หลังจากคำพูดของฉันจบลงคุณเฟยก็กดริมฝีปากลงมาบดขยี้ริมฝีปากของฉันอย่างลงโทษ เขาจูบแบบบ้าคลั่ง ทารุณ ไม่สนใจปากเล็ก ๆ ของฉันเลยว่ามันจะต้านทานสัมผัสป่าเถื่อนของเขาได้หรือเปล่า“อื้อ!!!” ความเจ็บปวดทำให้ฉันส่งเสียงคัดค้านออกมาในลำคอพร้อมกับดิ้นสู้คุณเฟยจูบฉันท่ามกลางสายตานักศึกษานับสิบที่กำลังยืนมองการกระทำที่น่ารังเกียจนี้ เขาไม่อายแต่ฉันอายเฮือก!!! ในที่สุดความทารุณก็ได้สิ้นสุดลงสักที เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระฉันก็รีบหายใจเข้าออกถี่ ๆ กอบโกยอากาศเข้ามาในปอดเพราะเมื่อครู่แทบจะขาดใจ“อื้อ!!!” ที่ฉันต้องส่งเสียงประท้วงอีกครั้งเพราะถูกคุณเฟยใช้นิ้วถูมาบนริมฝีแรง ๆเขาไม่พูดอะไรทั้งนั้น ทำฉันเจ็บแล้วก็ผละตัวออก ก่อนจะลากมาขึ้นรถ ฉันเองก็ไม่พูดอะไรเพราะครั้งนี้ถือว่ามีความผิดแต่ก็ยังแอบต่อต้านในใจว่าในเมื่อเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็ไม่ควรกักขังฉันเอาไว้ ทั้งที่เป็นคนบอกเองว่าไม่ได้รับหัวใจของฉันเอาไว้แล้วจะทำเหมือนหวงทำไมฉันไม่เข้าใจ… เขาพูดอีกอย่าง… แต่… กลับทำในสิ่งตรงข้ามทั้งหมด@บ้านร่างของฉันถูกอุ้มมายังห้องนอน หลัง ๆ มานี้รู้สึกว่าอยู่ในห้องของคุณเฟยบ่อยมากกว่าห้องตัวเองซะอีกพรึบ!! ตุ
ไม่บ่อยนักที่ฉันกล้าเผชิญกับสายตาดุร้ายของคุณเฟยแบบตอนนี้ อาจเป็นเพราะความเจ็บปวดมันมาแทนที่ความกลัว“ฉันเคยมองเธอเป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่ไม่ได้มีความพิเศษ ไม่มีอะไรดึงดูด ไม่น่าสัมผัส” ดวงตาคู่ตรงหน้ากำลังจ้องมองริมฝีปากของฉันพร้อมความเงียบ ก่อนจะใช้นิ้วสัมผัสริมฝีปากเบา ๆ ไม่นานก็พูด “ทั้งที่ไม่ควรสนใจ… แต่ฉันกลับเอาของเล่นชิ้นนี้มาวางไว้ใกล้ ๆ ตัวแทบจะตลอดเวลา”“…” ของเล่นที่ว่าคือฉันเอง ชื่อเรียกมันทำให้เจ็บปวด แต่คำพูดนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นรัวมากกว่าเดิมพูดมาแบบนั้นใครบ้างจะไม่คิด เขาก็แค่กำลังหว่านเสน่ห์ทำให้ฉันหลงไหลไปกับคำที่มีความหมายลึกซึ้ง (หลอกลวง)“ถ้าวันหนึ่งของเล่นชิ้นนี้หายไปล่ะคะ”เมื่อฉันตั้งคำถามกลับสีหน้าของคุณเฟยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากได้ยิน ก่อนจะขมวดคิ้วมองด้วยท่าทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่จู่ ๆ นิ้วที่เคยสัมผัสบนริมฝีปากก็เปลี่ยนเป็นสอดใส่เข้ามาภายในช่องปากของฉันแทน“อึก~” เพราะความยาวของนิ้วที่ควานไปจนทั่วโพรงปากแถมยังเอาเข้ามาลึกอีกต่างหาก เมื่อมีการรูดดึงเข้าออกเร็วขึ้นทำให้ฉันจะสำลักออกมาอยู่หลายครั้ง“ของที่ใช้เงินซื้อมาแล้ว ไม่
