
“เวสลีย์ ลียงส์ นายก็หยาบคายกับฉันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าเสียดายที่นายซ่อนมันดีเกินไป ไว้มาดูกันตอนที่หน้ากากของนายหลุดเถอะ”ทันทีที่ฌอนพูดจบเขาก็เหลือบมองแคทเธอรีน เมื่อได้เห็นสีหน้าเรียบเฉยของเธอ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ข้างในซูซี่เลื่อนหน้าต่างด้านหลังลงและยื่นศีรษะเธอออกมา จากนั้นเธอก็ถามด้วยน้ำเสียงเร่งเร้าว่า “ลุงฌอนคะ ลุงจะพูดไปอีกนานแค่ไหนคะ?”"ลุงกําลังจะไปเดี๋ยวนี้จ้ะ" ฌอนก้าวขึ้นรถเมื่อเขาขับรถออกไป เขาเห็นเวสลีย์ก้มศีรษะลงจูบปากกับแคทเธอรีนผ่านกระจกมองหลังเขาจับพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูดโปนออกมา ขณะเดียวกันเขาก็กดคันเร่งลงไปอย่างดุเดือดรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยความโกรธซูซี่เริ่มหวีดร้องด้วยความตกใจ “ลุงฌอน ลุงขับรถเร็วเกินไปแล้ว! หนูกลัวนะคะ"ฌอนกลับมามีสติสัมปชัญญะทันที เขาลดความเร็วลงอย่างว่องไวและยอมรับความผิด "โทษทีนะจ๊ะ"“ลุงฌอน ลุงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอเนี่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ภรรยาของลุงทิ้งลุงไป” ซูซี่อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาด้วยมือเธอที่ท้าวสะเอวอยู่“... หนูพูดถูก" ฌอนหลบตาลงอย่างเศร้าซึมซูซี่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของเขา เธอรู้ว่าแม่ของเ
แคทเธอรีนไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอื่นใดเลย ทว่าฌอนรู้สึกอารมณ์ปั่นป่วนกระวนกระวายช่วงสองสามวันมานี้ เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่าจะพบเธอดีหรือไม่ เขาลังเลที่จะพบเธอ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเธอสุดหัวใจ“แคธี่ผมขอโทษ ผมไม่รู้จริง ๆ นะ...” ฌอนเริ่มอธิบายเหมือนเด็กหลงทาง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะทําตัวแบบนั้น ผมคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องไร้สาระเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับผมด้วย การสะกดจิตของซาร่านั้นแรงกล้ามากจนเขียนทับความทรงจําของผมไปจนหมดและทําให้ผมเกลียดคุณมากเหลือเกิน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามัน...” .“แล้วคุณมาขอให้ฉันยกโทษให้คุณเหรอ?” จู่ ๆ แคทเธอรีนก็หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาเงียบสงบของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา“ผม...” ฌอนกระอักกระอ่วนใจจนไม่รู้จะพูดยังไง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์ระทม “แคธี่ผมรักคุณความรักของผมที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ...”"ฮะ!"ในที่สุดแคทเธอรีนก็หัวเราะ “ฌอนถึงคุณจะไม่ได้ถูกซาร่าสะกดจิตแต่ป่านนี้เราอาจจะหย่ากันไปแล้วก็ได้นะ”ฌอนอึ้งไปเลย "คงไม่เป็นแบบนั้นหรอก"“ตลกดีที่ฉันเป็นคนเดียวที่จําความสัมพันธ์นั้นของเรา
