Share

บทที่ 633

Author: ลั่วหูโยว
เดิมทีเขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของเธอ แต่หลังจากพูดถึงเรื่องลูกแล้ว ความสนใจของอู๋อี้ไห่ก็เปลี่ยนไปในทันที

“เถ้าแก่ ลูกแฝดของคุณเป็นหญิงหรือชายหรอครับ?”

เสิ่นหยินอู้มองเขาอย่างเรียบเฉย "เพื่อนของฉัน"

อู๋อี้ไห่: "ครับครับ เพื่อนคุณ งั้นฝาแฝดที่เพื่อนของคุณคลอดออกมาเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงครับ?"

“มันสำคัญหรอว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง?”

“สำคัญสิครับ ผมอยากรู้นี่”

“...แฝดชายหญิง”

“ว้าว งั้นถ้าประธานฉินแย่งไปได้ เขาก็จะได้ไปทั้งลูกชายแล้วก็ลูกสาวสิ?”

เสิ่นหยินอู้: "อดีตสามีของเพื่อนฉัน"

“ครับครับ อดีตสามีของเพื่อนคุณ ผมพูดผิด พูดผิดน่ะครับ”

“แต่ว่าประธาน...ทำไมเพื่อนของคุณถึงคิดว่าอดีตสามีของเธอต้องการแย่งลูกไปจากเธอแทนที่จะคิดว่าเขาอยากเลี้ยงลูกด้วยกันกับเธอล่ะครับ?”

“เลี้ยงด้วยกัน คุณล้อเล่นเหรอ? เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย”

“มันต้องมีเหตุผลสินะ ทำไมเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ?” อู๋อี้ไห่เลิกคิ้วแล้ววิเคราะห์: “อดีตสามีของคุณ ไม่สิ อดีตสามีของเพื่อนคุณเก่งมากเลยสินะ? เขามีทั้งสถานะในสังคมและตำแหน่งที่สูงส่ง ถ้ามีเขามาช่วยเลี้ยงดูลูกๆ มันคงจะเป็นเรื่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 634

    อู๋อี้ไห่: "นี่นี่ เถ้าแก่ ผมก็คิดว่าคุณไม่ได้สนใจเลยสักนิด ที่แท้คุณก็ยังฟังอยู่" เสิ่นหยินอู้: "..." เธออดทน อดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และพูดกับอู๋อี้ไห่ว่า: "ผู้จัดการอู๋ คุณอยากโดนไล่ออกไหม?" “ไม่ครับ ไม่ ผมแค่ล้อเล่นเพื่อคลายเครียดเอง ถ้าคุณตอบกลับ ผมก็รู้ว่าคุณกำลังฟังอยู่”เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเสิ่นหยินอู้ไม่ดีอย่างรุนแรง อู๋อี้ไห่จึงทำได้เพียงพูดว่า: "เอาล่ะๆ ผมจะพูดต่อ" “ในตอนนั้นทุกคนคิดว่าพวกเขาทั้งสองกำลังจะหมั้นกัน เพราะแม้กระทั่งวันหมั้นก็ได้ประกาศออกมาแล้ว และคนในแวดวงต่างก็โพสต์คำเชิญเข้าร่วมงานกันหลายคนเลยด้วย” เมื่อได้ยิน คิ้วที่ของเสิ่นหยินอู้ก็ขมวดเล็กน้อย "แล้วไงต่อ?" “เถ้าแก่อย่าเพิ่งเร่งครับ ฟังผมให้จบก่อน” เสิ่นหยินอู้: "..." เธอไม่ได้เร่ง “ต่อมา หลายๆคนได้รับคำเชิญ แม้แต่ภายสถานที่จัดงานหมั้นก็ถูกถ่ายภาพไว้แล้ว ในเวลานั้น ทั่วทั้งหลานเฉิงแพร่ข่าวลือเรื่องที่ว่าทั้งสองกำลังจะหมั้นกัน แค่เพียงรอวันหมั้นที่กำลังจะมาถึง ถึงขั้นมีนักข่าวมามุงอัดกันอยู่ที่ประตูบ้านของตระกูลฉินเพียงเพื่อจะถามเกี่ยวกับเรื่องการหมั้นหมาย แต่เดาส