หมับ!! ฝ่ามือหนาคว้ามาจับข้อเท้าหวังจะดึง แต่ครั้งนี้ฉันรู้ตัวก่อนก็เลยรอด ถึงจะรอดแต่ไม่ได้แปลว่าหลุดพ้น เพราะคุณเฟยได้ขึ้นมาบนเตียงจุดหมายของเขาคือร่างกายของฉัน“จะปิดปากไว้แบบนั้นทำไม กลัวฉันจะยัดเยียดเข้าไปในปากเธอขนาดนั้นเชียว?”“… เปล่าค่ะ หนูไม่ได้กลัวแค่รู้สึกไม่อยากทำ”“รู้ว่าไม่มีทางปฏิเสธได้แล้วจะขัดขืนทำไม” ร่างหนาเปลือยเปล่าเตรียมพร้อมทำศึกโดยไม่ถามความสมัครใจของฉันเลยหากครั้งนี้ไม่ใช่การลงโทษฉันก็คงยอมไปแล้ว แต่พอได้ยินว่าลงโทษก็เลยเกิดความกลัว เพราะคุณเฟยมักจะรุนแรงทุกครั้งในเวลาที่มอบบทลงโทษให้“เธอไม่ชอบใช้นิ้วฉันก็ไม่ทำ ตามใจขนาดนี้แล้วทำไมไม่ยอมเป็นเด็กดีของฉันสักที หื้ม~”ตอนนี้แผ่นหลังของฉันมันแนบติดมากับขอบเตียงแล้ว ไร้หนทางหนี ใบหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้ ๆ กับแววตาเจ้าเล่ห์นั่น“ถ้าขยับหนีอีกฉันอาจจะทำให้เธอเจ็บจนเดินไม่ได้”“…” กำลังคิดขยับเลยเชียว พอได้ยินคำขู่ถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลาย“ทำไมไม่ยอมง่าย ๆ แบบเมื่อก่อน… ตอนที่อยากได้ฉันจนตัวสั่น”เพราะคิดว่าถ้าเป็นเมียแล้วจะมีเงินใช้จะได้อยู่แบบสุขสบายไงล่ะ แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด แถมยังเผลอใจให้เขาอีก“ขะ..
คุณเฟยมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูด “ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำอะไร”“สะ... สายตัดไปแล้วค่ะ” ค่อยโล่งอก ฉันรีบปิดปุ่มปิดเครื่องแต่ได้โทรศัพท์ราคาแพงนี่นะกว่าจะปิดเครื่องได้ต้องกดค้างแถมยังให้รูดบนหน้าจออีกครั้งพิธีเยอะจริง ๆหมับ!! กำลังจะรูดจอปิดเครื่องอยู่แล้วเชียวแต่คุณเฟยดันแย่งโทรศัพท์ไปซะก่อน แค่นั้นฉันก็รู้ถึงชะตาชีวิตของตัวเองแล้วว่าตอนนี้ดวงตกขนาดไหน“ทำไมต้องปิดเครื่อง?”“หนู อ๊ะ~” เรียวขาทั้งสองข้างมันหนีบเข้าหากันอัตโนมัติเมื่อคุณเฟยสอดนิ้วกระแทกเข้ามาแล้วขยับเข้าออกรัว ๆ จนฉันไม่สามารถให้คำตอบได้ “อื้อ~ อ๊า~”“ตอบคำถามของฉัน”“อ๊า~ ยะ... หยุดทำก่อนสิคะ” ฉันรีบรั้งแขนแกร่งไว้แต่ไม่เป็นผล แรงกระแทกจากนิ้วยังคงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “ทะ... ทำแบบนี้ อ๊า~ หนูจะตอบได้ยังไง อ๊ะ~”“ฉันให้เธอพูดอีกครั้งว่าใครโทรมา”“อ๊ะ~ อ๊า~”ถ้าอยากให้ตอบก็น่าจะหยุดทำก่อน นี่อะไรเขากลับเพิ่มความเร็วไปอีก ความเสียวซ่านทำให้ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้คุณเฟยหยุดการกระทำทันที เขามองหน้าฉันและจอโทรศัพท์สลับกันเพิ่งผ่านความเสียวซ่านมาแท้ ๆ ต้องเผชิญกับควา
