เหม่ยหลินกับต้าเว่ยตกใจเมื่อหลิวซีอิ๋งหลุดพูดออกมา เธอกำลังพูดถึงเรื่องที่จักรยานของลู่เหม่ยหลินกับสาวใช้ของเธอถูกเฉี่ยวชนครั้งก่อน เหม่ยหลินตัวสั่นเพราะความโกรธ หากว่าวันนั้นอาหงไม่กันเธอเอาไว้เธอคงบาดเจ็บหนักกว่านี้“เป็นเธอ เธอเป็นเจ้าของรถที่ชนฉันงั้นเหรอ!!”“ใช่!! ฉันเอง ถ้ารู้ว่าแกจะฤทธิ์เยอะแบบนี้วันนั้นฉันคงชนแกให้ตายไปแล้ว”“เพี๊ยะ!!… เพี๊ยะ!!”“กรี๊ด!!!!”“อาหลิน พอก่อนอย่าพึ่งวู่วามคุณท้องอยู่นะ”“ปล่อยฉันนะ”“ผลั่ก!!”เหม่ยหลินตบหน้าหลิวซีอิ๋งไปสองครั้งเพราะความโกรธ ใบหน้าซีอิ๋งเริ่มบวมและมีเลือดออกมุมปากก่อนที่ต้าเว่ยจะจับเธอเอาไว้ แต่เท้าเธอยังว่างจึงได้ถีบหลิวซีอิ๋งล้มลงไปจนถูกเศษแก้วที่เธอชนแตกและยังไม่มีใครทันได้มาเก็บบาดเข้าไปที่แก้ม“กรี๊ดดดด!!! หน้าฉัน!! แก!!”“รีบจับตัวเธอเอาไว้!!”ย่าโจออกคำสั่งเด็ดขาด ไม่นานคนใช้ผู้ชายและสาวใช้ก็รีบจับตัวหลิวซีอิ๋งเอาไว้ สายตาของเหม่ยหลินยังโกรธอยู่ไม่น้อยแม้ว่าจะเห็นว่าซีอิ๋งถูกแก้วบาดจนหน้าเธอเป็นแผลเลือดออกไม่หยุด คุณนายเฉินถอยออกมา ฉางอิงรีบเข็นคุณย่าถอยออกมาเช่นกัน“เธอเกือบทำให้อาหงต้องตาย เธอทำร้ายคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงจิตใ
“ต้าเว่ย คนบ้า อย่าดึงนะนี่ชุดนอนที่คุณย่าซื้อให้”“ผมไม่ทำขาดหรอกน่า”ชุดนอนชั้นดีถูกดึงผ่านศีรษะเธอออกมาจนหมด ด้านในเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่ากับร่องรอยที่เริ่มจางเพราะการเดินทางสองวันเขาไม่ได้กวนเธอ“อืม เริ่มจางหมดแล้ว”“อย่านะคะ ที่นี่ไม่ได้คลุมเสื้อหนาเหมือนที่นั่นอย่าทิ้งรอยนะพรุ่งนี้คุณจะพาฉันไปฝากครรภ์ไม่ใช่เหรอ”“กลัวหรือไง ยังไงคุณกับผมก็เป็นสามีภรรยากันแล้วยังจะกลัวอีกเหรอ”“อื้อ อ๊ะ ต้าเว่ย”นิ้วของเขาล้วงลงไปยังร่องรักที่เปียกแฉะก่อนจะเผลอยิ้มออกมาและกระซิบเธอทันที“อยากอยู่แท้ ๆ กลับปากแข็ง เสียงนี่มันโกหกไม่ได้นะครับที่รัก”“อ๊ะ รู้แล้วก็อย่าพูดมากสิคะ อื้อ… ลิ้นด้วยค่ะ อ๊าา ต้าเว่ย!!”เขารับคำสั่งอย่างว่าง่าย ลิ้นฉกไปที่หน้าอกอวบนุ่มตรงหน้า ที่นี่เขาไม่ต้องทำภายใต้ผ้าห่มหนาแต่สามารถทิ้งทุกอย่างลงไปได้เลยเพราะห้องในบ้านของเขาอุ่นพอที่จะสำรวจเรือนร่างภรรยาของเขาได้ถนัด“อ๊ะ ต้าเว่ย เสียว…อ๊าา”“ที่รักคุณสวยมากจริง ๆ ข้างในนี้มันตอดรัดแน่นมากคุณ… ลงโทษผมอยู่เหรอ”เขาประท้วงเพราะถูกเธอบีบรัดจนมังกรยักษ์ของเขารู้สึกปวดหนึบแทบจะกลั้นไม่อยู่แล้ว และสุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงพ่นน้