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 635

    เสิ่นหยินอู้ใช้เวลาอยู่นานก่อนที่จะพูดออกมาได้ “เขาไม่ได้ไปเหรอ?” อู๋อี้ไห่พยักหน้าอย่างจริงจัง "ไม่ได้ไป" หลังจากได้ยินเช่นนั้น เสิ่นหยินก็ลดสายตาลงและเงียบไป เดิมทีเขาเป็นหนี้บุญคุณเจียงฉูฉู่ ถ้าเขาไม่ไป นั่นไม่ใช่การเอาตัวเองไปเผาบนกองไฟหรอ? แต่ถึงไม่ไปแล้วมันจะทำไม เรื่องราวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด “ตอนนั้นสื่อหลายที่รีบไปที่นั่นเพราะคิดว่าจะได้เห็นงานหมั้นที่ยิ่งใหญ่ ใครจะรู้ว่าหนึ่งในตัวละครหลักจะหายไป ผมได้ยินมาว่าวันนั้นเจียงฉูฉู่อับอายมากเพราะเธอเป็นคนเดียวที่มาในพิธีหมั้น เธอหน้าแตกยับเยินจนหมอไม่รับเย็บ ตระกูลเจียงก็หน้าแตกไปตามๆกันเพราะเธอ แต่ว่าหลังจากนั้นพวกสื่อก็ถ่ายรูปอะไรมาไม่ได้อีก ถึงจะถ่ายมาได้ แต่มันก็ถูกลบทิ้งจนหมด” เมื่อได้ยิน เสิ่นหยินก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย “เป็นไปได้ไหมว่ามันเป็นแค่การบังหน้า แต่จริงๆแล้วมันไม่มีพิธีหมั้นอะไรเลย?” เสิ่นหยินยังไม่เชื่อว่าฉินเย่จะไม่ไป ท้ายที่สุดในตอนนั้นเขาก็แต่งงานปลอมๆกับเธอ รวมถึงที่เขาไม่ต้องการลูกด้วย มันไม่ใช่เพราะคนในใจของเขาคือเจียงฉูฉู่หรอ? เป็นไปได้อย่างไรกันที่เจียงฉูฉู่ถึงกับบังคับให้เขาไปง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 636

    สรุปก็คือ ถ้าเขาต้องการแย่งเด็กๆไป เธอก็จะไม่มีทางตกลงเด็ดขาด - ในตอนใกล้เวลาเลิกงาน เสิ่นหยินอู้ได้รับข้อความหนึ่ง ข้อความนี้ส่งมาจากลุงเย่มู่ที่เป็นเพื่อนของเธอใน WeChat “วันนี้ผมไม่มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำที่บริษัท ก็เลยเลิกงานก่อนแล้วก็ไปโรงเรียน ผมรับลูกๆกลับบ้านมาแล้ว คุณเลิกงานแล้วก็มาที่นี่ได้เลยนะ” เมื่อเห็นข้อความ เสิ่นหยินอู้ก็ลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหลือจะเชื่อแต่แล้วเธอก็ได้สติและตอบกลับทันทีว่า: "ฉันไม่เห็นด้วย" ฉินเย่: "ไม่เห็นด้วยยังไง?" เสิ่นหยินอู้: "ฉันไม่เห็นด้วยกับการที่คุณพาลูกๆของฉันไปที่บ้าน กรุณาเคารพความต้องการของฉันด้วย" อีกฝ่ายเงียบไปนานแล้วจึงตอบเธอ: "หยินอู้ ต้องให้ผมเตือนคุณไหม? เหมิงเหมิงกับเหนียนเหนียนก็เป็นลูกของผมเหมือนกัน" เสิ่นหยินอู้: "คุณไม่จำเป็นต้องเตือนฉัน ฉันเลี้ยงดูพวกเขามาจนโต ฉันรู้ดีว่าลูกๆเป็นลูกของใคร ยังไงพวกเขาไม่ใช่ลูกของคุณอยู่แล้ว" ฉินเย่: "จริงเหรอ? งั้นให้ผมพาพวกเขาไปตรวจดีเอ็นเอไหม?" เสิ่นหยินอู้: "..." เสิ่นหยินอู้: "สรุปนะ กรุณาอย่าพาลูกของฉันไปไหนอีก" หลังจากส่งข้อความไปแล้ว เป็นเว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 637

