ตอนที่ 10
หลังจากนั้นเขาก็พาเธอไปหาที่พัก เขาพาเธอไปดูหลายที่เธอไม่ไม่ใช่คนเรื่องมากเธอสามารถพักที่ไหนก็ได้ แต่เขาบอกกับเธอเสมอว่าความปลอดภัยจะละเลยไม่ได้ เธอเลยจำใจตามเขาไปดูที่พักต่าง ๆ จนมาหยุดที่ตึกสีขาวสะอาดตาสูง 5 ชั้น อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า ในซอยที่เงียบสงบ
“ที่จริงฉันอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ ก็ได้นะคะ” เธอกระซิบข้างหูร่างสูง เมื่อเดินตามเจ้าของอพาร์ตเมนต์เข้ามาดูห้องด้านใน
“ฉันบอกแล้วไง เธออยู่คนเดียวก็ต้องหาที่พักที่ปลอดภัย” ก็จริงตามที่เขาว่า ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน แต่ว่าอยู่ห้องแบบนี้มันไม่เกินกำลังของเธอไปหน่อยหรือ ลำพังรายได้ที่เธอได้รับก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ที่ผ่านมาเธอมีบ้านให้อยู่อาศัย พอต้องออกมาใช้ชีวิตคนเดียว ไม่อยากจะคิดถึงค่าใช้จ่ายที่จะบานปลายตามมาเลย ไหนจะค่ามัดจำห้องที่ต้องจ่ายล่วงหน้าอีก
“ห้องเป็นอย่างไงบ้างคะ ชอบไหม” เจ้าของถาม
“ก็โอเคดีนะ” ห้องโล่งกว้างมีพื้นที่กำลังดี มีระบบรักษาความปลอดภัย เฟอร์นิเจอร์ครบ
“ผมตกลงเอาห้องนี้ครับ”
“คุณคณิณคะ...” เธอท้วง
“ฉันจัดการเอง” เขาหันไปพูดกับเธอ
“สะดวกเขาพักวันไหนคะ”
“วันนี้”
“งั้นเดี๋ยวเราลงไปเซ็นสัญญาด้านล่างกันค่ะ” เจ้าของที่พักผายมือเดินนำลงไปเคาน์เตอร์ด้านล่าง
และก็เป็นตามที่ร่างสูงพูด เขาจัดการเรื่องค่ามัดจำ ค่าประกันห้อง และค่าใช้จ่ายอื่นตามที่เขาบอกกับเธอไว้จริง ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนใจดีกับเธอได้ขนาดนี้ เธอตัดสินใจว่าจะจ่ายเงินคืนให้คณิณ แต่ไม่รู้ว่ากี่ปีถึงจะคืนเงินให้เขาหมด
“ฉันจะพยายามทำงานหาเงินมาคืนคุณนะคะ” คณิณล้วงกระเป๋าคราง หึ ในลำคอ แล้วค่อย ๆ เดินออกไป เมื่อเธอเห็นเขากำลังจะเดินจากไป เธอรีบเดินเข้าไปขอกระดาษโน้ตและปากกาจากเคาน์เตอร์หอพัก แล้วบรรจงเขียนเบอร์โทรศัพท์และชื่อของเธอกำกับไว้ แล้วรีบวิ่งตามคุณคณิณ
“คุณคณิณคะ” ฝีเท้าชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกตามหลัง เขาหันกลับไปมองก็เห็นว่าแบบฝันกำลังวิ่งมาทางตน เธอยื่นแผ่นกระดาษให้เขา เขารับแล้วอ่านกระดาษในมือ
“นี่เป็นเบอร์โทรของฉัน ถ้าคุณคณิณมีอะไรให้ฉันช่วย โทรมาได้เลยนะคะ แล้วก็เป็นการรับประกันว่าฉันจะไม่หนีจ่ายเงินคืนคุณด้วยค่ะ” เธอคลี่ยิ้มบางส่งให้ เขาทำเพียงตอบรับในลำคอ
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอโบกมือยิ้มแล้วเดินกลับที่พัก ตาคมมองแผ่นหลังบางค่อย ๆ จางหายไป
ร่างบอบบางพาตัวเองเข้ามาภายในห้อง ที่ได้กลายเป็นที่พักอาศัยใหม่ของเธอ เธอเข้ามาสำรวจห้องว่าขาดเหลืออะไรที่ต้องซื้อ เธอไม่มีเสื้อผ้าติดตัวมาซักชุด ของข้าวเครื่องใช้ส่วนตัวก็ไม่มี ยังดีที่มีเอกสารสำคัญติดตัวไว้อยู่บ้าง เธอถอนหายใจผ่อนคลายความกังวลในหลายเรื่อง ไม่รู้ว่าแม่เธอจะเลิกติดต่อเธอจริงอย่างที่คุณคณิณยื่นคำขาดไว้หรือเปล่า
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดึงเธอออกจากห้วงความคิด เธอเดินไปส่องตาแมวก็พบว่าเป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์กำลังยื่นอยู่หน้าห้อง มือเรียวเปิดประตูรับ
“นี่เป็นเสื้อผ้า กับของใช้ส่วนตัวค่ะ” ว่าพลางยื่นถุงมากมายส่งให้เธอ เธอตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“คุณคณิณบอกว่าถ้าขาดเหลืออะไรบอกฉันได้ตลอดเลยนะคะ” แล้วยื่นนามบัตรที่มีเบอร์โทรของเจ้าของอพาร์ตเมนต์ให้
“คุณคณิณบอกไว้เหรอคะ” ก้อนสะอึกเริ่มตีขึ้นลำคอ