“นึกแล้วเชียว”ต้าเว่ยและเหม่ยหลินมองหน้ากันอย่างรู้ทัน โจเซฟหันไปมองทั้งคู่และรู้สึกแปลกใจ“พวกคุณรู้งั้นเหรอ”“ครับ ก่อนหน้านั้นเธอเข้ามาหาเรื่องอาหลินในบ้านก่อนและมีการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น”“พวกเขาคิดว่าผมฟังภาษาจีนไม่ออกก็เลยพูดออกมาจนหมด แต่อันเฟยฟังออกเลยบอกผม ดังนั้นจึงได้เก็บข้อมูลและเอกสารทั้งหมดมาให้พวกคุณ”“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอโจว เอ่อ... เรื่องครั้งก่อนผมใจร้อนจนลงมือทำร้ายคุณผมขอโทษด้วย”“หมอเฉินผมเข้าใจคุณดี หากว่ามีคนอย่างไมลี่ย์อยู่ข้าง ๆ เป็นใครจะทนได้ล่ะผมไม่ว่าคุณหรอก เรื่องสามเดือนที่ผ่านมานี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่าไม่มีใครแทนคุณได้ในใจของไมลี่ย์ ผมยินดีกับพวกคุณด้วย งานแต่งอย่าลืมเชิญผมด้วยล่ะ ผมอยากเห็นงานแต่งแบบจีนมาก ๆ เลย”“ยินดีเลยครับ วันนี้ผมคงต้องขอตัวพาอาหลินกลับไปพักก่อนนะครับ”“ได้ครับถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็โทรหาผมได้เลยผมพร้อมจะเป็นพยานให้พวกคุณ”“ขอบคุณมากนะคะหมอโจว”“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณไมลี่ย์ หากไม่มีคุณช่วยตั้งแต่แรกผมคงอยู่ที่นี่ลำบากมาก ตอบแทนด้วยเรื่องแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากสำหรับเพื่อน”ต้าเว่ยยื่นมือออกมาจับโจเซฟ เขาเองก็ยื่นมือออกมาเช
เหม่ยหลินเห็นว่าซีอิ๋งหันไปคว้าแขนของแม่เธอเอาไว้แน่นเมื่อต้าเว่ยสั่งให้สาวใช้ไปเรียกตำรวจเข้ามาในห้องรับแขก คุณนายเฉินและคุณย่ายังนิ่งและไม่ยอมมองหน้าคุณนายหลิวและหลิวซีอิ๋ง ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองตระกูลคงจะแตกสะบั้นลงในวันนี้เอง“สวัสดีครับผมสารวัตรเส้าซานรับหน้าที่มาตรวจสอบคดีทำร้ายร่างกายครับ”“สวัสดีผมต้าเว่ยเมื่อกี้เราทักทายกันแล้ว ผมรบกวนสารวัตรตรวจสอบเอกสารนี้หน่อยครับ”“ครับ”สารวัตรเส้ารับเอกสารมาเปิดอ่านดูก่อนจะหันไปมองหน้าหลิวซีอิ๋งพร้อมกับหันมามองเอกสาร“ในนี้บอกว่าบาดเจ็บจากการถูกของมีคมบาดจนเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต แต่ว่าบาดแผลของคุณหนูหลิว มีแค่ใบหน้าไม่ใช่เหรอครับ”“ใช่ค่ะ แต่ใบหน้าของผู้หญิงก็สำคัญมากอีกอย่างหากว่าถูกที่อื่นก็เสี่ยงถึงชีวิตเช่นกันเรื่องนี้ไม่เกินจริงค่ะสารวัตร”“แต่สำหรับตำรวจแล้ว คำว่า “อันตรายถึงชีวิต” คือบาดแผลฉกรรจ์หรือบาดแผลที่ลึกเกินสามนิ้วและอยู่บริเวณที่ใกล้หัวใจแต่เท่าที่ดูจากบาดแผลเล็กน้อยที่ใบหน้า น่าจะตีเป็นพยายามฆ่าอย่างที่คุณนายหลิวมาแจ้งความไม่ได้นะครับ”“อะไรนะคะ นี่… คุณถึงกับแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเลยงั้นเหรอ”คุณนายเฉินคิดไม
“คุณพ่อ!!”นายพันหลิวเดินมาพร้อมกับนายพลเฉินที่พูดจบและเดินเข้ามาในบ้าน คุณนายหลิวเมื่อเห็นหน้าสามีก็ถึงกับตกใจเพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้นายพันหลิวจะรู้เรื่องเพราะเธอไม่เคยบอกเขา“ทำไม ตกใจงั้นเหรอที่เห็นหน้าผม ก่อนหน้านี้คุณทำเรื่องอะไรไว้บ้างยังให้ผมต้องพูดอีกไหม มีอะไรอยากจะพูดอีก”“คุณคะ มันไม่ใช่...”