เป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยไม่ใช่แค่เสิ่นหยินอู้ ทุกคนในรถที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ต่างก็ปรับท่านั่งให้ตั้งตรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวหลี่มู่ถิงมองโทรศัพท์ด้วยความกังวลแล้วหันไปมองเสิ่นหยินอู้"คุณเสิ่น พอรับสายแล้วเปิดลำโพงได้ไหมครับ?""ค่ะ"เสิ่นหยินอู้รับสายโดยที่ไม่แสดงอารมณ์ และเปิดลำโพงทุกคนในรถต่างก็เผลอหายใจเบาลงโดยไม่รู้ตัวเสิ่นหยินอู้รับสายและพูดออกมาช้าๆ “ฮัลโหล?"มีเสียงหัวเราะต่ำๆ ที่ดูพอใจดังมาจากจากอีกฝั่ง จากนั้นโม่ไป๋ก็พูดขึ้นมาว่า “เธอมาจริงๆด้วย เร็วกว่าที่ผมคาดไว้อีก"เสิ่นหยินอู้ “......"เขาคงจับตาดูการเคลื่อนไหวของเธออยู่จริงๆก็แน่ล่ะ ด้วยความสามารถและคอนเนคชั่นของเขา อะไรที่เขาอยากรู้เขาจะไม่รู้ได้ยังไง?เขาไม่ต้องสืบหาอะไรเลย แค่ถามใครสักคนก็คงรู้แล้วว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่"ดูเหมือนว่าในใจของเธอเขาจะสำคัญมากจริงๆ......"เสิ่นหยินอู้ได้ยินความไม่พอใจจากเสียงที่ลากยาวของเขา"ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่รีบร้อนขนาดนี้หรอก"ได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วสวยของเธอ ก่อนจะกลับเป็นปกติแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “คนที่ควรจะร
"ไม่ต้องดูหรอกค่ะ หมายเลขนั้นคงโทรกลับไปไม่ได้หรอก เขาคงจัดการมันไปแล้ว" ความหมายของเขาชัดเจนมาก เขาต้องการให้เธอไปหาเขา และต้องไปคนเดียว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมที่เขากล้าทำแบบนี้ก็เพราะว่าเขามีสิ่งที่เป็นจุดอ่อนพวกเธออยู่ในมือรู้การเคลื่อนไหวของเธอทั้งหมด แต่กลับไม่ให้คนไปหาเธอ ต้องการให้เธอไปหาเขาแทนเสิ่นหยินอู้หลับตาลง เห็นได้ชัดว่าฉินเย่อยู่ในกำมือของเขาจริงๆเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมฉินเย่ถึงแพ้เขาได้? เขาวางแผนลอบทำร้ายฉินเย่เหรอ?"คุณเสิ่น คุณไปคนเดียวไม่ได้หรอกครับ" หลี่มู่ถิงพูดอย่างโกรธเคือง “เขาตั้งใจจะควบคุมคุณ""ค่ะ ก็รู้แล้ว แต่จะทำยังไง? คุณมีวิธีที่จะหาฉินเย่เจอไหม?"หลี่มู่ถิง "......" หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่มู่ถิงก็พูดขึ้นว่า "คนของเราที่ส่งออกไปก็กำลังพยายามหาอย่างสุดความสามารถอยู่ครับ"เมื่อเห็นว่าเสิ่นหยินอู้ไม่ตอบ เขาพูดต่อว่า "ขอโทษครับคุณเสิ่น เป็นเพราะผมใช้ไม่ได้ ตอนนั้นผมน่าจะอยู่ช่วยเขา"ถึงตอนนี้แล้ว ใครจะใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้วเสิ่นหยินอู้ไม่อยากพูดอะไรต่อ แต่เธอก็ยังปลอบใจเขาว่า "อย่าคิดแบบนั้นเลยค่ะ เรื่องนี้จริ
