“ฉันมาที่นี่เพื่อให้คุณรู้ว่าคุณเป็นผู้ชายของใคร หากกล้าแม้แต่จะมองผู้หญิงคนอื่น หรือแค่กล้ารับของที่ผู้หญิงคนอื่นทำให้ ฉันจะ...”“โอ๊วว อาหลินผมจะจำไว้อย่าทรมานผมเลย อย่า… ผมจะทนไม่ไหวแล้วอาหลิน”“คุณจำได้หรือยัง”“ผมจำได้แล้ว ได้โปรด ผมไม่เคยหักหลังคุณ ไม่เคยนอกใจ ที่รักครับได้โปรด”“ดีค่ะ ครั้งนี้ฉันจะเชื่อคุณ”เหม่ยหลินปล่อยมือจากลำเอ็นแกร่งด้านล่าง ต้าเว่ยถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่าจะถูกเธอทรมานจนตายเสียแล้ว ที่แท้เธอดั้นด้นมาที่นี่ก็เพราะได้ยินเสียงของซูจิ่งหยางในวันนั้นสินะ เพราะหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้คุยกับเธออีกเลยจนเธอมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาเมื่อคืน“ต้าเว่ย ต้องการฉันไหม”“ต้องการ...ผมต้องการคุณ อาา อาหลิน”เธอค่อย ๆ เลื่อนลงไปและค่อย ๆ อมแท่งแกร่งตรงหน้าที่ยังแข็งตึงสู้มือหัวบานสีชมพูของเขาเข้าไปไปช้า ๆ และเริ่มใช้ลิ้นเพื่อเปิดทางตรงปลายบานด้านบน ต้าเว่ยกำผ้าปูเตียงแน่นเพราะทนความเสียวนี้แทบไม่ไหว“อาหลิน ผมจะไม่ไหวแล้วอย่าทรมานผมแบบนี้ อาาา…”คำขอร้องไร้ผลเมื่อเธอส่งทั้งแท่งนั้นเข้าปากไปจนสุดและดูดดึงจนเกิดเสียง ต้าเว่ยที่หันไปมองแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว เขาไม่เคยหลงใ
“ที่แท้คุณพ่อกับคุณย่าก็วางแผนนี้เอาไว้ก่อนแล้ว แต่ปกติพวกท่าน…”“นั่นเป็นเพราะคุณ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”“อะไรนะคะ หมายความว่ายังไงคะ”“ก่อนหน้านี้คุณย่ากับคุณพ่อเหมือนกับมีกำแพงหนากั้นอยู่ ตั้งแต่พี่ใหญ่ของผมตายในสงครามเมื่อสิบกว่าปีก่อน คุณย่าเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดคุณพ่อจนไม่ยอมร่วมโต๊ะอาหาร ไม่ยอมออกงานและไม่ยอมให้พวกผมรับราชการทหาร ผมในตอนนั้นติดยศพลโทใหม่ ๆ ก็ต้องย้ายไปเป็นหมอในโรงพยาบาลรัฐบาลแทนเพื่อให้คุณย่าสบายใจ”“ที่แท้สาเหตุทั้งหมดก็มาจากเรื่องนี้”“แต่น้องสามอย่างหยวนลี่ก็ไม่ต่างจากคุณ นิสัยลูกคนเล็กที่ดื้อรั้น เขาไม่ยอมไปทำอาชีพอื่นจึงได้เป็นทหาร แต่ก็ไม่สังกัดที่กวางโจวเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคุณย่าแต่ก็น่าแปลกที่คุณย่าก็ยังรักเจ้าสามเสมอ คงเพราะนิสัยขี้อ้อนของเขาอีกนั่นแหละ ซึ่งผมทำแบบนั้นไม่เป็น”“แต่ว่าฉันไม่รู้เลยว่าคุณย่ากับคุณพ่อไปแอบคุยกันเมื่อไหร่”“เรื่องนี้ผมต้องขอบคุณคุณมากเลยนะ เกือบสิบปีที่คุณย่าไม่เคยลงมาร่วมโต๊ะกินข้าวกับพวกเราแต่เพราะคุณท่านถึงได้ยอมลงมาทานข้าวด้วย และเป็นเพราะคุณที่ทำให้คุณย่ายอมกินข้าวและทานยาตามเวลา ได้ข่าวว่าตอนนี้ถึงขั้นออกมารำไทเก๊ก