“ใช่ค่ะ เขาฝากให้ฉันช่วยดูแลคุณด้วย” หญิงวัยกลางคนยิ้ม
เสียงปิดประตูดังขึ้น หลังจากรับของเข้ามาในห้อง ความรู้สึกท่วมท้นก่อตัวภายในจิตใจ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมเขาถึงดีกับเธอได้เหลือเกิน ใช่ว่าเธอจะเป็นคนโลกสวยมองคนในแง่ดี แต่การกระทำของเขามันสื่อออกมาเป็นแบบนี้จริง ๆ กลับกันมารดาในสายเลือดไม่เคยเหลียวแลเธอแม้ได้น้อย แต่ทำไมเขาคนนี้ถึงทำดีกับเธอมากมาย
“แล้วฉันจะตอบแทนคุณอย่างไงหมด” ตัวของเธอไหลพิงประตูอย่างคนหมดแรง ใบหน้าหวานซุกลงบนแขน แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นเพื่อน
ตอนที่ 11คฤหาสน์ใหญ่โตตั้งตระหง่านบนพื้นกว้างขวาง โอบล้อมด้วยสวนหย่อมที่ถูกจัดแต่งด้วยความประณีต วันนี้คุณหญิงมณีคุณแม่ของคณิณชวนเขามารับประทานอาหารที่บ้าน เนื่องจากบ่นว่าลูกชายไม่ได้มาร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยกันนานแล้ว“น้องรินลดา เป็นอย่างไงบ้างลูก” เธอเอ่ยถาม“ก็ดีครับ” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนักตักอาหารรับประทาน“แต่หนูรินโทรมาร้องไห้กับแม่ บอกว่าลูกบอกเลิกน้อง” คุณหญิงจ้องมองลูกชายไม่วางตา เขาวางช้อนส้อมลงแล้วถอนหายใจเล็กน้อย คิ้วหนาขมวดเป็นปม จะบอกว่าขอเลิกได้อย่างไร ในเมื่อไม่เคยคบกัน“ผมไม่ชอบครับ”“โถลูก แล้วคนแบบไหนที่ลูกจะชอบล่ะ” คนเป็นแม่ทำหน้าเหนื่อยกับการหาผู้หญิงมาให้ลูกชายดูตัว ซึ่งเธอพยายามหาในหลายแบบให้ลูกชายเลือก แต่ก็ไม่ถูกใจคณิณสักคน เพื่อนของเธอได้อุ้มหลานกันเกือบหมดแล้ว แต่เธอยังไม่มีแม้แต่ลูกสะใภ้ ไม่รู้ลูกมาตรฐานผู้หญิงที่ลูกชายเธอชอบเป็นแบบไหนกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าเธอก็อายุเริ่มมากขึ้นทุกปี เธออยากมีเรี่ยวแรงช่วยเลี้ยงดูหลาน ไม่อยากแก่หง่อมถึงชนิดที่ว่าอุ้มหลานไม่ไหวหรอกนะ“ผมยังไม่เจอ” เธอถอนหายใจหมดคำจะพูด นึกถึงแม่หนูคนรักเก่าของลูกชาย ขนาดหาคนหน้าคล้ายก็แล้ว ยังไ
ตอนที่ 12“ช่วยแกล้งเป็นแฟนฉันหน่อยได้ไหม” ตากลมเบิกขึ้นด้วยความตกใจ“อะไรนะคะ?” เธอถามอีกครั้ง เมื่อกี้เธออาจจะหูฝาด หรือไม่ก็เริ่มง่วงนอนจนรับสารผิดก็เป็นได้“ฉันอยากให้เธอแกล้งเป็นคนรักของฉัน” สีหน้าแววตาจริงจังของใบหน้าหล่อถูกส่งออกมา เธอคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะเมาจนพูดไม่รู้แน่เลย“คุณคณิณเมาอยู่สินะคะ” เธอหัวเราะกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่อง“ฉันพูดจริง เธอเคยบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้ามีอะไรให้เธอช่วย เธอก็พร้อมจะช่วย”“ใช่ค่ะ ฉันเคยพูดไว้ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องช่วยแกล้งเป็นแฟนคุณด้วย” คณิณตั้งสติรวบรวมคำพูด“แค่ช่วยแกล้งตบตาแม่ของฉัน ให้ท่านสบายใจแค่นั้น” ยิ่งคำพูดแบบนี้ยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม รูปร่าง หน้าตา ฐานะดี ขนาดนี้ทำไมไม่ไปหาคนที่คู่ควรกว่าเธอ“เธอไม่อยากช่วยฉันสินะ” เสียงเข้มเอ่ยเสียงอ่อย“เปล่านะคะ! ฉันแค่สงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นฉันด้วย ในเมื่อคุณเอง น่าจะหาคนที่คู่ควรกับคุณได้มากกว่าฉัน”“ถ้าเธอไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ขอโทษที่มารบกวน” เขาว่าแล้วลุกขึ้นยืน เตรียมออกจากห้อง“เดี๋ยวก่อนค่ะ” เธอรั้ง “ถ้าคุณคณิณไม่รังเกียจ ฉันจะแกล้งเป็นคนรักของคุณให้ค่ะ”เขายกยิ้มขึ้นม