แคทเธอรีนวางสายเมื่อเธอมาถึงวิลล่าของครอบครัวยูลเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เวสลีย์กําลังเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟังด้วยท่าทางอ่อนโยนและเสียงทุ้มเบา ๆ เขามองดูเหมือนคุณพ่อใจดีเมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ความรู้สึกผิดก็พุ่งปะทะเข้ามาในจิตใจของแคทเธอรีน เธอนี่นะสงสัยเขาได้ลงคอนั่นมันมากไปแล้วจริง ๆหลังจากที่เวสลีย์เล่านิทานจบเขาถึงสังเกตเห็นเธอ "คุณกลับมาแล้ว"โจเอลจ้องแคทเธอรีนเขม็ง “ลูกเป็นแม่ของซูซี่และลูคัสนะแต่ลูกกลับบ้านดึกตลอด แม้แต่เวสลีย์ก็ยังทําหน้าที่เป็นพ่อแม่ได้ดีกว่าลูกอีก”“ลูกจะไตร่ตรองตัวเองและจะไม่ทําอีกค่ะ” แคทเธอรีนขอโทษอย่างจริงใจ“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณทุ่มเททํางานไปเถอะครับผมจะช่วยคุณดูแลลูก ๆ คุณที่บ้านเอง” เวสลีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มมองเขาแล้วแคทเธอรีนจึงตัดสินใจบางอย่างอยู่ลึก ๆ ในใจ…ในตอนกลางคืนแคทเธอรีนอยู่เป็นเพื่อนซูซี่และลูคัสจนพวกเขาหลับ จู่ ๆ ซูซี่ก็พูดว่า “แม่ขา คุณย่าโทรหาหนูวันนี้และบอกว่าย่าคิดถึงหนู ปู่ทวดและย่าทวดก็คิดถึงหนูด้วยเช่นกันค่ะ หนูรู้สึกอยากเอ่อ ... อยู่ที่นั่นสักพักค่ะ”"การไปอยู่ที่นั่นดีอะไรนักหนา?" ลูคัสถามอย่างไม่พอใจซูซี่ทําหน้ามุ่ยโดย
"ไม่จําเป็น" เฟรยาส่ายหัว “ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับผิดชอบฉันหรอก แต่เนื่องจากตระกูลสโนว์บังคับให้ฉันให้กําเนิดเด็กคนนี้และถึงกับข่มขู่ฉันด้วยเด็กคนนี้ดังนั้นฉันจะให้กําเนิดเขาแต่ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณหรอกนะ”ร็อดนีย์ไม่เคยคิดเลยว่าเธอเลือกจะให้กําเนิดลูกทั้งที่ยังไม่แต่งงานมากกว่าที่จะแต่งงานกับเขาซะอีกเขาควรจะดีใจสิ ทว่าเขาก็อารมณ์เสียซะอย่างนั้น“เฟรยา ลินช์ คุณไม่ชอบผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”“...”“ฉันไม่เคยชอบคุณเลยน่ะสิ”เฟรยาเก็บอาการดูถูกเขาไว้ข้างในใจก่อนที่เธอจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เมื่อสามปีก่อนฉันเคยมีความสัมพันธ์ฉันตกหลุมรักชายคนหนึ่งที่วิทยาลัยและเราอยู่ด้วยกันมาสี่ถึงห้าปี เรายังได้พบกับพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายและพร้อมที่จะมีงานแต่งงานของเรา แต่แล้ววันหนึ่งเขาปล่อยให้ครอบครัวของฉันกับฉันต้องรอเก้อเพื่อหวานใจในวัยเด็กของเขา เขาไม่ได้ทําแค่ครั้งเดียวแต่เป็นครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะยกให้เพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาอยู่เหนือสิ่งอื่นใดเสมอ“เมื่อใดก็ตามที่เราไปออกเดทกัน เขาก็จะพาเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาไปด้วย“เมื่อเพื่อนสนิทในวัยเด็กของเขาป่วยเขาก็จะดูแลเธอ“เขาอ้างว่าเขาปฏิบ
