รู้ตัวอีกครั้งหญิงสาวก็ไร้ทางหนีโดยถาวรมณีรัตน์หวาดกลัวจนน้ำตาไหล และเข้าใจถ่องแท้ การร้องไห้มิอาจมอบความปลอดภัยให้เธอเลยแม้แต่น้อย ทว่าน้ำตายังคงรินไหลอาบแก้ม ความสิ้นหวังปรากฏบนใบหน้าอันสะสวย หากแต่ความหวังที่แสนผิดแปลกกลับปรากฏอยู่บนแววตาที่ทอประกายอยู่บนใบหน้าที่ชวนพิศวงของเขาน่ากลัว...แปลกประหลาด แต่กลับมีเสน่ห์เย้ายวนวูบหนึ่งในท่าทีขัดเขิน...ร่างกายของมณีรัตน์รู้สึกร้อนวูบวาบตามไปด้วย เหมือนสะเก็ดไฟในอกกำลังถูกจุดติดขึ้นมาขณะที่มือแกร่งค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดแช่มช้า แสงสลัวฉายให้เห็นแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและเส้นขนดกดำที่ยาวตามแนวแผงอกและไล่ลงไปตามกล้ามหน้าท้อง แผ่นหลังใหญ่ ไหล่กว้างเหมือนกับคนที่ออกกำลังกายดูแลตัวเองเป็นอย่างดีหวาดกลัว หวาดหวั่น พรั่นพรึง...แต่มิอาจละสายตาเหตุใดกัน มณีรัตน์กลับรู้สึกวูบไหว อ่อนระทวยกับมวลกล้ามเนื้อที่เห็นตรงหน้า ทั้งที่มันมีแต่ความรู้สึกป่าเถื่อนแผ่กระจายออกมา แล้วชายผู้นั้นก็กระชากเสื้อของเธอออกอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยน กระดุมทุกเม็ดหลุดกระจาย เผยให้เห็นชั้นในเก็บอกของเธอ เขาปลดมันออกทันที ความเย็นปะทะผิวกายจนยอดถันหดเกร็
“ฉันไม่ได้เลี้ยงแกมาให้ต้องเกลือกกลั้วกับขยะพวกนี้...” เจ้าสัวกดเสียงต่ำ “แล้วดูแกสิ เนื้อตัวกระดำกระด่างหมดราคา ผมเฝ้ายุ่งเหยิง สารรูปดูจะไม่เป็นคนแล้ว...นี่แกลงไปเกลือกกลัวกับพวกนี้จนลืมไปแล้วหรือไง ว่าแกทิ้งเรื่องอะไรเอาไว้ให้ฉัน”มณีรัตน์ตัวสั่น แต่รวบรวมความกล้าเอาไว้อย่างถึงที่สุด “หนูทิ้งอดีตมาไง อดีตที่พ่อสร้างหนูขึ้นมาเหมือนหุ่นยนต์ของพ่อ อดีตที่หนูไม่เคยได้มีความคิดหรืออิสระของตัวเองเลย”“เพราะฉันต้องการหาสิ่งดี ๆ ให้แกไงล่ะ” เจ้าสัวยังคงตั้งมั่นใจความคิดของตน “กลับขึ้นไปบนฝั่งกับฉันไม่อย่างนั้นฉันจะซื้อเกาะนี้แล้วเผาให้ราบ แกรู้ใช่ไหม ว่าเงินที่ฉันมี ซื้อชีวิตไอ้คนชั้นต่ำบนเกาะนี้มาฆ่าเล่นได้ไม่ยากเลย พวกมันมีค่าน้อยกว่าเศษเล็บของฉันเสียอีก”สิงหราพยายามเอาตัวบังร่างเล็กของมณีรัตน์ไว้ เมื่อคนที่เดินตามมาข้างหลังเจ้าสัวนั้นมีปืนครบมือ แต่ทว่ามณีรัตน์กลับไม่ยอมอีกแล้ว ครั้งนี้เธอจะต่อต้านวิถีชีวิตของเธอ ขนบธรรมเน
