อรรวินทร์เงื้อไม้กวาดขึ้นทำมุมสี่สิบห้าองศาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงร้องโหวกเหวกดังขึ้นมาจากหลังเคหาสน์ของเธอ
หญิงสาวตัดสินใจปล่อยหนูท่อขนดำไป ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดจึงสาวเท้าผ่านห้องโถงนั้นไปยังหลังเคหาสน์
บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงัด ท้องคคนานต์ในยามนี้ถูกความมืดมิดปกคุลมไปทั่ว รองเท้ากีฬาคู่โปรดของอรรวินทร์สาวเท้าไปยังต้นเสียงพร้อมกับไม้กวาดด้ามยาวที่ถือติดมือมาด้วย
หญิงสาวเดินผ่านไม้สุมพุ่มหญ้าขนาดใหญ่ ลัดเลาะไปตามทางที่แสงจันทราสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ
รัศมีจันทราสาดอาบไล้ไปยังต้นไม้แห่งหนึ่งทว่าภาพที่อยู่เบื้องหน้าของหญิงสาวทำให้อรรวินทร์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
บุรุษหนุ่มรูปงามคนหนึ่งสวมแจ็กเกตสีน้ำเงินคล้ายผ้าเดนิม ทว่าหากคะเนด้วยสายตาอันเฉียบคมของหญิงสาว อรรวินทร์คิดว่ามันหนามากกว่า ผ้าเดนิมที่เราเห็นกันในศตวรรษที่ 21 เสียอีก
อรรวินทร์รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังบริเวณพุ่มไม้ที่ชายวัยกลางคนนอนสลบอยู่ในอาณาบริเวณนั้น
ภาพที่ปรากฎชัดเจนแก่สายตาของติวเตอร์สาวเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง ชายหนุ่มตรงหน้าของอรรวินทร์จัดได้ว่าเข้าขั้นหล่อแบบผู้ดีชาวฝรั่งเศสเลยทีเดียว
เขามีผิวขาวนวลแม้จะไม่ละเอียดมากแต่ก็ไม่หยาบเกินไป คิ้วสีน้ำตาลเข้มเป็นเส้นตรง เวลานี้ดวงตาของเขาปิดพริ้มราวกับว่ากำลังเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์
จมูกของอาคันตุกะผู้มาเยือนเคหาสน์ของอรรวินทร์นั้นเชิดขึ้นราวกับพ่อมด หากหญิงสาวเดาไม่ผิดหมอนี่อาจจะเป็นลูกครึ่งหรือลูกเสี้ยวของชาวฝั่งยุโรปเป็นแน่
ริมฝีปากของชายหนุ่มปิดสนิท เปลวรัศมีจันทราสาดประกายจนเห็นเรียวปากอิ่มสีซีด หากแต่เวลานี้อรรวินทร์คาดการณ์ว่าชายหนุ่มอาจจะประสบอุบัติเหตุมา...เธอจำต้องพาเขาไปโรงพยาบาล แต่ทว่าโรงพยาบาลห่างไกลจากที่เคหาสน์มรดกของคุณย่าของเธอมากนัก และเวลานี้คุณพ่อและคุณแม่ต่างก็บินลัดฟ้าไปเที่ยวรอบโลกเสียด้วย
“โอ๊ย...นี่มันวันอะไรเนี่ย” ติวเตอร์วิทยาศาสตร์สาวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก
“คุณหนูเล็ก” เสียงเรียกของชายวัยกลางคนเอ่ยทักอรรวินทร์ที่หันรีหันขวางอยู่ในขณะนั้น
“อ้าว พี่เจมส์” อรรวินทร์กล่าวเสียงสูงกับพี่ชายบุญธรรมที่พ่อเธอรับมาเลี้ยงดูปูเสื่อด้วยความสงสาร
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” เจมส์เอ่ยถามหญิงสาวอย่างรวดเร็วขณะดวงตาคู่คมของชายหนุ่มกวาดสายตาไปมองยังจุดที่ปลายสายตาของ ‘คุณหนู’ของคฤหาสน์หลังนี้หยุดอยู่
“พี่มาช่วยกันหน่อย” เสียงหวานใสของอรรวินทร์เอ่ยกับ
ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์ได้ชื่อว่า พี่ชายบุญธรรมของหญิงสาว
“มา...พี่ช่วย” เสียงของพี่ชายต่างบิดามารดาของอรรวินทร์กล่าวพลางพยุงร่างของชายปริศนาที่แต่งตัวด้วยเสื้อยีนส์และกางเกงยีนส์ออกไปจากคฤหาสน์หลังโตที่อรรวินทร์ได้เป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียวในเคหาสน์โออ่าหลังโตหลังนี้
