อย่างไรก็ตาม ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่าปล่อยให้ความเจ็บปวดของเขายืดเยื้อ หรือแทนที่จะทิ้งเซนิออสไว้กับความหวังกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง ชาร์ล็อตต้องโหดร้ายและบอกความจริงกับเขา มีผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากมายในโลก เซนิออสต้องปล่อยเธอไป และเขาจะสามารถเปิดใจให้ผู้หญิงคนอื่นได้ “นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้ เซนิออส ดูแลตัวเองนะ" ชาร์ล็อตขยี้ผมของเซนิออสอย่างปลอบโยน เขาลุกขึ้นยืนและเตรียมจะจากไป “คุณรักเขาไหม?” เสียงของเซนิออสดังมาจากด้านหลัง ชาร์ล็อตหยุด เธอหันมองไปทางแซคคารีที่อยู่ในรถ “ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นล่ะ?” เซนิออสเชิดใบหน้าหล่อเหลาของเขาขึ้น ความหนาวเย็นก่อตัวขึ้นในช่องว่างระหว่างคิ้วของเขา "แค่สงสัยน่ะ ฉันอยากรู้ความสัมพันธ์ของคุณกับคุณอารองของฉัน” ชาร์ล็อตขดริมฝีปากของเธอ "ไม่" "โอ้?" เซนิออสหัวเราะคิกคัก “ทำไมฉันถึงไม่เชื่อคุณ? คุณไม่เคยโกหกฉันใช่ไหม? บอกความจริงมาเถอะน่า!" “ฉันไม่ได้รักเขา!” ชาร์ล็อตเงยหน้าเล็ก ๆ ที่ละเอียดอ่อนของเธอขึ้น แม้จะแต่งงานกับแซคคารีมามากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่เธอก็มั่นใจว่าพวกเขาแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กันในเดือนนั้นมากกว่าสามชั่วโมง! เธอไม
แซคคารีหรี่ตาลงดูอันตราย แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดที่แยกเซนิออสกับชาร์ล็อตซึ่งเป็นคู่รักที่รักกัน แต่เขาไม่ได้เสียใจเลย ในอดีต เขาทุ่มเทให้กับคนที่เขาห่วงใยมากเกินไป รวมถึงการเลิกรากับลอร์เรนด้วย ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองในครั้งนี้! โทรศัพท์ของชาร์ล็อตดังขึ้นในกระเป๋าของเธอ เธอรับสาย และเสียงกังวลของไมเคิลดังก้องอยู่ในหูของเธอ “พี่คาร์ลี่ ในที่สุดผมก็เจอหลักฐานสำคัญที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าทิฟฟานี่นอกใจพี่ชายของผมแล้ว แต่เธอรู้เรื่องนี้ เธอส่งคนตามผมมาตลอดเวลา ผมเลยไปเอาหลักฐานไม่ได้ ผมจะส่งตำแหน่งที่ผมซ่อนหลักฐานให้พี่ แล้วพี่ไป—” ตู้ม! เสียงระเบิดดังกลบเสียงของไมเคิล ในวินาทีต่อมา เสียงที่น่าสะพรึงกลัวของไมเคิลก็ดังขึ้น “นายเป็นใคร!? เข้ามาบ้านฉันได้ยังไง!?” ปัง! อีกเสียงดังปะทุขึ้น มันดูเหมือนเสียงปืน จากนั้น ชาร์ล็อตก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ตกลงบนพื้น ไมเคิลนอนกองอยู่ที่พื้น มือที่เปื้อนเลือดของเขากำโทรศัพท์แน่น ขณะพูดอย่างไม่ปะติดปะต่อ “มันคือทิฟฟานี่ มิลเลอร์! อย่าลืมสิ่งนี้ พี่คาร์ลี่ ทิฟฟานี่ส่งคนมาฆ่าผม… พี่ต้องล้างแค้