แค่ท้วงว่าหัวใจเต้นแรงไม่เห็นต้องชักสีหน้าใส่กันแบบนั้น เวลาทำหน้าตาที่ไม่เป็นมิตรเขาดูน่ากลัวแต่จะว่าไปจังหวะการเต้นของหัวใจคุณเฟยเมื่อครู่มันคล้ายจังหวะหัวใจของฉันเวลาที่รู้สึกหวั่นไหว… เขารู้สึกแบบนั้นอยู่หรือเปล่านะ“ไม่ได้ยินที่ฉันบอก?”“พอหนูยอมคุณก็ไล่ คราวหน้าไม่ต้องบอกให้หนูเป็นเด็กดีนะคะ”“ที่เธอทำเรียกว่าเห็นแก่เงินเห็นแก่สิ่งของ”“มะ... ไม่ใช่ซักหน่อย”“ถ้าไม่ใช่ก็เอาบัตรเครดิตมาให้ฉัน”ฉันเอามือที่กำบัตรไขว้มาด้านหลังเพื่อไม่ให้เขาแย่งไปได้ จากนั้นก็ถาม “บอกหนูมาก่อนสิว่าทำไมหัวใจของคุณถึงเต้นแรง”“หัวใจของฉันไม่ใช่ของเธอ ไม่จำเป็นต้องรู้ไปซะทุกอย่าง”“ที่อยากรู้เพราะหนูไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่า… คุณกำลังหวั่นไหว”“คิดว่าฉันหวั่นไหวเพราะเธอ?”“คุณจะบอกว่าคงไม่มีวันนั้นใช่ไหมล่ะ”ไม่รู้ว่าความเงียบแบบนั้นคืออะไร ได้ยินคำตอบเป็นนัย ๆ ของคุณเฟยเมื่อครู่มันทำให้ฉันไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วฉันถอนหายใจเบา ๆ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นทำให้แก่นกายที่สอดใส่มาข้างในหลุดออก จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อยถึงตอนนี้ฉันก็ยังกำบัตรเครดิตเอาไว้ในมือไม่ยอมวาง ส่วนคุณเฟยก็ยังเปลือยกายอย
คุณเฟยจับฉันให้นอนลงมาบนหมอนใบใหญ่ จากนั้นเขาก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวให้ เขาจะให้นอนทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเนี่ยนะ แถมตัวเองก็ยังไม่ยอมใส่เสื้อผ้าอีกต่างหากพรึบ! จู่ ๆ ไฟในห้องก็ดับลงทั้งที่ยังไม่มีใครลุกขึ้นไปกดสวิตช์“ไฟดับหรือเปล่านะ” ฉันแค่พึมพำกับตัวเอง แต่คนที่นอนข้าง ๆ ตอบกลับ “ฉันปิดเอง”หลังจากคำตอบของคุณเฟยฉันก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พยายามข่มตานอนทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้นอนไม่หลับ เป็นเพราะการกระทำของคุณเฟยต่างหากเขาชอบทำให้คิดไปไกลสุดท้ายก็ใช้คำพูดร้าย ๆ สร้างบาดแผลให้กับฉันครั้งแล้วครั้งเล่าเฮือก!!ขณะที่สมองกำลังใช้ความคิด จู่ ๆ คุณเฟยก็เอาแขนพาดมาบนตัวฉันที่นอนหงายหน้าขึ้น หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบก่อนที่ความหวั่นไหวจะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้งมันเป็นครั้งแรกที่ได้นอนเตียงเดียวกันแถมยังถูกกอดแบบนี้… คนที่ชอบเขาอย่างฉันจะห้ามใจตัวเองได้ยังไง พยายามคิดว่าคุณเฟยคงหลับแล้วเผลอกอด เขาคงไม่ตั้งใจจู่ ๆ คุณเฟยก็ขยับร่างกายกำยำมาใกล้กว่าเดิม ใกล้ขนาดที่ว่าตอนนี้เราสองคนกำลังหนุนหมอนใบเดียวกัน อุตส่าห์คิดว่าที่ทำแบบนี้เพราะเขาหลับแต่มันไม่ใช่ เขามีสติดี“เวลานอนฉ