ตอนที่ 13เมื่อแต่งหน้าและทำผมเสร็จ เธอหันไปทางด้านหลังก็ไม่พบคนที่เคยนั่งรอ ดวงตากลมสายแววหม่นหมอง เธอทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าคุณคณิณไปไหน เขาไม่ได้บอกเธออะไรเธอสักคำ ความรู้สึกถูกทอดทิ้งฉายชัดผ่านสีหน้าและท่าทาง“นั่งรอในร้านก่อนก็ได้นะคะ” พนักงานบอก เธอพยักหน้ายิ้มรับแล้วนั่งรอคุณคณิณเมื่อเห็นร่างของคนคุ้นเคยกำลังเดินตรงมา เธอก็ดีดตัวขึ้นยืนด้วยความดีใจ แล้วเดินเข้าไปหาเข้า“ฉันแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วค่ะ” เธอยิ้มร่าดีใจ ที่เธอไม่ได้ถูกทิ้งไว้ที่ร้านตาคมมองหญิงสาวที่ก่อนหน้ารวบผมต่ำไม่เป็นทรง แต่ตอนนี้ผมของเธอถูกปล่อยแล้วดัดลอนอ่อนสวยงาม ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยโทนสีชมพูหวานเรียบร้อย แก้มสีชมพูอ่อน ริมฝีปากสีชมพูสุภาพวาววับ องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้เธอดูดีขึ้นมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง“ไปกันเถอะ” เขาว่าแล้วเดินนำไปยังลานจอดรถ เหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ถือว่ายังทำเวลาได้ดี“มีอะไรติดหน้าฉันหรือเปล่าคะ” แบบฝันถามเมื่อเห็นอีกคนจับจ้องมองเธออยู่นานไม่ยอมขับรถออกไปเสียที“ลองใส่อันนี้ดู” เขายื่นถุงกระดาษแบรนด์หรูให้เธอ เธอรับอย่างงุนงง เมื่อเปิดถุงดูก็พบกล่องกำมะหยี่
ตอนที่ 14เมื่อมื้ออาหารผ่านไป คณิณรู้สึกโล่งอก อย่างน้อยสถานการณ์ก็ผ่านไปด้วยดี แบบฝันรับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก อย่างน้อยก็พอยื้อเวลาเรื่องหาคู่ดูตัวได้ระยะหนึ่ง“แม่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” หลังจบมื้ออาหารผู้เป็นแม่เรียกเขาเข้ามาคุยที่ห้องโถง หลังเห็นแบบฝันเข้าไปช่วยแม่บ้านเก็บจานบนโต๊ะอาหาร“ว่าไงครับแม่” “หนูแบบฝันน่ารักดีนะ แม่ชอบ” เขาอึ้งกับคำพูดของผู้เป็นแม่เล็กน้อย“แม่อยากให้ควินท์แต่งงานกับหนูแบบฝัน” ตาคมเบิกกว้างมองผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจ ว่าแม่ชอบเธอจริงหรือว่าประชดเพียงเพราะเงเจอกันครั้งแรก“แต่เธอยังเรียนไม่จบเลยนะครับ” เขารีบแย้ง“หนูแบบฝันไม่ใช่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเสียหน่อย อีกอย่างไม่ได้มีกฎหมายห้ามแต่งงานในวัยมหาวิทยาลัยด้วย” “แต่ผมว่ามันจะดูไม่ดีนะครับ” เพราะวัตถุประสงค์ในการพาเธอมาที่บ้าน ก็เพื่อยืดเวลาที่แม่เคยพูดคำขาดว่าให้พาแฟนมาหาให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อที่เขาจะได้พอมีเวลาในการหาคนที่เขารักแล้วพร้อมแต่งงานด้วย ไม่ใช่เพื่อหวังให้เธอมาแกล้งแต่งงานหลอก ๆ“สมัยนี้ใคร ๆ ก็แต่งงานกันตั้งแต่อายุน้อยกันทั้งนั้น ดีเสียอีกขืนปล่อยไป น้องเขาไป
ตอนที่ 15“ถ้าฉันให้เธอแกล้งมาเป็นภรรยาของฉัน เธอพร้อมจะช่วยฉันไหม” เธอนิ่งหลังได้ฟังเขาพูดจบประโยค“หมายถึงอย่างไงนะคะ”“ช่วยแกล้งแต่งงานกับฉันที” เสียงเรียบเอ่ยประโยคเชิงข้อร้องตอนแรกเขาให้เธอช่วยแค่แกล้งเป็นคนรักแค่วันนี้วันเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงบานปลายกลายเป็นขอให้ช่วยแต่งงานกับเขาไปได้ล่ะ“เธอไม่อยากช่วยสินะ” เมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งเงียบไป เขาเลยพูดขึ้น“ไม่ใช่นะคะ ฉันแค่คิดว่าถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยมันจะแย่เอา” มีหลายสิ่งที่เธอกังวล ฐานะ หน้าที่การงานที่แตกต่างกัน บทบาทของเธอที่เป็นคนถูกช่วยเหลือ ส่วนเขาเป็นผู้มีพระคุณ ไหนจะเรื่องที่เขาโกหกเรื่องครอบครัวของเธออีก“อย่าห่วงเลย ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง” เสียงเข้มให้คำมั่น“เราจะแต่งงานกันแค่ในนาม