“ฉันไม่สน เนื่องจากคุณโยนผักดองของฉันทิ้งไปแล้ว คุณต้องทําอาหารให้ฉัน ฉันหิวนะ"ร็อดนีย์เหลือบมองท้องของเฟรยา ตอนแรกเขาไม่อยากทําอาหารให้เธอหรอก ทว่าเขากังวลว่าเฟรยาจะนําลูกอ๊อดน้อยในตัวเธอออกไปกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ในที่สุดเขาก็ยอมจํานนต่อโชคชะตาของเขาและตัดสินใจทําอาหารให้เธอแต่เมื่อเขาเปิดตู้เย็นของเธอดู เขาก็ไม่พบส่วนประกอบเครื่องปรุงใด ๆ นอกจากเส้นพาสต้าเขาถอนหายใจออกมา “เฟรยา ลินช์ คุณเป็นผู้หญิงนะ คุณทําตัวเป็นแม่บ้านให้มากกว่านี้ไม่ได้เหรอ? คุณไม่มีไข่ที่บ้านด้วยซ้ำ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” “ฉันกินในที่ทำงานทุกวัน ฉันทํางานให้คุณยังกับหมานะ แล้วคุณยังมาคาดหวังให้ฉันกลับมาเข้าครัวทําอาหารหลังจากที่ฉันเพิ่งทํางานล่วงเวลาเสร็จอีกเหรอ? ฉันมีเวลาว่างมากนักเหรอไง?”เฟรยาวิจารณ์เขาอย่างเผ็ดร้อน “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ซาร่าก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก เธอยังจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง?” “คุณนี่พล่ามไปใหญ่ บางครั้งเธอก็ทําอาหารด้วยตัวเองแหละน่า”“ฮ่า! คุณหมายถึงสัปดาห์ละครั้งเหรอ? ฉันก็ทําแบบนั้นแหละ”“...”ร็อดนีย์เงียบไปเลยเมื่อเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นมาเห็นได้ชัดว่าเขาโน้
เฟรยาขมวดคิ้วย่น ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบกินผักดองและสงสัยว่าทําไมผู้คนมากมายถึงได้ชอบกินอาหารหมักดองอย่างนี้กันนัก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ตัวว่าติดหนึบมันเข้าแล้วในเดือนนี้ด้วยเหตุนี้เธอถึงได้รู้ว่าเพราะการตั้งครรภ์ของเธอนั่นเองเป็นเหตุ“เข้าใจผิดแล้ว ฉันเพิ่งจะเริ่มชอบผักดองเพราะว่าฉันตั้งครรภ์ เป็นทารกเองที่ต้องการหม่ำของพวกนั้น” เธอตอบด้วยท่าทางว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก“ลูกของผมไม่ชอบกินอาหารหมักดองแบบนี้หรอก” ร็อดนีย์คว้าขวดโหลออกไปและเทผักดองทั้งหมดลงไปในถังขยะโดยไม่ลังเลเฟรยาระเบิดลงทันที “ร็อดนีย์ สโนว์ คุณรู้ไหมว่าผักดองขวดหนึ่งมันแพงขนาดไหน? มันมีราคากว่าสิบดอลลาร์เชียวนะ”“...”ร็อดนีย์อึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด “นั่นแพงเรอะ ฮึ? คุณกําลังพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบดูเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์และได้รับค่าจ้างเดือนละหลายแสนดอลลาร์ คุณยังมีเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในบัตรที่โอเชอร์ คอร์ปอเรชั่นมอบให้คุณไปเมื่อวันก่อนด้วย คุณกล้าพูดว่าผักดองมีราคาแพงได้ยังไงกัน?!”“มันก็แพงอยู่ดี ผักดองในถุงเล็ก ๆ ที่ฉันได้มาบ่อย ๆ ราคาเพียงแค่ห้าดอลลาร์เอง”"หุบปากเลย"ร็อดนีย์เบื่อหน่ายกับเธอ