+++
ไฟบนเพดานสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อมือเรียวกดเอื้อมเปิดไฟในโรงพยาบาลแห่งนี้“จำได้ไหมว่า...คุณชื่ออะไร” เสียงหวานใสเอ่ยออกมาจากเรียวปากอวบอิ่มรูปกระจับ ดวงตาคู่สีดำสนิทของหญิงสาวทอดมองชายหนุ่มด้วยสายตาจับสังเกต“ชือ” สำเนียงแปร่งเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากงามของชายหนุ่มปริศนาที่อรรวินทร์เพิ่งช่วยเหลือมาเมื่อเที่ยงคืนแล้วรีบพาบุรุษผู้นี้มาส่งที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว“ฉันหมายถึงว่า...คุณชื่ออะไร” หญิงสาวผมสั้นเอ่ยย้ำอีกครั้งอย่างเหลืออดทว่าคราวนี้หญิงสาวพยายามอย่างใจเย็นที่จะถามเขาด้วยน้ำเสียงชัดเจนชัดถ้อยชัดคำกว่าเดิม“ผมมีนามว่า อามันด์” ชายหนุ่มปริศนาที่โผล่มาบ้านของอรรวินทร์ตอบหญิงสาวด้วยสุ้มเสียงสำเนียงแปร่งแตกต่างจากสำเนียงคนในประเทศของหญิงสาว“นาม” อรรวินทร์ทวนคำอย่างประหลาดใจ แม้เธอจะเคยอ่านหนังสือเทพนิยายกรีกโรมันมาบ้างแต่การที่หญิงสาวได้เจอบุรุษหนุ่มในศตวรรษที่ 21 เรียกขานคำว่านามแทนที่จะเรียกเป็นคำว่าชื่อของตนเองนั้น อดทำให้หญิงสาวผมสั้นอย่าง ‘อรรวินทร์’ อดรู้สึกขันในใจขึ้นมาไม่ได้“ผมมีนามว่า อามันด์” ชายหนุ่มปริศนาเอ่ยกับหญิงสาวอีกครั้ง อรรวินทร์พยักหน้ารับรู้แล้วเอ่ยบอก
“พี่ขนุนคะ...ตอนนี้อรยุ่งอยู่ค่ะ คงจะถึงบ้านเย็นๆ เดี๋ยวอรฝากพี่ขนุนหาเจ้าเลอนัวร์ให้ทั่วบ้านก่อนนะคะ ห้ามหายนะคะพี่ขนุน เลอนัวร์มีตัวเดียวนะคะ แถมสมบัติของคุณย่าเชียวนะคะ” ท้ายประโยคอรรวินทร์กล่าวเสียงเข้มแล้วปิดโทรศัพท์ลงอย่างกระวนกระวายใจมือเรียวของหญิงสาวกำเข้าหากันแน่น อรรวินทร์รู้สึกราวกับว่าเวลานี้เธอเป็นลูกโป่งพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ“คุมตัวเองเอาไว้อร” หญิงสาวกล่าวกับตนเองด้วยสีหน้าถมึงทึงอย่างหาที่สุดไม่ได้ในตอนนี้ขมับทั้งสองข้างของตึงไปหมด คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดมุ่นเข้าหากันละม้ายคล้ายเชือกปมใหญ่ที่มัดติดกันจนแน่นหนา หญิงสาวอดรู้สึกถึงความตึงเครียดไม่ได้ เมื่อเวลานี้ทุกเรื่องได้ถาโถมเข้ามาหาเธอ“คุณอรรวินทร์คะ” เสียงหนึ่งเอ่ยดังขึ้นปลุกหญิงสาวออกมาจากภวังค์ที่หญิงสาวได้เผลอจมดิ่งไปชั่วครู่“คะ” หญิงสาววัยยี่สิบสองปีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง จนพยายาลที่มาอดกลัวใจไม่ได้ ในเรื่องที่ต้องแจ้งกับหญิงสาว“คุณหมอมีเรื่องจะปรึกษากับคุณค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงล่ะล่ำละลัก..ยามเมื่อเวลานี้หญิงสาวตรงหน้ามีสีหน้าถมึงทึงอย่างที่ไม่มีสตรีใดในโลกนี้จะมีใบหน้าเหมือนเธออีกแล้วภ