เขาขยับใบหน้าเข้าหาเธอ...มณีรัตน์เอียงใบหน้า หลับตารับ ก่อนริมฝีปากของทั้งคู่จะจุมพิตกันท่ามกลางความไม่สมเหตุสมผล รสจูบที่เร่าร้อนเริ่มต้นขึ้น มือที่สอดใส่เข้ามาในตัวของเธอขยับกระตุ้นไม่หยุดหย่อน และในช่วงเวลาเดียวกัน มณีรัตน์ก็ปล่อยให้เรียวลิ้นของเขาซอกซอนเข้ามากวาดต้อนเอาความหวานหยดจากตัวเธอเข้าไปอย่างเต็มที่ โรมรันกันอย่างไม่หยุดหย่อนกระทั่งสัมผัสได้เลยว่าตัวของเธอนั้นแทบจะหลอมละลายไปหมดแล้วในเวลานี้นิ้วมือของเขาถูกหยาดน้ำผึ้งอาบเยิ้มจนเกิดเสียงแจ๊ะ ๆ ตอนที่เขากระแทกฝ่ามือเข้ามาในโพรงสวาทนั้น กระทั่งเขาหยุดทุกการกระทำแล้วล่าถอยชายหนุ่มจ้องมองเธอไม่วางตาระหว่างที่เริ่มยกมือขึ้นมาลิ้มรสน้ำหวานที่เธอเป็นคนปลดปล่อยออกมาด้วยการตวัดลิ้นที่แสนพลิ้วไหวสลับดูดดุนดื่มกินระหว่างซอกนิ้วทีละนิ้วจนทันทีที่มณีรัตน์ได้เห็นลีลาเร่าร้อนในการใช้ลิ้นของเขา ลมหายใจร้อนผ่าวก็ถูกปล่อยออกมาทันทีเฮือก!!!ขาอ้ากว้างขึ้นกว่าเดิมราวร้องขอโจรสลัดห
สองขาเกร็งสั่น ปลายนิ้วจิกเกร็งงองุ้ม ชายหนุ่มจึงเริ่มจับขาของเธอนั้นขึ้นพาดบ่า แม้เวลานี้เขาจะมองเห็นว่าผู้ถูกกระทำปลดปล่อยทั้งกายและใจส่งเสียงครางออกมาจนน้ำตารื้นไหล หากแต่ในหัวของโจรสลัดหนุ่มก็ไม่เคยมีความต้องการจะทะนุถนอมเธอ หรือว่าทำทุกอย่างให้อ่อนโยนลงไปเลยแม้แต่น้อยเสียงกระแทกดังขึ้นเรื่อย ๆ ถี่รัว สั่นเกร็ง...ร่างกายกำยำเริ่มเปียกปอนไปด้วยเหงื่อกาฬเม็ดโตที่ผุดขึ้นมา ใบหน้าเข้มขรึมเริ่มกัดฟัน เสียงลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เขายังคงจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าอันสะสวยของเธอพร้อมกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง เต้าถันเต่งตึงขยับไหวขึ้นลงตามแรงกระแทก และมือของเธอที่ยิ่งเสียวซ่านเท่าไหร่ก็ยิ่งกำแน่น“ซี้ดดด...อา โคตรเสียวเลยว่ะ ฮ่า ๆ” เสียงเข้มคำราม จับขาของเธอแยกกว้างแล้วกดที่หัวเข่าลง ทำให้เวลานี้เนื้อตัวของเธอแผ่ออก เผยให้เห็นส่วนที่ถูกกระทำค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำจากการกระทบกระแทกไม่หยุดยั้ง มือข้างหนึ่งเอื้อมไปสะกิดที่เม็ดเสียวส่วนยอดขณะที่สะโพกยังคงตอกย้ำอารมณ์ที่แสนบ้าคลั่งราวกลับคลื่นลมทะ
เสียงเกลียวคลื่นยามเช้าซัดเข้าฝั่งเรียกสติของมณีรัตน์ให้ลืมตาขึ้นมาจากภวังค์หลับใหล มันเอื่อยเฉื่อยแต่กลับรู้สึกสบายใจ เธอมองดูตัวเองในตอนนี้ มีผ้าห่มผืนใหญ่คุลมกายอยู่ ตอนไหนกัน เมื่อคืนเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ คงจะหหลับไปทั้งความรู้สึกแบบนั้น ความรู้สึกที่ในร่างกายของเธอถูกสอดสวมความหวามหวิวมากมายอัดแน่นเข้ามา และความรู้สึกประหลาดยามได้เห็นสายตานั้นของเขา“นายหัวจะฆ่าเธอไหมครับ” เสียงหนึ่งที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยถามขึ้น “เธอ” ที่ว่า หมายถึงมณีรัตน์หรือเปล่า