มือที่พาดอยู่บนพนักโซฟาขยับลงมาบนไหล่ลูบเบาๆ คล้ายกำลังปลอบประโลม จมูกโด่งกดลงบนเส้นผม สูดดมความหอมอย่างไม่อาจห้าม
ทิวารู้สึกได้ว่าเมคินหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ต่างจากหัวใจตัวเองที่มันก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ทิว ดึกแล้วนายจะกอดพี่ไปถึงเช้าเลยหรือไง” เมคินคงทนอยู่แบบนี้ได้มานานเพราะรู้สึกถึงความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้นทีละนิด
“ก็พี่คินตัวอุ่น” ทิวตอบก่อนจะรีบถอยออก
“ไหนว่าอุ่นไง ไม่กอดต่อแล้วเหรอ” เขาเห็นทิวาหน้าแดงไปจนถึงหูก็อดแกล้งไม่ได้
“ไม่ดีกว่าดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องรีบตื่น อ้อ พี่คิน ผมเปลี่ยนใจแล้วนะ พรุ่งนี้พี่ไปวิ่งคนเดียวเถอะ ผมจะทำข้าวต้มกุ้ง ฝากพี่ซื้อน้ำส้มคั้นมาด้วยนะครับ เอาขวดเล็กสองขวด ร้านที่ 2 นับจากทางเข้านะครับ”
พูดจบก็วิ่งเขาไปยังห้องนอนของตัวเองทันที
เมคินอดยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่ทิวามาอยู่ด้วยเขารู้สึกว่าตัวเองยิ้มบ่อยขึ้น หัวเราะบ่อยขึ้น ในทุกๆ วันเขาจะออกไปทำงานและกลับคอนโดพร้อมกับทิวา จากที่เคยออกไปดื่มกับเพื่อนบ้างออกไปหาความสุขให้ตัวเองบ้าง ระยะเวลาเดือนว่าเขาไม่เคยได้ปลดปล่อยพลังทางเพศแต่เขากลับรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขได้อย่างประหลาด
แต่วันนี้เขาคงทนต่อไปไม่ได้ เพราะการได้ใกล้ชิดกับทิวา ได้กลิ่นการหอมๆ ของชายหนุ่ม มันกระตุ้นความรู้สึกในกายของเขาจนร้อนรุ่มไปหมด ถ้าเมื่อสักครู่ทิวายังกอดต่ออีกสักนิดเขาคงได้ทำอะไรที่มันเหมาะสมออกไปแน่
“ฟู่ว..”
เมคินถอนหายใจแล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเอง ถอดชุดออกแล้วรีบอาบน้ำเพื่อดับความร้อนในกาย
แต่ยิ่งโดนกระแสน้ำกระเซ็นโดนจุดอ่อนไหวความเป็นชายก็แข็งตัวอย่างห้ามไม่อยู่
แล้วสองมือกอบกุมความเป็นชายไว้หลวมๆ ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะก่อน ทำซ้ำไปซ้ำมาจนปวดร้าว และเร่งความเร็วขึ้นเมื่อนึกถึงใบหน้าและกลิ่นกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอด ใบหน้าและลำคอแดงซ่าน เหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด ลมหายใจหอบถี่กระชั้นขึ้น พลันก็เกิดเสียงครางในลำคออย่างสุขสม แก่นกายกระตุกพ่นน้ำขาวขุ่นออกมาจนเปื้อนไปทั่วพื้นห้องน้ำ
เมคินหอบเหนื่อยอย่างรุนแรง ไม่เคยมีครั้งไหนที่มอบความสุขให้กับตัวเองแล้วรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนคงเป็นเพราะเขาจินตนาการถึงอีกคนอยู่ตลอดเวลา
เพราะเมื่อคืนเมคินไม่ซื่อกับเลขาของตัวเอง ตลอดช่วงเช้าเขาจึงไม่ได้เรียกทิวาเข้ามาในห้องเลยสักครั้งแม้แต่อาหารกลางวันเขาก็สั่งมาทานในห้อง
“น้องคินไม่ไปทานข้าวเหรอคะ” วีณากลับมาจากโรงอาหารก็ยังเห็นทิวานั่งอยู่ที่เดิม
“ผมยังไม่หิวครับ” ก่อนที่วีณาจะกลับมาเขาทานคุกกี้ที่มุมเครื่องดื่มของพนักงานไปแล้วสองชิ้น แล้วก็กลับมานั่งหน้าห้องอย่างเดิม
ปกติถ้าไม่ออกไปทานอาหารข้างนอกกับเมคินทิวาก็จะลงไปทานอาหารของบริษัท แต่วันนี้เขาไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด สาเหตุก็มาจากคนที่นั่งอยู่ในห้อง
ตั้งแต่เช้าเจ้านายหนุ่มคุยกับเขาแค่ไม่กี่คำ แม้แต่ตอนอยู่ในรถ เมคินก็เอาแต่ก้มหน้าอยู่กับจอไอแพด เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เมคินถึงเปลี่ยนไปเป็นอีกคนแบบนี้ ทิวาคิดว่าอาจเพราะเรื่องที่เขากอดชายหนุ่มเมื่อคืนอย่างแน่นอน จากนี้เขาคงต้องเว้นระยะห่างกับเจ้านายอีกสักนิด เพราะคิดว่าบอสคงไม่ชอบให้เขาใกล้ชิดแบบนั้น
เข็มนาฬิกาเลยเวลาหกโมงเย็นไปแล้วแต่เมคินก็ยังไม่ยอมออกจากห้องคนที่ไม่ได้ทานข้าวกลางวันอย่างทิวก็หิวจนแสบท้อง เขาเดินไปหยิบคุกกี้มาทานไปอีกสองชิ้นและคิดว่าถ้าอีกครึ่งชั่วโมงเมคินยังไม่ออกมาเขาคงต้องเข้าไปตาม