เมื่อถึงเวลาเหมาะสมเราก็จะหย่ากัน”ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณคณิณทำให้เธอแล้ว การขอให้เธอช่วยเหลือเรื่องแต่งงานมันช่างดูน้อยนิด เพราะเขาเปรียบเสมือนพระเจ้าที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เธอ“เธอจะช่วยฉันได้ไหม” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง แบบฝันมองใบหน้าหล่อตรงหน้าด้วยอารมณ์หลากหลาย ริมฝีปากอิ่มขับเม้มเข้าหากันคล้ายใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนจะตอบออกไป“
ตอนที่ 16และแล้วก็มาถึงวันถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง ตอนนี้เหลือเวลาในการเตรียมงานอีกประมาณ 2 สัปดาห์ คณิณบอกเธอว่าแม่ของเขาจัดแจงบัตรเชิญคนร่วมงานเรียบร้อยแล้ว เธอนิ่งฟังร่างสูงพูดขนาดขับรถพาเธอไปสตูดิโอถ่ายรูป “เรื่องแม่ของเธอ ไม่ต้องไปใส่ใจคนแบบนั้นหรอก” ราวกับอ่านใจเธอได้ ถึงจะเป็นงานแต่งงานปลอม ๆ ก็เถอะ แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ ถ้าแม่ได้มาเห็นเธอใส่ชุดเจ้าสาวแสนสวยแบบนี้ แม่ของเธอจะร่วมแสดงความยินดีกับเธอมากน้อยแค่ไหน ถึงโอกาสที่จะเป็นจริงช่างน้อยนิด แต่เธอก็อยากหวังให้ใจตัวเองได้พอพองตัวบ้าง ว่าแม่ของเธอก็รักและเป็นห่วงเธอไม่แพ้ใคร“เธอกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีก็พอ” เขาพูดดึงเธอออกมาสู่ความจริง ความเป็นจริงที่ว่าชีวิตเธอช่างแสนเดียวดายสตูดิโอตกแต่งสไตล์มินิมอล เรียบง่าย ผนังโดยรอบทาสีขาวสะอาดตา มีการจัดแสงวอร์มไวท์ส่องทั่วห้อง ตรงกลางห้องเป็นฉากพื้นหลังสีพื้นที่สามารถเปลี่ยนได้หลากโทนสี เพื่อให้เข้ากับธีมในแต่ละเซต เสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันแขวนเรียงราย พร้อมอุปกรณ์เสริมการถ่ายรูปและดอกไม้จัดเตรียมไว้คณิณอยู่ในชุดสูทสีกรมท่าเข้มยืนรอว่าที่เจ้าสา
ตอนที่ 17โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง เป็นสถานที่ในการจัดงานแต่งงานที่คุณแม่ของคณิณเลือก ห้องบอลรูมกว้างจุคนได้หลายพันคน ตกแต่งอย่างพิถีพิถันและเต็มไปด้วยความโรแมนติก เพดานสูงประดับด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์คริสตัลส่องแสงประกายระยิบระยับ พื้นปูด้วยพรมหรูสัมผัสนุ่มโต๊ะจัดเลี้ยงทรงกลมถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ คลุมด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวครีมสะอาดตา ด้านบนมีแจกันดอกไม้สีสวยและเทียนไขในแก้วใสทรงสูงวางคู่กันด้านหน้ามีเวทีตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้สีโทนสีอ่อน และผ้าซาตินที่ห้อยระย้า สะท้อนแสงไฟแบบอ่อนโยน ตากลมมองพื้นหลังของเวทีมีชื่อของคุณคณิณและเธอซึ่งเป็นตัวอักษรสีทองวิจิตรสวยงามติดอยู่ด้วยดูตาวูบไหวถึงจะเป็นงานแต่งหลอก ๆ แต่พอเห็นชื่อตัวเองบนนั้นแล้ว หัวใจของเธอกลับอยู่ไม่สุข“อ้าวลูกมากันแล้วเหรอ” แม่คณิณที่วุ่นกับการตรวจดูความเรียบร้อยภายในงานรีบเดินเข้ามาหาทั้งคู่“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้คนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม“สวัสดีจ้ะ” แม่ของคณิณรับไหว้ ก่อนจะเบนตัวหลบให้ดูบรรยากาศภายในงาน “ชอบไหมจ๊ะหนูฝัน”“ชอบค่ะ สวยมากเลย” เธอระบายยิ้ม“แม่ได้ยินอย่างนั้นก็ชื่นใจ แล้วไปถ่ายรูปเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” คนเ