“หัว” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ขณะที่ร่างสูงโปร่งเกาศีรษะเลียนแบบตามหญิงสาวอย่างงงงวย“หัวเหรอ...นายเข้าใจภาษาอังกฤษอย่างเดียวเหรอนี่” อรรวินทร์กล่าวกับตนเองอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ “อังกฤษ...อิงลิซ” อามันด์ทวนคำพูดของหญิงสาว ท้ายประโยคชายหนุ่มออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ อรรวินทร์เลิกคิ้วเข้มทั้งสองข้างของเธอขึ้น หญิงสาวรู้สึกปวดหัวในสภาพของชายหนุ่มตรงหน้า“นายเดินตามมาแล้วกัน” หญิงสาวเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดระคนรำคาญใจ รองเท้ากีฬาสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อรรวินทร์เดินไปข้างหน้า โดยมีอามันด์ ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘สามีของเธอ’ ตามมาติดๆรถสปอร์ตคันหรูอยู่เบื้องหน้าของอรรวินทร์และอามันด์ มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้กับชายหนุ่ม“เข้าไป” อรรวินทร์เอ่ยเสียงดุดันทว่าเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษอามันด์ก้าวเข้าไปนั่งในรถด้วยสีหน้าและแววตาตื่นเต้นโดยที่หญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็น แววตาของชายหนุ่มพราวระยับ มันเปล่งประกายมือเรียวบางปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูของตนเองลงอย่างเบามือ อรรวินทร์เดินอ้อมไปอีกด้านฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูออกพลางสอดตัวเข้ามาในรถแล้วปิดประตูลง“คาดเข็
รถสปอร์ตคันหรูแล่นขึ้นไปบนเขาอย่างรวดเร็ว เส้นทางการไปยังเคหาสน์แห่งนี้ค่อนข้างคดเคี้ยวลดเลี้ยวพอสมควรอรรวินทร์หมุนพวงมาลัยรถให้เลี้ยวไปตามถนนอย่างใจร้อนด้วยข่าวที่เพิ่งได้รับมานั้นไม่อาจทำให้เธอใจเย็นลงได้เลย“ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ” อรรวินทร์กล่าวกับตนเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาหญิงสาวผินดวงหน้าหวานหันมามองดูอามันด์ที่เวลานี้หลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทราไปเสียแล้ว“เออ หลับไปก็ดี ปวดหัวเหมือนกัน” อรรวินทร์กล่าวกับตนเองอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวชายหนุ่มจะตื่นขึ้นมาคฤหาสน์หลังโตตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว เคหาสน์หลังนี้เป็นสมบัติของอรรวินทร์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นประตูรั้วสีขาวสะอาดตาที่มองเห็นได้ในระยะไกลเปิดออกกว้าง...รถสปอร์ตราคาแพงเหยียบล้านเคลื่อนเข้าไปในรั้วระแนงสีขาวกระจ่างตาที่อรรวินทร์บังคับให้พี่เจมส์ขัดรั้วเหล่านี้ทุกวันอรรวินทร์ขับรถเข้าไปจอดในโรงรถ มือเรียวบางเอื้อมบิดกุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว“นายตื่นได้แล้ว” หญิงสาวกล่าวเป็นภาษาอังกฤษกับอามันด์ชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มด้วยความอ่อนแรงมาตลอดทั้งวันหญิงสาวเอื้อมปลดเข็มคัดนิรภัยให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทตรงหน้าอย