ณ ห้องพักในโรงแรมห้อง 6603 ชายคนหนึ่งกำลังอุ้มทิฟฟานี่ไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่น “ทิฟฟ์ ไม่ใช่แค่ตำรวจกำลังตามหาผมในตอนนี้ แต่เจอราลด์ คาร์สันยังตั้งค่าหัวผมไว้ 7,000,000 ดอลลาร์อีกด้วย ไม่มีทางที่ผมจะหนีรอดได้ ดังนั้น นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน” "ไม่! เอ็ด คุณคือคนเดียวที่ฉันรักจริง ๆ ถ้าไม่มีคุณ ต่อให้ฉันมีทุกอย่าง ฉันก็จะอยู่คนเดียว ฉันไม่อยากให้คุณตาย ฉันอยากให้คุณมีชีวิตที่ดีและอยู่กับฉันแบบนี้ไปตลอดชีวิต” ทิฟฟานี่แนบชิดกับชายคนนั้น เธอลูบไล้กล้ามหน้าอกของเขาด้วยนิ้วอันบอบบางของเธอ น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มเหมือนสร้อยข้อมือลูกปัดที่ถูกกรีดเชือกขาด “ทิฟฟ์… โอ้ ทิฟฟานี่ที่รัก!” เอ็ดดี้รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังแทงหัวใจของเขา เมื่อเขาเห็นทิฟฟานี่กำลังร้องไห้ เขาและทิฟฟานี่ตัวติดกันเหมือนปลาท่องโก๋ ก่อนที่ทิฟฟานี่จะได้พบกับไบรสัน ทั้งคู่ได้ให้คำมั่นว่าจะรักกัน และทิฟฟานี่ก็ทำแท้งลูกเพื่อเขาถึงสองครั้ง ทิฟฟานี่บอกเขาว่าเธอถูกบังคับให้อยู่กับไบรสัน และเขาเป็นคนที่เธอรักอย่างแท้จริง เขาเชื่อทุกอย่างที่เธอพูด แม้ว่าทิฟฟานี่และไบรสันจะเป็นคู่สามีภรรยากัน แต่ก็เ
ทิฟฟานี่เบิกบานใจอย่างท่วมท้น เธอไม่ได้รักเอ็ดดี้เลย และเธอก็ไม่ได้ตั้งท้องลูกของเขาด้วย 'เอ็ดดี้ แอดเลอร์แกนี่โง่จริง ๆ จัดการง่ายอะไรขนาดนี้ ทั้งหมดที่ฉันทำก็แค่คุยกับเขา และเขาก็เต็มใจที่จะฆ่าชาร์ล็อตต์กับไมเคิลเพื่อฉัน ตอนนี้เขายอมเสียสละตัวเองเพื่อฉันด้วยซ้ำ!’ เอ็ดดี้รู้เรื่องอื้อฉาวที่ไม่เหมาะสมของเธอมากเกินไป เธออยากจะกำจัดเขา ดังนั้น เธอจึงโล่งใจที่เขาเต็มใจจะฆ่าตัวตาย ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆดำ และฝนก็ตกเป็นครั้งคราวในวันงานศพของไมเคิล ดูเหมือนท้องฟ้ายังร้องไห้ให้กับการตายของไมเคิล หลังจากสูญเสียพ่อและแม่ไปในอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ไมเคิลเป็นสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่ไบรสันเหลืออยู่ ไบรสันเป็นปวดร้าวไปถึงทรวง ทิฟฟานี่ที่มางานศพของไมเคิลพร้อมไบรสัน เธอร้องไห้หนักมากจนเป็นลมหน้าหลุมศพของไมเคิล ทำให้นักข่าวที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเห็นจิตใจที่ดีงามของเธอ ทิฟฟานี่เป็นคนดังที่โด่งดังในตอนนี้ และแฟน ๆ ของเธอจะต้องประทับใจเธอมากหลังจากวิดีโอนี้ถูกส่งออกไป เมื่อชาร์ล็อตเห็นการกระทำของทิฟฟานี่ พระเจ้ารู้ว่าเธออยากจะบีบคอหล่อนจนตาย และถีบเธอเข้าไปในโลงศพของไมเคิลเพื่อ
ชาร์ล็อตขะยะแขยงการแสดงละครของทิฟฟานี่มากจนท้องไส้ปั่นป่วน หลังจากแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ชาร์ล็อตพูดว่า “เดี๋ยวก่อน ทิฟฟานี่ มิลเลอร์ ฉันจะทำ-" “พอแล้วชาร์ล็อต!” เสียงทุ้มดังขึ้นขัดจังหวะก่อนที่ชาร์ล็อตจะพูดจบประโยค นั่นคือไบรสันซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เขาดึงทิฟฟานี่ไว้ข้างหลังขณะที่จ้องมองชาร์ล็อตด้วยดวงตาแดงก่ำ “วันนี้เป็นงานศพของไมเคิล ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอ แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอดูถูกทิฟฟ์แบบนี้ หากเธอมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหลงเหลืออยู่บ้าง อยู่ให้ห่างจากทิฟฟ์และอยู่ให้ห่างจากหลุมศพของไมเคิล ขอให้เขาไปสงบสุขเถอะ” ในตอนแรก เขายังทนคุยกับชาร์ล็อตได้ แต่พอเธอทำเกินไปและเริ่มกล่าวหาทิฟฟานี่อย่างไร้เหตุผลว่าเป็นคนฆ่าไมเคิล เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเลยก้าวเข้ามา ทิฟฟานี่เศร้ายิ่งกว่าเขาตอนที่ไมเคิลเสียชีวิต เธอร้องไห้เสียใจทั้งวันเพราะการตายของเขา… “เหอะ!” ชาร์ล็อตเย้ยหยันในอดีต เมื่อใดก็ตามที่ชาร์ล็อตเห็นไบรสันอยู่ข้างทิฟฟานี่และปกป้องเธอเหมือนแก้วตาดวงใจของเขา เธอรูสึกอิจฉา แต่พอเกิดเหตุการณ์เดิมขึ้นต่อหน้าต่อตาเธออีกครั้ง เธออยากจะหัวเราะออกมาเท่านั้น “ทุกคน
“โอเค” แซคคารีตอบเรียบ ๆ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปหาใบหน้าของชาร์ล็อต เธอไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร เธอตกใจแต่ไม่ได้หันหลังกลับ และก็ไม่ได้ก้มหน้าเช่นกัน เธอจ้องตรงไปที่แซคคารีขณะที่เขาใช้นิ้วชี้เช็ดน้ำตาบริเวณใต้ตาให้กับเธอ นิ้วของเขาเย็นเล็กน้อย แต่เธอรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาจากผิวหนังที่เขาปาดและความร้อนแผ่ไปทั่วร่างกายของเธอ มันทำให้หัวใจที่เยือกแข็งของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นและค่อย ๆ ละลายหายไป “ถ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องไห้ในอ้อมแขนของฉัน” แซคคารีพูดขณะกางแขนออก ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าที่แกะสลักอย่างไร้ที่ติของเขา มีแต่อารมณ์ที่ละเอียดอ่อนไหลวนอยู่เบื้องหลังดวงตาที่เยือกเย็น “ฉันไม่เป็นไร…” ชาร์ล็อตเม้มริมฝีปากของเธออย่างแข็งขืน “แต่ก็ขอบคุณสำหรับข้อเสนอของนายนะ” จากนั้นเธอก็ก้าวถอยหลัง เหตุผลที่แซคคารีปลอบโยนเธอเป็นเพราะความรับผิดชอบของเขาในฐานะสามีของเธอก็เท่านั้น และเธอมั่นใจว่าเขาจะทำเช่นเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เป็นภรรยาของเขาด้วย เธอไม่ต้องการความรักที่มอบให้เหมือนกับทำทาน! มุมปากที่โค้งอย่างสมบูรณ์ของแซคคารีกระตุกเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถคายคำพูดที่ติดอยู่ที่ป
“ทิฟฟานี่ มิลเลอร์! พี่คาร์ลี่ พี่ต้องจำไว้นะ... ทิฟฟานี่ส่งคนมาฆ่าผม... พี่ต้องล้างแค้นให้ผม! พี่คาร์ลี่ แก้แค้นให้ผม!” “อย่าตายนะ ไมเคิล! ไมเคิล!" ชาร์ล็อตสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายของเธอ สายลมอุ่นพัดมากระทบใบหน้าของเธอเป็นสิ่งแรกที่เธอรู้สึก แล้วเธอก็แปลกใจที่สายลมอุ่น ๆ นั้นคือลมหายใจของแซคคารี… นั่นเป็นเพราะเธอนอนหงายอยู่บนเบาะรถ “หมอน” ที่เธอหนุนมันไม่ใช่หมอนเลย แต่เป็นตักของแซคคารี