ในสถานที่แห่งนี้มีคนที่จะถูกเอ่ยถึงด้วยสรรพนามว่าเธอกี่คนกันมณีรัตน์ลุกขึ้นนั่งอย่างเบาที่สุด เงี่ยหูฟังอย่างเงียบเชียบเพื่อแอบฟังคนพวกนั้นที่คุยกันอยู่ข้างนอก“ผมไม่ฆ่าเธอหรอก เธอเป็นลูกสาวผู้รากมากดี ฉันอาจจะเรียกค่าไถ่เธอเพื่อเอาเงินมาแบ่งปันทุกคนก็พอแล้ว หลังจากนั้นก็จะปล่อยเธอกลับไป”“เมื่อคืนเราก็ได้ของลักลอบขนส่งมาเยอะแล้วนะครับนายหัว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ เราไม่ใช่พวกโจรแบบนั้นนี่ นายหั
“ไปเถอะ...ฉันจะพาเธอไปส่งที่ฝั่ง แต่ไม่ได้เงินกลับไปหรอกนะ นั่นคงเป็นค่าไถ่ตัวเธอเอง ฉันแบ่งให้ลูกเรือทุกคนหมดแล้ว เธอจะไม่ได้เงินกลับไปแม้แต่บาทเดียว โทรหาพ่อให้มารับหลังจากที่ฉันออกจากฝั่งแล้วเท่านั้นล่ะ”มือของหญิงสาวกำแน่นบนหน้าตัก “ฉันโกหก...ฉันกลับไปไม่ได้หรอก”“หืม?”“ช่วยเอาฉัน...ไปปล่อยที่ไหนก็ได้ กลางทะเลก็ได้ ทิ้งฉันไว้ที่นั่นแล้วก็กลับมาซะ”“เธออยากตายขนาดนั้นเลยเหรอ”มณีรัตน์เงยหน้ามอง “ฉันหนีงานแต่งมา พ่อของฉันคงไม่อยากให้ฉันกลับไปหรอก ฉันทำให้งานแต่งพัง ทำพ่อเสียวหน้า ธุรกิจของพ่อเองก็พังไปหมด ให้ฉันกลับไปเหรอ ให้ฉันโดนฉลามกินดีกว่า”“นี่คิดว่าความตายมันง่ายนักเหรอ”“ก็ยังดีกว่ากลับไป...”“ถ้างั้นเธออยากจะลองมีชีวิตที่ทรมานดูก่อ
หลังจากที่คุยกันอยู่อีกไม่กี่ประโยค มณีรัตน์ก็ขอตัวออกไปเดินดูรอบ ๆ พบว่าแม้เกาะนี้จะใหญ่โต แต่พื้นที่ที่จะสามารถปลูกสิ่งก่อสร้างให้อาศัยอยู่นั้นมีเพียงส่วนนี้ที่เป็นเวิ้งเล็ก ๆ คว้านลึกจากชายหาด ที่เหลือเป็นภูเขาหิน มีแต่ป่าไม้ทั้งนั้น ทำให้ผู้คนโดยรอบที่เธอเห็นนี้อาจจะเป็นประชากรเกาะเกือบทั้งหมดแล้วมุมหนึ่ง เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกับลูกสาวตัวเล็ก ๆ กำลังเล่นกันอยู่ใต้เงามะพร้าว ทุกคนที่นี่ไม่หวั่นต่อแสงแดดที่แผดเผาผิวกายเลยสักนิดเดียว เธอคนนั้นเห็นมณีรัตน์มาแต่ไกลก็ยิ้มให้จนเห็นฟันขาวครบสามสิบสองซี่ ก่อนที่ลูกสาวตัวน้อยจะวิ่งเข้าหามณีรัตน์แขนเล็ก ๆ ของเด็กหญิงคว้าเข้าที่มือของเธอ ก่อนอีกข้างจะลูบไล้เธอแผ่วเบาราวกับกลัวมันบุบสลาย“พี่ผิวนุ่มจังเลย ขาวเหมือนหาดทราย” เด็กหญิงยิ้มกว้าง “หน้าตาก็สวย”“ปากหวานจังเลยนะจ๊ะ” แม้จะรู้สึกประหลาดใจก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเด็กหญิง“ไปหาจับปูลมกับหน
