คุณเฟยก้มลงมาจูบตรงซอกคอของฉัน มันยิ่งทำให้คิดเข้าข้างตัวเองมากขึ้นกับการกระทำของเขา“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามไร้สาระพวกนั้น”“…” จุกอกจนพูดไม่ออกกับคำตอบที่ได้ยิน ทุกคำถามที่พูดไปมันกลายเป็นเรื่องไร้สาระสินะฉันหนีบขาทั้งสองข้างเข้าหากันไม่ยอมให้คุณเฟยทำ ถึงจะรู้ว่าตัวเองมีความผิดที่คิดให้ไลน์กับผู้ชายคนอื่น แต่เจอคำพูดไร้เยื่อใยแบบนั้นมันทำให้จุกจนไม่มีอารมณ์ไปเลย“อ้าขาออก”“ลงโทษหนูวันหลังนะคะ วันนี้ไม่มีอารมณ์จริง ๆ”“เธอมีสิทธิ์ขอแบบนั้น?”“ทำไมล่ะคะ สถานะหนูคือคนใช้ ส่วนเรื่องแบบนี้หนูทำเพราะเงิน วันนี้ไม่อยากได้เงินจะปฏิเสธไม่ได้เหรอ”“ลืมอะไรไปหรือเปล่า ว่าเธอทำให้ฉันหงุดหงิด”“หงุดหงิดแล้วทำไมต้องทำแบบนี้คะ”“ฉันบอกให้อ้าขาออก” คุณเฟยสั่งเสียงเข้มอีกครั้งพร้อมกับใช้มือจับขาฉันให้อ้าออกกว้าง ๆดวงตาคมละสายตาจากใบหน้าของฉันก้มลงมองจุดเชื่อมตรงกลางระหว่างขาก่อนจะเอาแก่นกายใหญ่ถูขึ้นลงแหวกกลีบทั้งสองข้างให้แยกจากกันเพื่อเปิดทาง“หนูไม่อยากทำ”“พอฉันบอกว่าจะย้ายมหาวิทยาลัยก็ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลยว่างั้น?”นี่ไม่รู้หรือแกล้งกันแน่ ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะคำพูดของเขาแท้ ๆ ยังคิดเ
ในเมื่อคำพูดของฉันมันทำให้อีกง่ายหงุดหงิดรำคาญและไม่พอใจ จึงตัดปัญหาด้วยการเงียบไม่โต้ตอบบางครั้งฉันควรเงียบ ๆ บ้าง มันอาจจะเป็นผลดีกับตัวเอง ต่อไปนี้จะเงียบให้มากที่สุดแล้วก็ย้ำเตือนสถานะของตัวเองว่าเป็นอะไร เป็นได้แค่ไหน จะเลิกเพ้อเจ้อคิดเข้าข้างตัวแล้ว“เงียบ?”“…”“ทำไมไม่พูด”“…”“น้ำอิง!!”“คุณทำงานเสร็จหรือยังคะ หนูง่วงแล้ว” ฉันถามเหมือนก่อนหน้านี้เราไม่ได้พูดคุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องความผิดพลาด แต่เหมือนคุณเฟยจะยังไม่พอใจ ไม่รู้ว่าเขาต้องการแบบไหนกันแน่ พอฉันเงียบก็จ้องตาเขม็งตามเคย“หึ! ก็ดีในเมื่อเธอไม่อยากพูดเรื่องนั้นฉันก็จะไม่พูดอีก”“…”“หน้าที่ของคนใช้คือต้องอยู่เฝ้าเจ้านายจนกว่าจะเสร็จงาน จะง่วงสักแค่ไหนก็ห้ามหลับ” คุณเฟยปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระ ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน แต่ไม่ได้ทำงานเลยสักนิดเขาเปิดอะไรในโทรศัพท์ดูก็ไม่รู้เหมือนเขากำลังยั่วยุอารมณ์ให้ฉันหมดความอดทน เขาพยายามทำให้พูดทั้งที่ตัวเองต้องการให้ฉันเงียบแท้ ๆฉันอดทนนั่งรอถึงสองชั่วโมง ตอนนี้สายตามันพร่ามัวใกล้จะปิดเต็มทีแต่ก็ต้องพยายามถ่างตาเอาไว้“หิวน้ำ”“ฉันต้องการน้ำเปล่า”“น้ำอิง!!”เฮือก!!! กำล