ได้ยินถึงตรงนี้ หลี่มู่ถิงก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอแล้ว“คุณเสิ่นครับ ประเทศนี้ คุณมาเป็นครั้งแรกหรือเปล่าครับ?” เสิ่นหยินอู้คิดอยู่สักพัก ก่อนจะส่ายหน้า“ก็ไม่ถือว่าเป็นครั้งแรกหรอกค่ะ แต่ครั้งก่อนฉันมาคนเดียว และอยู่ที่นี่แค่สองวันเท่านั้น” ตอนนั้นเธอพักที่โรงแรม ไม่ได้มีสถานที่ที่เรียกว่าเป็นที่เก่ากับโม่ไป๋หรอก? ไม่ใช่แค่ครั้งก่อน ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เธอไม่รู้สึกว่ามีที่เก่าที่ไหนเลย นอกจากวิลล่าหลังนั้นที่พวกเขาเคยไป เพราะนั่นเป็นสถานที่ที่เธออยู่นานที่สุด หลังจากฟังเธอพูด หลี่มู่ถิงก็ตกอยู่ในห้วงความคิดเช่นกัน“หรือว่า ที่เก่าที่เขาพูดถึง ไม่ได้หมายถึงเมืองนี้ หรือประเทศนี้?” ตอนแรกเสิ่นหยินอู้ก็คิดแบบเดียวกัน แต่จากนิสัยของโม่ไป๋แล้วไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าเธอมาผิดที่จริง โม่ไป๋ก็น่าจะบอกเธอทางโทรศัพท์ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องการเจอเธอ แล้วเขาก็ยังรู้หมายเลขเที่ยวบินของเธอด้วย“ไม่น่าจะใช่ค่ะ ถ้าไม่มีที่อื่นแล้ว ก็คงต้องไปที่นั่นแล้วล่ะ” ที่นี่ก็ไม่มีที่อื่นอีกแล้ว ถ้าเธอจะไปหาเขา ก็มีแค่สถานที่นั้นเท่านั้น หลี่มู่ถิงรู้สึกจนปัญญาไปชั่วขณะ แต่ตอนนี้ก
อาจเป็นเพราะสองวันนี้ไม่ได้กินอะไรดี ๆ ลำไส้และกระเพาะอาหารเลยรู้สึกไม่ค่อยดี ประกอบกับเส้นทางที่ขรุขระแบบนี้ ความรู้สึกคลื่นไส้เริ่มผุดขึ้นมา แต่เธอก็ทำได้แค่พยายามอดทน ทันทีที่รถหยุด สิ่งแรกที่เสิ่นหยินอู้ทำคือลงจากรถแล้วพุ่งไปอาเจียนข้างทาง“คุณเสิ่นครับ!” หลี่มู่ถิงตกใจในปฏิกิริยาของเธอ จึงรีบเปิดประตูรถตามลงไปทันที“คุณเสิ่นเป็นอะไรมั้ยครับ?” เสิ่นหยินอู้นั่งยองข้างถนน เพราะลมพัดแรง หลี่มู่ถิงจึงรีบถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมให้เธอ จากนั้นก็พยุงเสิ่นหยินอู้ที่ใบหน้าซีดเซียวให้ยืนขึ้น“ไม่เป็นไรค่ะ” หลี่มู่ถิงเพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเสิ่นหยินอู้ซีดราวกับกระดาษ ตอนที่อยู่ในรถเขามัวแต่คิดและสั่งการเลยไม่ได้สังเกตเห็น ตอนนี้เขาสังเกตดูอาการของเสิ่นหยินอู้ คงเป็นเพราะเส้นทางขรุขระเกินไปทำให้เธอเมารถ ขณะที่เขากำลังคาดเดาในใจ เสิ่นหยินอู้ก็พูดขึ้นว่า “แค่เมารถนิดหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ”“ขอโทษครับคุณเสิ่น ถนนเส้นนี้ขรุขระเกินไป ผมน่าจะให้พวกเขาขับช้ากว่านี้” คุณเสิ่นอดทนมาก เมารถมาตลอดทางแต่ก็ไม่พูดอะไรเลย เสิ่นหยินอู้เพียงแค่ยิ้มให้เขา เป็นสัญญาณว่าเธอไม่เป็นอะไร
เธอมองคนที่มาอยู่นาน ก่อนจะค่อย ๆ รู้สึกตัว จากนั้นรีบก้าวเข้าไปอย่างดีใจ“ผู้ช่วยเฉิน ดีจังเลยที่คุณไม่เป็นอะไร ฉันนึกว่าคุณ...…” แต่พอเธอเดินเข้าไปใกล้ ผู้ช่วยเฉินกลับถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อรักษาระยะห่างจากเธอเสิ่นหยินอู้หยุดก้าวทันที มองเขาด้วยความสงสัย“เป็นอะไรไปคะ?” แต่สายตาของผู้ช่วยเฉินกลับเย็นชา มองเธอเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีท่าทีเหมือนก่อนหน้านี้ไม่สิ คนแปลกหน้าก็ยังไม่เย็นชาขนาดนี้ ราวกับว่าพวกเขามีความแค้นต่อกัน “คุณเสิ่นให้ผมรออยู่นานเลยนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสิ่นหยินอู้ "......"