“นี่...พี่สาวได้ปูลมแล้วน้า” มณีรัตน์ตะโกนอย่างภาคภูมิใจ หลังจากที่เธอสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของปูลมตัวจิ๋วได้ทันและคว้ามันเอาไว้ได้ครั้งแรกหลังจากที่อยู่ที่นี่มาได้เดือนเศษ...ปูลมตัวแรก“พี่สาวเก่งมากเลย” เด็กน้อยปรบมือ ยื่นถังให้เธอใส่เจ้าปูลงไป แต่เมื่อชำเลืองมอง มณีรัตน์ก็ต้องเขิน เพราะว่าในนั้นมีปูอยู่นับร้อยตัว ฝีมือของเด็ก ๆ ลูกของบรรดาชาวประมงที่นี่เพียงสามคนหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มณีรัตน์ไม่กล้าบอกกับสิงหราว่าเธอนั้นลืมความรู้สึกที่อยากตายไปโดยสิ้นเชิง โทรศัพท์ของเธอจมหาย นิยายก็ไม่ได้เขียนเลยด้วยซ้ำ เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตะเกียงและเครื่องปั่นไฟก็มีจำกัดจำเขี่ย แต่เธอก็ชินเสียแล้วสิ ที่นี่เต็มไปด้วยความเรียบง่าย ธรรมชาติ และใช่ การมีความสุขโดยที่เธอไม่มีเงินติดตัวสักบาทเธอรู้สึกกับสิงหรามากขึ้น และไม่ได้มองคนที่นี่ว่าเป็นโจรชั่วอีกต่อไป ในเมื่อการปล้นเสบียงทั้งหมด มันเป็นสิ่งของที่นำเข้าแบบผิดกฎหมายทั้งนั้น เป็นการ
มือของสิงหราจับประสานกับเธอบีบกระชับแน่น เท้าที่มณีรัตน์ใช้รับน้ำหนักตัวเองทรงตัวได้ในจุดที่พอเหมาะแล้วเช่นกัน นั่นก็ทำให้เธอขยับยกร่างกายขึ้นไปแล้วขย่มลงมาอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงร่างกายของทั้งคู่กระทบกันอย่างต่อเนื่อง วินาทีนี้ เป็นช่วงเวลาที่สิงหราเสียอาการที่สุด จังหวะตกกระแทกที่กดลงมามิดลำกล้องทำให้เขาร่างกายกระตุกถี่อย่างไม่อาจจะหยุดยั้งแรงกระตุ้นตรงหน้าการถูกขึ้นนี่ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนมันก็วิเศษเหลือเกินเชียว“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า อ๊า อ๊า...พะ พี่สิงห์ เสียวจังเลย ซี้ดดด...อื๊อออ”“อา อา...เสียวมากเลยครับ ซี้ดดด แรง ๆ เลย โอยยย...พี่เสียวสุด ๆ เลยครับเมียจ๋า อือออ...”สิงหราบรรจงยกตัวขึ้นมาในลักษณะนั่ง คลายแรงลงปล่อยมือของเธอให้โอบลำคอของเขาเอาไว้แทน และโดยที่ไม่ให้ร่างกายซึ่งสวมสอดใส่กันอยู่นั้นหลุดพรากจากกัน เขาค่อย ๆ โน้มตัวเข้าหาเธอแล้วประคองแผ่นหลังเอาไว้จนในที่สุด สิงหราก็พาเธอลงนอนแผ่ตรงหน้าของเขาได้แล้วเวลานี้
เสื้อผ้าอาภารณ์ค่อย ๆ ถูกถอดออกไปทีละชิ้นอย่างเว้าวอน หญิงสาวอ่อยเหยื่อล่อลวงชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ปลายเตียงด้วยสายตาอันหยาดเยิ้ม จนไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ร่างกายสะโอดสะองที่เปลือยเปล่าก็ทำให้สิงหราฉีกยิ้มขึ้นมาด้วยความสุข จ้องดูส่วนสงวนของเธอที่อวบอิ่มนูนเด่นขึ้นมาไม่วางตา“สวยเหลือเกิน...”“มองหน้าสิคะ”“หน้าน่ะพี่มองทุกวันนี่นา”เขายิ้ม ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อผ้าตัวเองออกเช่นกัน ก่อนจะเดินเข้าไปดึงร่างเล็กเข้ามาแนบชิด หงายมือลูบสัมผัสเนินสวาทที่รับกับองศามือนั้น ร่างเล็กกระตุกสั่น สีหน้าสยิวซ่านปรากฏขึ้นมาเมื่อชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วหนึ่งค่อย ๆ รูดขึ้นไปตามร่องสวาท แหวกพลางสอดแทรกนิ้วเข้าไปทันที“อ๊ะ...อา...เอาเลยหรือคะ”“ไม่รอหรอก...ดูสิ แข็งไปหมดแล้ว”“ใจร้อนจริงพี่สิงห์”