    หลังจากที่ฉินเย่พาเด็กๆกลับถึงบ้าน เขาได้เชิญเชฟมาทำอาหารอร่อยๆให้พวกเขาเป็นพิเศษ และยังให้คนไปซื้อของเล่นอีกมากมายมาด้วย เนื่องจากยังไม่รู้ความชอบที่เฉพาะเจาะจงของเด็กสองคนนี้ และเขาไม่เคยซื้อของเล่นมาก่อน เขาจึงให้คนไปซื้อของเล่นมาเป็นกองๆ ซึ่งรวมไปถึงของเล่นต่างๆสำหรับทั้งเด็กผู้หญิงและทั้งเด็กผู้ชายด้วย เด็กน้อยทั้งสองไม่เคยเห็นของเล่นเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเห็นมัน พวกเขาจึงตกตะลึงกันทั้งคู่ พวกเขาทั้งสองหันไปหาฉินเย่พร้อมกัน และเสิ่นเหมิงเหมิงก็ถามเบาๆ: "ลุงเย่มู่ ทั้งหมดนี้ให้เหมิงเหมิงกับพี่ชายหรอคะ?" "อืม" ฉินเย่พยักหน้า: "ถ้าอยากเป็นพ่อของพวกหนู ลุงก็ต้องทำตัวดีๆให้มากๆ นี่แค่เริ่มต้น เข้าไปดูสิว่ามีอันที่ชอบไหม?" หลังจากพูดจบ มือใหญ่ๆของเขาก็วางลงไปบนแผ่นหลังของเด็กทั้งสองคนแล้วผลักพวกเขาเบาๆให้เข้าไป เด็กน้อยทั้งสองเข้าไปในห้องแล้วมองหน้ากัน จากนั้นเหมิงเหมิงก็ถามเสิ่นซือเหนียนเบาๆ “พี่ชาย ของพวกนี้เราดูได้ไหม?” เสิ่นซือเหนียนดูออกว่าจริงๆแล้วเหมิงเหมิงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว ที่จริงก็ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แม้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวเมื่อเห็นห้องท

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 638

    หลังจากแน่ใจแล้ว เสิ่นเหมิงเหมิงก็ส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจและไปรื้อเครื่องบินจำลองต่อ หลังจากที่เธอจากไป ฉินเย่ก็มองไปที่เสิ่นซือเหนียนซึ่งยืนอยู่ข้างๆที่แทบไม่พูดอะไรและกำลังพยายามยับยั้งชั่งใจตัวเองอย่างมาก “แล้วเหนียนเหนียนล่ะ?” “อะ อะไรหรอครับ?” เมื่อเขาถูกเรียก ทันใดนั้นเสิ่นซือเหนียนก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา “ความฝันของเหมิงเหมิงคือการเป็นนักบินหญิง แต่เหนียนเหนียนล่ะ?” นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ฉินเย่พูดคุยกับเด็กน้อยอย่างอดทนและเป็นฝ่ายที่ถามเกี่ยวกับความฝันของคนอื่นก่อน ในอดีตเขาไม่อยากฟังสิ่งที่เด็กคนอื่นพูดด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาอยากจะมีเวลามากขึ้นเพื่อทำความรู้จักกับลูกๆสองคนของเขาที่ไม่เคยรู้จักกันเลยห้าปี และเขายังต้องการรู้จักตัวตนของพวกเขาเพิ่มอีกด้วย เสิ่นซือเหนียนมองไปทางอื่น ไม่หันหน้าไปหาฉินเย่และพูดอย่างอึดอัดว่า: "ผมยังไม่ได้คิดเลย" หลังจากได้ยิน สายตาของฉินเย่ก็เลื่อนลง และจับจ้องไปที่มือเล็กๆของเขาที่จับชายเสื้อของตัวเอง สายตาของเขามีความหมายลึกซึ้ง “ยังไม่ได้คิดหรือคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกลุงเย่มู่เหรอ? ดูเหมือนว่าเหนียนเหนียนจะเริ่มไม่ไว้ใจลุงซะแล้วนะเนี่