“ไม่ใช่อะไร!! ถ้านายพลเฉินไม่มาบอกผมด้วยตัวเองผมก็คงไม่รู้ว่าคุณทำเรื่องสารเลวอะไรลับหลังผมไปบ้าง”“คุณคะ นี่มันก็แค่เด็ก ๆ ทะเลาะกัน”“สารวัตร ผมเอาตัวคนขับรถมาด้วย เซี่ยเหมินแกพูดไป”คนขับรถเดินออกมาจากด้านหลัง หลิวซีอิ๋งหมดหนทางแก้ตัวเมื่อคนขับที่เธอเป็นคนออกคำสั่งมาที่นี่ด้วย เมื่อเขาเดินออกมามองหน้าคุณนายหลิวก็เกิดกลัวจนตัวห่อ“พูดไปเถอะ ฉันรับรองได้ว่าหากแกสารภาพฉันจะไม่เอาผิดแกเพราะสิ่งที่แกทำเพราะได้รับคำสั่ง”“ครับท่านนายพัน คือวันนั้นผมไปรับคุณหนูกลับมาจากห้างสรรพสินค้า คุณหนูหันไปเห็นคุณหนูลู่กับสาวใช้ของเธอขี่จักรยานอยู่ริมทางเธอเลยสั่งให้ผมพุ่งเข้าไปเฉี่ยวชนพวกเธอ เดิมทีอยากให้พวกเธอ… ถูกชนและตกสระน้ำในสวนสาธารณะแต่ว่าผม… กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ก็เลยแกล้งเฉี่ยวโดนล้อของจักร
เมื่อกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเข้มถูกเปิดออกทุกคนก็หันไปมองทันที ในนั้นมีเอกสารและยาตัวอย่างที่เคยให้ไว้กับกองทัพอยู่ซึ่งเอกสารนี้นายพลเฉินเองก็ได้รับเช่นกัน“นี่คือเอกสารและรายละเอียดเกี่ยวกับยาที่ฉันและคุณหม่าเซินผู้ผลิตยาเป็นผู้ส่งให้กองทัพพิจารณา สารวัตรเชิญตรวจสอบดูได้เลยค่ะ นี่เป็นรายชื่อยาทั้งหมดและสรรพคุณที่แจ้งโดยละเอียดพร้อมวิธีการใช้งานที่ระบุชัดเจนว่าเป็นยากิน ดื่ม หรือใช้ทาภายนอก บอกวันที่ผลิตและวันหมดอายุก่อนส่งมอบให้กองทัพค่ะสารวัตรเส้าหยิบเอกสารปึกใหญ่ที่เหม่ยหลินยื่นให้ดู และรายละเอียดทั้งหมดก็ถูกแนบมาตามที่เธอบอกอย่างครบถ้วน ตัวอย่างยาแต่ละชนิดก็อยู่ในมือของเขา"เอกสารฉบับนี้เถ้าแก่หม่าส่งมอบให้นายพลเฉินอีกหนึ่งฉบับคุณสามารถเรียกดูจากกองทัพได้เลยเพราะกองทัพเซ็นรับและปั๊มตราประทับเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญก็คือสารวัตรสามารถดูจากสายตาตอนนี้ได้เลยว่ายาของฉันกับยาที่ตระกูลเหวินส่งไปที่กองทัพ เป็นคนละอย่าง คนละตัวยาคนละขนาดและคนละคุณภาพกันเลยค่ะ”คุณนายหลิวทำสีหน้าล่องลอยอย่างประหลาดเมื่อเหม่ยหลินพูดจนจบ เอกสารของเหม่ยหลินเป็นสิ่งที่ทำให้คุณนายหลิวเถียงไม่ออกเพราะมันละเอียดและยังม
ต้าเว่ยและเหม่ยหลินหันมามองคุณย่า เขาจึงพาเหม่ยหลินนั่งคุกเข่าตรงหน้าและคำนับให้คุณย่าเพื่อเป็นการขอบคุณ“ขอบคุณครับคุณย่า”“อืม ดีแล้ว ๆ อาหลิน เรื่องที่ย่าเลอะเลือนไปก่อนหน้านี้ ย่า…”“คุณย่าคะ ทุกการกระทำของคุณย่าล้วนเกิดจากความรักและห่วงใยต่อพี่ต้าเว่ย ฉันไม่นับว่านั่นเป็นสิ่งที่เลอะเลือนหรอกนะคะ คุณย่าอย่าคิดมากอีกเลยนะคะไม่อย่างนั้นจะอดกินชาอร่อย ๆ นะคะ”“ยัยเด็กคนนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังเอาแต่ขู่และมีข้อต่อรองกับฉัน”“ก็คุณย่ามาต่อรองเรื่องลูกกับหนูก่อนนี่คะ”“ดูสิ เรื่องแบบนี้ถ้าต้าเว่ยไม่ร่วมมือจะมีขึ้นมาได้เหรอ เจ้าหลานตัวแสบนี่ก็แรงไม่เบาเลยนะ เผลอแป๊บเดียวก็จะมีลูกแล้ว”“คุณย่าครับ ผมเป็นทั้งหมอและทหารนะครับก็ต้องแข็งแรงเป็นธรรมดาสิครับ”“หึ แข็งแรงงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นให้ฉันหาเมียให้แกเพิ่มอีกสักคนดีไหมจะได้มาช่วยอาหลินเลี้ยงลูก”“คุณย่าครับ!! แค่หลิวซีอิ๋งยังปวดหัวไม่พอเหรอครับไม่เอาแล้วครับหากพูดอีกเมียผมคงให้ผมนอนนอกห้องแน่ ๆ คืนนี้ ผมรักอาหลินคนเดียวไม่คิดจะมีเมียหลายคนหรอกครับ”“หึหึ นับว่ายังมีความคิด เมียที่ดีอย่างอาหลินน่ะต่อให้หาอีกสามชาติก็คงไม่เจอคนที่ดีแบบนี้หรอก
“มะ ไม่นะทำไมคุณใจร้ายแบบนี้ ฉันจะ อ๊าา…ฉัน…อ๊าา ตาเว่ย!!”เขาจับเธอพลิกไปมาจนพอใจ กว่าเธอจะได้พักก็พบว่าตะวันตกดินไปแล้ว ต้าเว่ยไม่เคยละเว้นการลงโทษเธอได้เลยยิ่งหมอกงยืนยันว่าทำเรื่องแบบนี้ได้เขายิ่งหาเรื่องทำโทษเธอไม่หยุด แม้ว่าจะอ่อนโยนลงแต่ก็ยังใช้เวลาเกือบเท่าเดิมและบางครั้งก็นานกว่าเดิมจนเธอหมดแรงทำอะไรต่อไม่ได้จริง ๆ“ฉันเกลียดคุณแล้ว ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”“กล้าเกลียดสามีตัวเองแบบนี้น่าจะโดนอีกสักรอบนะ”“ไปให้พ้นเลยคนบ้า โอ๊ย…เอวฉัน”แต่สุดท้ายก็เป็นต้าเว่ยที่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ๆ มาประคบนวดให้เธอตามหลัง เหม่ยหลินปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้าเว่ยดูแลเธอดีมาก เขามักจะนวดฝ่าเท้าให้เธอเป็นประจำเพราะรู้ว่าเธอเริ่มลงน้ำหนักที่เท้าเยอะและเริ่มปวดเมื่อย ดังนั้นฝ่ามือที่น้ำหนักพอดีของเขาจึงทำให้เธอโกรธเขาไม่ลง“หิวไหมครับคุณภรรยา”“อือ หิวค่ะแต่ลุกไม่ไหวแล้ว”“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมยกขึ้นมาให้กินที่นี่”“ไม่ได้นะคะเสียมารยาท คนอื่นก็กินที่โต๊ะกันหมดเกรงใจคุณย่า”“ไม่เป็นไรหรอกคุณเก็บแรงเอาไว้ดีกว่าอีกสามวันคุณแม่กับพี่ใหญ่ลู่จะมาถึงแล้ว”“จริงด้วยฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลยค่ะ ฉันเตรียมของรับขวัญหลานเอ
อ่างน้ำในห้องน้ำแทบจะไม่เหลือน้ำให้อาบเมื่อหยวนลี่พาจิ่งเหยาเข้ามาพร้อมกับจับเธอกระแทกในอ่าง สงครามบนเตียงของทั้งคู่ถือว่าดุเดือดมากเพราะแต่ละคนอายุยังน้อย“อ๊าา ดูดแรงขึ้นอีก แบบนั้นแหละค่ะ อ๊าา พี่ลี่!!”เมื่ออาบน้ำเสร็จเข้าก็พาเธอมาวางบนเตียงและยกขาเธอกางออก ลิ้นของเขาเริ่มสำรวจอีกครั้งว่าเธอยังสามารถรองรับเข้าได้อีกหรือไม่ แต่ท่าทางบิดเร่ายั่วยวนของคนตรงหน้าเขาคงไม่ต้องถามเมื่อเธอเป็นฝ่ายบุกมาเองอีกครั้ง“คุณจะใส่มาเลยหรือจะให้ฉันจัดการเองคะ”“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ คุณจะไม่ให้ผมได้สำรวจสักหน่อยเหรอ”“เสียเวลาค่ะ มาเถอะไหน ๆ ก็ล้างตัวแล้วนี่”“ที่รัก คุณนี่มันเร่าร้อนถูกใจผมจริง ๆ”“อ๊าา อื้อ ลึกดีจังเลย เสียวมาก อ๊าาา”หยวนลี่แทบจะยืนค้ำเธอเมื่อค่อย ๆ สอดใส่จนสุดและขย่มเธอจากด้านบน พวงสวรรค์ของเขาสั่นจนบั้นท้ายเธอรู้สึกถึงแรงกระทบกันถี่ ๆ แต่เธอไม่ยอมให้เขาหยุดก่อนที่จะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายขย่มเขาเอง“อ๊าา ที่รัก ท่าร่อนเอวของคุณนี่มัน… ชวนให้ผมแตกไวกว่าเดิม อ๊าาา”มือเรียวเอื้อมมาบดขยี้ตุ่มใตจากแผงอกกว้าง หยวนลี่ทำหน้าบูดเบี้ยวเพราะความเสียวจากหัวนมที่ถูกเธอบีบ เขารู้แล้วว่าตรงส่วน
จิ่งเหยามาเรียนที่มหาวิทยาลัยได้เกือบสามเดือนแล้ว ซึ่งเวลาในวันหยุดของเธอหมดไปกับการช่วยดูแลร้านขายผ้าให้กับเหม่ยหลินซึ่งตอนนี้เธอเรียกว่าพี่สะใภ้รอง และอีกสองเดือนเธอกับเฉินหยวนลี่เองก็จะเข้าพิธีหมั้นแล้วเช่นกัน“ต้องการแบบไหนแจ้งได้เลยนะคะ ที่นี่มีผ้าหลายอย่างให้เลือกค่ะ”“ครับคนสวย ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย ผมอยากได้ผ้าไหมแบบหรูหราไปตัดชุดให้คุณแม่”แม้ว่าจะเคยได้รับคำพูดแบบนี้มาบ่อยครั้งแต่จิ่งเหยาก็ยังยิ้มให้ลูกค้าก่อนจะค่อย ๆ ช่วยเขาเลือก แต่ลูกค้าคนนี้มาที่ร้านนี้สองสามครั้งแล้วและเริ่มจะพูดจาลามปามเธอไม่หยุด“แล้วถ้าหากว่าผมไม่รู้จักร้านตัดเสื้อ ผมให้คุณช่วยแนะนำได้ไหมครับ”“เอ่อ…”“ร้านตัดเสื้อภรรยาผมอาจจะแนะนำไม่ได้ แต่ถ้าอยากถูกตัดหัวน่ะผมพอจะแนะนำให้คุณได้”เสียงของเฉินหยวนลี่ที่มาพร้อมกับนายทหารในเครื่องแบบอีกสองนายด้วยชุดพลโทเต็มยศทำให้อีกฝ่ายรีบถอยออกไปทันที พร้อมกับหันมาบอกจิ่งเหยาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีสามีแล้วและยังเป็นนายทหารชั้นสูงระดับพลโทอีกด้วย“คะ คือว่าเอาไว้ผมค่อยพาคุณแม่มาเลือกวันหลังนะครับ”“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ”ชายคนนั้นรีบเดินออกจ
ไม่ผิดไปจากที่เหม่ยหลินคาดการณ์เอาไว้ แต่ในวันนั้นเธอไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ารอให้ต้าเว่ยผิดนัดเสียก่อนเธอก็จะประกาศถอนหมั้นอย่างไร้ความผิดได้ แต่เขากลับมาทันเวลา“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”“วันนั้นเธอไปหาพ่อของเธอที่โรงพยาบาลและรู้ข่าวว่าผมจะหมั้นในวันนั้นจากเจ้าสาม เธอจึงได้ดักรอพบผมและเริ่มฟูมฟายจนทำให้ผมเกือบมาไม่ทัน”“คุณทำยังไงถึงจะสลัดเธอหลุดได้คะ”“คุณก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรง ๆ ต่อให้เธอฟูมฟายร้องไห้จนเป็นลมในเวลานั้นผมก็ไม่มีเวลาสนใจเธอแล้ว ก็เลยสั่งให้พยาบาลจูพาเธอกลับไปที่ห้องพักของพ่อเธอและรีบออกมาทันที จำได้ว่าวันนั้นน้องสามเหยียบคันเร่งและขับรถเร็วมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นจนไปถึงที่งานทันเวลา”“ฉันในตอนนั้นสำหรับคุณคงไม่ใช่คนที่คุณชอบสินะคะ”“ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิดกับคุณแบบนั้น ผมยอมรับว่าออกจะรังเกียจคุณด้วยซ้ำไป แต่วันที่บ้านของพวกเรานัดทานข้าวกันและคุณเดินชนผม คุณในวันนั้นเหมือนจะกระตุกหัวใจผมไปได้นิดหน่อยอีกอย่างในงานหมั้นวันนั้น…”“ทำไมคะ”“เมื่อผมเข้าไปและเห็นคุณนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในบ้าน แค่เห็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาเย็นชาของคุณ ผมก็คิดว่าคุณแทบจะอยากประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอ
“แต่ว่า… จะดีเหรอคะ”“ผมถามคุณหมอกงมาอย่างละเอียดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่ที่เอาแต่เลี้ยงลูกรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งหรือรู้สึกเศร้า เป็นหน้าที่สามีอย่างผมที่จะคอยปรนนิบัติไม่ให้คุณรู้สึกน้อยใจ”“ทำไมฉันฟังแล้วมันเหมือนข้ออ้างเจ้าเล่ห์ของหมาป่าที่กำลังจะหลอกกินกวางอีกแล้วล่ะ”“ก็ไม่ต่างกัน คุณว่ายังไงก็อย่างนั้นแต่วันนี้ให้ผมทำเถอะนะ มันรอไม่ไหวแล้ว”เขาจับมือเธอมาที่กางเกงชุดนอนบางเบาที่เริ่มแข็งตึงจนตุงออกมา เพียงแค่เหม่ยหลินสัมผัสอารมณ์ของเขาก็กระเจิงจนรออีกไม่ไหว ชุดนอนของภรรยาถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกที่โตมากกว่าเวลาปกติยิ่งทำให้ต้าเว่ยรู้สึกคอแห้งผากและกระหายขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“อ๊าา ต้าเว่ย…เสียว อย่าพึ่งเร่งเดี๋ยวนมจะ…อ๊าาา”น้ำนมสีขาวค่อย ๆ ไหลออกมาตามทางเพราะถูกกระตุ้น ต้าเว่ยดูดกลืนจนหมดด้วยความหลงใหล ร่างของเหม่ยหลินบิดไปมาเพราะความเสียว พ่อกับลูกเวลาดูดนมให้ความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เวลาที่ลูกดูดนมของเธอคนละข้าง“อ๊าา ต้าเว่ยฉันต้องการคุณ”“ผมจะค่อย ๆ สำรวจไปทีละจุด ตรงนี้ตรวจไปแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ๆ จากนี้ก็ตรงนี้”เขาค่อย ๆ เลือนลงมาที่หน้าท้อ
รถเข็นในโรงพยาบาลถูกเข็นเข้าห้องคลอดในตอนเช้ามืดปลายฤดูใบไม้ผลิ “อาหลิน อดทนไว้นะ”“ต้าเว่ย โอ๊ย!!”เมื่อรถเข็นถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด ต้าเว่ยก็ทำได้แค่รออยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือการทำคลอดของหมอกงแต่เพราะเขาไม่ได้เข้าไปด้วยตัวเองจึงรู้สึกเป็นห่วงเหม่ยหลินมีอาการไม่อยากอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนและกลางดึกก็นอนกระสับกระส่ายจนใกล้จะเช้าเธอจึงเริ่มปวดท้อง เขาจึงรีบพามาที่โรงพยาบาลทันที“พี่ต้าเว่ย! พี่เหม่ยหลินเป็นยังไงบ้างคะ”“อาเหยา อาลี่ มากันแล้วเหรอ”“พอคุณป้าโทรบอกฉันก็รีบปลุกพี่ลี่ลุกขึ้นมาและตรงมาที่นี่เลย เข้าไปนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วแต่ยังไม่มีใครออกมาเลย”“ใจเย็น ๆ นะพี่รอง พี่สะใภ้รองไม่เป็นอะไรหรอก”“อืม ขอบใจนายมาก”นายพลเฉินและคุณนายเฉินมาหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาวิ่งมารวมที่หน้าห้องคลอดพร้อมกับเดินวนเวียนไปมากับเสียงร้องด้านในซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้าเว่ยที่พยายามนิ่งจนหน้าซีดก็เริ่มกระสับกระส่ายก่อนที่ประตูห้องคลอดจะเปิดออกมาพร้อมกับหมอกงที่เดินออกมาหาต้าเว่ย“หมอกง!! ภรรยาของผมเป็นยังไงบ้างครับ”“ยินดีด้วยนะคะคุณหมอเฉิน คุณได้ลูกแฝดชายค่ะ”