ซูจิ่งเหยาแทบจะกรีดร้องออกมาหากไม่คิดว่าคุณพ่อของเธอจะได้ยินเธอคงไม่ยอมให้ลู่เหม่ยหลินยืนด่าเธออยู่ตรงนี้ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะของพยาบาลและหมอคนอื่น ๆ ที่ต่างก็แอบสมน้ำหน้าและคิดว่าซูจิ่งเหยาเล่นผิดคนเสียแล้ว“ลู่เหม่ยหลิน เธอกล้าดียังไง”“ฉันเป็นคนจัดหายา และเครื่องบรรเทาภัยเข้ามาให้ทหารในค่ายนี้มีใช้อย่างพอเพียง กล้าพูดได้เลยว่าฉันในตอนนี้สามารถช่วยต้าเว่ยได้เต็มร้อย และยังกล้าไล่ลูกสาวนายพลที่ทำตัวไร้ประโยชน์ในพื้นที่ที่คุณไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ด้วยหรือว่าคุณจะลองล่ะ”“เธอกล้าเหรอ”“สวัสดีค่ะนายพลซู”เธอทำท่าโค้งพร้อมกับหมอและพยาบาลหลายคนที่หันไปมองตามเธอ ซูจิ่งเหยาสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปก้มคำนับตามเธอและรีบแก้ตัว“คุณพ่อคะหนูกำลังจะกลับเข้าไปแค่แวะมาทักทาย… แกเป็นใครน่ะ!!”“ผมชื่อนิ่งเสวี่ย มาขอยาทาแผลจะไปเบิกได้ที่ใครครับ”หยวนลี่แทบจะสำลักข้าวเมื่อรู้ว่าเหม่ยหลินใช้ไม้นี้จัดการกับซูจิ่งเหยาได้อย่างเด็ดขาด ทีนี้เหม่ยหลินก็รู้แล้วว่าจุดอ่อนของจิ่งเหยาคือนายพลซู เหล่าหมอและพยาบาลแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ มีเพียงซูจิ่งเหยาที่ยืนโกรธจนหน้าแดงอยู่กับที่“โอ้ คุณไม่ใช่นายพลซูหรอกเหรอ
เหม่ยหลินไม่เคยบอกต้าเว่ยจนถึงตอนนี้ว่าเธอสามารถทำงานในห้องผ่าตัดได้ แต่ก่อนที่เธอจะรับปากซูจิ่งเหยาก็วิ่งเข้ามากอดแขนเธอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลและตัวที่สั่น“ได้โปรดช่วยคุณพ่อของฉันด้วยฉันขอร้องล่ะคุณลู่ ฉัน...เหลือคุณพ่อคนเดียวได้โปรด”“คุณหนูซู คุณตั้งสติก่อนนะคะ อาเวยคุณช่วยหาคนพาคุณหนูซูไปพักก่อน และช่วยทำแผลให้พี่หยวนลี่ด้วย”“พี่สะใภ้รองรีบไปช่วยพี่รองเถอะผมไม่เป็นอะไรมากแล้วไม่ต้องห่วง”“ได้ค่ะ อาเวยฝากด้วยนะคะฉันจะรีบไปช่วยต้าเว่ย”“ค่ะ”เหม่ยหลินรีบวิ่งเข้าไปเปลี่ยนชุดทันทีพร้อมกับหาเครื่องมือผ่าตัดใส่ถาดเพื่อเตรียมพร้อมก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลสนามที่มีต้าเว่ยยืนรออยู่กับหมอและพยาบาลอีกคน“คุณมาได้ยังไงอาหลิน”“จะเริ่มผ่าตัดหรือยังคะ”“ผมกำลังรอพยาบาล... เธอให้คุณช่วยถือมาเหรอ”“เปล่าค่ะ ฉันจะมาช่วยคุณหยิบเครื่องมือ”“คุณรู้เรื่องเครื่องมือพวกนี้ด้วยเหรอ”“รีบเถอะค่ะ นายพลซูกระสุนน่าจะฝังอยู่ลึกใช้เวลาผ่านานตอนนี้ฉีดยาชาไปแล้วใช่ไหมคะ”ต้าเว่ยเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อคู่หมั้นของเขารู้เรื่องเกี่ยวกับขั้นตอนในห้องผ่าตัดดีไม่ต่างกับพยาบาลวิชาชีพชั้นสูง เธอจับมีดปลายเล็กท
เหม่ยหลินเข้าใจความรู้สึกของคุณหนูซูดี เธอไม่มีแม่ที่คอยให้ความอบอุ่นและคอยสอน และยังไม่มีเพื่อนในวัยเดียวกันอีกทั้งเป็นลูกคนเดียวจึงได้มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนคนรอบข้างเท่าที่เธอเล่าก็มักจะพบแต่พวกที่อยากหาผลประโยชน์จากเธอเพื่อเป็นสะพานเข้าหานายพลซู“ที่จริงการเป็นมิตรกับคนอื่นไม่ได้ยากขนาดนั้น "ใจแลกใจ" เคยได้ยินคำนี้ไหม"“เคยค่ะ แต่ว่าก่อนหน้านี้ฉันก็เคยทำแบบนั้นแต่สุดท้ายพวกเขาก็พูดลับหลังฉันว่าเป็นคนโง่ หลอกง่ายที่จริงฉันรู้ทุกอย่างแค่ไม่พูดออกไปเท่านั้น”“จากนี้หากรู้ก็ต้องพูดไปเลยและพูดด้วยท่าทีที่ขึงขัง จริงจังและน้ำเสียงที่ดุดัน”“เหมือนที่พี่ทำวันก่อนเหรอคะ”“ไม่ถึงขนาดนั้น อย่าเลียนแบบใครที่ไม่เป็นตัวเองเพราะว่ามันจะทำได้ไม่นาน หาแนวทางของตัวเองให้เจอแล้วมั่นใจกับสิ่งที่จะพูดออกไปและทำโดยไม่ลังเล เหมือนกับตอนที่คุณขับรถกลับมาจนถึงค่ายนี้ได้ คืนนี้ทหารเกือบสิบชีวิตรอดได้เพราะคุณนะคะอย่าลืมเรื่องดี ๆ ที่คุณทำเพื่อคนอื่นไปสิ”“พี่ชมฉันอีกแล้ว ฉันจะเผลอตัวเหลิงแล้วนะคะ”“ทำดีก็ต้องชมไม่เห็นจะแปลกเลยค่ะ ยังไงก็ดีกว่าคำนินทาใช่ไหมล่ะ”ซูจิ่งเหยายิ้มออกมาครั้งแรกเพราะคำพูดที่ตรง
ซูจิ่งเหยาเดินตามลู่เหม่ยหลินไปทุกที่จนคนในค่ายเริ่มแปลกใจยกเว้นแต่ต้าเว่ยและหยวนลี่ เพราะทุกคนรู้ดีว่าเหม่ยหลินมีวิธีจัดการของเธอที่สามารถดึงดูดให้คนอื่นคล้อยตามได้ ซึ่งทั้งคู่ได้เห็นกับตามากับพ่อ แม่และคุณย่าที่ตระกูลเฉินแล้ว“ยอดไปเลยนี่อาเหยา เอกสารนี้เรียบร้อยมาก ๆ เลยแล้วยังอ่านง่ายด้วยเธอมีพรสวรรค์นะเนี่ย”“จริงเหรอคะพี่เหม่ยหลิน ฉันก็แค่คิดว่าการเขียนแบบนี้มันจะแยกง่ายกว่าและสามารถตรวจได้ง่ายกว่าค่ะก็เลยลองเขียนขึ้นมา”“ยอดไปเลย พี่ว่าเธอน่าจะเรียนบริหารเกี่ยวกับการทำบัญชีได้นะ ชอบคิดเลขหรือเปล่า”“เมื่อก่อนฉันชอบท้าเพื่อนแข่งดีดลูกคิดค่ะ แล้วก็ไม่เคยแพ้เลยแต่ว่าก็เพราะเรื่องนี้เลยไม่ค่อยมีคนคบหาเพราะคิดว่าฉันชอบแกล้งพวกเธอ หลังจากเรื่องนั้นฉันก็ไม่เคยจับลูกคิดอีกเลย”“แต่นั่นมันเป็นพรสวรรค์เลยนะ เอาแบบนี้สิเริ่มจากการทำเอกสารเข้าออกของกองทัพ มาช่วยพี่กับพี่ต้าเว่ยจัดเก็บเอกสารพวกนี้ระหว่างรอนายพลซูหายดีไหม”“ได้เหรอคะ ฉันช่วยได้จริง ๆ เหรอคะ”“พี่ว่าไม่แน่นะ ปีหน้าอาจจะไม่ต้องเลือกก็ได้ว่าจะเรียนอะไร พรสวรรค์โดดเด่นขนาดนี้เรียนบัญชีเถอะ”“ฉันอยากจะลองดูค่ะ”หลังจากนั้นซูจิ่งเ
“อะไรนะคะ ไม่จริงหรอกค่ะนั่น…” เหม่ยหลินยิ้มให้กับความเอียงอายของเด็กสาวตรงหน้าที่แทบจะเก็บอาการดีใจไม่อยู่ ที่จริงก่อนหน้านี้จิ่งเหยาไม่เคยคิดอะไรกับเฉินหยวนลี่เลยเพราะในสายตาของเธอเฉินต้าเว่ยต่างหากที่น่าหลงใหลแต่เมื่อได้เผชิญอันตรายมาด้วยกัน และเธอเล่าให้เหม่ยหลินฟังว่าหยวนลี่เอาตัวบังกระสุนให้เธอก่อนจะพยุงนายพลซูที่ถูกยิงขึ้นรถ เขาให้เธอเป็นคนขับรถให้ ในตอนนั้นจิ่งเหยาสติแตกและเอาแต่ร้องไห้แทบจะทำอะไรไม่ได้ ก็ได้หยวนลี่ที่เรียกสติเธอได้และบอกกับเธอว่า“ไม่ต้องกลัว ผมจะระวังหลังให้คุณ ผมเชื่อใจคุณชีวิตของพวกเราฝากเอาไว้ที่คุณแล้ว ตั้งสติมองแค่ข้างหน้าและขับไปให้เร็วที่สุดไม่ต้องห่วงข้างหลัง ไป!!”เธอเหยียบคันเร่งและขับรถออกมาตามที่เขาบอก เสียงปืนยังดังไม่ขาดสายแต่เพราะมีหยวนลี่เธอจึงไม่รู้สึกกลัว เมื่อมาถึงค่ายได้เขาก็รีบวิ่งมาและกอดเธอเอาไว้ทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บ สายตาของเฉินหยวนลี่ในคืนนั้นจึงกระชากหัวใจของจิ่งเหยาไปได้ทันที“อาเหยา คิดอะไรอยู่งั้นเหรอ”“ฉันเปล่านะคะ ก็แค่..”“รู้ใจตัวเองเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ฟังพี่นะตอนนี้ยังมีเวลาอีกอย่างเมื่อไปเรียนที่กวางโจวแล้วยังมีโอกาสได้พบ
เหม่ยหลินยังคงอาเจียนไม่หยุด ต้าเว่ยหันไปลูบหลังให้เธอ “เร็วเข้า รีบไปเตรียมยาหมอยาดมมาให้ คงจะนั่งรถนานไปหน่อย”“แต่ฉันว่า… อาการแบบนี้มัน….”แม่เฉินหันไปมองต้าเว่ยที่ลูบหลังให้เหม่ยหลิน ย่าโจแทบจะเป็นลมไปด้วยเมื่อเห็นว่าเหม่ยหลินไม่สบายหลังจากลงมาจากรถไม่นานก่อนจะหันมามองลูกสะใภ้ที่ยืนยิ้มอยู่“หลิงเฟย นี่เธอกำลังจะบอกว่า…”“คุณรู้เหรอว่าอาหลินป่วยเป็นอะไร”“ฉันว่าฉันค่อนข้างแน่ใจ เหลือแค่ให้ต้าเว่ยตรวจดูก็รู้ค่ะ อาการแบบนี้ฉันเคยเป็นตอนที่ท้องต้าเว่ย”ย่าโจเบิกตากว้างด้วยความดีใจและรีบหันมามองเหม่ยหลินที่ค่อย ๆ เดินหน้าซีดกลับมาโดยมีต้าเว่ยคอยพยุง นายพลเฉินกะพริบตาถี่ ๆ ต้าเว่ยถึงกับแปลกใจที่ทั้งสามคนเอาแต่อึ้งทั้ง ๆ ที่ภรรยาของเขาอาเจียนจนหมดแรง“ผมพาอาหลินขึ้นไปนอนพักก่อนนะครับ”“รีบไปเร็ว! พาอาหลินไปนอนพักก่อนเร็ว ๆ เข้า”ย่าโจสั่งตามหลังต้าเว่ยไปทันที ต้าเว่ยยังไม่รู้ว่าพวกพ่อแม่และคุณย่าเป็นอะไรแต่ตอนนี้อาการของเหม่ยหลินสำคัญที่สุด เธอคงนั่งรถมานานและเหนื่อยกับการเดินทางจนทำให้ไม่สบายห้องของต้าเว่ย “คุณยังอยากอาเจียนอยู่หรือเปล่า”“ฉัน.. เวียนหัวค่ะ”“ย่าให้ชิงยู่ละลายยาหอม
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย
งานเลี้ยงช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงตอนเย็น คู่บ่าวสาวเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งครั้งนี้ต้าเว่ยรู้สึกว่าเหม่ยหลินเต้นรำเก่งขึ้นและไม่เหยียบเท้าเขาจนนึกสงสัย“ทำไมคุณเต้นเก่งกว่าตอนที่ผมเจอครั้งแรกเสียอีก หรือว่าคุณแอบไปฝึกมาเหรอ”“ฉันโตขึ้นแล้วนี่คะ จะให้เต้นพลาดและเหยียบเท้าคู่เต้นตลอดแบบนั้นแล้วใครจะอยากมาขอเต้นรำล่ะคะ”ต้าเว่ยรู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ เธอแต่งงานกับเขาแล้วยังกล้าที่จะให้คนอื่นขอเต้นรำอีกงั้นเหรอ“คุณนายเฉิน คุณแต่งงานกับผมแล้วจากนี้คู่เต้นรำของคุณมีแค่ผมคนเดียวไม่อนุญาตให้ตอบรับคนอื่นอีกเข้าใจไหม”“ขี้หึงจนถึงตอนนี้เลยนะคะ แล้วถ้าพี่หยวนลี่ พี่ใหญ่ คุณพ่อละคะ คุณก็หึงพวกเขาด้วยเหรอ”“คุณเล่นไม้นี้อีกแล้วนะ ทำไมถึงได้หาเหตุผลมาโต้แย้งจนผมเถียงไม่ได้เก่งจริง ๆ”“ฉันไม่ได้หาข้อโต้แย้งนะคะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”ต้าเว่ยดึงเจ้าสาวเข้ามากอดจนแน่นพร้อมกับจังหวะเพลงที่เริ่มเปลี่ยนไป เหม่ยหลินรีบดันตัวเขาออกไปนิด ๆ ก่อนจะรีบพูดออกมา“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเหมือนตอนเช้าอีกนะคะฉันอายคนอื่น”“อายทำไมกัน วันนี้วันสำคัญขอ
“ต้าเว่ย… คนชอบทวงสัญญา”“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกสามวันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วครั้งนี้ผมจัดเตรียมแหวนแต่งงานให้คุณด้วยตัวเองรับรองว่าไม่พลาดเหมือนงานหมั้นแน่”“ก็ลองพลาดดูอีกสักครั้งสิคะ หากพลาดอีกฉันก็จะหนีงานแต่งเลย”“แน่ใจเหรอว่าจะหนีผมได้”“อ๊ะ คนบ้า…”เตียงอุ่น ๆ ที่รอทั้งคู่อยู่ในห้องเริ่มได้ใช้การอีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดพักไปสองคืนช่วงที่เหม่ยหลินป่วยอยู่ สัมผัสรักของทั้งคู่อบอุ่นและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนว่าที่เจ้าสาวอย่างเหม่ยหลินต้องเอ่ยเตือนเพื่อไม่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวคลั่งรักอย่างต้าเว่ยเผลอทำรอย เพราะเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวที่มีรอยแดงตามตัวในวันแต่งงานวันถัดมา “คุณย่าครับผมกลับมาแล้ว”“อาลี่เจ้าตัวดี มานี่สิมาให้ย่าดูหน้าหน่อย”หยวนลี่วิ่งเข้ามากอดคุณย่าแน่นพร้อมกับออดอ้อนตามประสาหลานชายคนเล็ก“คิดถึงคุณย่ามาก ๆ เลยครับ”เหม่ยหลินที่เดินออกมารับซูจิ่งเหยา เมื่อเธอเห็นเหม่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามากอดเพราะที่นี่นอกจากเฉินหยวนลี่แล้วเธอก็ไม่รู้จักใครนอกจากเหม่ยหลินกับต้าเว่ย“จริงสิครับคุณย่าครั้งนี้ผมพาว่าที่คู่หมั้นของผมมาด้วย”“หา อะไรนะว่าที่… นี่หลาน…”เหม่ยหลินค่อย
“ทำไมคุณชอบกลายร่างอยู่เรื่อยเลยล่ะคะ แต่วันนี้ฉันคงช่วยคุณไม่ไหวจริง ๆ ค่ะฉันรู้สึกเพลียมาก ๆ เลย"“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะไม่ค่อยสบายไหนมาตรวจดูหน่อยสิ”ต้าเว่ยค่อย ๆ ใช้หน้าผากอังไปที่หน้าผากของเธอ เขารู้สึกว่าเหม่ยหลินตัวรุม ๆ อยู่นิดหน่อยจึงจัดยาแก้ไข้ให้เธอกินก่อนจะพาเธอไปนอนพัก“พักผ่อนเถอะวันนี้คุณคงเหนื่อยมากเพราะคุณแม่กับพี่ใหญ่พึ่งมา ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องที่คุยกับพี่ใหญ่ลู่ในวันนี้ ผมเป็นสามีของคุณถึงยังไงก็ไม่อยากให้คุณต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้มาคิดจนป่วยไข้”“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า… คุณว่าฉันใจร้ายเกินไปไหมคะ”ที่แท้เธอก็เครียดเรื่องนี้ แม้ว่าเหม่ยหลินจะดูเป็นคนใจแข็งและใจร้ายแต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังนึกเป็นห่วง แต่นั่นก็อย่างที่เธอตัดสินใจบอกพี่ใหญ่ไปว่าหากช่วยครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งอื่น ๆ ตามมาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองคนนั้นกลัวที่จะต้องรับภาระหนี้สินของตระกูลลู่จนขอแยกทางออกไป“ไม่หรอก คุณทำถูกต้องที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งนั้นผมจำได้ว่าผมเป็นคนถามว่าทำไมคุณถึงยอมให้เงินพวกเธอ คุณบอกว่าถึงยังไงก็เป็นลูกพ่อเดียวกัน