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 639

    หลังจากพูดจบ กู้เหยียนซีก็ไม่ลืมที่จะพูดอะไรดีๆเพื่อเทพธิดาของเขา “มึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าช่วงนี้ฉูฉู่คิดถึงมึงมากแค่ไหน มึงนี่จริงๆเลย ต่อให้งานจะยุ่งแค่ไหนมึงก็ไม่ควรไม่รับสายของฉูฉู่นะ” หลังจากได้ยิน จี้ชิงเป่ยก็มองไปที่กู้เหยียนซีด้วย เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าพูดตรงๆกับฉินเย่ เหตุผลแรกก็เพราะทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก และเหตุผลที่สองก็เพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่ในครอบครัวของพวกเขาก็ค่อนข้างดีเช่นกัน ดังนั้น ฉินเย่จึงมีความอดทนต่อเพื่อนในวัยเด็กของเขามาก บางคนรู้ว่าอะไรเหมาะสม อะไรไม่เหมาะ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร แต่คนอย่างกู้เหยียนซีที่ไม่รู้จักไม่รู้กาลเทศะ บางครั้งเขาก็ชอบพูดอะไรที่ไม่สมควรออกมา เขามีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก พูดทุกอย่างตามที่ใจนึก แม้ว่าฉินเย่จะเตือนเขาไปหลายครั้ง แต่เขาก็เปลี่ยนไม่ได้ บางครั้งฉินเย่ก็เหนื่อยที่จะไปสนใจว่าคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาจะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับตอนนี้ หลังจากที่กู้เหยียนซีพูดเช่นนั้น ฉินเย่ก็ทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน และพูดอย่างใจเย็น: "ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมกูเป็นพิเศษหรอก ถ้าไม่มีเรื่องอะไร พวกมึงรีบกลับไ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 640

    โอ้ใช่แล้ว เธอยังเรียกฉินเย่ว่าลุงเย่มู่ด้วยงั้นเหรอ? ลุงเย่มู่?นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?นอกจากชื่อของเขาแล้ว ฉินเย่ยังมีชื่อเล่นอื่นที่เธอไม่รู้อีกหรอ? เมื่อคิดเช่นนั้น การแสดงออกทางสีหน้าของเจียงฉูฉู่ก็แทบจะระเบิดออกมา เธอมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาที่เย็นชาของฉินเย่และพูดออกมาอย่างยากลำบาก: "เย่ เด็กคนนี้คือใคร?" จี้ชิงเป่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วมองฉินเย่อย่างเงียบๆเพื่อรอคำตอบของเขา หลังจากกู้เหยียนซีได้ยินคำพูดของเจียงฉูฉู่ จู่ๆเขาก็มองไปที่เด็กสาวตัวเล็กๆที่ยืนอยู่ที่บันไดด้วยความประหลาดใจและถามว่า: "เย่ เด็กน้อยคนนี้หน้าเหมือนมึงมาก คงไม่ใช่ลูกมึงหรอกใช่ไหม?" ทันทีที่เขาถามคำถามนี้ สีหน้าของเจียงฉูฉู่ซึ่งไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วก็แย่ลงไปอีก มือที่ห้อยอยู่ข้างๆลำตัวกำแน่นจนเล็บที่เรียวยาวเกือบจะแทงเข้าไปในเนื้อ “เป็นไปไม่ได้หรอกใช่ไหม?” เธอยิ้มเจื่อนๆออกมา: "เมื่อก่อนก็มีเด็กหลายคนที่หน้าเหมือนฉินเย่ถูกพามาหาเขา แต่ก็ตรวจสอบไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ไอพวกบ้าๆจิตวิปริตที่ไปทำศัลยกรรมให้เด็กตัวน้อยๆแล้วคิดจะใช้โอกาสนี้มาเกาะฉินเย่ เด็กคนนี้คงจะเป็นเหมือนกับคนพวกนั้นหรือเปล