แคว้นโอดฟร็องส์เบื้องหน้าของชายหนุ่มในเวลานี้คืออาสนวิหารนัวยงสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าที่สุดในสายตาของชนชั้นแรงงานอย่างพวกเขาอามันด์นึกชื่นชมนักออกแบบอาสนวิหารนัวยงในกรุงปารีสแห่งนี้ ทว่าความงดงามของอาสนวิหารนัวยงนี้ไม่อาจทำให้ในใจของชายหนุ่มสงบลงได้เลยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถือเป็นวันที่ชนชั้นแรงงานในกรุงปารีสเดินขบวนกันทั้งเมือง ทว่ากลับเกิดการนองเลือดขึ้น สร้างความโศกเศร้าในใจให้กับอามันด์เป็นอย่างยิ่ง “จับไอ้หัวขโมยนั่นให้ได้” เสียงตะโกนดังไล่มาจากด้านหลังของชายหนุ่มอย่างอามันด์เวลานี้อามันด์รู้ได้แต่เพียงว่าเขาต้องหนีไปจากปารีสให้ได้ หนทางรอดมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะพาเขาออกไปจากนรกเหล่านี้ได้ มันคือ...มัจจุราช!เท้าสองข้างของชายหนุ่มเหยียบย่างไปบนอาสนวิหารนัวยงไม่นานนักเขาก็ปีนขึ้นมาสูงจนมองเห็น ‘นายจ้าง’ คนนั้นชายแก่ลงพุงสวมชุดผู้ดีตามแบบที่เห็นกันเกร่อในลอนดอนที่ตัดเย็บอย่างประณีตจากห้องเสื้อบูติคที่ชนชั้นสูงมักสวมใส่กัน ...บนบ่าของชายแก่ลงพุงแบกปืนลูกซองขนาดยาว แล้วเล็งขึ้นมาทางอามันด์อย่างรวดเร็ว...อามันด์รู้ดี เขามีทางเลือกแล้วและทางเลือกนั้นคือความตายเปรี้ยง...กร
หนังสือที่อรรวินทร์อ่านนั้นเป็นหนังสือที่เพิ่งซื้อมาใหม่หมาด ๆ จากร้านขายหนังสือเก่าที่เป็นหนังสือตำราวิทยาศาสตร์ของ‘ทฤษฎีบทเกี่ยวกับภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงในกรอบของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป’นักวิทยาศาสตร์คนโปรดของอรรวินทร์เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวยิวอย่าง ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ ที่ก้าวเข้ามาสู่แวดวงในวงการวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์มากความสามารถที่คว้ารางวัลโนเบลด้วยผลงานของเขาเอง แม้ว่าจะเกิดหลายข้อกังขาในทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนนี้ก็ตาม กระนั้นอรรวินทร์ก็รักเขาเสมือนว่าเขาคือไอดอลต้นแบบบุคคลในใจเธอแต่ไหนแต่ไร...ตั้งแต่เกิดมาอรรวินทร์ก็ชื่นชอบวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด เธอชื่นชอบมากเสียจนเลือกเรียนแผนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตอนมัธยมปลายทว่าเกรดเฉลี่ยผลคะแนนการเรียนของเธอกลับดิ่งลงเหวทั้ง ๆ ที่อรรวินทร์ตั้งใจเรียนอย่างมาก นั่นก็เพราะหญิงสาวไปสะดุดกับวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนเท่าไหร่เธอกลับไม่เคยเข้าใจในการแก้ปัญหาของวิชานี้ทุกทีอรรวินทร์ตัดสินใจทิ้งความฝันการเป็นนักวิทยาศาสตร์มาสอบคณะที่มารดาของเธอจัดสรรไว้ให้อย่างนิเทศศาสตร์ ซึ่งการเบนเข็มทิศในชีวิตครั้งนี้ได้ส่งผลให้เธอได้กลายเป็นนักเข
รถสปอร์ตคันหรูแล่นขึ้นไปบนเขาอย่างรวดเร็ว เส้นทางการไปยังเคหาสน์แห่งนี้ค่อนข้างคดเคี้ยวลดเลี้ยวพอสมควรอรรวินทร์หมุนพวงมาลัยรถให้เลี้ยวไปตามถนนอย่างใจร้อนด้วยข่าวที่เพิ่งได้รับมานั้นไม่อาจทำให้เธอใจเย็นลงได้เลย“ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ” อรรวินทร์กล่าวกับตนเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาหญิงสาวผินดวงหน้าหวานหันมามองดูอามันด์ที่เวลานี้หลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทราไปเสียแล้ว“เออ หลับไปก็ดี ปวดหัวเหมือนกัน” อรรวินทร์กล่าวกับตนเองอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวชายหนุ่มจะตื่นขึ้นมาคฤหาสน์หลังโตตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว เคหาสน์หลังนี้เป็นสมบัติของอรรวินทร์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นประตูรั้วสีขาวสะอาดตาที่มองเห็นได้ในระยะไกลเปิดออกกว้าง...รถสปอร์ตราคาแพงเหยียบล้านเคลื่อนเข้าไปในรั้วระแนงสีขาวกระจ่างตาที่อรรวินทร์บังคับให้พี่เจมส์ขัดรั้วเหล่านี้ทุกวันอรรวินทร์ขับรถเข้าไปจอดในโรงรถ มือเรียวบางเอื้อมบิดกุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว“นายตื่นได้แล้ว” หญิงสาวกล่าวเป็นภาษาอังกฤษกับอามันด์ชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มด้วยความอ่อนแรงมาตลอดทั้งวันหญิงสาวเอื้อมปลดเข็มคัดนิรภัยให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทตรงหน้าอย
“หัว” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ขณะที่ร่างสูงโปร่งเกาศีรษะเลียนแบบตามหญิงสาวอย่างงงงวย“หัวเหรอ...นายเข้าใจภาษาอังกฤษอย่างเดียวเหรอนี่” อรรวินทร์กล่าวกับตนเองอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ “อังกฤษ...อิงลิซ” อามันด์ทวนคำพูดของหญิงสาว ท้ายประโยคชายหนุ่มออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ อรรวินทร์เลิกคิ้วเข้มทั้งสองข้างของเธอขึ้น หญิงสาวรู้สึกปวดหัวในสภาพของชายหนุ่มตรงหน้า“นายเดินตามมาแล้วกัน” หญิงสาวเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดระคนรำคาญใจ รองเท้ากีฬาสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อรรวินทร์เดินไปข้างหน้า โดยมีอามันด์ ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘สามีของเธอ’ ตามมาติดๆรถสปอร์ตคันหรูอยู่เบื้องหน้าของอรรวินทร์และอามันด์ มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้กับชายหนุ่ม“เข้าไป” อรรวินทร์เอ่ยเสียงดุดันทว่าเป็นสำเนียงภาษาอังกฤษอามันด์ก้าวเข้าไปนั่งในรถด้วยสีหน้าและแววตาตื่นเต้นโดยที่หญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็น แววตาของชายหนุ่มพราวระยับ มันเปล่งประกายมือเรียวบางปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูของตนเองลงอย่างเบามือ อรรวินทร์เดินอ้อมไปอีกด้านฝั่งคนขับแล้วเปิดประตูออกพลางสอดตัวเข้ามาในรถแล้วปิดประตูลง“คาดเข็
“พี่ขนุนคะ...ตอนนี้อรยุ่งอยู่ค่ะ คงจะถึงบ้านเย็นๆ เดี๋ยวอรฝากพี่ขนุนหาเจ้าเลอนัวร์ให้ทั่วบ้านก่อนนะคะ ห้ามหายนะคะพี่ขนุน เลอนัวร์มีตัวเดียวนะคะ แถมสมบัติของคุณย่าเชียวนะคะ” ท้ายประโยคอรรวินทร์กล่าวเสียงเข้มแล้วปิดโทรศัพท์ลงอย่างกระวนกระวายใจมือเรียวของหญิงสาวกำเข้าหากันแน่น อรรวินทร์รู้สึกราวกับว่าเวลานี้เธอเป็นลูกโป่งพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ“คุมตัวเองเอาไว้อร” หญิงสาวกล่าวกับตนเองด้วยสีหน้าถมึงทึงอย่างหาที่สุดไม่ได้ในตอนนี้ขมับทั้งสองข้างของตึงไปหมด คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดมุ่นเข้าหากันละม้ายคล้ายเชือกปมใหญ่ที่มัดติดกันจนแน่นหนา หญิงสาวอดรู้สึกถึงความตึงเครียดไม่ได้ เมื่อเวลานี้ทุกเรื่องได้ถาโถมเข้ามาหาเธอ“คุณอรรวินทร์คะ” เสียงหนึ่งเอ่ยดังขึ้นปลุกหญิงสาวออกมาจากภวังค์ที่หญิงสาวได้เผลอจมดิ่งไปชั่วครู่“คะ” หญิงสาววัยยี่สิบสองปีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง จนพยายาลที่มาอดกลัวใจไม่ได้ ในเรื่องที่ต้องแจ้งกับหญิงสาว“คุณหมอมีเรื่องจะปรึกษากับคุณค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงล่ะล่ำละลัก..ยามเมื่อเวลานี้หญิงสาวตรงหน้ามีสีหน้าถมึงทึงอย่างที่ไม่มีสตรีใดในโลกนี้จะมีใบหน้าเหมือนเธออีกแล้วภ
ไฟบนเพดานสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว ยามเมื่อมือเรียวกดเอื้อมเปิดไฟในโรงพยาบาลแห่งนี้“จำได้ไหมว่า...คุณชื่ออะไร” เสียงหวานใสเอ่ยออกมาจากเรียวปากอวบอิ่มรูปกระจับ ดวงตาคู่สีดำสนิทของหญิงสาวทอดมองชายหนุ่มด้วยสายตาจับสังเกต“ชือ” สำเนียงแปร่งเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากงามของชายหนุ่มปริศนาที่อรรวินทร์เพิ่งช่วยเหลือมาเมื่อเที่ยงคืนแล้วรีบพาบุรุษผู้นี้มาส่งที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว“ฉันหมายถึงว่า...คุณชื่ออะไร” หญิงสาวผมสั้นเอ่ยย้ำอีกครั้งอย่างเหลืออดทว่าคราวนี้หญิงสาวพยายามอย่างใจเย็นที่จะถามเขาด้วยน้ำเสียงชัดเจนชัดถ้อยชัดคำกว่าเดิม“ผมมีนามว่า อามันด์” ชายหนุ่มปริศนาที่โผล่มาบ้านของอรรวินทร์ตอบหญิงสาวด้วยสุ้มเสียงสำเนียงแปร่งแตกต่างจากสำเนียงคนในประเทศของหญิงสาว“นาม” อรรวินทร์ทวนคำอย่างประหลาดใจ แม้เธอจะเคยอ่านหนังสือเทพนิยายกรีกโรมันมาบ้างแต่การที่หญิงสาวได้เจอบุรุษหนุ่มในศตวรรษที่ 21 เรียกขานคำว่านามแทนที่จะเรียกเป็นคำว่าชื่อของตนเองนั้น อดทำให้หญิงสาวผมสั้นอย่าง ‘อรรวินทร์’ อดรู้สึกขันในใจขึ้นมาไม่ได้“ผมมีนามว่า อามันด์” ชายหนุ่มปริศนาเอ่ยกับหญิงสาวอีกครั้ง อรรวินทร์พยักหน้ารับรู้แล้วเอ่ยบอก
อรรวินทร์เงื้อไม้กวาดขึ้นทำมุมสี่สิบห้าองศาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงร้องโหวกเหวกดังขึ้นมาจากหลังเคหาสน์ของเธอหญิงสาวตัดสินใจปล่อยหนูท่อขนดำไป ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดจึงสาวเท้าผ่านห้องโถงนั้นไปยังหลังเคหาสน์บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบสงัด ท้องคคนานต์ในยามนี้ถูกความมืดมิดปกคุลมไปทั่ว รองเท้ากีฬาคู่โปรดของอรรวินทร์สาวเท้าไปยังต้นเสียงพร้อมกับไม้กวาดด้ามยาวที่ถือติดมือมาด้วยหญิงสาวเดินผ่านไม้สุมพุ่มหญ้าขนาดใหญ่ ลัดเลาะไปตามทางที่แสงจันทราสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณรัศมีจันทราสาดอาบไล้ไปยังต้นไม้แห่งหนึ่งทว่าภาพที่อยู่เบื้องหน้าของหญิงสาวทำให้อรรวินทร์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา บุรุษหนุ่มรูปงามคนหนึ่งสวมแจ็กเกตสีน้ำเงินคล้ายผ้าเดนิม ทว่าหากคะเนด้วยสายตาอันเฉียบคมของหญิงสาว อรรวินทร์คิดว่ามันหนามากกว่า ผ้าเดนิมที่เราเห็นกันในศตวรรษที่ 21 เสียอีกอรรวินทร์รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังบริเวณพุ่มไม้ที่ชายวัยกลางคนนอนสลบอยู่ในอาณาบริเวณนั้น ภาพที่ปรากฎชัดเจนแก่สายตาของติวเตอร์สาวเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง ชายหนุ่มตรงหน้าของอรรวินทร์จัดได้ว่าเข้าขั้นหล่อแบบผู้ดีชาวฝรั่งเศสเลยทีเดียวเขามีผิวขาวนว