@เช้าวันใหม่พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเสียดายที่ตื่นจากความฝันดีเร็วขนาดนี้ อยากหยุดห้วงความฝันเอาไว้ในช่วงที่รู้สึกดีจนไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาได้ฉันเปรียบเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นความฝัน เพราะความรู้สึกดี ๆ แบบนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นอีก จูบที่ได้รับมันยังตราตรึงในความรู้สึกเพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น… จึงให้เรื่องเมื่อคืนมันเป็นเพียงความฝันที่ดีที่สุดก็พอแล้ว ฉันไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น“ตื่นแล้วก็รีบไปทำหน้าที่ของตัวเอง อย่าลืมว่าอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ถึงฉันจะสนใจเธอแต่ก็ไม่ได้พิศวาสขนาดนั้น”“…”ตกใจที่คุณเฟยตื่นก่อนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แถมพอลืมตาขึ้นก็ถูกบ่นชุดใหญ่ เพราะแบบนี้ไงถึงเมื่อคืนถึงควรเป็นแค่ความฝันที่ไม่ควรคิดถึง อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปมายิ่งกว่าผู้หญิงเวลามีประจำเดือนเอ๊ะ! หรือว่าเมื่อคืนฉันนอนดิ้นก็เลยทำให้คุณเฟยไม่พอใจ แต่บอกไปแล้วนี่ว่าเป็นคนนอนดิ้นเขาอยากให้นอนด้วยเองช่วยไม่ได้“ลุกขึ้น!!”“คุณกำลังกอดแถมยังเอาขาพาดอยู่แบบนี้จะให้หนูลุกขึ้นยังไงล่ะคะ”ปากบอกให้ลุกขึ้นแต่ตัวไม่ยอมยกแขนกับขนออกไปจากตัวฉัน ตัวเล็ก ๆ แบบฉันเจอทั้งแขนขากำยำทับขนาดนี้จะลุกขึ้น
ฉันกำด้ามไม้กวาดในมือแน่นด้วยหัวใจที่เต้นรัว ๆ อย่างกระวนกระวาย มีสองทางให้เลือกคือ หนึ่งหันหน้าไปและสองวิ่งให้เร็วที่สุดแน่นอนว่าฉันไม่มีทางเลือกข้อที่หนึ่ง การหันหน้าไปสวัสดีอาจทำให้ท่านช็อกไปเลยก็ได้“ฉันถามทำไมถึงไม่หันหน้ามา”เฮือก!!! มัวแต่คิดไม่ได้อีกแล้วตอนนี้ฉันต้องวิ่งหนึ่ง… สอง… สะ… ยังนับในใจไม่ถึงสามก็ได้ยินเสียงคุณเฟยพอดี จากที่คิดจะวิ่งจึงยืนนิ่ง ๆ แทน เขาคงมีทางออกที่ดีให้ฉันคุณเฟยขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นพ่อตัวเองยืนอยู่ ก่อนจะละสายตามองฉันแล้วเดินมายืนซ้อนฉันที่หันหลังอยู่“พ่อมาที่นี่ทำไมครับ”“นี่มันบ้านฉัน ทำไมฉันจะมาไม่ได้”“บ้านหลังนี้เป็นของแม่ต่างหากครับ”“แล้วแม่แกไม่ใช่เมียฉันหรือไง ตาเฟย!!”“แม่ยกบ้านหลังนี้ให้ผม ถ้าจะแวะมาพ่อก็ควรบอกผมก่อนนะครับ”เหมือนทั้งคู่จะไม่ลงลอยกันสักเท่าไร เวลาพูดคุยกันแทบไม่เคยได้ยินคำที่ฟังแล้วลื่นหูเลย“คราวหน้าฉันจะบอกล่วงหน้าสักอาทิตย์ดีไหม”“ดีครับ”“หยุดกวนประสาทฉันแล้วตอบมาว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร”เฮือก!! ในที่สุดก็วกกลับมาสนใจฉันอีกจนได้ นี่ขนาดฉันไม่ใช่คุณเฟยยังกลัวความแตกขนาดนี้ แต่เขายังนิ่งอยู่ได้ยังไง“อย่าบอกนะว่าแก
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา