ครอบครัวชินอ๋องยังคงทำตัวกันตามปกติเช่นทุกวัน แม้ว่าวันนี้จะมีคนวางแผนร้ายกับท่านหญิงของจวนก็ตาม ซึ่งมันแตกต่างกับจวนตระกูลอู๋เสียเหลือเกิน ที่นั่นมีแต่เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหลานชายนายท่านอู๋พ่อบ้านตระกูลอู๋ที่ได้รับแจ้งจากบ่าวหน้าประตูจวนว่า มีขอทานคนหนึ่งมาบอกให้ไปเก็บคุณชายของจวนตรงข้างถนน ครา
ทางด้านลู่ชิงหลังจากถูกบิดามารดา ตักเตือนด้วยความเป็นห่วง จึงต้องมีก้งเยว่คอยอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา และในคืนวันเดียวกันนั้นเจียวมิ่งกับก้งคุน ออกไปจับตัวคนของแคว้นตงหนาน นำตัวมาขังไว้ในบ้านเช่ารอจนกว่ากองทัพของชินอ๋องมาถึง พวกเขาจะได้นำตัวไปส่งทันที เพราะซื่อจื่อแจ้งมาแล้วว่า จะออกเดินทางอีกสามวันหลัง
“ท่านพี่ข้าเห็นด้วยกับชิงเอ๋อร์ พวกเราไปทำบุญขอพรกันล่วงหน้าย่อมดีกว่า หลังจากนี้พวกเราจะได้เตรียมตัวกันไว้แต่เนิ่น ๆ ถ้าเหตุการณ์ไม่สู้ดีจะได้หลบหลีกได้ทันนะเจ้าคะ” ฟางซินตั้งแต่รู้เรื่องสงครามจิตใจจึงไม่ค่อยสงบเท่าใดนัก นางเห็นด้วยกับบุตรสาวที่จะไปทำบุญ“พวกเราย่อมไม่คัดค้านอยู่แล้วชิงเอ๋อร์ นอกจา
“ทุกท่านหากทำบุญแล้ว แวะมารับอาหารทางนี้ได้นะเจ้าคะ พวกเราทำอาหารอร่อย ๆ มาแจกจ่ายให้ทุกท่านเจ้าค่ะ”“ครอบครัวของเราตั้งใจทำบุญ โดยการตั้งโต๊ะแจกจ่ายอาหาร และยังมีข้าวสารมอบให้อีกคนละหนึ่งชั่งขอรับ” ลู่จื้อช่วยตะโกนอีกคน“ไม่ว่าพวกท่านจะร่ำรวยหรือยากจน ก็สามารถมารับอาหารได้ทุกคนขอรับ พวกเราไม่เลือกท
เมื่อฮูหยินคนนั้นถูกลู่ชิงปฏิเสธ และยังพูดจาดูถูกนางเอาไว้เดินออกไป ครอบครัวสวียังคงแจกจ่ายอาหารกันต่อ เพราะยังมีคนมาต่อแถวกันเรื่อย ๆ จนกระทั่งข้าวถุงสุดท้ายมีคนมารับไปแล้ว พวกเขาจึงช่วยกันเก็บโต๊ะรวมถึงข้าวของอย่างอื่น นำไปวางไว้บนเกวียนเสียก่อน จากนั้นจึงพากันเดินขึ้นบันได เพื่อนำอาหารเจไปถวายไต้
“ขะ ขะ ข้าวิ่งหนีพวกทหารของแคว้นตงหนาน วันนี้ข้าขึ้นเขาไปล่าสัตว์ในป่าลึกกว่าทุกวัน และบังเอิญเห็นกลุ่มคนนับสิบนั่งจับกลุ่มคุยกัน พวกเขาพูดว่าตอนนี้แคว้นตงหนาน ได้จัดกองทัพเอาไว้จำนวนสี่แสนนาย จะแบ่งทหารออกจากทัพใหญ่ห้าหมื่นนายเพื่อข้ามภูเขาของตำบลหย่งฝูเข้ายึดที่นี่ก่อน จากนั้นค่อยยกกำลังทหารเข้าไ
“เช่นนั้นก็แยกย้ายกันไปจัดการเถิด หากชักช้าจะไม่ทันการณ์เอาได้” ลู่เวินจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปจัดการตามที่ได้พูดคุยกันเจียวมิ่งแยกกลับไปที่บ้านเช่า รีบเขียนจดหมายผูกด้ายสีแดง ส่งให้เซียวหนิงหลงอย่างเร่งด่วน และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ก้งเยว่ได้ฟัง ก่อนจะมีความคิดว่าเชลยสามคนนี้คงไม่ต้อง
ความโกลาหลนี้ยังส่งผลให้ซื่อจื่อแห่งจวนชินอ๋อง ที่มีเวลาอีกสองวันจะออกเดินทางไปยังชายแดน ไม่อาจรีรอได้อีกต่อไปเมื่อยามเฉินที่ผ่านมามีจดหมายผูกด้ายสีแดง ซึ่งมาจากตำบลหย่งฝู เนื้อหาด้านในบอกถึงอันตราย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า กว่ากองทัพหลายแสนนายจะเดินทางไปถึงอาจไม่ทันการณ์ ในยามนี้เขาอยากจะมีปีก
“ถึงเจ้าไม่พูดข้าก็คิดจะลงมืออยู่แล้ว เมื่ออู๋เจียงสงกลับไปถึงเมืองหลวง อาจตายเพราะความตกใจจนเกินเหตุ หรือไม่ก็คงตรอมใจจนตายก็เป็นได้ เจ้าอย่าห่วงเลยข้าจะจัดการให้เมืองหลวงไม่มีชื่อตระกูลอู๋อีกต่อไป” เซียวหนิงหลงพูดคำไหนคำนั้นและเขาไม่เคยทำไม่สำเร็จ“ขอบคุณมากขอรับ รอให้ข้าฝึกวรยุทธ์ได้เก่งมากกว่านี