แจ็กเก็ตสูทสีดำของแซคคารีคลุมตัวเธอไว้ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ลมหายใจอันอบอุ่นของเขาราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดมากระทบผมของเธอ 'โอ้พระเจ้า! ฉันเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย แล้วฉันมานอนบนตักเขาได้ยังไงกัน?' “เราถึงบ้านแล้วครับ” ลูคัสกล่าว ชาร์ล็อตยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก 'ฉันนอนบนตักของแซคคารีมาตลอดทางเลยเหรอเนี่ย?' เธอได้งีบหลับลึกมาก และอาจจะยังหลับอยู่ถ้าไม่ใช่เพราะฝันร้ายนั้น 'แล้วแซคคารียอมให้ฉันใช้เขาเป็นหมอนงั้นเหรอ? เขาไม่ขยับเลยรึไง? ขาของเขาไม่ชาไปแล้วเหรอ?’ “อืม” แซคคารีตอบอย่างใจเย็น ชาร์ล็อตไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าแซคคารียังไง เธอจึงตัดสินใจหลับตาและแสร้งทำเป็นหลับ ทันใดนั้
เธอกลัวอย่างมากที่จะโดนจับได้ว่าเธอแกล้งหลับ… เธอไม่อยากจะนึกถึงผลที่จะตามมาเลย! ตอนนี้เธอผ่อนคลายได้แล้ว 'แซคคารีควรจะออกไปแล้วสิ เขาพาฉันเข้านอนแล้ว... แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้ยินเสียงเขาออกไปเลย?' แต่เธอกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่หนักอึ้งอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ แซคคารีกำลังนั่งอยู่ที่ข้างเตียง ณ จุดนี้ เธอรู้สึกได้ถึงเงาที่ปกคลุมตัวเธอ แม้จะหลับตาก็ตาม จากนั้น แซคคารีก็กดริมฝีปากเรียวบางของเขาลงที่หน้าผากของเธอ ริมฝีปากของเขาเย็นเล็กน้อย ชาร์ล็อตรู้สึกร้อนผ่าวทันที เธอรู้สึกราวกับลาวาหลอมเหลวร้อนกระจายไปทั่วผิวของเธอจากจุดที่ริมฝีปากของเขาทิ้งไว้ เธอได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระทบหน้าอก ราวกับควบม้า... “ราตรีสวัสดิ์ สาวน้อย” เสียงของเขาดูเยือกเย็นและดึงดูดใจ ราวกับเสียงขลุ่ยจากธารน้ำแข็ง 'สาวน้อย! เขาเรียกฉันว่า "สาวน้อย" อีกแล้ว!' จิตใจของชาร์ล็อตว่างเปล่า ในที่สุด เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดเธอก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากหยุดไปนาน เธอลืมตาและจ้องเขม็งไปที่เพดานที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง เธอยกมือขวาขึ้นแตะหน้าผากของเธอ เธอเริ่มสงสัยว่าเธอไม่เคยตื่นเลย 'ฉันต้องฝันไปแน่ ๆ! ทำ
"บาดแผลทางอารมณ์ของนายท่านรองในวันนี้ค่อนข้างแย่ การดื่มน้ำอุ่นเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะบรรเทาอาการของเขาได้ เขาต้องการความสงบและเงียบ"ชาร์ล็อตดูเหมือนจะคิดได้ในทันที "ฉันไม่คิดว่าเขาจะเจ็บปวดขนาดนั้น เพียงเพราะเขาได้เจอกับแกริสันในวันนี้และทำให้นึกถึงลอร์เรน วันนี้เขาได้เจอกับลอร์เรนแล้วหรือยัง?""ลอร์เรน? ฮ่า!" ลูคัสยิ้มอย่างมีเลศนัย"นายหญิง ถ้าคุณสนุกกับการแต่งเติมความคิดแบบนี้ ทำไมไม่ลองขยายจินตนาการของคุณดูล่ะ?"ชาร์ล็อตเกือบจะสติหลุด"นายกำลังพูดอะไร?"ลูคัสหันกลับมา ส่งยิ้ม และขยิบตาให้เธอ "เอาล่ะ มีหลายคนเคยได้ยินข่าวลือว่านายท่านรองเป็นเกย์จริง ๆ ทำไมคุณไม่พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่แกริสันจะมีความรักที่แท้จริงกับนายท่านรองล่ะ? บางทีบาดแผลของเขาอาจจะถูกรบกวนอย่างมากเพราะเขารู้ว่าแกริสันหลงใหลในตัวคุณแค่ไหน?""นั่น... เป็นไปได้ยังไงกัน!?" ดวงตาของชาร์ล็อตเต็มไปด้วยความตกใจลูคัสยิ้มอย่างลึกลับ "ผมไม่รู้ คุณสามารถถามนายท่านรองได้เสมอ บางทีเขาอาจจะให้คำตอบกับคุณได้... โอ้!"เขาตะโกนขณะที่ชาร์ล็อตตบเข้าที่หัวของเขาเวลาไม่นานนัก ชาร์ล็อตก็กลับมาถึงเขตวิหารศักดิ์
ชาร์ล็อตตกตะลึง "ไม่ใช่ว่าฉันจะมีพลังวิเศษนะ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีกสี่ปีข้างหน้า?" เธอและแกริสันมีสัญญาสิบปีระหว่างกัน ตอนนี้ก็หกปีแล้ว สัญญาจะครบกำหนดในอีกสี่ปี เธอจะแต่งงานกับเขาอย่างที่เธอพูดไว้หรือเปล่า?" แซคคารีถามด้วยสีหน้าจริงจังมาก"เฮอะ!" ชาร์ล็อตหัวเราะออกมาราวกับว่าเธอได้ยินเรื่องที่ตลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก"ถ้านายกำลังจะพยายามเล่นตลก ก็ไม่จำเป็นต้องดูจริงจังขนาดนั้นก็ได้ จริง ๆ แล้วนายดูดีมากเลยนะเวลายิ้ม มาเถอะ ยิ้มหน่อย!"แซคคารีดูบูดบึ้งยิ่งกว่าที่เคย รูม่านตาน้ำแข็งของเขาที่จ้องมาที่เธอดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมชาร์ล็อตเข้าใจทันทีว่าแซคคารีไม่ได้พูดเล่น ๆ กับเธอเลย!'พอได้แล้ว! เราแต่งงานกันมาเกือบสามเดือนแล้ว และฉันไม่เคยได้ยินแซคคารีพูดเรื่องตลกมาก่อน ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าก้อนน้ำแข็งที่อยู่ในร่างกายของเขาเริ่มหลอมละลายตอนไหนกัน!'เธอส่ายศีรษะอย่างงุ่มง่าม"ถึงแม้ว่าแกริสันจะโง่เขลาพอที่จะรออยู่ที่สะพานนั้นเป็นเวลาสิบปี ฉันก็ไม่มีวันแต่งงานกับเขา ฉันบอกเรื่องนี้กับเขานับครั้งไม่ถ้วนตลอดหกปีที่ผ่านมา รวมทั้งวันนี้ด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะฟัง มันเป็นเรื่อ
เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่แซคคารีไม่เคยพบหรือติดต่อกับเขาเลย เขาคิดว่าความเย่อหยิ่งและถือตัวของแซคคารีนั้น จะทำให้แซคคารีไม่มีวันที่จะติดต่อกับเขาอีกเว้นแต่เขาจะเป็นคนเริ่มทำเช่นนั้นเอง มันทำให้เขาประหลาดใจที่แซคคารีเป็นคนทำลายกำแพงระหว่างพวกเขาเพราะเห็นแก่ชาร์ล็อต!แซคคารีช่วยพยุงแกริสันออกจากสะพานชาร์ล็อตรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของแกริสันและแซคคารี ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจที่พวกเขารู้จักกัน แต่สิ่งที่น่าแปลกใจนั้นก็คือ ในช่วงห้านาทีที่ผ่านมาตั้งแต่ที่แซคคารีช่วยพยุงแกริสันลงมาจากสะพานแล้วเดินไปยังรถของเจมส์สัน พวกเขาไม่พูดอะไรกันเลย แท้ที่จริงแล้วพวกเขาไม่แม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ...ดังนั้นพวกเขาจริงเดินไปด้วยกันด้วยใบหน้าที่เย็นชาในลักษณะที่แปลกประหลาดไปตลอดทาง ราวกับภูเขาน้ำแข็งสองลูกที่มาบรรจบกันที่ด้านหนึ่งชาร์ล็อตที่ยืนอยู่ข้างพวกเขา รู้สึกราวกับว่าเธอเสี่ยงที่จะถูกแช่แข็งตายเพราะพวกเขา ดังนั้น เมื่อพวกเขาลงมาจากสะพานแล้ว เธอจึงไม่เดินไปกับพวกเขาต่อ เธอหันหลังและมุ่งหน้าไปที่รถจองแซคคารีแทน"อ่า! คุณคอนเนอร์ ผมคิดว่าคุณจะไม่มาเจอคุณลาร์สันอีกแล้ว ช่างน่าประหลาดใจเสียนี่กระไร..." เ