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 641

    จากที่ไกลๆ เสิ่นหยินอู้เห็นร่างที่คุ้นเคยหลายคนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ หลังจากเข้าใกล้ไปๆ เสิ่นหยินอู้ก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้เป็นใคร กู้เหยียนซี, จี้ชิงเป่ย, เจียง...ฉูฉู่ เมื่อเห็นรูปร่างที่เพรียวบางนั้น เสิ่นหยินอู้ก็นึกถึงครั้งก่อนที่เธอเห็นฉูฉู่ในงานประมูล นับแต่นั้นก็ไม่ได้เห็นเธออยู่ข้างๆฉินเย่เลย และในที่สุดเธอก็ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้ เมื่อนึกได้ว่าลูกของเธอยังอยู่ที่บ้านของฉินเย่ แต่เจียงฉูฉู่กลับมาในเวลานี้... เมื่อคิดเช่นนั้น สีหน้าของเสิ่นหยินอู้ก็เปลี่ยนไป เธอเดินไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ทันทีที่เธอเดินเข้าไปใกล้ เธอก็เห็นกู้เหยียนซีที่จู่ๆก็พยายามแทรกตัวเองเข้าไปในบ้าน แต่ก็ถูกฉินเย่คว้าคอเสื้อไว้แล้วโยนเขาออกไป หลังจากนั้น กู้เหยียนซีก็ล้มลงต่อหน้าเธอในที่ไม่ไกล เจียงฉูฉู่และจี้ชิงเป่ยซึ่งยืนอึ้งอยู่ที่เดิมมาเป็นเวลานานก็รู้ตัวว่าพวกเขาต้องเข้าไปช่วยพยุงกู้เหยียนซี ในไม่ช้าก็เดินไปตามเงาของโคมไฟและเห็นเธอ สายตาของทุกคนต่างก็สบกัน ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่เสิ่นหยินอู้ เมื่อเห็นเสิ่นหยินอู้ ร่างกายของเจียงฉูฉู่รู้สึกเหมือนถูกไฟดูด

Latest chapter

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 910

    โม่ไป๋เดินเข้ามาและพยุงเสิ่นหยินอู้ขึ้น"ตื่นก็ดีแล้ว มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายไหม?"เสิ่นหยินอู้มองคนตรงหน้า รู้สึกว่าคนนี้ดูแปลกหน้า แต่เขากลับโอบเธอไว้ และท่าทางกับสายตาดูห่วงใยเธอมาก
แต่......เธอไม่รู้จักเขาเลย"คุณคือ......?"
คำถามแรกของเธอทำให้โม่ไป๋ถึงกับชะงัก"หืม?"
โม่ไป๋คิดว่าตัวเองคงฟังผิด เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ถามว่าเขาเป็นใคร?
แต่คำถามต่อมาของเสิ่นหยินอู้ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้ฟังผิด
"คุณคือใคร?"
เสิ่นหยินอู้ถามอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงฟังดูชัดเจนขึ้น และสายตาที่มองโม่ไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังหันไปมองคนรอบข้างแล้วถามว่า "พวกคุณคือใคร?"ทุกคน "......"
เธอไม่รู้จักพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะพวกเขาไม่เคยพบหน้าเธอมาก่อน และรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่คุณโม่ไป๋ชอบก็พอแล้ว
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักคุณโม่ไป๋เลย?เมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของเธอ มีหนึ่งคนพูดขึ้นอย่างเผลอๆ ว่า "เธอคงไม่ได้หัวกระแทกจนจำคุณโม่ไป๋ไม่ได้หรอกนะ?"คนข้างๆ "ไม่หรอกมั้ง? แค่กระแทกทีเดียวก็ความจำเสื่อมเลย? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?"


  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 909

    แต่หลังจากที่เขาพูดว่าตัวเองทำผิดแล้ว ดูเหมือนโม่ไป๋จะไม่ได้ฟังคำสารภาพของเขาเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นหยินอู้ที่นอนอยู่บนเตียง
หมอกำลังตรวจอาการของเสิ่นหยินอู้
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หมอก็ถอดแว่นออก แล้วพูดกับโม่ไป๋ว่า “คุณโม่ ดูเหมือนคุณผู้หญิงท่านนี้จะมีแค่แผลที่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ”
เมื่อเกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินหมอบอกว่าเสิ่นหยินอู้มีแค่บาดแผลที่ผิวเผิน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
ยังดีที่เป็นแผลแค่ที่ผิวเผิน ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บรุนแรงกว่านี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดชีวิตจากความโกรธของโม่ไป๋
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าผลักแค่นั้นไม่น่าเป็นอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้หญิงคนนี้บอบบางมาก แค่ผลักนิดเดียวก็น็อกหมดสติไปได้"แต่ว่า......"
ไม่คิดเลยว่าหมอจะเปลี่ยนคำพูดขึ้นมาทันทีโม่ไป๋ที่ยังคงกังวล ได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที "แต่ว่าอะไร?""แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจได้ตอนนี้มีแค่แผลภายนอกเท่านั้น เนื่องจากคุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ควรพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อเธอตื่นแล้วครับ"เมื่อได้ยิน โม่ไป๋ก็เข้าใจสิ่งที่หมอหมา