“เอาศักดิ์ศรีของพลโทอย่างผมเป็นประกันว่าชาตินี้ผมจะรักและดูแลคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”จิ่งเหยาเดินไปพร้อมกับดึงเขาเข้ามาจูบท่ามกลางแสงดาวนอกระเบียง หยวนลี่ที่กำลังตกใจอยู่ถึงกับถลึงตาและเมื่อปรับตัวได้ก็ดึงเธอเข้ามาและจูบรับกลับไปด้วยความปรารถนาที่รุนแรงกว่าจนอีกฝ่ายเกือบหายใจไม่ออก“อื้อ พอก่อนค่ะฉันหายใจไม่ทัน”“แต่คุณเริ่มก่อนนะครับ”“รู้แล้วค่ะ ไม่คิดเลยว่าคนปากแข็งเก็บความรู้สึกอย่างคุณจะจูบเก่งไม่เบาเลย เคยจูบใครมาก่อนเหรอคะ”“ผม! เปล่านะ”“เงียบแล้วค่อย ๆ จูบฉันอีกทีเถอะค่ะ”ตอนนี้หยวนลี่ที่ดึงจิ่งเหยาเข้ามากอดเอาไว้ค่อย ๆ คลี่ยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขาให้กับเธอก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบเธออีกครั้ง ระเบียงไร้ผู้คนในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับบอกรักของทั้งคู่ อีกทั้งเสียงเพลงด้านในก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“เมื่อกี้นี้คุณหนีออกมาก่อนดังนั้น เรามาเต้นรำกันให้จบเพลงดีหรือเปล่าครับ”“ด้วยความยินดีค่ะ”เสียงเพลงที่คลอมาจากห้องโถงงานเลี้ยงและฟลอร์โล่งริมระเบียงท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นบรรยากาศที่พิเศษและแสนโรแมนติกไม่ต่างไปกับคู่แต่งงานใหม่ที่กำลังถูกส่งขึ้นห้องส่งตัวในตอนนี้ห้องส่งตัว“เมื่อย
งานเลี้ยงช่วงค่ำ งานเลี้ยงฉลองสมรสของทั้งคู่ถูกจัดขึ้นอีกครั้งในช่วงตอนเย็น คู่บ่าวสาวเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งครั้งนี้ต้าเว่ยรู้สึกว่าเหม่ยหลินเต้นรำเก่งขึ้นและไม่เหยียบเท้าเขาจนนึกสงสัย“ทำไมคุณเต้นเก่งกว่าตอนที่ผมเจอครั้งแรกเสียอีก หรือว่าคุณแอบไปฝึกมาเหรอ”“ฉันโตขึ้นแล้วนี่คะ จะให้เต้นพลาดและเหยียบเท้าคู่เต้นตลอดแบบนั้นแล้วใครจะอยากมาขอเต้นรำล่ะคะ”ต้าเว่ยรู้สึกฉุนเล็กน้อยเมื่อเธอพูดออกมาเช่นนี้ เธอแต่งงานกับเขาแล้วยังกล้าที่จะให้คนอื่นขอเต้นรำอีกงั้นเหรอ“คุณนายเฉิน คุณแต่งงานกับผมแล้วจากนี้คู่เต้นรำของคุณมีแค่ผมคนเดียวไม่อนุญาตให้ตอบรับคนอื่นอีกเข้าใจไหม”“ขี้หึงจนถึงตอนนี้เลยนะคะ แล้วถ้าพี่หยวนลี่ พี่ใหญ่ คุณพ่อละคะ คุณก็หึงพวกเขาด้วยเหรอ”“คุณเล่นไม้นี้อีกแล้วนะ ทำไมถึงได้หาเหตุผลมาโต้แย้งจนผมเถียงไม่ได้เก่งจริง ๆ”“ฉันไม่ได้หาข้อโต้แย้งนะคะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”ต้าเว่ยดึงเจ้าสาวเข้ามากอดจนแน่นพร้อมกับจังหวะเพลงที่เริ่มเปลี่ยนไป เหม่ยหลินรีบดันตัวเขาออกไปนิด ๆ ก่อนจะรีบพูดออกมา“อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเหมือนตอนเช้าอีกนะคะฉันอายคนอื่น”“อายทำไมกัน วันนี้วันสำคัญขอ