“เธอมันขัดขวางสามีของฉันมากเกินไป”เสียงของหญิงสาวที่คุ้นหูแว่วขึ้นมา สิงหราปรือตาขึ้นพร้อมกับความงุนงง เมื่อมองโดยรอบแล้ว เวลานี้เขาอยู่ในห้องที่ไม่รู้จัก เตียงหรูหราที่ทิ้งกายและเปลือยเปล่า เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามาที่นี่ได้อย่างไร และอีกอย่าง หญิงคนนี้ก็ไม่ควรมาอยู่ในท่าทีเช่นนี้คุณราตรี ภรรยาของนายทหารยศใหญ่เธอยังสะสวยเพราะอายุยังน้อย หากแต่ท่าทีน่าเกรงขามและแววตาเชือดเฉือนของเธอนำมาซึ่งความเกรงอกเกรงใจจากนายทหารชั้นผู้น้อยทุกคน เธอสวมเพียงคาดผ้าขนหนูพันเอาไว้รอบอก แต่ในขณะนี้ร่างกายของสิงหรากลับหนักอึ้ง และสมองพร่าเบลอไปหมด แค่บังคับร่างกายให้ลุกขึ้นยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ...เธอปลดปมที่ผูกผ้าผืนนั้นอกจนเหลือเพียงแค่ร่างกายอันเปลือยเปล่า แม้ในสายตาของผู้ชายมากมาย รูปร่างของเธอช่างปลุกเร้าความกำหนัดได้เป็นอย่างดี ทว่าไม่ใช่กับสิงหรา เขาไม่อาจจะแตะต้องเธอ และไม่มีความคิดนั้นในหัวด้วยซ้ำ เธอคือหญิงผู้มีเจ้าของ เธอไม่อาจจะทำเช่นนี้กับเขาได้“คะ...ค
สิงหราพุ่งเข้าไปประคองร่างเล็กขึ้นแล้วตระกองกอดทันที ลูบไล้เนื้อนางอย่างหวงแหน“ไม่เป็นไรแล้วนะ” เขาปลอบโยน “เราพ้นแล้ว เราจะกลับไปบนเกาะกัน”“ค่ะพี่สิง...กลับกันเถอะ” ถึงน้ำเสียงจะถูกปั้นแต่งอย่างดี แต่สติของสาวเจ้าก็กระเจิงไปไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงอย่างนั้นมรสุมครั้งนี้ก็ผ่านไปด้วยดีด้วยประสบการณ์อันล้ำค่าของสิงหรา เธอหวาดกลัวจนหมดสติลงในอ้อมกอดของชายหนุ่มทันที**********สิงหราขับเรือเข้าเทียบท่าบนเกาะในช่วงเวลาที่แสงจันทร์อวดโฉม เห็นว่ามณีรัตน์ยังหลับอยู่บนฟูกจึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัวของเธอไว้ ไม่อยากปลุก ทว่าความผิดปกติก็ทำให้เขาสัมผัสได้ ความเงียบ และแสงสว่างที่หายไป ไม่มีเสียงเครื่องปั่นไฟทำงานไม่มีกระทั่ง...เทียนสักเล่มที่ถูกจุดไม่ได้การ!สิงหราวิ่งเลียบลัดเลาะเข้าไปในชายป่าทันที แฝงตัวเองกั
ก่อนพายุใหญ่คลื่นลมมักสงบเสมอ...มณีรัตน์สัมผัสอ้อมกอดจากชายอันเป็นที่รักอยู่ที่ส่วนด้านหน้าของเรือ ทอดยาวออกไปเป็นส่วนของผ้าสามสีที่ผูกบูชาแม่ย่านาง หากแม้นี่จะไม่ใช่เรือลำใหญ่เหมือนภาพยนตร์ระดับตำนาน แต่เธอก็มั่นใจเหลือเกินว่าความอบอุ่นจากนางเอกผู้นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเธอมากนักหรอกสิงหราเกยคางลงที่ไหล่ของเธอ เอนกายแผ่วเบาเข้าประชิด“วันนี้ร้องดังกว่าทุกวันนะ...พี่ทำดีใช่ไหม”“พี่ก็ทำดีมาตลอดนั่นแหละ” เธอยิ้ม “แต่วันนี้มีแค่เรากับทะเลไง นีก็เลยได้ทำทุก ๆ อย่างที่อยากจะทำ” เธอกอบกุมมือของสิงหราเอาไว้ รู้สึกดีเหลือล้นที่ได้รับอ้อมกอดอุ่นที่เธอเคยโหยหา ย้อนกลับไปวันแรกที่ถูกกระชากจนตัวปลิว วันนี้ชายหนุ่มผู้ล่ำกำยำคนนี้อ่อนโยนกับเธอเหลือเกินเว้นเพียงแต่ช่วงเวลาที่เขาต้องกระแทกก็เท่านั้นเรือค่อย ๆ โยกเบา ๆ ตามพื้นน้ำที่ไหวเป็นระลอก ทิศตะวันตกตะวันเริ่มยอแสงแล้ว
ภายในกายเล็กเพรียวพลิ้วของมณีรัตน์ตอดรัดแก่นกายของเขาเป็นอย่างดี แม้จะอบอุ่นและลื่นไหล แต่กลับยิ่งสร้างความซาบซ่านให้ผู้สอดใส่ได้อย่างมหาศาล สองมือของสิงหราจับที่แข้งของเธอแล้วกดให้ขาที่พาดบ่านั้นแนบกาย เริ่มโยกสะโพกขยับไหวอย่างถี่รัวและหนักหน่วงทันทีจนได้ยินเสียงเพียงสัมผัสอันอยาบโลนของร่างกายที่กำลังเดือดพล่านด้วยไฟแห่งราคะต่อเนื่อง ยิ่งสัมผัสเร็วรี่เท่าไหร่ ดูเหมือนความปรารถนาอันร้อนฉ่าจะยิ่งโหมกระพือ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า...พะ พี่สิงห์คะ พี่สิงห์ อื๊อออ...เสียวจังเลยค่ะ เสียว อ๊า...” ไม่มีความเอียงอายเมื่อได้อยู่ใกล้เคียงจุดที่เรียกว่าสวรรค์ มณีรัตน์หลับตาแน่น ปล่อยร่างกายไหวไปตามแรงกระแทกอันดุดันของชายหนุ่มตรงหน้า มือหนึ่งป่ายปัดไร้ทิศทาง ส่วนอีกข้างยังคงกระตุ้นอารมณ์กระสันของตัวเองด้วยการไล้วนเสียดสีที่เม็ดเสียวเป็นวงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งแรงกระแทกที่ได้รับมาลึกล้ำเท่าไหร่ เธอเองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะถูกห้วงแห่งความหฤหรรษ์อัดแน่นจนเต็มปรี่“ซี้ดดด...พี่เสียวเหลือ
ท่ามกลางคลื่นทะเลอันเงียบสงบ ความเร่าร้อนกำลังเกิดขึ้นมือเรียวเล็กคว้ากำดุ้นเนื้อของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมกับรูดชักอย่างถี่รัวจนแข็งตัวขึ้นชูชัน น้ำหวานใสเยิ้มที่ส่วนปลายซึ่งโผล่พ้นขึ้นมา มณีรัตน์รวบผมไปไว้ข้างหนึ่ง แหงนหน้ามองดูสิงหราที่สีหน้าเริ่มไม่สู้ดีด้วยความเสียวซ่านจากส่วนที่ถูกกระตุ้นมณีรัตน์อ้าปากกว้างแล้วครอบลงไปทันที“อืม...