ตอนที่ 18ห้องโถงขนาดใหญ่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและชมพูอ่อน เสียงบรรเลงเพลงรักคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศอบอุ่น แม้ว่าฉากหน้าจะดูเหมือนงานแต่งที่สมบูรณ์แบบ แต่สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวบนเวที นี่เป็นเพียงการแสดงที่ต้องเล่นให้สมบทบาทเท่านั้นแบบฝันยืนอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวมุกเรียบหรู เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับสายตาของแขกในงานที่จับจ้องมา จนความกังวลในใจฉายผ่านแววตาคู่สวย แม้จะพยายามยิ้มให้ดูธรรมชาติ แต่หัวใจของเธอดันเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะราวกับจะทะลุออกจากอกคณิณในสูทสีกรมท่าเข้มยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นถึงความกดดันในแววตาของเขา แม้ว่าเขาจะดูสง่างามราวราวกับภาพวาดที่ไม่มีอยู่จริง แต่ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งกลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยผ่านงานเลี้ยงหรูหราแบบนี้มาก่อน แต่เป็นเพราะเขาต้องการให้ทุกอย่างในค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีใครจับพิรุธได้“อย่าลืมยิ้ม” คณิณกระซิบเบา ๆ ข้างหูเธอ พลางเหลือบมองแขกที่ส่งเสียงเชียร์อยู่ด้านล่าง “พวกเขากำลังจ้องมองเราอยู่”แบบฝันพยายามดึงตัวเองกลับมาจากความคิดฟุ้งซ่าน เธอยิ้มออกมา แม้จะดูเกร็งไปหน่อย แต่ก็เพียงพอ
ตอนที่ 52ตลอดทั้งวันคณิณไม่ได้กลับไปไหน เขาคอยช่วยยกของและจัดอาหารให้กับเด็กและทุกคน รวมถึงยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลาย ๆ อย่างด้วยท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากฟ้าใสกลายเป็นม่วงเข้ม เหล่าดาวระยิบระยับเรียงรายเหนือลานกิจกรรม เสียงหัวเราะและการพูดคุยค่อย ๆ เบาลง เมื่อเด็ก ๆ เริ่มทยอยกลับหลังเสร็จกิจกรรมตลอดวันแบบฝันเดินเข้าไปหาคณิณที่ยังนั่งอยู่ใต้แสงไฟสนามเล็ก ๆ เขากำลังคุยเล่นกับเด็ก ๆ ที่ยังไม่กลับบ้าน“น้ำค่ะ” เธอยื่นแก้วน้ำเปล่าส่งให้“ขอบคุณครับ” เขายิ้มดีใจที่เธอยังใส่ใจเขาอยู่“คุณกลับได้แล้วนะคะ มืดกว่านี้จะขับรถกลับลำบาก”“พี่ฝัน นี่ก็ค่ำแล้ว ให้คุณเขาพักกับพวกเราดีกว่าไหมคะ” น้อยหน่ารีบพูด“นั่นสิพี่ แถวนี้ขับรถยากจะตาย กลับตอนนี้มีแต่อันตราย” มาวินเสริมพลางมองหน้าขอความเห็นใจกับเธอแบบฝันมองบรรยากาศโดยรอบก็พบว่าตอนนี้ฟ้ามืด แล้วทางเข้าหมู่บ้านก็ทางโค้งค่อนข้างเยอะ ระยะทางหลายสิบกิโลเมตรกว่าจะเข้าสู่ถนนใหญ่ที่ไฟเริ่มเยอะ“แล้วจะให้เขาพักที่ไหน ห้องพักเต็มหมดแล้ว” เธอว่า“พักกับพี่ฝันไงคะ เดี๋ยวน้อยหน่าย้ายไปนอนกับเจนเอง มีนัดปาร์ตี้บอร์ดเกมกันน่ะค่ะ”“ถ้าเธอไม่สะดวก ฉันไปหาโรงแรม
ตอนที่ 51ณ ห้องประชุมขนาดกลางของคณะ โต๊ะยาวถูกดันต่อกันเป็นแนวยาวเต็มพื้นที่กลางห้อง รอบ ๆ มีแบบฝันและรุ่นน้องกำลังช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์สื่อการสอน และเกมที่จะใช้ในค่าย พวกเขาตกลงกันว่าจะไปจัดค่ายสอนภาษาอังกฤษให้เด็กนักเรียนด้อยโอกาส ทุกคนขะมักเขม้นกับงานในมือ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ“การ์ดคำศัพท์เราเตรียมกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” แบบฝันถามขณะเดินตรวจสอบความเรียบร้อย“ใช่ครับ วินกับเพื่อนช่วยกันเช็กดูเรียบร้อยแล้ว” เสียงมาวินดังขึ้นจากอีกฝั่ง เขาชูถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่บรรจุการ์ดคำศัพท์ไว้หลายชุด“ได้แยกคำศัพท์เป็นหมวดหมู่ไหม”“แยกแล้วครับ แถมใส่ซองกันน้ำ เผื่อเจอสภาพอากาศไม่ดีด้วย”“โอเค ดีมากเลย”นอกจากจะเตรียมพวกการ์ดคำศัพท์และรูปภาพประกอบแล้ว พวกเขายังช่วยกันเตรียมเกมภาษาอังกฤษอย่างบิงโกคำศัพท์ และเกมจับคู่กับภาพด้วย“เราไปออกค่ายตั้ง 2 วัน พี่ได้บอกแฟนหรือยังคะ” น้อยหน่ารุ่นน้องกระซิบถาม“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” เธอแก้มแดงแล้วทำเป็นเสียงเข้มใส่“คนจีบก็ได้ค่ะ” คนอายุน้อยกว่าทำหน้าล้อเลียน “แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นเขาตั้งหลายวันแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าเขาถอดใจไปแล้วนะ”“ก็เร
ตอนที่ 50คณิณยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ตำแหน่งเดิมที่เขามักจะมารอเธอ เขามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า พยายามหาจังหวะให้ตัวเองกล้าที่จะเดินเข้าไปหาแบบฝันที่เพิ่งเดินออกจากห้องเรียนพร้อมเพื่อน ๆเมื่อสายตาของเธอสบกับเขา ความแปลกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เธอพยายามรักษาสีหน้าสงบไว้ เธอบอกลาเพื่อนและเดินตรงมาหาเขา“มาที่นี่ทำไมคะ”คณิณยิ้มเล็กน้อย ยื่นถุงกระดาษที่ใส่กล่องเบนโตะไว้ในมือ“ฉันทำข้าวกล่องมาให้เธอ”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาฉงนปนประหลาดใจ“คุณทำเองเหรอคะ”“ใช่” คณิณตอบเสียงเบา พยายามปั้นยิ้มให้ดูมั่นใจ แต่แล้วแบบฝันก็สังเกตเห็นปลาสเตอร์สีเนื้อที่พันรอบนิ้วชี้ข้างซ้ายของเขา เธอเลิกคิ้วด้วยความกังวล“นิ้วคุณไปโดนอะไรมาคะ” เธอถามพลางเอื้อมมือมาจับมือเขาดูเบา ๆ เพื่อดูให้ชัด ๆแม้จะรู้สึกดีใจที่อีกคนเป็นห่วง แต่เขาก็รีบชักมือกลับอย่างเขิน ๆ“ไม่มีอะไรหรอก แค่อุบัติเหตุตอนทำอาหารนิดหน่อย”“อุบัติเหตุนิดหน่อย?” แบบฝันขมวดคิ้วจ้องมองเขาไม่วางตา“ฉันไม่ชินกับอุปกรณ์ในครัวน่ะ เลยมีผิดพลาดบ้าง” คณิณหัวเราะแห้ง ๆ พลางหลบสายตา “แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีเลือดตกลงไปในอาหารแน่นอน”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เธ
ตอนที่ 49หลังจากที่เขาไปหาเธอที่มหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีนกบ้างไม่นกบ้าง เพราะบางช่วงที่เขาไปเธอไม่มีเรียนในช่วงนั้น เขาจึงตัดสินใจแอบขอตารางเรียนของเธอจากรุ่นน้องกลุ่มเดียวกับเธอ เพราะถ้าต้องขอจากเธอโดยตรง เธอน่าจะไม่ให้แน่นอนวันนี้แบบฝันมีเรียนช่วงเช้า เขาเลยว่าจะทำข้าวกล่องไปฝากเธอช่วงพักกลางวัน เลยกะว่าจะแค่แวะเอาข้าวกล่องไปฝากแล้วรีบกลับ เพราะตอนบ่ายเขามีประชุม แม้จะได้เห็นหน้าเธอแค่ไม่กี่นาทีก็น่าจะพอเยียวยาหัวใจที่เหี่ยวเฉาของเขาได้คณิณยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ในห้องครัว เขาสวมผ้ากันชนเปื้อนสีเข้มที่เพิ่งแกะจากห่อ เพราะปกติเขาไม่เคยทำอาหารทานเอง เลยเพิ่งจะไปซื้อผ้ากันเปื้อนสด ๆ ร้อน ๆ มาไว้ที่คอนโด เขาเปิดตำราอาหารที่เพิ่งลงทุนเดินเข้าร้านหนังสือในรอบหลายปีวางบนเคาน์เตอร์ทำอาหาร พร้อมเปิดไอแพดดูคลิปประกอบ แต่ถึงจะมีตัวช่วยมากมายแต่เขาก็ยังดูเงอะงะในทุกขั้นตอน“เริ่มจากหุงข้าว... ง่าย ๆ” เขาพึมพำให้กำลังใจตัวเองเขาตวงข้าวญี่ปุ่นใส่หม้อหุงข้าวแล้วเดินไปล้างข้าว แต่เผลอเปิดน้ำแรงเกินไปจนข้าวกระเด็นออกจากหม้อไปกว่าครึ่ง“ให้มันได้อย่างนี้สิ” เขาพึมพำพลางกวาดข้าวที่หกกลับมาใส่ในหม้ออย่างทุ