ประตูเปิดห้องทำงานเปิดออกทิวายิ้มกว้างแต่เมคินกลับทำหน้าบึ้งจนเขาต้องรีบหุบยิ้ม ความหิวเมื่อครู่หายไปจนหมด เขาไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มอยู่ในโหมดเย็นชาแบบนี้มาก่อน
“นั่งรถกลับเองได้ไหม ผมจะไปทำธุระ”
“ผมขับรถให้ไหมครับ”
“ไม่เป็นไร” พูดจบก็เดินผ่านหน้าเขาไปโดยไม่หันมามองสักนิด
เป็นครั้งที่ทิวาต้องกลับคอนโดด้วยรถไฟฟ้า แต่มันก็ถูกต้องแล้วเพราะที่ผ่านมาเขาสะดวกสบายจนเคยตัว แต่จากนี้ไปคงต้องปรับตัวเองให้ชินเพราะเมคินคงไม่ใช่คนเดิมที่เขารู้จักต่อไป
ลงจากรถไฟฟ้าทิวาก็เดินต่ออีกนิด เขาผ่านร้านอาหารที่เคยสั่งไปทานกับเมคินบนห้องก็แวะซื้อเมนูโปรดของชายหนุ่ม
ทิวาหาข้อมูลเรื่องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม พอดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบสองทุ่ม เขารีบเตรียมอาหารใส่จานชาม เพราะถ้าเมคินกลับมาถึงห้องจะได้ทานพร้อมกับเขา แม้จะหิวแค่ไหนแต่ก็อยากรอเมคินก่อน อยากคุยกับเขาอยากขอโทษที่เมื่อวานเผลอทำตัวสนิทกับเขาจนเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเจ้าของห้องก็ยังไม่กลับมาทิวเลยเก็บอาหารเข้าตู้เย็น ใจนึกอยากโทรศัพท์ไปถามว่าเขาจะกลับห้องตอนไหนแต่ก็ไม่กล้าเพราะนั่นถือเป็นเรื่องส่วนตัว
ทิวาเอาแต่กังวลเรื่องเมคินจนนอนไม่หลับ ถ้ายังเป็นแบบนี้พรุ่งนี้เขาคงตื่นไปทำงานไม่ไหวแน่ๆ
แล้วเขาก็ตัดสินใจไลน์ไปถามเพราะมันคงรบกวนน้อยกว่าการโทรศัพท์
Tiwa : พี่คินนอนหรือยังครับ
Tiwa : ค้างที่บ้านเหรอครับ
Tiwa : พรุ่งนี้เช้าอยากกินอะไร ไข่ดาว ไส้กรอกไหม
Tiwa : พี่เป็นอะไรหรือเปล่า
Tiwa : พี่ผมนอนไม่หลับ
ชายหนุ่มส่งข้อความรัวๆ แต่อีกคนก็ยังไม่เปิดอ่าน นั้นยิ่งทำให้ใจเสียมากขึ้นไปอีก ทิวกังวลไปสารพัดกลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย ชายหนุ่มออกมานอนรอที่โซฟาเพราะถ้าเขามาถึงจะได้คุยเรื่องเมื่อวานและขอโทษเขาอย่างที่ตั้งใจ
เขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่เมคิมเมินเฉย จะเรียกว่าน้อยใจก็คงจะถูก อาการแบบนี้มันเคยเกินขึ้นตอนที่เขากับแฟนทะเลาะกันครั้งแรก ความคิดในหัวของทิวาตีกันไปหมดนี่เขาเปลี่ยนใจไปชอบเพศเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วถ้าเมคินรู้จะโกรธไหม จะให้เขาย้ายออกหรือเปล่า แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเอง
คิดวนไปวนมาอยู่หลายรอบก็ยังไม่ได้ขอสรุปว่าจะบอกเขาไหมหรือจะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้เป็นความลับแล้วใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดเขาแบบนี้ต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายทิวาก็หลับอยู่บนโซฟา
พอเห็นข้อความที่เด้งเข้าแบบรัวๆ เมคินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูโดยไม่ได้เข้าไปในแอปพลิเคชัน จากที่คิดจะอยู่ให้ห่างเพราะกลัวใจตัวเองก็ต้องเปลี่ยนความคิด ชายหนุ่มรีบขับรถออกจากบ้านทั้งที่ยังสวมชุดนอนอยู่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเมคินก็มาถึงห้องนอนของตัวเอง เขาเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ ไฟยังคงเปิดอยู่แล้วก็สะดุดตากับร่างของทิวาที่หลับอยู่บนโซฟา ในมือของเขายังถือโทรศัพท์อยู่ เมคินรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ทิวาต้องมารอแบบนี้ ถ้าเขาโทรบอกก่อนชายหนุ่มก็คงไม่ต้องมาหลับอยู่บนโซฟา“ทิว ทิว” เขาเรียกเบา เพราะกลัวอีกคนจะตกใจ“อืม พี่คินกลับมาแล้วเหรอครับ”“กลับมาแล้ว ไปนอนในห้องเถอะ นอนตรงนี้เดี๋ยวได้เมื่อยกันพอดี”ทิวาลุกขึ้นเขาขยี้ตาและมองหน้าเมคินที่นั่งลงข้างเขาอีกครั้ง“ใช่พี่คินจริงๆ ด้วย”“ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะใคร” เมคินยิ้ม“พี่คิน ผมขอโทษ”เมคินไม่เข้าใจว่าทิวาไปทำอะไรผิดมาถึงได้ทำหน้าแบบนี้“ไปทำอะไรผิดมา”“เรื่องเมื่อวาน เรื่องไหน” เมคินคิดไม่ออกเพราะเมื่อวานทุกอย่างก็ปกติดี“ที่ผมกอดพี่ ผมขอโทษ ผมรู้ว่าผมล้ำเส้น” เขาพูดเสียงอ่อน ส่งสายตาอ้อนวอนอยากให้เขายกโทษให้“พี่ไม่โกรธทิวเลย”“แต่วันนี้พี่คินไม่