ซี้ดดดด”เรือโคลงเคลงเล็กน้อย แต่ไม่เป็นปัญหาเลยสักนิดเดียว ปากเล็ก ๆ ของเธอรับเอาท่อนเนื้อที่ใหญ่จนคับเข้าไปพร้อมกับดูดดุนจนเสียงหยาบโยนดังขึ้นมา ลิ้นกระหวัดไปรอบ ๆ ลำเนื้อขณะที่ริมฝีปากก็ออกแรงดูดดุนอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าสวยผงกขยับเข้า ๆ ออก ๆ ที่ดุ้นกายนั้นอย่างต่อเนื่อง ลิ้มรสของหวานใสที่เยิ้มออกมาอย่างละเมียด ไม่ปล่อยให้มีหยดไหนร่วงหล่นสิงรานั่งเกร็งสั่น แรงดูดดันอันซาบซ่านทำให้เขาอดใจไม่ไหว เอื้อมมือลงไปกดหัวของเธอแล้วลูบไล้เส้นผมสลวยนั้นก่อนบังคับจังหวะให้เป็นไปอย่างที่ตนเองต้
“นี่...พี่สาวได้ปูลมแล้วน้า” มณีรัตน์ตะโกนอย่างภาคภูมิใจ หลังจากที่เธอสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของปูลมตัวจิ๋วได้ทันและคว้ามันเอาไว้ได้ครั้งแรกหลังจากที่อยู่ที่นี่มาได้เดือนเศษ...ปูลมตัวแรก“พี่สาวเก่งมากเลย” เด็กน้อยปรบมือ ยื่นถังให้เธอใส่เจ้าปูลงไป แต่เมื่อชำเลืองมอง มณีรัตน์ก็ต้องเขิน เพราะว่าในนั้นมีปูอยู่นับร้อยตัว ฝีมือของเด็ก ๆ ลูกของบรรดาชาวประมงที่นี่เพียงสามคนหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มณีรัตน์ไม่กล้าบอกกับสิงหราว่าเธอนั้นลืมความรู้สึกที่อยากตายไปโดยสิ้นเชิง โทรศัพท์ของเธอจมหาย นิยายก็ไม่ได้เขียนเลยด้วยซ้ำ เพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตะเกียงและเครื่องปั่นไฟก็มีจำกัดจำเขี่ย แต่เธอก็ชินเสียแล้วสิ ที่นี่เต็มไปด้วยความเรียบง่าย ธรรมชาติ และใช่ การมีความสุขโดยที่เธอไม่มีเงินติดตัวสักบาทเธอรู้สึกกับสิงหรามากขึ้น และไม่ได้มองคนที่นี่ว่าเป็นโจรชั่วอีกต่อไป ในเมื่อการปล้นเสบียงทั้งหมด มันเป็นสิ่งของที่นำเข้าแบบผิดกฎหมายทั้งนั้น เป็นการ
หลังจากที่คุยกันอยู่อีกไม่กี่ประโยค มณีรัตน์ก็ขอตัวออกไปเดินดูรอบ ๆ พบว่าแม้เกาะนี้จะใหญ่โต แต่พื้นที่ที่จะสามารถปลูกสิ่งก่อสร้างให้อาศัยอยู่นั้นมีเพียงส่วนนี้ที่เป็นเวิ้งเล็ก ๆ คว้านลึกจากชายหาด ที่เหลือเป็นภูเขาหิน มีแต่ป่าไม้ทั้งนั้น ทำให้ผู้คนโดยรอบที่เธอเห็นนี้อาจจะเป็นประชากรเกาะเกือบทั้งหมดแล้วมุมหนึ่ง เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกับลูกสาวตัวเล็ก ๆ กำลังเล่นกันอยู่ใต้เงามะพร้าว ทุกคนที่นี่ไม่หวั่นต่อแสงแดดที่แผดเผาผิวกายเลยสักนิดเดียว เธอคนนั้นเห็นมณีรัตน์มาแต่ไกลก็ยิ้มให้จนเห็นฟันขาวครบสามสิบสองซี่ ก่อนที่ลูกสาวตัวน้อยจะวิ่งเข้าหามณีรัตน์แขนเล็ก ๆ ของเด็กหญิงคว้าเข้าที่มือของเธอ ก่อนอีกข้างจะลูบไล้เธอแผ่วเบาราวกับกลัวมันบุบสลาย“พี่ผิวนุ่มจังเลย ขาวเหมือนหาดทราย” เด็กหญิงยิ้มกว้าง “หน้าตาก็สวย”“ปากหวานจังเลยนะจ๊ะ” แม้จะรู้สึกประหลาดใจก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเด็กหญิง“ไปหาจับปูลมกับหน