หนังสือที่อรรวินทร์อ่านนั้นเป็นหนังสือที่เพิ่งซื้อมาใหม่หมาด ๆ จากร้านขายหนังสือเก่าที่เป็นหนังสือตำราวิทยาศาสตร์ของ‘ทฤษฎีบทเกี่ยวกับภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงในกรอบของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป’นักวิทยาศาสตร์คนโปรดของอรรวินทร์เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวยิวอย่าง ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ ที่ก้าวเข้ามาสู่แวดวงในวงการวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์มากความสามารถที่คว้ารางวัลโนเบลด้วยผลงานของเขาเอง แม้ว่าจะเกิดหลายข้อกังขาในทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนนี้ก็ตาม กระนั้นอรรวินทร์ก็รักเขาเสมือนว่าเขาคือไอดอลต้นแบบบุคคลในใจเธอแต่ไหนแต่ไร...ตั้งแต่เกิดมาอรรวินทร์ก็ชื่นชอบวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด เธอชื่นชอบมากเสียจนเลือกเรียนแผนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตอนมัธยมปลายทว่าเกรดเฉลี่ยผลคะแนนการเรียนของเธอกลับดิ่งลงเหวทั้ง ๆ ที่อรรวินทร์ตั้งใจเรียนอย่างมาก นั่นก็เพราะหญิงสาวไปสะดุดกับวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนเท่าไหร่เธอกลับไม่เคยเข้าใจในการแก้ปัญหาของวิชานี้ทุกทีอรรวินทร์ตัดสินใจทิ้งความฝันการเป็นนักวิทยาศาสตร์มาสอบคณะที่มารดาของเธอจัดสรรไว้ให้อย่างนิเทศศาสตร์ ซึ่งการเบนเข็มทิศในชีวิตครั้งนี้ได้ส่งผลให้เธอได้กลายเป็นนักเข
แคว้นโอดฟร็องส์เบื้องหน้าของชายหนุ่มในเวลานี้คืออาสนวิหารนัวยงสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าที่สุดในสายตาของชนชั้นแรงงานอย่างพวกเขาอามันด์นึกชื่นชมนักออกแบบอาสนวิหารนัวยงในกรุงปารีสแห่งนี้ ทว่าความงดงามของอาสนวิหารนัวยงนี้ไม่อาจทำให้ในใจของชายหนุ่มสงบลงได้เลยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถือเป็นวันที่ชนชั้นแรงงานในกรุงปารีสเดินขบวนกันทั้งเมือง ทว่ากลับเกิดการนองเลือดขึ้น สร้างความโศกเศร้าในใจให้กับอามันด์เป็นอย่างยิ่ง “จับไอ้หัวขโมยนั่นให้ได้” เสียงตะโกนดังไล่มาจากด้านหลังของชายหนุ่มอย่างอามันด์เวลานี้อามันด์รู้ได้แต่เพียงว่าเขาต้องหนีไปจากปารีสให้ได้ หนทางรอดมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะพาเขาออกไปจากนรกเหล่านี้ได้ มันคือ...มัจจุราช!เท้าสองข้างของชายหนุ่มเหยียบย่างไปบนอาสนวิหารนัวยงไม่นานนักเขาก็ปีนขึ้นมาสูงจนมองเห็น ‘นายจ้าง’ คนนั้นชายแก่ลงพุงสวมชุดผู้ดีตามแบบที่เห็นกันเกร่อในลอนดอนที่ตัดเย็บอย่างประณีตจากห้องเสื้อบูติคที่ชนชั้นสูงมักสวมใส่กัน ...บนบ่าของชายแก่ลงพุงแบกปืนลูกซองขนาดยาว แล้วเล็งขึ้นมาทางอามันด์อย่างรวดเร็ว...อามันด์รู้ดี เขามีทางเลือกแล้วและทางเลือกนั้นคือความตายเปรี้ยง...กร