เมคินไปส่งเมลดาที่บ้านพี่เขยจากนั้นก็รีบกลับที่คอนโดในเวลาเกือบเที่ยงคืน“พี่คิน เหนื่อยไหม” เสียงทักทายดังขึ้นตั้งแต่เขายังไม่ทันปิดประตูด้วยซ้ำ ทิวาเดินมารับกระเป๋าไปเก็บ“อือ ดึกแล้วทำไม่ยังไม่นอน”“ผมอ่านหนังสือเพลินไปหน่อยครับ” ทิวาอ่านหนังสือจริง แต่แค่ไม่กี่หน้าเพราะเอาแต่พะวงว่าอีกคนจะกลับมาตอนไหนทิวาเดินไปรินน้ำส่งให้เมคินก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขา“เริ่มเรียนจริงเมื่อไหร่”“จันทร์นี้แล้วครับ เรียนหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม พี่คินกลับคอนโดเองได้ใช่ไหมครับ” พอถามออกไปแล้วก็หัวเราะเพราะนั้นควรเป็นคำพูดของเมคินมากกว่า“ผมคิดว่าพี่คิดจะค้างที่บ้าน” เพราะรู้ว่าเขาต้องไปส่งคุณเมลดาที่บ้านสามีแล้วบ้านหลังนั้นก็อยู่หมู่บ้านเดียวกับบ้านของเขา“พี่รู้ว่ามีคนรอ”“ผมไม่ได้รอนะ” ทิวารีบแก้ตัว พอเขาพูดจี้จุดอย่างนี้เรื่องที่คิดจะคุยก็เลยลืมไปหมด“อ้าวเหรอ พี่คงเข้าใจผิดไปเอง”“ก็คงอย่างนั้นแหละ ผมจะรอพี่ทำไม ตัวไม่ได้ติดกันสักหน่อย ผมไปนอนนะ พี่คินก็รีบเข้านอนนะครับ”ถ้าเป็นเมื่อก่อนหลังจากส่งพี่สาวเสร็จเขาก็คงกลับไปนอนที่บ้านเพราะมันดึกมากแล้ว แต่ที่ขับรถกลับมาที่คอนโดเพราะคิดว่าทิวาจะรอเขาอยู่ ตอนท
หลังเลิกงานเมคินกับทิวาก็มาทานอาหารที่ร้านประจำอย่างเคย วันนี้บอสหนุ่มเป็นคนโทรสั่งอาหาร เขาเลือกต้มยำปลาแม่น้ำ ยำถั่วพู ปีกไก่น้ำแดง และห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน“ไม่อร่อยเหรอ”ปกติแล้วทิวาจะชอบอาหารรสจัดแบบนี้ ทุกครั้งชายหนุ่มจะทานไปด้วยยิ้มไปด้วย แต่วันนี้นอกจากจะทานน้อยกว่าทุกวันแล้วรอยยิ้มก็แทบไม่มีให้เห็น“อร่อยครับ”“แต่ท่าทางของนายไม่ใช่แบบนั้นนะ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าเครียดเรื่องงาน”“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่ปวดท้องนิดหน่อย”“ไปหาหมอไหม”ปกติเป็นคนขาวอยู่แล้วแต่ตอนนี้หน้าชายหนุ่มซีดจนน่าตกใจ“ไม่ต้องหรอกครับ ปวดท้องแค่นิดหน่อยเอง เดี๋ยวขากลับแวะตรงร้านขายหน้าหน้าคอนโดหน่อยได้ไหมครับ ผมว่าจะซื้อยาสักหน่อย”“ได้สิ แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องรีบออกนะ อย่าฝืน”“ครับพี่”ทิวาทานต่ออีกนิดเพราะเห็นว่าอีกคนทานไปยังไม่เยอะ ถ้าหยุดตอนนี้ก็รู้ว่าเมคินนั้นคงยังไม่อิ่ม แต่ยิ่งทานก็ยิ่งปวดท้อง สุดท้ายก็เลยต้องวางช้อนกับส้อมลง“พี่คิน ไม่ต้องรีบนะครับ ผมไม่เป็นอะไรมาก”“เห็นหน้าเป็นแบบนี้ใครจะกินลง” เมคินมาได้ตำหนิหรือไม่พอใจแต่เขาห่วงอีกคนจนทานอะไรไม่ลงเหมือนกันพอจ่ายเงินค่าอาหารแล้วเขาก็เป็นคนขับ
เป็นวันแรกที่เมคินขับรถกลับมาทำงานคนเดียว ตั้งแต่ทิวามาทำงานด้วย ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง คงเพราะที่ผ่านมามีชายหนุ่มอีกคนอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลาเขาไปประชุมที่บริษัทลูกค้าสองแห่งจากนั้นก็ไปทานอาหารกลางวันกับฉัตรภพและกลับมานั่งทำงานต่อ ใจจริงอยากไปโรงพยาบาลเพื่อดูว่าทิวาเป็นยังไงบ้าง แต่งานตรงหน้าก็ยังไม่เรียบร้อยตกบ่ายก็ได้รับสายจากทิวา ชายหนุ่มโทรมาบอกว่าผลการส่องกล้องไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่หมอตรวจพบเชื้อเอชไพโลไรในกระเพาะอาหารเลยต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกสองวันเพื่อรับยาฆ่าเชื้อเข้าทางสายน้ำเกลือจากนั้นก็ให้ไปทานยาต่อที่บ้านอีก 5 วัน“เย็นนี้อยากกินอะไร พี่เลิกงานแล้วจะได้ซื้อไปให้”“ไม่ต้องห่วงครับ ผมทานอาหารของโรงพยาบาลได้ พี่คินไม่ต้องมาก็ได้ ผมไม่เป็นอะไรมากสักหน่อย แค่นอนให้ยาเท่านั้นเอง”“งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวพี่ส่งพยาบาลพิเศษไปเฝ้าก็ได้”“ครับ” เพราะไม่อยากให้เขาต้องลำบากมาเฝ้าทิวาเลยไม่ปฏิเสธเรื่องพยาบาลพิเศษ“พี่ทำงานต่อนะ อย่าดื้อกับหมอและพยาบาลล่ะ เข้าใจไหม”“ครับ”พอวางสายแล้วคนป่วยก็ส่งไลน์มาย้ำเรื่องอาหารเย็นอีกครั้งTiwa : ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนผมอย่าลืมทานข้าวนะครับ
การนอนโรงพยาบาลของทิวาไม่ได้น่าเบื่อเท่าไหร่ ตอนเช้าเขาทบทวนบทเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวสอบโทอิคพอตกบ่ายเมคินก็ส่งไฟล์งานให้ทำ พอตกเย็นเขาก็มาอยู่เป็นเพื่อน ก่อนจะนอนคุยกันจนพยาบาลมาวัดความดันตอนสี่ทุ่มจึงผิดไฟนอน พอตอนเช้าก็สั่งอาหารของโรงพยาบาลมานั่งทานเป็นเพื่อนคนป่วยก่อนไปทำงานเช้าวันนี้หมออนุญาตให้ทิวากลับบ้านได้แต่ต้องหลังจากยาฆ่าเชื้อขวดสุดท้ายหมด“วันนี้นี้พี่คินมีประชุมนะครับ ผมกลับคนเดียวได้”“ถ้าประชุมเสร็จเร็วจะมารับนะ”“ตามใจครับ แต่ถ้าผมทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้วพี่ยังประชุมไม่เสร็จผมจะนั่งแท็กซี่กลับ ตอนเย็นค่อยเจอกัน”ทิวาไม่ได้ห้ามถ้าเขาจะมารับเพราะรู้ว่าพูดไปก็เหนื่อยเปล่า อย่างสองวันที่ผ่านมานี้เขาก็บอกให้เมคินกลับไปนอนที่ห้องเพราะไม่อยากให้นอนบนโซฟา แต่ก็เหมือนอีกคนไม่สนใจฟังเลยแม้แต่น้อย“อือ พี่ไปทำงานก่อนนะ อย่าดื้อกับคุณพยาบาลล่ะ”“ผมว่าพี่รีบไปเถอะครับ ถ้าออกสายกว่านี้รถจะติดเอานะครับ” เขาเตือนพร้อมกับส่งกระเป๋าเอกสารให้บอสหนุ่ม ใช้มือดันแผ่นหลังให้เขาเดินออกจากห้องพอบอสกลับไปแล้วทั้งห้องก็กลับมาเงียบเหงาอีกครั้ง เขานอนอยู่บนเตียงกว้าง นั่งฟังบทความภาษาอ
ทิวายิ้มแก้มปริเมื่อได้รับจดหมายจากฝ่ายบุคคลว่าเขาผ่านการทดลองงาน แม้จะลาป่วยไปสองวันแต่นั่นก็เป็นเหตุจำเป็น จากนี้เขาจะได้เป็นพนักงานประจำและได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจากเดิม จังหวะมันลงตัวมากเพราะเขาเองก็เพิ่งได้รับผลสอบโทอิคเมื่อวาน เขายื่นผลสอบไปที่ฝ่ายบุคคลตั้งแต่เช้านั่นก็เท่ากับว่าเงินเดือนของเขาเดือนหน้าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายพันเขาไม่ต้องจ่ายที่พัก ส่วนค่าอาหารบอสก็จะโอนเงินเข้าบัญชีให้ทุกเดือน ในแต่ละเดือนแทบไม่ได้ใช้เงิน ส่วนเงินที่ติดหนี้เมคินนั้นก็ทยอยจ่ายเดือนละแค่สองพันมันดูเหมือนเขาเอาเปรียบบอสในทุกๆ เรื่อง เคยคุยกับเมคินเรื่องค่าที่พักก็หลายครั้ง และจำได้ดีว่าล่าสุดที่พูดเรื่องนี้เมคินไม่คุยกับเขาอยู่ครึ่งวันทิวาไม่ชอบบรรยากาศที่แสนอึดอัดแบบนั้น เพราะนอกจากเพื่อนที่ทำงานแล้วเขาก็ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไหนให้คุยด้วยทุกวันเหมือนเมคิน“ดีใจด้วยนะทิวา” วีณาเข้ามาแสดงความยินดีด้วย“ผมต้องขอบคุณพี่วีณาที่ช่วยแนะนำและช่วยเหลือผมมาตลอด”“พี่แทบไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นเพราะทิวาตั้งใจทำงาน และใส่ใจงานบอสก็เลยให้ผ่านโปร”“ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดี เวลาสามเดือนที่ผ่านผมมาเรียนรู้จากพี่ได้ม