ตอนที่ 48วันต่อมา คณิณกลับมายังมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาตัวเปล่า เขานำดอกไม้ช่อโตพร้อมจดหมายที่เขาเขียนความรู้สึกของตัวเองมาตลอดทั้งคืน ตรงมายังคณะที่แบบฝันเรียนเขานั่งรอเธอที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่นและเงียบสงบเช่นเคย ดวงตาคมเข้มจ้องไปยังอาคารเรียน รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของนักศึกษาทยอยออกจากคลาสเริ่มเบาบางลง เขาก็เห็นร่างเล็กของแบบฝันเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนคณิณรีบลุกขึ้นทันที ก้าวตรงไปหาเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรง เมื่อแบบฝันเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขา ดวงตาของเธอก็ฉายแววตกใจชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา“คุณมาทำอะไรที่นี่อีกคะ” เสียงของเธอเรียบเฉย ราวกับไม่อยากให้ใครบริเวณนี้สังเกตเห็นเหตุการณ์แปลก ๆ“ฉันมาหาเธอ มาง้อเธอไง” คณิณพูดตรงไปตรงมา เพราะจากประสบการณ์สอนให้เขาต้องกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง เขายื่นช่อดอกไม้ช่อโตให้เธอ แต่เธอกลับไม่ยื่นมือออกมารับ“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว” แบบฝันตอบ น้ำเสียงชัดเจนเช่นกันเมื่อคนตรงหน้าดูจะใจแข็งกับเขา เขาจึงหันไปสบตากับนักศึกษาสาวที่เดินออกมาพร้อมกับแบบฝัน ที่กำลังยืนมองดูพวกเขาจากด้
ตอนที่ 47แบบฝันพาคณิณมาหยุดที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ จุดที่ค่อนข้างเงียบสงบของมหาวิทยาลัย ใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลมพัดอ่อน ๆ เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาทางเขา“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ” น้ำเสียงของเธอนิ่งเรียบ แฝงไปด้วยความระมัดระวังคณิณยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอราวกับพยายามกลั่นกรองคำพูดที่อัดแน่นภายในใจ“แบบฝัน...” เขาเอ่ยชื่อเธอเบา ก่อนจะถอนหายใจยาว “ฉันแค่อยากขอโทษเธอ ขอโทษที่รู้ตัวช้า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันเพิ่งรู้ว่าใครคือคนที่ฉันรัก”แบบฝันชะงัก เธอกะพริบตา พยายามจับความหมายในคำพูดนั้น“คุณหมายความว่าอย่างไง” เธอถาม น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจคณิณก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่ข้างตัว ราวกับพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี “ฉันหมายความว่า... ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึกดีกับฉัน ที่จริงแล้วฉันก็รู้สึกดีกับเธอเหมือนกัน แต่ฉันมันขี้ขลาด ไม่กล้าพูดความรู้สึกของตัวเองให้เธอรู้ เพราะฉันยังลังเล สับสนกับความรู้สึกที่มีต่อแพรวา”แบบฝันนิ่งไป ใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย แต่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า“ฉันมันโง่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือคนที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วยใน
ตอนที่ 46เสียงเครื่องยนต์ดับลงเมื่อคณิณจอดรถหน้ารถอาหารที่แบบฝันเคยทำงาน ความทรงจำของเขาย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาเคยมาที่นี่เพื่อมารับเธอไปหาพ่อกับแม่ครั้งแรก รวมถึงพาเธอไปทำธุระเกี่ยวกับงานแต่ง เธอเคยยืนรอเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน รอยยิ้มที่ติดอยู่ในหัวใจของเขาจนเต็มประดาคณิณก้าวลงจากรถ ฝีเท้าหนักแน่นแต่เร่งรีบ ด้วยความหวังในใจที่อยากจะเจอเธอ ผลักดันให้เขาเปิดประตูร้านเข้าไปอย่างไม่ลังเลเสียงกระดิ่งเหนือประตูดังเบา ๆ เมื่อเขาเดินเข้ามา กลิ่นหอมของอาหารยังคงอบอวลเหมือนเดิม โต๊ะหลายโต๊ะมีลูกค้านั่งอยู่ แต่ไม่มีวี่แววพนักงานที่คุ้นเคย ดวงตาคมของคณิณกวาดมองไปรอบ ๆ ราวกับหวังว่าแบบฝันจะปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ใดที่หนึ่งเมื่อไม่พบเธอ คณิณสูดหายใจลึกแล้วตรงเข้าไปที่แคชเชียร์ซึ่งมีรุ่นพี่ของแบบฝันยืนอยู่ เธอคือเจ้าของร้านและหัวหน้างานของแบบฝัน“สวัสดีครับ”เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมองและจดจำเขาได้ในทันที “อ้าว คุณคณิณ สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”“ครับ พอดีผม... มาหาแบบฝัน เธอได้มาทำงานที่นี่ไหมครับ” คำถามนั้นออกจากปากของเขาอย่างรีบเร่ง ความหวังในใจยังคงมีเจ้าของร้านชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม
ตอนที่ 45หลังจากหย่ากับคุณคณิณ แบบฝันตัดสินใจกลับไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่เคยดรอปเรียนไว้ โดยใช้เงินที่เขาเคยให้เธอในตอนเป็นภรรยาจอมปลอม บวกกับเงินเก็บจากการทำงานมาจ่ายค่าเทอม เธอเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาแล้ว นอกจากนี้เธอก็ออกจากอพาร์ตเมนต์ที่เขาเคยเช่าให้เธอพักอาศัย เธอเปลี่ยนมาพักห้องพักใกล้มหาวิทยาลัยแทนเหตุการณ์การตัดสินใจสำคัญในวันนั้นกินเวลากว่าครึ่งปีแล้ว เธอไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย เพราะเธอรู้ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกลับไปคืนดีกับอดีตคนรักแสนสวยอย่างแพรวา และเธอเองก็ไม่มีธุระจำไปอะไรที่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว เธอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาคงไม่มีวันติดต่อเธอก็ตามหลังจบคลาสเรียนขณะแบบฝันกำลังจัดกระเป๋าเตรียมตัวกลับ ก็ได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกจากด้านหลัง“พี่แบบฝัน!”เธอหันไปตามเสียงและพบว่าเป็นมาวิน รุ่นน้องที่เรียนร่วมคลาสกับเธอ ยิ้มกว้างพลางวิ่งเข้ามาหา แม้จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เขาเรียกเธอเสียงดังกลางที่สาธารณะ แต่แบบฝันก็พยายามยิ้มตอบ“ว่าไง มาวิน” เธอถาม น้ำเสียงนุ่มนวลมาวินเป็นเด็กหนุ่มสดใสและร่าเริง เขาเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ในชั้นและม
ตอนที่ 44เสียงดนตรีจากบาร์ดังก้องอยู่ในอากาศเมื่อแพรวาผลักประตูเข้ามา ดวงตาของเธอกวาดมองหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นร่างสูงคุ้นตานั่งตรงมุมบาร์ในสุด เธอก็รีบเดินตรงไปหาทันทีโดยไม่สนใจสายตาจากใครอื่น“พี่ควินท์...” เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ทั้งจากความตื่นเต้นและความดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้งคณิณเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และความเหนื่อยล้าทำให้ดูอ่อนแรงกว่าปกติ วาริชและชินกรหันมามองเธอเช่นกัน แต่ไม่ได้พูดอะไร“แพรวา...” เขาเอ่ยชื่อเธอด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ“แพรรีบมาหาพี่หลังจากที่พี่ชินบอก...” แพรวานั่งลงข้างเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาประกายวูบไหว “แพรได้ยินว่าพี่ควินท์หย่ากับเธอแล้ว แพรเลยอยากจะคุยกับพี่”“คุยเรื่องอะไร?” คณิณเหลือบมองแก้วในมือ ก่อนจะวางมันลงช้า ๆแพรวาสูดลมหายใจลึก พยายามเก็บความตื่นเต้นในใจ “แพรแค่อยากจะบอกว่า... แพรยังรักพี่ควินท์อยู่และแพรก็เชื่อว่าความรู้สึกของพี่ที่เคยมีให้แพรมันยังไม่หายไปไหน แพรอยากให้เราลองกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหมคะ”คำพูดของเธอทำให้วาริชและชินกรหันมามองคณิณอย่างรอคอย แต่คณิณกลับนิ่งเงียบ ดวงตาจับจ้องไปยังโต๊ะตรงหน้าเหมือนกำลัง