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 908

    "พี่โม่ไป๋ ฉัน......""ออกไปให้พ้น!"
เขามักจะอบอุ่นอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตาของหรงเค่ออิน โม่ไป๋ก็เป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ดังนั้นวันนี้ที่เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้หรงเค่ออินตกใจกลัว
เธอยืนตะลึงมองโม่ไป๋อยู่สักพักกว่าจะได้สติ แล้วจึงหันหลังวิ่งออกไป
พอหันมาก็เจอเกาอวี่ที่พาหมอกลับมา เกาอวี่เห็นหรงเค่ออินมีสีหน้าลำบากใจเดินออกไป คาดว่าเธอคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากโม่ไป๋ ทำให้เขาเองก็พลอยกังวลไปด้วยเมื่อเข้าไปข้างใน เขาไม่กล้าพูดอะไรที่มากเกินความจำเป็น ได้แต่พูดประเด็นหลักว่า "คุณโม่ หมอมาถึงแล้วครับ""เข้ามาดูหน่อย ว่าเธอบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?"หมอเข้ามาตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าผากก็รีบทำแผลให้เธอ แล้วพูดว่า "ดูจากแผลนี้ น่าจะเป็นมาสักพักแล้วครับ"
เมื่อโม่ไป๋ได้ยินก็หรี่ตาลงท่าทางอันตราย รังสีรอบตัวก็เย็นเยือกขึ้นอีกหลายเท่า
เกาอวี่ถึงกับหดตัวด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดว่าโม่ไป๋จะตำหนิเขา แต่เปล่าเลย โม่ไป๋แค่เตือนหมอให้ตรวจเสิ่นหยินอู้อย่างละเอียด แล้วค่อยหันมามองเขา"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เมื่อได้ยิน เกาอ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 907

    หรงเค่ออินกับเกาอวี่ที่เดินตามหลังโม่ไป๋เข้ามา พอเห็นภาพนี้ก็หน้าถอดสี
ทั้งสองคนสบตากัน
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"ทางด้านโม่ไป๋ที่อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นมา แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า "ติดต่อให้หมอมาที่นี่ด่วน"
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น ทุกความรู้สึกในใจเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความกังวลทันที
เขาไม่มีอารมณ์อื่นใด นอกจากความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ปฏิกิริยาแรกของเขาคืออุ้มเธอขึ้นแล้วให้เกาอวี่ไปตามหมอ จากนั้นอุ้มเสิ่นหยินอู้วางลงบนเตียงนุ่มอย่างระมัดระวัง
เกาอวี่ไปตามหมอ ส่วนหรงเค่ออินยังอยู่ที่นี่จากนั้นเธอก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าโม่ไป๋อุ้มเสิ่นหยินอู้ขึ้นเตียงด้วยท่าทางเอาใจใส่และระมัดระวังแค่ไหน
ในใจเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา เธอรู้จักโม่ไป๋มานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นพี่โม่ไป๋ดีกับผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากพี่โม่ไป๋?
พี่โม่ไป๋ชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆ เหรอ?
คิดได้แบบนั้น หรงเค่ออินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองโม่ไป๋ กัดริมฝีปากตัวเองแล้วถาม "พี่โม่ไป๋ พี่ชอบเธอเหรอคะ?"
โม่ไป๋เหมือนจะไม่ได้ยิน

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 906

    พูดจบ เธอก็ปล่อยมือเกาอวี่ทันที จากนั้นวิ่งไปทางประตู "พี่โม่ไป๋! กลับมาแล้วเหรอคะ?"พอโม่ไป๋เดินเข้าประตูมาถอดเสื้อคลุมส่งให้คนใช้เสร็จ เขาก็เห็นหรงเค่ออินที่วิ่งเข้ามาหา ดวงตาเรียวยาวของเขาหรี่ลงทันที "หรงเค่ออิน? เธอมาที่นี่ได้ยังไง?"
ท่าทีเย็นชาของเขาทำให้หรงเค่ออินหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าเขา
น้ำเสียงที่เขาพูดกับเธอเย็นชาสุดๆ ทำให้ใจของหรงเค่ออินชาไปครึ่งหนึ่ง เธอตัวเกร็งเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ว่า "ฉัน ฉันคิดถึงพี่ ก็เลยมาหาค่ะ"
แต่น่าเสียดายที่สายตาที่โม่ไป๋มองเธอเหมือนมองคนแปลกหน้า พอฟังเธอพูดจบ เขาก็พูดด้วยเสียงเย็นชา "ใครก็ได้ พาหรงเค่ออินกลับไปที"
เกาอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ"ได้ครับ คุณโม่""ไม่!" หรงเค่ออินรีบขัดขึ้น "พี่โม่ไป๋ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันอุตส่าห์ลางานมาเจอพี่ นี่พี่รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"เห็นได้ชัดว่าตอนนี้โม่ไป๋ไม่ได้สนใจเธอเลย แม้จะฟังที่เธอพูดไปแล้ว ในใจของเขาก็ไม่มีความรู้สึกใดๆ กลับตอบอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่มีเวลาต้อนรับเธอตอนนี้ เธอกลับไปก่อน ไว้โอกาสหน้าค่อยมาใหม่"
พูดจบ โม่ไป๋ก็เดินตรงไปที่ชั้นบนทันที
เขามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้อง