ชาร์ล็อตหันกลับมาและเห็นแกริสันนั่งคุกเข่าบนสะพานโดยมีมือทั้งสองข้างของเขาพยุงตัวเองไว้กับพื้น ใบหน้าของเขาซีดเผือดและหน้าผากเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แขนและขาของเขากำลังสั่น"ดูฉันตอนนี้สิ แค่เจ็บป่วยเล็กน้อยยังทำให้ฉันดูไร้ประโยชน์ขนาดนี้เลย ฉันยังเดินตรงไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่าช่วยฉันนะ ฉันลุกขึ้นเองได้"เขาบังคับตัวเองให้ยืนขึ้น แต่เพราะเขาเจ็บป่วยและอ่อนแอมาก เขาจึงไม่สามารถยืนขึ้นได้เลยชาร์ล็อตเม้มริมฝีปากของเธอแกริสันคือความภาคภูมิใจของโรงเรียนมัธยมของพวกเขาในอดีต ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นนักปราชญ์ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องเท่านั้น แต่เขายังเป็นความภาคภูมิใจและความสุขของคุณครูสอนพละอีกด้วย และเขาเคยทำลายสถิติการวิ่งระยะไกลอีกสองสามรายงานไม่น่าแปลกใจเลยที่เจมส์สันมาขอร้องเธอให้ช่วยพูดกับเขา แกริสัน แชมป์นักวิ่งที่ตอนนี้ป่วยจนแทบจะเดินไม่ได้!"หยุดฝืนตัวเองได้แล้ว มาเถอะ"ชาร์ล็อตเดิยมาอยู่เคียงข้างเขาและยื่นมือออกมาหาเขาแกริสันประหลาดใจกับการแสดงความรู้สึกที่กระทันหันจนน่าสับสนนี้ จากนั้นเขาก็คว้ามือของชาร์ล็อตไว้อย่างรวดเร็ว"ขอบคุณ!"แกริสันที่สุขภาพดีและแข็งแรงในตอนนี้ดูเหมือนชายชรา
เนื่องจากเขาไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ จากแซคคารี ลูคัสจึงดึงโทรศัพท์ออกมา เปิดข้อมูลมี่เขาพบ และยื่นให้แซคคารีดู"ฟังนะครับ แกริสันมอบช่อดอกไม้ให้นายหญิงคอนเนอร์ 237 ช่อ เขียนจดหมายรัก 698 ฉบับ และสารภาพความรักที่เขามีต่อเธอ 1,966 ครั้งในช่วงหนึ่งภาคการศึกษา และอาจจะมากกว่านั้นหากเราพิจารณาถึงช่วงเวลาที่ไม่มีใครรู้หรือช่วงเวลาที่ไม่สามารถติดตามได้"แซคคารียังคงอยู่ในภาวะตึงเครียด ดวงตาของเขามืดลงจนน่ากลัวลูคัสทำได้เพียงพยายามปลอบเขา"แต่ถึงอย่างนั้น นายหญิงคอนเนอร์ก็ยังไม่ไปไหน เธอเคยล้อเล่นกับเขาด้วย... โดยการขอให้เขารอเธออยู่ที่สะพาน นั่นหมายความว่าแกริสันเป็นเพียงของเล่นที่ขาดไม่ได้สำหรับเธอ" "นายพูดอะไร?" ในที่สุดแซคคารีก็พูดขึ้นลูคัสจดจ่ออยู่กับข้อมูลในโทรศัพท์ของเขาอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้สังเกตว่าการจ้องมองของแซคคารีนั้นลดลงกลายเป็นแสงสะท้อนสันทรายที่เยือกเย็น เขายังคงอธิบายต่อไป "เอ่อ พูดตามตรงนะครับ สำหรับนายหญิงคอนเนอร์แล้ว แกริสันเป็นเหมือนพี่ชายที่คอยดูแลเธอที่มีสถานะเดียวกับทิฟฟานี่ มิลเลอร์นายหญิงคอนเนอร์ไม่สนใจเขาเลยจริง ๆ เมื่อเธอเล่นกับเขาเสร็จแล้ว เธอจะ... แอ๊ะ!"
ดังที่กล่าวไว้ ไม่ว่าชาร์ล็อตจะปฏิเสธแกริสันอย่างโหดร้ายสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยยอมแพ้และยังคงไล่ตามเธอด้วยความมุ่งมั่นเมื่อหกปีที่แล้ว โรงเรียนของพวกเขาได้จัดทัศนศึกษามาที่ "สะพานสายรุ้ง" แกริสันได้สารภาพและมอบจดมายรักให้กับชาร์ล็อตที่สะพานสายรุ้งแห่งนี้ต่อหน้านักเรียนจำนวนมากเนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น ชาร์ล็อตจึงชี้ไปที่ "สะพานสายรุ้ง" และพูดว่า "เอาล่ะ แกริสัน คุณบอกว่าคุณจะไม่ยอมแพ้ใช่ไหม? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะต้องมาที่สะพานแห่งนี้ทุกวันและรอฉันสองชั่วโมง ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดออก ถ้าคุณสามารถรักษามันไว้ได้เป็นเวลาสิบปีโดยที่ไม่ล้มเหลว หลังจากผ่านไปสิบปี ฉันจะแต่งงานกับคุณและเป็นภรรยาของคุณ"ชาร์ล็อตเดินจากไปทันทีหลังจากนั้น และเธอก็โยนจดหมายรักที่แกริสันมอบให้เธอลงไปในแม่น้ำด้วยชาร์ล็อตรู้สึกโล่งอกที่แกริสันจะต้องยอมแพ้เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดไป เพียงเพราะว่าเธอไม่เคยคาดหวังตั้งแต่แรก แต่แกริสันโดดเรียนทุกวันและมารอเธอที่สะพานสายรุ้ง โดยไม่คำนึงถึงสภาพอากาศ เขาทำแบบนี้มาหกปีแล้ว..."ที่นี่อากาศหนาวและชื้น และเธอค่อนข้างอ่อนแอ แค๊ก... ดังนั้นเธอควรกลับไปเดี๋ยวนี้" เสียงท
ลูคัสตัวสั่นเทาด้วยความกลัวต่อเสียงอันเคร่งขรึมของแซคคารี จากนั้นลูคัสก็สงบสติอารมณ์และยิ้มกว้างให้เขา "เอาล่ะ เอาล่ะ เพื่อความปลอดภัย ได้โปรดจิบน้ำอุ่นในแก้วนี้ไปก่อน นายท่านรอง"น้ำอุ่นหนึ่งแก้วถูกยื่นให้กับแซคคารี แต่เขาปัดมันออกไปอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาดูลุ่มลึกราวกับว่าเขาสามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้ในขณะที่เขาคำราม "นายรีบขับรถบ้านี่ไปเดี๋ยวนี้!""ครับ!" ลูคัสตะโกนตอบรับดังลั่น'ดูเถอะ! แม้แต่ชายผู้สูงศักดิ์และมีการศึกษามากที่สุดในรอธเซย์ยังสบถหยาบคาย ทั้งคุณ นายหญิงคอนเนอร์ และคุณแกริสัน ลาร์สัน อย่าทำอะไรโง่ ๆ เลยนะ!""สะพานสายรุ้ง" เป็นสะพานคู่ขนานสองเส้นเหตุผลที่ "สะพานสายรุ้ง" เป็นที่รู้จักในชื่อสะพานสายรุ้งก็เพราะมีหมอกหนาเป็นชั้น ๆ ตลอดเวลาในพื้นกว้างระยะสองเมตรระหว่างสะพานทั้งสองที่สร้างขนานกันเหนือน้ำ เมื่ออากาศไม่ดี คนบนสะพานด้านหนึ่งจะมองไม่เห็นคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสะพาน เพราะฉะนั้นช่วงที่อากาศแจ่มใสและดวงอาทิตย์ขึ้นสูงเท่านั้นที่คนบนสะพานทั้งสองฝั่งจะมองเห็นกัน ในช่วงเวลานั้น รุ้งกินน้ำจะเกิดขึ้นระหว่างสะพานสองเส้นนี้ และคู่รักที่ยืนอยู่บนสะพานทั้ง