“ชิงเอ๋อร์เจ้ายื่นมือมาพี่จะช่วยสวมให้เจ้าเอง เมื่อใส่กำไลหยกชิ้นนี้แล้วก็ถือว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่ เป็นว่าที่สะใภ้ของราชวงศ์เซียวแห่งแคว้นฉู่ หากมีใครคิดปองร้ายเจ้าโทษของคนเหล่านั้น ย่อมร้ายแรงมากกว่าปกติหลายเท่าการลงโทษย่อมมีหนักเบา หวังว่าเจ้าจะเข้าใจกฎเกณฑ์พวกนี้ บางครั้งเราไม่อาจใจดีกับคนที่
“เรื่องบิดาของท่านพวกข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง หากท่านไม่ร้องขอความช่วยเหลือ แต่คนที่ลอบติดตามมาเพื่อจัดการท่านกับครอบครัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าก็แล้วกัน เพราะเรื่องนี้คนของข้าย่อมถนัดมากกว่าการพูดคุย นายท่านสวีจะได้จัดการเรื่องสำคัญได้อย่างสบายใจ” ชินอ๋องจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของลู่เวิ
ทุกคนที่อยู่ร่วมทานอาหารยังไม่มีใครพูดอะไร เพราะกลัวว่าการทานอาหารมื้อเย็นนี้จะเสียอรรถรสจึงรอไปก่อน ระหว่างนั้นมีการพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ส่วนตันเจียงที่ทานอาหารกับกลุ่มเจียวมิ่งด้านนอก เขาได้พูดถึงเรื่องนี้กับสหายไปบางส่วน เนื่องจากว่าทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมเ
การมาพักผ่อนที่บ้านของตระกูลสวีผ่านมาสองวัน มีเรื่องให้ชินอ๋องและพระชายาได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ มากขึ้น ไหนจะขึ้นเขาล่าสัตว์มาทำอาหารหรือการจับปลาในแม่น้ำ ที่ไหลผ่านหลังหมู่บ้าน แม้แต่ตามไปที่ร้านอาหารเพื่อทดลองเป็นพ่อค้าแม่ค้า ก็ยังต้องการจะลองทำดูให้ครบหมดทุกอย่างทำเอาชินอ๋องผู้แข็งแกร่งถึงกับอ่อนระโ
“เป็นข้าวต้มก็ดีเหมือนกัน แต่ชิงเอ๋อร์คงทำหม้อใหญ่กว่าเดิมใช่หรือไม่ เพราะมีคนมาเพิ่มอีกหลายคนทีเดียวเจ้าอาจจะเหนื่อยมากเกินไปก็ได้นะ” เพราะคนที่มาครั้งนี้มีมากกว่าห้าสิบคน ที่พักจึงต้องตั้งกระโจมยังพื้นที่ว่างตรงข้างบ้าน“พี่ชายเซียวท่านไม่รู้อะไรซะแล้ว ตอนนี้พวกพี่เจียวมิ่งน่ะทำอาหารเป็นตั้งหลายอย
“คือว่าพี่กับตันเจียงไปตระกูลเหลียนเพิ่งกลับมา เพราะคนพวกนั้นกล่าววาจาล่วงเกินท่านน้าลู่เวิน และพูดจาไม่ดีกับเจ้าด้วย ที่สำคัญคิดหาผลประโยชน์จากกิจการร้านค้าของตระกูลสวีอีก พี่จะยอมให้คนพวกนั้นทำสำเร็จได้อย่างไร ตราบใดที่พี่ยังอยู่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายชิงเอ๋อร์ได้ รวมถึงทุกคนในครอบครัวของชิง
กลางดึกในหมู่บ้านอันฮุยจวนของเศรษฐีประจำหมู่บ้าน ลุกโชนด้วยความร้อนแรงของแสงไฟ ร่างที่ถูกยาสลบของต่งซวินหลายสิบคน นอนเรียงรายไม่รู้สึกตัว จากความร้อนของเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ เรือนทุกหลังถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเรือนหลังสุดท้ายที่เป็นของเหลียนตั๋วลู่ ก็ถูกจุดไฟจากฝีมือของก้งคุนที่ถือคบไฟรออยู่ เ
“จะเรียกพวกข้าว่าอะไรก็แล้วแต่ท่านเหลียนจะเรียกเถิด และใช่ท่านทำอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้สึกไม่พอใจมาก เพราะท่านเหลียนกำลังคิดจะจัดการตระกูลสวี ข้าพูดถูกใช่หรือไม่” เซียวหนิงหลงเดินเข้าไปนั่งโต๊ะกลางห้องและพูดถึงเรื่องตระกูลสวี“จะ จะ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ากำลังคิดจะทำอะไรกับตระกูลสวี” เหลียนตั๋วลู่เร