เชสเตอร์ตะคอก “ก็ได้ นายแค่ลําเอียงเข้าข้างซาร่า แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยนะว่าหากนายออกจากตระกูลสโนว์ไปแล้ว รับรองว่ายัยซาร่าจะทิ้งนายไปในไม่ช้าก็เร็ว”"นายนี่ตอแหลว่ะ"ร็อดนีย์อดไม่ได้ที่จะโวยวายใส่เขา “เชสเตอร์ จิวเวลนายก็เหมือนกับฌอน! ทําไมพวกนายถึงเป็นแบบนี้กันไปได้? พวกเราทั้งห้าคนโตมาด้วยกัน แต่พวกนายก็ยังมาเลือกปฏิบัติต่อซาร่าอีก”“ใช่ คนทั้งโลกกําลังเลือกปฏิบัติต่อซาร่าและนายเป็นเพียงคนเดียวที่ปกป้องเธอ นายเป็นคนฉลาดหัวใสและคนอื่นมีบางอย่างผิดปกติ งั้นเอาเลยไปสู้โลกเพื่อประโยชน์ของเธอรวมทั้งฆ่าลูกของนายเองด้วย”เชสเตอร์เริ่มรําคาญ “ฉันกําลังจะทําการผ่าตัดตอนนี้ ฉันไม่ว่างที่จะคุยกับนายละนะ”ทันทีที่เขาจบการสนทนา เขาก็เดินดุ่มออกไปด้วยสีหน้าสงบนิ่งอันที่จริงการพูดคุยกับร็อดนีย์ทําให้เลือดของเขาเดือดดาลเชสเตอร์เริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจเฟรยาขึ้นมาเล็กน้อยจากนั้นร็อดนีย์ก็เดินออกจากสำนักงานแพทย์เขาเดินลงบันไดมาอย่างร่างไร้วิญญาณเมื่อเขาเซล้มลงไปโดยบังเอิญที่หน่วยกุมารเวชศาสตร์คุณพ่อคนหนึ่งในวัย 30 ปีที่กําลังกอดทารกน้อยน่ารักเดินผ่านเขาไปพอดี ทารกขวบเดียวคนนั้นมีดวงตาโ
พ่อ...คํานี้ทําให้ร็อดนีย์อึ้งไปครู่หนึ่งทันทีเวนดี้พูดอย่างตั้งใจว่า “ใช่ ลูกอาจมีส่วนแค่สเปิร์มตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนี้มีความยาวประมาณหนึ่งเซนติเมตรแล้วนะ ลูกอาจเคยคิดที่จะทําให้เธอแท้งเด็ก แต่ลูกเคยคิดบ้างไหมว่าการทําแท้งจะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของผู้หญิงคนหนึ่งได้มากขนาดไหน?“มันง่ายมากเลยที่ลูกจะพูดแบบนั้นเพราะว่าลูกไม่ใช่คนที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ร่างกายของผู้หญิงจะได้รับความเสียหายหลังจากผ่านการทําแท้ง ผู้หญิงบางคนถึงกับประสบกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ นานาหรือมีอุปสรรคปัญหาในการตั้งครรภ์อีกครั้ง“นอกจากนี้ลูกคิดว่าถ้าแฟนหรือสามีในอนาคตของเธอรู้ว่าเธอเคยทำแท้งลูกของชายอื่นมาก่อน พวกเขาจะมองเธอยังไง? ลูกลองมองในมุมของเธอบ้าง ถ้าลูกรู้ว่าภรรยาในอนาคตของลูกเคยตั้งท้องลูกของชายอื่นมา ลูกจะผิดหวังไหม?”ร็อดนีย์ยังคงเงียบขณะฟังถ้อยคําเหล่านั้นเขาไม่ได้ใจร้ายโดยสันดาน หลังจากที่เวนดี้ชี้แนะเขาอย่างละเอียด ความสับสนเจ็บแปลบและความรู้สึกผิดก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในจิตใจของเขาในตอนนั้นเขาเคยคิดที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้เพื่อตอบสนองความปรารถนาของพ่อแม่ถ้าหาก