“ต้าเว่ย… คนชอบทวงสัญญา”“อย่าเสียเวลาเลยน่า อีกสามวันก็จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วครั้งนี้ผมจัดเตรียมแหวนแต่งงานให้คุณด้วยตัวเองรับรองว่าไม่พลาดเหมือนงานหมั้นแน่”“ก็ลองพลาดดูอีกสักครั้งสิคะ หากพลาดอีกฉันก็จะหนีงานแต่งเลย”“แน่ใจเหรอว่าจะหนีผมได้”“อ๊ะ คนบ้า…”เตียงอุ่น ๆ ที่รอทั้งคู่อยู่ในห้องเริ่มได้ใช้การอีกครั้งหลังจากที่ได้หยุดพักไปสองคืนช่วงที่เหม่ยหลินป่วยอยู่ สัมผัสรักของทั้งคู่อบอุ่นและเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนว่าที่เจ้าสาวอย่างเหม่ยหลินต้องเอ่ยเตือนเพื่อไม่ให้ว่าที่เจ้าบ่าวคลั่งรักอย่างต้าเว่ยเผลอทำรอย เพราะเธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวที่มีรอยแดงตามตัวในวันแต่งงานวันถัดมา “คุณย่าครับผมกลับมาแล้ว”“อาลี่เจ้าตัวดี มานี่สิมาให้ย่าดูหน้าหน่อย”หยวนลี่วิ่งเข้ามากอดคุณย่าแน่นพร้อมกับออดอ้อนตามประสาหลานชายคนเล็ก“คิดถึงคุณย่ามาก ๆ เลยครับ”เหม่ยหลินที่เดินออกมารับซูจิ่งเหยา เมื่อเธอเห็นเหม่ยหลินก็รีบวิ่งเข้ามากอดเพราะที่นี่นอกจากเฉินหยวนลี่แล้วเธอก็ไม่รู้จักใครนอกจากเหม่ยหลินกับต้าเว่ย“จริงสิครับคุณย่าครั้งนี้ผมพาว่าที่คู่หมั้นของผมมาด้วย”“หา อะไรนะว่าที่… นี่หลาน…”เหม่ยหลินค่อย
“ทำไมคุณชอบกลายร่างอยู่เรื่อยเลยล่ะคะ แต่วันนี้ฉันคงช่วยคุณไม่ไหวจริง ๆ ค่ะฉันรู้สึกเพลียมาก ๆ เลย"“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าจะไม่ค่อยสบายไหนมาตรวจดูหน่อยสิ”ต้าเว่ยค่อย ๆ ใช้หน้าผากอังไปที่หน้าผากของเธอ เขารู้สึกว่าเหม่ยหลินตัวรุม ๆ อยู่นิดหน่อยจึงจัดยาแก้ไข้ให้เธอกินก่อนจะพาเธอไปนอนพัก“พักผ่อนเถอะวันนี้คุณคงเหนื่อยมากเพราะคุณแม่กับพี่ใหญ่พึ่งมา ผมไม่อยากให้คุณคิดมากเรื่องที่คุยกับพี่ใหญ่ลู่ในวันนี้ ผมเป็นสามีของคุณถึงยังไงก็ไม่อยากให้คุณต้องเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้มาคิดจนป่วยไข้”“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า… คุณว่าฉันใจร้ายเกินไปไหมคะ”ที่แท้เธอก็เครียดเรื่องนี้ แม้ว่าเหม่ยหลินจะดูเป็นคนใจแข็งและใจร้ายแต่ในใจลึก ๆ เธอก็ยังนึกเป็นห่วง แต่นั่นก็อย่างที่เธอตัดสินใจบอกพี่ใหญ่ไปว่าหากช่วยครั้งที่หนึ่งก็จะมีครั้งอื่น ๆ ตามมาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สองคนนั้นกลัวที่จะต้องรับภาระหนี้สินของตระกูลลู่จนขอแยกทางออกไป“ไม่หรอก คุณทำถูกต้องที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไม่ผิดเลยสักอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งนั้นผมจำได้ว่าผมเป็นคนถามว่าทำไมคุณถึงยอมให้เงินพวกเธอ คุณบอกว่าถึงยังไงก็เป็นลูกพ่อเดียวกัน