เมคินมองออกไปนอกระเบียงห้องนอน ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดมิด แต่ถ้ามองต่ำลงมาก็จะเห็นแสงไฟระยิบระยับเต็มไปหมด รถลายังคงแล่นอยู่ตามท้องถนน เขามองดูแสงไฟจากรถและตึกรามบ้านช่องอย่างเพลินตาไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นภาพกรุงเทพยามราตรีเช่นนี้ แต่เพราะคำพูดของทิวาทำให้เขารู้สึกดี ภาพที่ชินตาก็กลายเป็นสิ่งสวยงามน่ามองเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกับทิวานั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนเขาเป็นเจ้านายทิวาเป็นลูกน้อง แต่พอกลับมาที่คอนโดเขาก็เหมือนพี่ชาย ทุกอย่างมันยังดูคลุมเครือ แต่เท่าที่ได้ฟังความคิดของทิวาก็ไม่ได้ต่อต้านความรักของเพศเดียวกัน ถ้าจะต้องระบุสถานะให้ชัดเจนคงต้องให้เวลาอีกสักหน่อยอีกไม่ถึงเดือนก็จะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ เมคินวางแผนจะชวนทิวาไปเที่ยว หวังให้บรรยากาศในการพักผ่อนช่วยให้เขากับชายหนุ่มได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเพราะเป็นคนพูดไม่เก่งทุกอย่างเลยต้องแสดงออกให้มากกว่าเดิม เมคินหวังว่าอีกคนจะเข้าใจใส่ในสิ่งที่เขาพยายามจะแสดงออกด้วยภาษากายเขาตื่นนอนเช้าเหมือนกับทุกวัน เพียงแต่วันนี้ไม่ได้ออกไปวิ่ง เพราะคิดว่าจะไปโรงพยาบาลกับทิวาด้วย“พี่คินไม่ไปวิ่งเหรอครับ” ทิวาออกมาจากห้องตามเวลาปกติ แต่ทุกครั้งเมคินจะอ
“ผู้หญิงคนเมื่อวานเป็นน้องรหัส เขามาชวนไปงานปาร์ตี้สละโสด เขาชวนนายไปงานแต่งงานเขาด้วย”อยู่ๆ เมคินก็พูดขึ้นขณะที่กำลังทานอาหารเช้า เพราะคิดว่าอีกคนคงอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม เขาสังเกตว่าเช้านี้ทิวาเอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมสบตาแถมยังนั่งเขี่ยไข่ดาวในจานเล่นจนมันเละไปหมด และพอพูดจบก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มที่มุมปาก“พี่บอกทำไม ผมยังไม่ได้ถามสักหน่อย”“ก็แค่อยากบอก เผื่อว่าคนบางคนแถวนี้จะเข้าใจผิด”“ใครจะเข้าใจผิดกัน” ทิวาปฏิเสธพร้อมหลบสายตาอีกคน“ไม่เข้าใจผิดก็ดีแล้ว คราวหน้าถ้าอยากรู้ก็ถาม ถ้าอยากให้กลับเร็วก็โทรตาม ไม่ใช่นอนรอแบบนั้น”“ถ้าโทรตามพี่จะรีบกลับเหรอ เกินว่าพี่ทำธุระอยู่หรือพี่กำลังสนุกกับเพื่อนแล้วผมโทรตาม พอกลับถึงห้องพี่จะไม่โกรธเอาเหรอ”“มันก็แล้วแต่สถานการณ์ ถ้าพี่กลับเร็วได้ก็จะรีบกลับ แต่ถ้ากลับไม่ได้ก็จะบอก”“แล้วจะโกรธไหมครับ”“ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองโทรดู”“พูดแบบนี้ใครจะกล้าโทรตาม” ทิวาทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะยกจานไปเก็บ แต่ถ้าครั้งหน้าเมคินออกไปกับเพื่อนอีกเขาคิดว่าจะลองโทรตามดู ชายหนุ่มก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำตามที่พูดไหมตารางงานของเมคินตลอดทั้งสัปดาห์เพราะช่วงใกล้เทศกาลป
หลังหยุดยาวปีใหม่ทุกคนก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม รวมทั้งทิวาและเมคิน แม้สถานะจะเปลี่ยนไปแต่ในเวลางานพวกเขาก็เป็นบอสกับเลขาอย่างเดิมเรื่องขโมยที่เข้าห้องเมคินก็ยังจับไม่ได้ ป้ายประกาศหน้าที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของบริษัท ซึ่งเป็นรูปของคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นทำให้หลายคงยังคงคิดว่าเป็นทิวาอยู่ดี แม้ชายหนุ่มจะพ้นข้อกล่าวหาเพราะมีหลักฐานให้กับทางตำรวจแล้ว แต่ภาพจากกล้องมันก็ยังทำให้หลายไม่เชื่อสายตาหลายคู่เต็มไปด้วยคำถามมากมายมองมาจน ทิวารู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร เพราะเรื่องทุกอย่างมันจบตั้งแต่บนโรงพักในวันนั้นแล้วแต่ตราบใดที่ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ทิวาก็ยังถูกมองด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจอยู่ดีเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานทำให้ทิวาหลุดออกจากความคิดตัวเอง เขารีบยกหูทันที“เข้ามาหาผมหน่อย”“ครับบอส”พอวางสายทิวาก็ถือแฟ้มของฝ่ายบุคคลเข้าไปในห้องเจ้านายตามคำสั่งทันที“แฟ้มที่ต้องเช็นตอนบ่ายครับ” เลขาหนุ่มวางลงบนโต๊ะอย่างเคย“ที่เรียกเข้ามาไม่ได้ให้เอาแฟ้มเข้ามาสักหน่อย”“บอสมีอะไรจะใช้ผมเหรอครับ”“เปล่า แค่อยากเห็นหน้า” เขาทำเสียงสองเหมือนเวลาที่อยู่คอนโด“บอสครับ นี่มันที่ทำงาน”“แต่มันใน
แสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่และเป็นแสงแรกของปีส่องผ่านผ้าม่านสีอ่อนเข้ามายังห้องนอนกว้าง ทิวาลืมตาสู้แสงทีละนิด ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้น พยายามขยับตัวจะลุกนั่งแต่ช่วงล่างก็เจ็บปวดจนเกินจะทนเขาจึงได้แต่นอนนิ่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืน ชายหนุ่มจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ไม่ทั้งหมด รู้แต่ว่าตัวเองกับบอสนัวเนียกันตั้งแต่ในสระว่ายน้ำ จากนั้นก็ขึ้นมาทำเรื่องอย่างว่าที่ริมสระ ใบหน้าชายหนุ่มร้อนขึ้นทันทีครั้งแรกของเขากับเมคินแทนที่จะเป็นในห้องนอนเพราะเป็นสถานที่ส่วนตัวแต่กลับกลายเป็นริมสระว่ายน้ำ จากนั้นก็ถูกอุ้มเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ บอสให้เขานอนพัก เพียงไม่นานเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมคินมอบบทรักบทใหม่ให้อีกหลายต่อหลายครั้ง ภาพจำสุดท้ายเท่าที่พอนึกออกคือบอสกำลังเช็ดตัวให้ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น จากนั้นเขาก็หลับลึกจนถึงเช้าสมองตื่นตัวแล้ว หากแต่ร่างกายยังไม่อาจขยับเขยื้อน ใครจะคิดว่าครั้งแรกมันจะเจ็บถึงเพียงนี้ ถ้าถามว่าย้อนกลับไปเมื่อวานจะยอมให้เมคินทำแบบนี้กับตัวเองอีกไหม เลขาอย่างเขาก็ตอบได้ทันทีเลยว่าเขายอม เพราะมันมีความสุขที่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับคนที่ตัวเองรัก ยิ่
“นายก็คือพรหมลิขิตของพี่ พี่สัญญาจากนี้นายจะไม่โดดเดี่ยว นายจะมีพี่เป็นครอบครัวของนาย”ทิวาสบตาคมคู่นั้นแล้วยิ้ม ในเมื่อเมคินสัญญาแบบนั้นเขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้วทั้งสองจ้องตากันอย่างมีความหมาย เมคินก้มหน้าลงมาประทับจูบลงบนริมฝีปากของอีกคนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มหนักหน่วงขึ้น แรงบดเบียดเสียดสีจนทิวาต้องยกมือขึ้นจับไหล่กว้างไว้เพราะกลัวตัวเองจะจมหายไปกับห้วงอารมณ์พิศวาส“อ๊ะ!...อืมมม”ทิวาส่งเสียงเมื่อจมูกโด่งของเขาเคลื่อนไปบริเวณติ่งหู เขาขบเม้มวนเวียนบนผิวเนื้อขาวเนียนจากนั้นก็เลื่อนตำไปยังลำคอที่มีหยดน้ำเกาะพราวไปตามผิว ร่างกายคนน้องร้อนผ่าว เมคินใช้ลิ้นร้อนลากผ่านดูดเบาๆ ไปตามซอกคอจนทิวาบีบไหล่เขาแรงขึ้น เลขาคู่ใจกัดริมฝีปากแน่นเพราะกลัวจะส่งเสียงครางออกไปให้อีกคนได้ยินเมคินขยับริมฝีปากร้อนไปยังไหปลาร้าและลำคอ เสียงจูบแผ่วเบาหากแต่ดังกังวานอยู่เต็มหัวใจ มือหนาเลื่อนมาสัมผัสหน้าอก ลากปลายนิ้วปัดป่ายจนโดนส่วนยอด ทิวาตัวสั่นเทา มือที่จับไหล่เปลี่ยนเป็นคล้องไปลำคอแกร่ง เขาแทบพยุงตัวเองไม่อยู่ เพียงสายน้ำที่โอบอุ้มก็ทำให้รู้สึกตัวเบาอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอสัมผัสแบบนี้ก็เหมือนกับตัวเ
แม้เช้านี้จะไม่ต้องรีบตื่นไปทำงานแต่ทิวาก็ยังคงตื่นเช้าตามปกติ เขามองอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆ ท่อนแขนแข็งแรงยังกอดอยู่ที่เอว เรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืนยังฉายชัดอยู่ในความทรงจำ คิดแล้วร่างกายก็ร้อนวูบวาบ ความเป็นชายที่มันมักจะตื่นตอนเช้าตามปกติก็ตื่นตัวยิ่งขึ้นไปอีก ชายหนุ่มขยับตัวออกจากอ้อมกอดของบอสก่อนจะรีบตรงไปห้องน้ำเขามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ มองรอยแดงเป็นจ้ำที่ลำคอแล้วยิ้ม เขาเคยช่วยตัวเองมานับไม่ถ้วนแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะมีความสุขเหมือนเมื่อวาน เพียงแค่ฝ่ามือร้อนๆ ของเมคินก็ทำเอาเขาแทบคุมสติไม่อยู่ ใบหน้าหวานแดงก่ำยิ่งขึ้นเมื่อนึกไปถึงความเป็นชายของเมคินที่มันใหญ่กว่าของตัวเองไปมากมันจะเขาไปในตัวเขาได้ยังไง มันจะฝืนธรรมชาติเกินไปหรือเปล่า ทิวาสับสนไปหมด แต่ในใจส่วนลึกก็อยากให้เขาทำมากกว่านั้น อยากเป็นส่วนหนึ่งกับเขาเขาเรียนรู้เรื่องการเตรียมตัวมาบ้างจากการอ่านในอินเทอร์เน็ตและจากกลุ่มลับในไลน์ที่องศาแนะนำ เขาใช้ไอดีหลุมเข้าไปสอบถาม เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แม้กระทั่งองศาก็ไม่รู้ว่าทิวใช้ชื่ออะไรในกลุ่มลับนั้น เขาจำคำพูดของสมาชิกในกลุ่มได้ดี ทุกคนย่อมมีครั้งแรก แล
ทิวาเดินตามเมคินออกมายังชายหาด ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมิด มองออกไปยังพื้นน้ำทะเลด้านหน้าเห็นแสงไฟจากเรือประมงอยู่หลายดวงสายตาของเขาจ้องมองไปยังไหลกว้าง ไหล่ที่เขาซบทีไรอบอุ่นถึงหัวใจทุกครั้ง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีความรู้สึกพิเศษแบบนี้ให้กับผู้ชายด้วยกัน หากแต่พอมันเกิดขึ้นแล้วก็อยากรักษาเอาไว้ให้นานที่สุด“มาช้าจัง”“ยากันยุงกลิ่นมันฉุนผมต้องล้างมือหลานรอบเลย”“ไหนมาดมหน่อย หายเหม็นหรือยัง” เมคินคว้าข้อมือของทิวาเข้าใกล้แล้วกดจมูกลงบนหลังมืออย่างแผ่วเบา จากนั้นก็มือวางลงบนท่อนขาของตัวเองทิวาเขินจนทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเขาจับมือไว้แล้วไล้นิ้วโป้งเบาๆ ชายหนุ่มก็แทบละลาย โชคดีเหลือเกินที่ตอนนี้ความมืดเข้าปกคลุมถ้าไม่อย่างนั้นเมคินคงได้เห็นเลขาหนุ่มหน้าแดงไปถึงใบหูแน่ๆ“ไม่มีกลิ่นแล้วใช่ไหม”“มีสิ”“ผมล้างตั้งหลายรอบแล้วนะพี่” ทิวาพยายามดึงมือตัวเองกลับมาดม แต่เขาก็รั้งไว้“ที่บอกว่ามีกลิ่นมันก็คือกลิ่นจากมือของนายไง”“อ๋อ พี่คินครับ ขอมือคืนได้ไหม ผมจะกินขนม”เมคินปล่อยมือทิวาออกแล้วใช้มือตัวเองโอบหลัง ดึงให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ทิวาขืนตัวเล็กน้อย แต่พอนึกได้ว่าที่นี่เป็นหาดส่วนตัวแถมย
หลังจากงานเลี้ยงปีใหม่พนักงานทุกคนก็ได้หยุดยาว เมคินและทิวาเตรียมจัดกระเป๋าเพราะพรุ่งนี้ทั้งสองจะเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกันทิวาจัดของตัวเองเสร็จเลยคิดจะไปช่วยเมคินจัดของบ้าง ประตูห้องเปิดแง้มอยู่เขาจึงดันเข้าไปเบาๆ“ทิวาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่”ทิวาไม่รู้ว่าเมคินกำลังคุยอยู่กับใคร แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน เขายืนรอจนกระทั่งชายหนุ่มวางสาย“เกิดอะไรขึ้นครับ”“ไม่มีอะไร” เมคินรีบบอกปัดเพราะไม่อยากให้ทิวารู้“แต่ผมได้ยินพี่พูดชื่อผมนะครับ”เมคินนิ่งไปสักพัก ก่อนจะเล่าว่าเมื่อคืนขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่ที่งานเลี้ยงก็มีคนแอบเข้ามาในบริษัทลักษณะเหมือนกับทิวาทุกประการ ชายคนนั้นเข้าไปยังห้องทำงานของเมคินและพยายามเปิดตู้เซฟจนสัญญาณกันขโมยดังขึ้น รปภ. จึงรีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจที่เกิดเหตุ พบว่าบริเวณตู้เซฟมีรอยงัดแงะ แต่คนร้ายก็เปิดไม่ได้ มันจึงเอาแต่โน้ตบุ๊กของเมคินไปเท่านั้น“จะเป็นผมไปได้ยังไงครับ”“ก็นั่นน่ะสิ พี่ว่าเราคงต้องเลื่อนเวลาเดินทางแล้ว”“ไม่เป็นไรครับ จัดการธุระให้เสร็จดีกว่าครับ”ระหว่างทางไปบริษัทเมคินก็จัดการเรื่องตัวเครื่องบิน แต่เพราะเป็นช่วงเทศกาลตั๋วเที่ยวบินอื่