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 905

    หรงเค่ออินที่ตัดสินใจได้แล้วก็ดีใจเหมือนลิงโลดในใจ ก่อนจะหันมาถามว่า "พี่เกาอวี่ ตอนนี้พี่โม่ไป๋อยู่ที่ไหน เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?""คุณโม่ไป๋กำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับ คงจะกลับมาช่วงค่ำ คุณหรงจะอยู่ทานข้าวเย็นที่นี่เลยไหมครับ?"
หรงเค่ออินพยักหน้า
"ได้ค่ะ งั้นฉันจะอยู่ทานข้าวที่นี่ด้วยเลย"
พูดจบ เธอก็เหมือนนึกอะไรได้ หันไปมองห้องที่ล็อกอยู่พร้อมกับแค่นเสียง"ที่นี่......พี่โม่ไป๋คงไม่ได้มานานแล้วสินะ? ตอนนี้ดันกลับมาได้เพราะผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"
ยิ่งคิด หรงเค่ออินก็ยิ่งโกรธ อยากให้แรงที่ใช้ผลักเธอตอนนั้นมากกว่านี้ เธอน่าจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้มากกว่านี้
ช่างเถอะ ถ้าหากเธอพักอยู่ที่นี่บ่อยๆ โอกาสที่จะจัดการผู้หญิงคนนั้นยังมีอีกเยอะหรงเค่ออินที่จะอยู่ต่อ ก็ให้เกาอวี่สั่งคนในบ้านมาจัดห้องให้ แล้วให้ส่งกระเป๋าของเธอมาที่นี่ จากนั้นเธอก็พักอยู่ที่นี่เลย โดยที่ห้องของเธอเป็นห้องที่ใกล้กับโม่ไป๋
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็ผ่านไปแล้วสามชั่วโมง หรงเค่ออินนอนอยู่บนเตียงใหญ่สักพัก ก่อนจะเดินออกไปถามเกาอวี่"ว่าแต่ ผู้หญิงที่พี่โม่ไป๋พากลับมา ได้สร้างความวุ่นวายอีกหรือเปล่า?"เกาอวี่ที่มัว

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 904

    ถึงแม้ว่าเกาอวี่จะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่มีผลกระทบต่อโม่ไป๋ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ เขาไม่คิดว่าหรงเค่ออินจะยื่นมือผลักเธอเข้าไปแล้วปิดประตู
“คุณหรง......”หรงเค่ออินเงยหน้าขึ้นมองเขา “อะไรล่ะ? คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเธอไม่อยากเข้าไป? งั้นฉันก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดให้เธอเข้าไปไง พี่โม่ไป๋บอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้เธอหนีไปไหน? ทำไมยังไม่รีบล็อกประตูอีก?”
เกาอวี่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา“คุณหรงพูดถูก ผมจะล็อกประตูเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองคนเข้ากันได้ดี ล็อกประตูอย่างรวดเร็วแล้วจากไปตอนที่จากไป ทั้งคู่ก้าวเท้าออกไปอย่างสบายใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่อยู่ในห้องล้มลงกับพื้นหลังจากถูกผลัก
เสิ่นหยินอู้ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางอำนาจขนาดนี้ และยังลงมือผลักเธอเข้าไปในทันที
หัวของเสิ่นหยินอู้กระแทกอย่างแรงทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เธอพยายามพยุงตัวขึ้นด้วยมือ แต่ก็เกิดอาการวิงเวียนจนไม่สามารถทรงตัวได้
เธอยื่นมือไปแตะที่ท้ายทอย และพบกับความเปียกชื้น
เธอยังไม่ทันได้มองความเปียกชื้นในฝ่ามือก็หมดสติไปอีกครั้ง
–
เกาอวี่เดินตามหรงเค่ออินลงบันได
“คุณหรง ทำแบบนี้อาจทำให้คุณโม่ไม่พอใจนะครับ”“