รอยยิ้มที่มุมปากของเธอค่อย ๆ หายไป ก่อนจะพูดขึ้นหลังจากเงียบไปซักพัก “ผู้ช่วยเฉิน คุณเป็นอะไรไปคะ?” แต่ผู้ช่วยเฉินไม่ได้ตอบ กลับจ้องไปที่นอกประตูแทน“คุณเสิ่นมาคนเดียวใช่ไหมครับ? ได้ทำตามสัญญาหรือเปล่า?” เสิ่นหยินอู้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทำได้แค่พยักหน้าตามคำพูดของเขา“พวกเขามาส่งฉันค่ะ แต่ยังอยู่ห่างจากที่นี่ ฉันไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามา” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้หยุดไปซักพัก แล้วพูดต่อว่า “นี่ไม่นับเป็นการผิดสัญญาใช่ไหม?”ผู้ช่วยเฉินไม่ได้ตอบรับ เสิ่นหยินอ
ความจริงใจ...... คำนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา เขายังคิดว่าตัวเองมีความจริงใจอยู่อีกหรอ? เสิ่นหยินอู้พยายามระงับความรู้สึกที่จะด่าเขา เธอตัดสายโทรศัพท์ทันทีแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ผู้ช่วยเฉิน“ฉันจะดูรูปตอนนี้”ผู้ช่วยเฉินรับโทรศัพท์มาอย่างไร้ความรู้สึกแล้วเปิดรูปให้ดู พอเสิ่นหยินอู้เห็นรูป สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีในรูป ฉินเย่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว มีผ้าก๊อซพันอยู่รอบหน้าผากและยังมีรอยเลือดอยู่บนผ้าก๊อซ“นี่มันเรื่องอะไร?” เสิ่นหยินอู้เดินเข้ามาจับแขนของผู้ช่วยเฉิน “ทำไมเขาถึงบาดเจ็บขนาดนี้? โม่ไป๋ทำเขาเจ็บแบบนี้หรอ? เขาเป็นอันตรายถึงชีวิตไหม?” ผู้ช่วยเฉินมองมือของเธอ จากนั้นสะบัดออกอย่างไร้ความรู้สึก แล้วถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่าง“คุณเสิ่น เรื่องนี้ผมไม่ทราบ หากคุณอยากรู้ ก็ไปถามคุณโม่ด้วยตัวเองดีกว่าครับ” “ได้ ฉันจะถามเขาเอง” แต่ผู้ช่วยเฉินกลับดึงโทรศัพท์กลับไป ไม่ได้ให้เธออีกแล้ว“คุณบอกให้ฉันถามเองไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ให้โทรศัพท์ ฉันจะโทรหาเขาได้ยังไง?” “คุณเสิ่น คุณโม่หมายความว่า รอให้เจอกันก่อนแล้วเขาจะบอกคุณ”เสิ่นหยินอู้"......" เมื่อพูดจบ ผู้
หลี่มู่ถิง: “ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะให้พวกเขาคอยสังเกต แล้วคุณเสิ่น...…” “ฉันจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว สำหรับเรื่องหลังจากนี้......ฉันจะหาทางติดต่อพวกคุณไปค่ะ” เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่มู่ถิงก็เข้าใจได้ทันทีว่า เธอจะไม่กลับไปกับพวกเขา “คุณเสิ่น คุณถูกกักตัวไว้หรือเปล่าครับ?” ถูกกักไว้เหรอ? เสิ่นหยินอู้มองออกไปข้างนอก คิดถึงตอนที่ผู้ช่วยเฉินเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าเธอจะหนีหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดจะกักเธอไว้ สิ่งที่กักขังเธอไว้คือความห่วงใยที่มีให้ฉินเย่ ตั้งแต่เธอตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินมาที่นี่ ก็เหมือนเธอถูกกักไว้แล้ว“ไม่มีใครกักฉันไว้ค่ะ ฉันค่อนข้างอิสระที่นี่ แต่คุณน่าจะเข้าใจว่าพวกเรามาที่นี่เพื่ออะไร วันนี้คุณพาคนกลับไปได้เลยค่ะ กลับไปพักผ่อนและหาเบาะแสต่อเถอะ” อีกฝ่ายเงียบไปนานก่อนจะพยักหน้า“คุณเสิ่น ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะทำตามที่คุณบอก”ตู๊ด ตู๊ด—— หลังจากวางสาย เสิ่นหยินอู้วางโทรศัพท์ลงบนอ่างล้างหน้า ก้มลงล้างหน้าแล้วปิดก๊อกน้ำในห้องน้ำหลังจากนั้น เธอก็หมุนตัวออกจากห้องน้ำไปหาผู้ช่วยเฉิน เธอคิดว่าเขาจะอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งของวิลล่า แต่เธอกลับเห็นเขา
สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้น เดินลงไปที่ครัวชั้นล่างและเปิดตู้เย็น ขณะที่เธอกำลังหาของ ผู้ช่วยเฉินก็ตามมาพร้อมพูดว่า “คุณเสิ่นต้องการอะไร บอกผมมาก็ได้ครับ” เสิ่นหยินอู้ไม่สนใจเขา ค้นหาของในตู้เย็นอยู่นาน และในที่สุดก็เจอเบียร์เย็นสองกระป๋อง เธอหยิบเบียร์และหันกลับไปเดินขึ้นชั้นบน ทันใดนั้น เสียงเย็นยะเยือกในหูฟังของผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “อย่าให้เธอดื่มเบียร์”ใช่ นี่คือเสียงของโม่ไป๋ ตั้งแต่เขาเจอกับคุณเสิ่น เขาก็เฝ้าฟังความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้เขาต้องรักษาท่าทีเย็นชากับเสิ่นหยินอู้ เมื่อได้ยินคำสั่งของโม่ไป๋ ผู้ช่วยเฉินก็รีบตอบสนองทันที ก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามเสิ่นหยินอู้ไป“คุณเสิ่นครับ” เสิ่นหยินอู้หยุดเดินและมองเขาอย่างไร้อารมณ์เช่นกัน“เบียร์นี้ ผมให้คุณไม่ได้ครับ” ผู้ช่วยเฉินยื่นมือไปหาเธอ “ส่งมาให้ผมเถอะ”เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก้มมองเบียร์สองกระป๋องในมือ แล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “อะไร แค่อิสระในการเลือกของ ฉันยังไม่มีเลยหรอคะ?”ผู้ช่วยเฉินไม่ได้ตอบอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆเมื่อเห็นเขาทำสีหน้าท่าทางแบบนั้น เสิ่นหยินอู้หัวเราะเบา ๆ และไม่ได้ส่งเบียร์ให้เข
เธอสบตากับผู้ช่วยเฉิน และพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่คฤหาสน์ เขามีท่าทีเย็นชาใส่เธอมาตลอด นั่นเป็นเพราะในคฤหาสน์มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกที่ เขาจึงไม่สามารถสื่อสารกับเธอได้ แม้กระทั่งการส่งสายตา แต่ตอนนี้มาถึงสนามบินแล้ว สนามบินอาจจะไม่ได้มีสายลับของโม่ไป๋อยู่ ถึงจะมีบ้าง แต่คงไม่เยอะเท่ากับในคฤหาสน์ สายลับในสนามบินน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์ ซึ่งมักจะอู้บ้าง และไม่ได้มีอยู่ทุกหนทุกแห่งเหมือนกับกล้องวงจรปิด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ยังมีการดักฟังตลอดเวลา เธอจึงไม่สามารถพูดคุยกับผู้ช่วยเฉินได้เลย ถ้าอยากจะพูดคุยกัน ต้องหาวิธีในภายหลังเสิ่นหยินอู้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เมื่อกี้ฉันดื่มเบียร์เย็นเข้าไป ตอนนี้รู้สึกไม่สบายท้องเลย”เมื่อได้ยิน ผู้ช่วยเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “คุณเสิ่นให้ผมเตรียมยามาให้ไหมครับ?”