แม้จะได้นอนไปเพียงสี่ชั่วโมงแต่ทิวากลับตื่นนอนด้วยความสดชื่น เขาออกมาทำอาหารอย่างเคย ไส้กรอก ไข่ดาวเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว ขอแค่เมคินกลับมาจากออกกำลังกายก็ปิ้งขนมปังอีกอย่างก็เรียบร้อยเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ทิวาก็หยิบขนมปังลงเครื่อง“พี่แต่งชุดนี้ไปวิ่งเหรอครับ” ก็ชุดที่เขาใส่ดูยังไงก็คือชุดนอน“เปล่า วันนี้ไม่ได้วิ่ง”“อ้าวแล้ว ไปไหนมาแต่เช้าล่ะครับ”“ไปซื้อน้ำส้ม” เพราะทิวาชอบฝากเขาซื้อน้ำส้มขากลับจากวิ่ง“ขอบคุณครับ แต่ครั้งหน้าถ้าพี่ไม่ออกไปวิ่งก็ไม่ต้องลงไปซื้อก็ได้ ผมเกรงใจ”“ไม่เป็นไร มันไม่ได้ไกลมาก อีกอย่างพี่รู้ว่าแฟนพี่ชอบกิน”“พี่คิน” เขาทำสีหน้าตกใจที่ได้ยินเมคินพูดแบบนั้น“เวลาทิวเขิน น่ารักดีนะ” พอเห็นเขาอายเมคินก็อยากแกล้งยิ่งเห็นเขาหน้าแดงหูแดงก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี“พี่คินห้ามพูดแบบนี้ให้คนอื่นได้ยินนะครับ โดยเฉพาะที่ทำงาน”“ทำไม? เป็นแฟนพี่มาน่าอายมากเลยเหรอ” เขาทำหน้าเหมือนเสียใจหากแต่แววตาพราวระยิบ“ผมแค่ห่วงว่าคนอื่นจะมองพี่ไม่ดี”“ไม่เห็นต้องแคร์ เรื่องแบบนี้พี่ว่ามันเปิดกว้างมากขึ้นแล้ว”“ครับ ผมเชื่อว่าพี่รู้ว่าเวลาอยู่บริษัทพี่ต้องปฏิบัติกับผมยังไง เพราะคนที่เ
“บอสครับของขวัญพร้อมแล้ว จะออกเดินทางกี่โมงครับ”ทิวาถือกล่องของขวัญที่คุณวีณาไปซื้อมาตอนบ่ายเข้ามาในห้องของเจ้านายในเวลาเกือบหกโมงเย็นเมคินลุกขึ้นสวมสูทสีน้ำเงินเข้าทับเชิ้ตสีขาว พร้อมสำหรับไปร่วมงาน“ไปสิ”“จะไปชุดนี้เหรอครับ” ทิวามองชุดที่เจ้านายสวมอยู่แล้วมันเคร่งขรึมเกินกว่าจะไปร่วมงานมงคล“อือ ทำไม”“เปลี่ยนไทหน่อยไหมครับ” เมคินก้มมองเนกไทสีกรมท่าสลับกับมองทิวาที่กำลังเปิดตู้เอกสารเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง“ผมว่าสีนี้ดีกว่า” ชายหนุ่มหยิบเนกไทสีฟ้าอ่อนออกมาจากกล่อง“เปลี่ยนให้หน่อยสิ”“บอสก็เปลี่ยนเองสิครับ”“ถ้าไม่เปลี่ยนให้ก็ไปกันเลย” เขาหันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้อง“ก็ได้ครับ”เมคินยิ้มก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันกลับมาทิวาดึงเนกไทเส้นเดิมออก เอื้อมมือคล้องอีกเส้นไปด้านหลัง ก่อนจะวกกลับมาแล้วเริ่มผูกเป็นปม เมคินยืนนิ่งเขาชอบที่เห็นทิวาอยู่ใกล้แบบนี้ เขาชอบมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูไร้เล่ห์เหลี่ยมของคนตรงหน้า กลิ่นน้ำหอมสดชื่นลอยมาแตะจมูก เขาจำได้ว่าเป็นคนเลือกให้ แต่กลิ่นของมันไม่เหมือนกับตอนแรกที่ซื้อคงเพราะมันผสมกับกลิ่นกายจนทำให้เป็นกลิ่นเฉพาะที่รู้สึกหอมจนไม่อยากให้เข
“ผู้หญิงคนเมื่อวานเป็นน้องรหัส เขามาชวนไปงานปาร์ตี้สละโสด เขาชวนนายไปงานแต่งงานเขาด้วย”อยู่ๆ เมคินก็พูดขึ้นขณะที่กำลังทานอาหารเช้า เพราะคิดว่าอีกคนคงอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม เขาสังเกตว่าเช้านี้ทิวาเอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมสบตาแถมยังนั่งเขี่ยไข่ดาวในจานเล่นจนมันเละไปหมด และพอพูดจบก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มที่มุมปาก“พี่บอกทำไม ผมยังไม่ได้ถามสักหน่อย”“ก็แค่อยากบอก เผื่อว่าคนบางคนแถวนี้จะเข้าใจผิด”“ใครจะเข้าใจผิดกัน” ทิวาปฏิเสธพร้อมหลบสายตาอีกคน“ไม่เข้าใจผิดก็ดีแล้ว คราวหน้าถ้าอยากรู้ก็ถาม ถ้าอยากให้กลับเร็วก็โทรตาม ไม่ใช่นอนรอแบบนั้น”“ถ้าโทรตามพี่จะรีบกลับเหรอ เกินว่าพี่ทำธุระอยู่หรือพี่กำลังสนุกกับเพื่อนแล้วผมโทรตาม พอกลับถึงห้องพี่จะไม่โกรธเอาเหรอ”“มันก็แล้วแต่สถานการณ์ ถ้าพี่กลับเร็วได้ก็จะรีบกลับ แต่ถ้ากลับไม่ได้ก็จะบอก”“แล้วจะโกรธไหมครับ”“ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองโทรดู”“พูดแบบนี้ใครจะกล้าโทรตาม” ทิวาทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะยกจานไปเก็บ แต่ถ้าครั้งหน้าเมคินออกไปกับเพื่อนอีกเขาคิดว่าจะลองโทรตามดู ชายหนุ่มก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำตามที่พูดไหมตารางงานของเมคินตลอดทั้งสัปดาห์เพราะช่วงใกล้เทศกาลป