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 903

    ตอนขึ้นรถ เสิ่นหยินอู้เห็นที่นั่งข้างคนขับว่างอยู่ จึงนั่งลงตรงนั้นทันที
ที่นั่งนี้เดิมทีเป็นของผู้ช่วยเฉิน ดังนั้นเมื่อคนขับเห็นเสิ่นหยินอู้นั่งอยู่ตรงนั้น จึงมองไปทางผู้ช่วยเฉิน“คุณเสิ่น ที่นั่งข้างคนขับไม่ปลอดภัยนะครับ ให้……”“ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเลือกที่นั่งเลยเหรอคะ?”“ให้เธอนั่งเถอะ ขอแค่เธอสบายใจก็พอ”
เสียงของโม่ไป๋ดังออกมาจากหูฟังก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะทันได้พูดอะไร
ผู้ช่วยเฉินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก ทุกคนขึ้นรถทีละคน
เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเธอจะใส่แว่นตา รถจึงไม่ได้มีมาตรการป้องกันใดๆ เสิ่นหยินอู้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของถนนได้อย่างเต็มตา
เธอมองเห็นทะเบียนรถ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือที่ไหน
เสิ่นหยินอู้จึงนั่งสบายๆ ชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ
เส้นทางไม่ไกลนัก ประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเธอก็มาถึงที่หมาย
เสิ่นหยินอู้ลงจากรถตามหลังผู้ช่วยเฉินคำแรกหลังลงจากรถของเธอคือ “ฉินเย่ อยู่ไหน?”
ผู้ช่วยเฉินไม่ตอบ มีคนจากฝั่งประตูเดินเข้ามารับหน้าที่แทนเขาเขาพูดอะไรกับผู้ช่วยเฉินอยู่สองสามคำ ก่อนที่ผู้ช่วยเฉินจะจากไป และก่อนที่เขาจะไปเ

  • คนในใจเขากลับมา เลยต้องปิดเรื่องท้อง   บทที่ 902

    เกิดอะไรขึ้น?โม่ไป๋ไม่ได้ใช้ฉินเย่มาควบคุมเธอหรอกหรอ?
ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะบอกคนอื่นล่ะ? ถึงเธอจะบอกคนอื่น แต่เธอก็ไปไหนไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกไม่พอใจเห็นเธอยืนนิ่ง ๆ ผู้ช่วยเฉินก็พูดขึ้นว่า “คุณเสิ่น ถ้าคุณต้องการไปเจอคุณฉิน ก็กรุณาอย่าทำให้ทุกคนลำบากเลยครับ และอย่าทำให้เสียเวลา ถ้าคุณยอมเอาโทรศัพท์ให้เร็วขึ้น เราก็จะเดินทางกันเร็วขึ้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ก็ได้ครับ เรามีเวลาอยู่ที่นี่กับคุณ”
ผู้ช่วยเฉินตอนนี้เหมือนคนละคนกับตอนที่อยู่บนเครื่องบิน
การสื่อสารที่ถูกตัดไปบนเครื่องบินตอนนี้น่าจะกลับมาแล้ว
พวกเขาน่าจะเข้าสู่สถานะที่ถูกดักฟังอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องยอมให้โทรศัพท์ไปแล้ว
เมื่อคิดแบบนี้ เสิ่นหยินอู้ถึงยอมส่งโทรศัพท์ของเธอให้ผู้ช่วยเฉิน เขารับโทรศัพท์ไปกดปิดเครื่องและดึงซิมออกเสิ่นหยินอู้"......"
ทำแบบนี้อีกแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้เอาโทรศัพท์ที่ไม่มีซิมคืนให้เธอหรอกใช่ไหม?
แต่ครั้งนี้เธอเดาผิด ผู้ช่วยเฉินไม่ได้คืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่เก็บมันไว้ทั้งหมด
"เราไปกันเถอะครับ"
หลังจากนั้นตามการนำของผู้ช่วยเฉิน พวกเขาก็ไปที่ลานจอดรถใ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status