เสิ่นหยินอู้ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ แต่ฉันขอกระดาษทิชชู่หน่อย คุณพอมีมั้ยคะ?” เธอพูดด้วยท่าทางปกติ น้ำเสียงก็เย็นชา จนผู้ช่วยเฉินไม่แน่ใจว่าเธอสังเกตเห็นสัญญาณทางสายตาที่เขาส่งให้หรือเปล่า“มีครับ” ผู้ช่วยเฉินหยิบกระดาษทิชชู่จากกระเป๋าแ
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เธอก็รู้นี่ ว่าผมไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวด” “จริงเหรอ?” เสิ่นหยินอู้หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา“อย่าดื่มเบียร์เลยนะ โอเคมั้ย?”ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็ตอบทันทีว่า “ได้สิ งั้นคืนนี้ฉันจะออกเดินทางเลย” เดิมทีเธอแค่ต้องการดื่มอะไรเย็น ๆ เพื่อคลายความหงุดหงิด แต่กลับกลายเป็นว่าเธอสามารถควบคุมโม่ไป๋ด้วยเรื่องนี้ได้ ดังนั้นอย่าโทษที่เธอจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ยังไงเธอก็ถูกเขาข่มขู่ให้มาที่นี่อยู่แล้ว อีกฝั่งเงียบไปนานก่อนจะพูดว่า “วันนี้ไม่ได้”“จริงเหรอ?” เสิ่นหยินอู้หัวเราะเย็นชา “ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วใช่ไหม?” “หยินอู้ เธอต้องการจะขัดผมจริง ๆ เหรอ?”“ขัด?” เสิ่นหยินอู้สายตาหม่นหมองลง “ฉันคิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกัน ถ้าวันไหนที่ฉันต้องขัดนายจริง ๆ ก็คงเป็นเพราะนายบังคับเอง” พูดจบ เสิ่นหยินอู้ก็ไม่พูดอะไรต่อแล้วก็ตัดสายไปทันที หลังจากนั้นเธอก็ยกเบียร์ขึ้นมาดื่มจิบ ๆ ไปเรื่อย ๆ ผ่านไปซักพัก ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ผู้ช่วยเฉินเดินเข้ามาทันทีและพยายามหยิบเบียร์จากมือเธอไป แต่เสิ่นหยินอู้เหมือนจะรู้ทัน และเลื่อนเบี
สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้น เดินลงไปที่ครัวชั้นล่างและเปิดตู้เย็น ขณะที่เธอกำลังหาของ ผู้ช่วยเฉินก็ตามมาพร้อมพูดว่า “คุณเสิ่นต้องการอะไร บอกผมมาก็ได้ครับ” เสิ่นหยินอู้ไม่สนใจเขา ค้นหาของในตู้เย็นอยู่นาน และในที่สุดก็เจอเบียร์เย็นสองกระป๋อง เธอหยิบเบียร์และหันกลับไปเดินขึ้นชั้นบน ทันใดนั้น เสียงเย็นยะเยือกในหูฟังของผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “อย่าให้เธอดื่มเบียร์”ใช่ นี่คือเสียงของโม่ไป๋ ตั้งแต่เขาเจอกับคุณเสิ่น เขาก็เฝ้าฟังความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้เขาต้องรักษาท่าทีเย็นชากับเสิ่นหยินอู้ เมื่อได้ยินคำสั่งของโม่ไป๋ ผู้ช่วยเฉินก็รีบตอบสนองทันที ก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามเสิ่นหยินอู้ไป“คุณเสิ่นครับ” เสิ่นหยินอู้หยุดเดินและมองเขาอย่างไร้อารมณ์เช่นกัน“เบียร์นี้ ผมให้คุณไม่ได้ครับ” ผู้ช่วยเฉินยื่นมือไปหาเธอ “ส่งมาให้ผมเถอะ”เมื่อได้ยินแบบนั้น เสิ่นหยินอู้ก้มมองเบียร์สองกระป๋องในมือ แล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “อะไร แค่อิสระในการเลือกของ ฉันยังไม่มีเลยหรอคะ?”ผู้ช่วยเฉินไม่ได้ตอบอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆเมื่อเห็นเขาทำสีหน้าท่าทางแบบนั้น เสิ่นหยินอู้หัวเราะเบา ๆ และไม่ได้ส่งเบียร์ให้เข
หลี่มู่ถิง: “ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะให้พวกเขาคอยสังเกต แล้วคุณเสิ่น...…” “ฉันจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว สำหรับเรื่องหลังจากนี้......ฉันจะหาทางติดต่อพวกคุณไปค่ะ” เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่มู่ถิงก็เข้าใจได้ทันทีว่า เธอจะไม่กลับไปกับพวกเขา “คุณเสิ่น คุณถูกกักตัวไว้หรือเปล่าครับ?” ถูกกักไว้เหรอ? เสิ่นหยินอู้มองออกไปข้างนอก คิดถึงตอนที่ผู้ช่วยเฉินเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าเธอจะหนีหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดจะกักเธอไว้ สิ่งที่กักขังเธอไว้คือความห่วงใยที่มีให้ฉินเย่ ตั้งแต่เธอตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินมาที่นี่ ก็เหมือนเธอถูกกักไว้แล้ว“ไม่มีใครกักฉันไว้ค่ะ ฉันค่อนข้างอิสระที่นี่ แต่คุณน่าจะเข้าใจว่าพวกเรามาที่นี่เพื่ออะไร วันนี้คุณพาคนกลับไปได้เลยค่ะ กลับไปพักผ่อนและหาเบาะแสต่อเถอะ” อีกฝ่ายเงียบไปนานก่อนจะพยักหน้า“คุณเสิ่น ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะทำตามที่คุณบอก”ตู๊ด ตู๊ด—— หลังจากวางสาย เสิ่นหยินอู้วางโทรศัพท์ลงบนอ่างล้างหน้า ก้มลงล้างหน้าแล้วปิดก๊อกน้ำในห้องน้ำหลังจากนั้น เธอก็หมุนตัวออกจากห้องน้ำไปหาผู้ช่วยเฉิน เธอคิดว่าเขาจะอยู่ในห้องใดห้องหนึ่งของวิลล่า แต่เธอกลับเห็นเขา
ความจริงใจ...... คำนี้ทำให้เสิ่นหยินอู้รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา เขายังคิดว่าตัวเองมีความจริงใจอยู่อีกหรอ? เสิ่นหยินอู้พยายามระงับความรู้สึกที่จะด่าเขา เธอตัดสายโทรศัพท์ทันทีแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ผู้ช่วยเฉิน“ฉันจะดูรูปตอนนี้”ผู้ช่วยเฉินรับโทรศัพท์มาอย่างไร้ความรู้สึกแล้วเปิดรูปให้ดู พอเสิ่นหยินอู้เห็นรูป สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีในรูป ฉินเย่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว มีผ้าก๊อซพันอยู่รอบหน้าผากและยังมีรอยเลือดอยู่บนผ้าก๊อซ“นี่มันเรื่องอะไร?” เสิ่นหยินอู้เดินเข้ามาจับแขนของผู้ช่วยเฉิน “ทำไมเขาถึงบาดเจ็บขนาดนี้? โม่ไป๋ทำเขาเจ็บแบบนี้หรอ? เขาเป็นอันตรายถึงชีวิตไหม?” ผู้ช่วยเฉินมองมือของเธอ จากนั้นสะบัดออกอย่างไร้ความรู้สึก แล้วถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่าง“คุณเสิ่น เรื่องนี้ผมไม่ทราบ หากคุณอยากรู้ ก็ไปถามคุณโม่ด้วยตัวเองดีกว่าครับ” “ได้ ฉันจะถามเขาเอง” แต่ผู้ช่วยเฉินกลับดึงโทรศัพท์กลับไป ไม่ได้ให้เธออีกแล้ว“คุณบอกให้ฉันถามเองไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ให้โทรศัพท์ ฉันจะโทรหาเขาได้ยังไง?” “คุณเสิ่น คุณโม่หมายความว่า รอให้เจอกันก่อนแล้วเขาจะบอกคุณ”เสิ่นหยินอู้"......" เมื่อพูดจบ ผู้
เธอมองคนที่มาอยู่นาน ก่อนจะค่อย ๆ รู้สึกตัว จากนั้นรีบก้าวเข้าไปอย่างดีใจ“ผู้ช่วยเฉิน ดีจังเลยที่คุณไม่เป็นอะไร ฉันนึกว่าคุณ...…” แต่พอเธอเดินเข้าไปใกล้ ผู้ช่วยเฉินกลับถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อรักษาระยะห่างจากเธอเสิ่นหยินอู้หยุดก้าวทันที มองเขาด้วยความสงสัย“เป็นอะไรไปคะ?” แต่สายตาของผู้ช่วยเฉินกลับเย็นชา มองเธอเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีท่าทีเหมือนก่อนหน้านี้ไม่สิ คนแปลกหน้าก็ยังไม่เย็นชาขนาดนี้ ราวกับว่าพวกเขามีความแค้นต่อกัน “คุณเสิ่นให้ผมรออยู่นานเลยนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสิ่นหยินอู้ "......"รอยยิ้มที่มุมปากของเธอค่อย ๆ หายไป ก่อนจะพูดขึ้นหลังจากเงียบไปซักพัก “ผู้ช่วยเฉิน คุณเป็นอะไรไปคะ?” แต่ผู้ช่วยเฉินไม่ได้ตอบ กลับจ้องไปที่นอกประตูแทน“คุณเสิ่นมาคนเดียวใช่ไหมครับ? ได้ทำตามสัญญาหรือเปล่า?” เสิ่นหยินอู้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทำได้แค่พยักหน้าตามคำพูดของเขา“พวกเขามาส่งฉันค่ะ แต่ยังอยู่ห่างจากที่นี่ ฉันไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามา” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้หยุดไปซักพัก แล้วพูดต่อว่า “นี่ไม่นับเป็นการผิดสัญญาใช่ไหม?”ผู้ช่วยเฉินไม่ได้ตอบรับ เสิ่นหยินอ
อาจเป็นเพราะสองวันนี้ไม่ได้กินอะไรดี ๆ ลำไส้และกระเพาะอาหารเลยรู้สึกไม่ค่อยดี ประกอบกับเส้นทางที่ขรุขระแบบนี้ ความรู้สึกคลื่นไส้เริ่มผุดขึ้นมา แต่เธอก็ทำได้แค่พยายามอดทน ทันทีที่รถหยุด สิ่งแรกที่เสิ่นหยินอู้ทำคือลงจากรถแล้วพุ่งไปอาเจียนข้างทาง“คุณเสิ่นครับ!” หลี่มู่ถิงตกใจในปฏิกิริยาของเธอ จึงรีบเปิดประตูรถตามลงไปทันที“คุณเสิ่นเป็นอะไรมั้ยครับ?” เสิ่นหยินอู้นั่งยองข้างถนน เพราะลมพัดแรง หลี่มู่ถิงจึงรีบถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมให้เธอ จากนั้นก็พยุงเสิ่นหยินอู้ที่ใบหน้าซีดเซียวให้ยืนขึ้น“ไม่เป็นไรค่ะ” หลี่มู่ถิงเพิ่งสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเสิ่นหยินอู้ซีดราวกับกระดาษ ตอนที่อยู่ในรถเขามัวแต่คิดและสั่งการเลยไม่ได้สังเกตเห็น ตอนนี้เขาสังเกตดูอาการของเสิ่นหยินอู้ คงเป็นเพราะเส้นทางขรุขระเกินไปทำให้เธอเมารถ ขณะที่เขากำลังคาดเดาในใจ เสิ่นหยินอู้ก็พูดขึ้นว่า “แค่เมารถนิดหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ”“ขอโทษครับคุณเสิ่น ถนนเส้นนี้ขรุขระเกินไป ผมน่าจะให้พวกเขาขับช้ากว่านี้” คุณเสิ่นอดทนมาก เมารถมาตลอดทางแต่ก็ไม่พูดอะไรเลย เสิ่นหยินอู้เพียงแค่ยิ้มให้เขา เป็นสัญญาณว่าเธอไม่เป็นอะไร
ได้ยินถึงตรงนี้ หลี่มู่ถิงก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเธอแล้ว“คุณเสิ่นครับ ประเทศนี้ คุณมาเป็นครั้งแรกหรือเปล่าครับ?” เสิ่นหยินอู้คิดอยู่สักพัก ก่อนจะส่ายหน้า“ก็ไม่ถือว่าเป็นครั้งแรกหรอกค่ะ แต่ครั้งก่อนฉันมาคนเดียว และอยู่ที่นี่แค่สองวันเท่านั้น” ตอนนั้นเธอพักที่โรงแรม ไม่ได้มีสถานที่ที่เรียกว่าเป็นที่เก่ากับโม่ไป๋หรอก? ไม่ใช่แค่ครั้งก่อน ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เธอไม่รู้สึกว่ามีที่เก่าที่ไหนเลย นอกจากวิลล่าหลังนั้นที่พวกเขาเคยไป เพราะนั่นเป็นสถานที่ที่เธออยู่นานที่สุด หลังจากฟังเธอพูด หลี่มู่ถิงก็ตกอยู่ในห้วงความคิดเช่นกัน“หรือว่า ที่เก่าที่เขาพูดถึง ไม่ได้หมายถึงเมืองนี้ หรือประเทศนี้?” ตอนแรกเสิ่นหยินอู้ก็คิดแบบเดียวกัน แต่จากนิสัยของโม่ไป๋แล้วไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าเธอมาผิดที่จริง โม่ไป๋ก็น่าจะบอกเธอทางโทรศัพท์ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องการเจอเธอ แล้วเขาก็ยังรู้หมายเลขเที่ยวบินของเธอด้วย“ไม่น่าจะใช่ค่ะ ถ้าไม่มีที่อื่นแล้ว ก็คงต้องไปที่นั่นแล้วล่ะ” ที่นี่ก็ไม่มีที่อื่นอีกแล้ว ถ้าเธอจะไปหาเขา ก็มีแค่สถานที่นั้นเท่านั้น หลี่มู่ถิงรู้สึกจนปัญญาไปชั่วขณะ แต่ตอนนี้ก
"ไม่ต้องดูหรอกค่ะ หมายเลขนั้นคงโทรกลับไปไม่ได้หรอก เขาคงจัดการมันไปแล้ว" ความหมายของเขาชัดเจนมาก เขาต้องการให้เธอไปหาเขา และต้องไปคนเดียว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมที่เขากล้าทำแบบนี้ก็เพราะว่าเขามีสิ่งที่เป็นจุดอ่อนพวกเธออยู่ในมือรู้การเคลื่อนไหวของเธอทั้งหมด แต่กลับไม่ให้คนไปหาเธอ ต้องการให้เธอไปหาเขาแทนเสิ่นหยินอู้หลับตาลง เห็นได้ชัดว่าฉินเย่อยู่ในกำมือของเขาจริงๆเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมฉินเย่ถึงแพ้เขาได้? เขาวางแผนลอบทำร้ายฉินเย่เหรอ?"คุณเสิ่น คุณไปคนเดียวไม่ได้หรอกครับ" หลี่มู่ถิงพูดอย่างโกรธเคือง “เขาตั้งใจจะควบคุมคุณ""ค่ะ ก็รู้แล้ว แต่จะทำยังไง? คุณมีวิธีที่จะหาฉินเย่เจอไหม?"หลี่มู่ถิง "......" หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่มู่ถิงก็พูดขึ้นว่า "คนของเราที่ส่งออกไปก็กำลังพยายามหาอย่างสุดความสามารถอยู่ครับ"เมื่อเห็นว่าเสิ่นหยินอู้ไม่ตอบ เขาพูดต่อว่า "ขอโทษครับคุณเสิ่น เป็นเพราะผมใช้ไม่ได้ ตอนนั้นผมน่าจะอยู่ช่วยเขา"ถึงตอนนี้แล้ว ใครจะใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้วเสิ่นหยินอู้ไม่อยากพูดอะไรต่อ แต่เธอก็ยังปลอบใจเขาว่า "อย่าคิดแบบนั้นเลยค่ะ เรื่องนี้จริ