แซคคารีเลื่อนกระจกลงชายวัยกลางคนกล่าวอย่างเร่งรีบ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "สวัสดี คุณคอนเนอร์...""ฉันเลิกยุ่งกับเธอแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย" แซคคารีพูดตัดบทชายคนนั้นให้สั้นลง ดวงตาที่เยือกเย็นของเขานั้นไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความแน่วแน่นและไม่แยแส"จำสิ่งที่ฉันจะพูดไว้ มิสเตอร์ฟอสเตอร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอในอนาคต อย่ามาหาฉันอีก""เกี่ยวกับเรื่องนั้น..." มิสเตอร์ฟอสเตอร์พูดอย่างเชื่องช้า "ผมไม่ได้มาหาคุณ คุณคอนเนอร์ ผมมาหาคุณซิมม่อนส์ต่างหาก!"ใบหน้าที่ปราณีตของแซคคารีมีความประหลาดใจเล็กน้อยลูคัสหันหน้าจากที่นั่งคนขับเพื่อมองชาร์ล็อตมิสเตอร์ฟอสเตอร์เป็นพ่อบ้านของครอบครัวลาร์สัน ในช่วงเวลาที่แซคคารียังคงอยู่กับลอร์เรน มิสเตอร์ฟอสเตอร์มักจะตามลอร์เรนไปด้วยเสมอ'เป็นไปได้ไหมว่าแม่ของแซคคารีและมิสเตอร์ฟอสเตอร์จะเป็นเพื่อนกัน?'ชาร์ล็อตมุ่ยปากอย่างกังวลและพูดว่า "คุณต้องการอะไรจากฉัน?""เป็นเพราะคุณลาร์สัน" มิสเตอร์ฟอสเตอร์ถอนหายใจขณะที่จ้องมองใบหน้าอันบอบบางของชาร์ล็อต "คุณซิมมอนส์ คุณควรรู้ว่าคุณลาร์สันเป็นคนหัวแข็งและหยิ่งเหมือ
เสียงของแซคคารีดังขึ้นที่ข้างหูของชาร์ล็อต เมื่อเธอจ้องมองไปที่ขี้เถ้าในถังโลหะอย่างเลื่อนลอยรอยยิ้มว่างเปล่าเหยียดตรงริมฝีปากของเธอขณะที่เธอพูดว่า "ไม่ ต่อให้นายไม่ได้เป็นคนเผารูปพวกนี้ให้ฉัน สุดท้ายฉันก็จะเผามันเอง..."บางทีเธออาจจะมีความรู้สึกผิดหรือเหตุผลอื่นที่ตัวเธอเองเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเธอจึงปกปิดมันไว้และพูดเสริมว่า "ฮ่าฮ่า ฉันไม่ได้โกหกนาย ฉันกำลังพูดจากก้นบึ้งหัวใจของฉันเลย... อ๊ะ!"ช่วงครึ่งหลังประโยคของเธอถูกตัดขาดด้วยเสียงร้องของเธอเอง เมื่อแซคคารีใช้แขนของเขาโอบรอบเอวเล็ก ๆ ของเธอราวกับเป็นเครื่องหนีบเหล็ก แล้วดึงเธอเข้าไปกอด บีบรัดร่างที่บอบบางและอ่อนนุ่มกับหน้าอกที่แข็งแกร่งเหมือนแผ่นเหล็กของเขาเมื่อลมหายใจที่เยือกเย็นและเย้ายวนของเขาห้อมล้อมเธอไปทั้งตัว สมองของเธอก็ว่างเปล่า"จำไว้นะ ชาร์ล็อต ซิมม่อนส์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าพูดถึงข้อตกลงก่อนสมรส ว่าฉันต้องการไล่เธอออกไปจากบ้าน ฉันห้ามไม่ให้เธอพูดอีกถ้าฉันไม่ได้พูดถึงมัน"น้ำเสียงที่เยือกเย็นและมีเสน่ห์ของเขาแว่วเข้ามาในหูของเธอราวกับท่วงทำนองที่มาจากยอดของภูเขาหิมะชาร์ล็อตใช้เวลานา