ถึงฉันจะชื่นชมความหล่อของผู้ชายหน้าตาดีแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะเที่ยวอ่อยเขาไปทั่วสักหน่อย คุณเฟยเตือนเหมือนเคยเห็น มีแค่เขานั่นแหละที่ฉันกล้าพูดได้เต็มปากว่าเคยอ่อย หลายครั้งมาก ๆ ด้วยรอไม่นานก็มีรถหรูขับมาจอดเทียบตรงฉันยืนอยู่ ก่อนกระจกจะค่อย ๆ เลื่อนลงตามมาด้วยเสียงของคนข้างใน“รีบมาขึ้นรถสิ”ผู้หญิงที่ชื่อมิลินเธอมารับฉันจริง ๆ ด้วย ปกติคุณเฟยไม่เคยให้ใครเข้ามาภายในรั้วบ้านง่าย ๆ แปลว่าเขาคงจะคุ้นชินสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย“ทำตัวสบาย ๆ ไม่ต้องเกร็งนะ”“อื้อ” เธอคงเห็นว่าพอมานั่งในรถแล้วฉันเอาแต่เงียบถึงได้บอกแบบนั้น เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกเกร็งบ้าง เพราะเราไม่รู้จักกันนี่“เธอชื่อน้ำอิงใช่ไหม”“อื้อ”“ฉันชื่อมิลินนะ”เธอก็ดูเป็นมิตรไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ฉันนี่สิไม่ค่อยกล้าพูดสักเท่าไร อาจเป็นเพราะเธอสวยมาก ๆ ทำให้รู้สึกทำตัวไม่ถูกทั้งที่เคยเจอกันมาก่อนแล้วแท้ ๆ“เธอพูดเก่งจัง”“ฉันอยากมีเพื่อนนี่นา ต่อไปนี้เราสองคนคงได้เจอกันบ่อย ๆ เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ ^_^”“…” เธอบอกพร้อมรอยยิ้มที่สดใส คำว่าเพื่อนที่ได้ยินทำให้ฉันเงียบไปพักใหญ่ เพราะที่ผ่านมาฉันไม่มีเพื่อนสนิทเลยไม่ใช่ว่าสมัย
ได้ยินชัดเจนคำที่คุณเฟยบอก แต่ฉันรู้สึกว่าคำพูดนั้นมันย้อนแย้งกับความเป็นจริง ให้เอาอกเอาใจอย่างนั้นเหรอ ฉันก็เคยทำนี่แล้วผลที่ได้ก็คือคำว่ารำคาญ“อย่าพูดเหมือนหนูไม่เคยเอาใจคุณสิคะ พอทำคุณก็บอกว่ารำคาญไม่ใช่หรือไง”พอพูดความจริงคุณเฟยก็ถึงกับเถียงไม่ออก เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ พอเถียงไม่ได้ก็เปลี่ยนมาใช้สายตาข่มขู่แทน“หนูไม่อยากยัดเหยียดทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการอีกแล้ว”เหมือนคนตรงหน้ากำลังรอจังหวะ พอฉันพูดจบคุณเฟยก็ขยับหน้ามาใกล้มากกว่าเดิม ความใกล้ในระยะที่เห็นรูขุมขนชัดเจนแบบนี้ทำไมให้ฉันแทบกลั้นหายใจสองมือบีบกำแน่น“เธอกำลังต่อต้านฉัน?”“คุณต้องการอะไรหนูไม่เข้าใจจริง ๆ ไม่เข้าใจว่าคุณอยากให้ทำอะไร ต้องการแบบไหน สั่งให้ทำพอหนูทำคุณก็ไม่ถูกใจ หนูเอาใจคนแบบคุณไม่ถูกจริง ๆ ค่ะ” ฉันเคยพูดคำพวกนี้ไปแล้ว แต่มันก็เหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคเหล่านั้นจบ จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้เฉยเลย ฉันต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อข่มน้ำตาเอาไว้“เคยคิดว่าสามารถรับมือกับความรู้แบบนี้ได้ แต่พอเจอกับตัวเองจริง ๆ มันแย่มากกว่าที่คิดเอาไว้เยอะเลย”“เธอเลือกเองทั้งนั้นจะพูดให้มันได้อะไ
การทำให้ฉันยอมได้คงเป็นเรื่องที่พึงพอใจมาก ๆ สำหรับคุณเฟย เขาถึงได้แสดงสีหน้าอารมณ์ดีออกมาขนาดนั้น“ขึ้นห้อง” มุมปากหนายกยิ้มอย่างร้ายกาจ ก่อนจะพูดต่อ “หรือว่าเธออยากจะทำตรงนี้”พรึบ!! ฉันใช้มือผลักร่างหนาที่พยายามเอนตัวโน้มลงมาใกล้ ๆ ก่อนจะรีบเดินนำหน้าขึ้นไปชั้นสองฉันเดินทิ้งน้ำหนักลงเท้าทำให้คุณเฟยรับรู้ว่าที่ยอมมันไม่ใช่การเต็มใจ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกเขาบังคับก็ไม่มีทางยอมอุตส่าห์ตั้งเป้าหมายเอาไว้ตอนนี้มันพังหมดแล้วพอเข้ามาในห้องฉันก็จัดการถอดเสื้อผ้าออกโดยไม่ต้องให้ใครสั่ง ต้องมาเปลือยต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอายหรอกนะ ตอนนี้ฉันอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี“อยากทำมากถึงขั้นบังคับข่มขู่แล้วทำไมถึงไม่รีบถอดล่ะคะ” ฉันถามคนที่เอาแต่ยืนนิ่งมองแบบไม่พูดไม่จา ขนาดคำถามเมื่อครู่ก็ยังไม่ยอมตอบ“หรืออยากให้หนูเป็นคนถอดให้” ไม่ว่าจะถามอะไรคุณเฟยก็ไม่ยอมตอบ เหมือนเขากำลังรอดูว่าฉันจะทำยังไงต่อในเมื่อรู้ว่าเขาต้องการอะไรฉันจึงพาร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเดินมาหยุดตรงหน้าของคุณเฟย ก่อนจะยกมือขึ้นมาสัมผัสลากไล้ตรงแผงอก“เดี๋ยวหนูถอดให้นะคะ” ฉันแสร้งยิ้มเอาใจอย่างที่เขาต้องการ แต่พอก้มลง
ตอนแรกตั้งใจจะปฏิเสธแต่คิดว่าถ้าปฏิเสธก็ต้องถูกบังคับให้เต็มใจทำเรื่องที่ไม่อยากทำอีกก็เลยยอมออกมาข้างนอกกับคุณเฟยดีกว่าต้องอยู่ในห้องกับเขาสองต่อสองแบบนั้นจะว่าไปก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกัน ถ้ามีธุระทำไมถึงไม่พูดตั้งแต่แรก มาบอกเอาตอนที่ฉันร้องไห้แถมก่อนหน้านั้นก็ยังดูไม่รีบร้อนอะไร“คุณจะไปธุระก่อนใช่ไหมคะ” ฉันหันมาถามคุณเฟยที่ขับรถอยู่“ธุระอะไร?”“ก็คุณเป็นคนบอกเองว่ามีธุระ”“อืม ฉันต้องไปธุระก่อน”“จะไปส่งหนูที่ร้านไอศกรีมหรือว่าให้หนูไปด้วยคะ”“ฉันไม่อยากวนรถไปมาหลายรอบ”ไม่รู้อยู่ดีว่าจะไปส่งหรือจะให้ไปด้วย เพราะคำตอบมันก็แปลความหมายออกมาได้ทั้งสองอย่าง#คลับตอนนี้เวลาเกือบจะทุ่มจึงยังไม่มีลูกค้ามาดื่ม ที่เห็นเดินให้วุ่นมีแต่พนักงาน พอคุณเฟยเข้ามาในร้านทุกคนก็เหมือนจะตกใจ พนักงานที่นั่งอยู่ก็รีบลุกขึ้นหาอะไรทำอย่างร้อนรน“วันนี้คุณลีต้องเข้าร้านไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมนายถึง”“ไอ้ลีอยู่ไหน” คุณเฟยถามเหมือนรีบดักทางเอาไว้ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะพูดมากไปกว่านี้“ชั้นสองที่ห้องทำงานครับ”“อืม”“เหมือนพวกเขาไม่รู้เลยนะคะว่าคุณจะมา” ฉันกระซิบบอกคุณเฟยแต่ถูกสายตาเอาผิดจ้องเขม็งทำให้ต้องเม
#บ้านอย่างนี้เขาเรียกทำดีหวังผลสินะ พอมาถึงบ้านคุณเฟยก็ลากฉันขึ้นมาบนห้อง ตอนนี้เริ่มสับสนแล้วว่าสรุปแล้วฉันอยู่ในสถานะคนใช้อย่างเมื่อก่อนหรือเปล่าคุณเฟยดันตัวฉันให้นั่งลงมาที่เตียงส่วนเขายืนอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็จับให้ฉันเงยขึ้นแล้วพูดเสียงเย็น “ทำให้ฉันเห็นว่าตอนนี้เธอเต็มใจไม่ได้ฝืน”“อยากเห็นหนูเต็มใจทำมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“มันทำให้ฉันมีอารมณ์มากกว่า”“แต่หลาย ๆ ครั้งหนูก็ไม่ได้เต็มใจ คุณก็ดูมีความสุขดีนี่คะ”“ตอนนี้กับตอนนั้นไม่เหมือนกัน”“ไม่เหมือนกันยังไงคะ”“เลิกถามมากก่อนที่ฉันจะหงุดหงิด”“… คุณก็ใจร้ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”“ที่ตามใจมากขึ้นมันไม่ทำให้เธอรู้สึกว่าฉันเปลี่ยน?”“คุณแค่ทำดีหวังผล”“ทำไมต้องทำแบบนั้น? ถ้าอยากได้ จะทำอะไรแบบไม่สนใจความรู้สึกเธอเลยฉันก็ทำได้”“หนูไม่อยากคุยกับคุณแล้ว ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ หัดพูดอะไรแบบตรงไปตรงมาบ้างสิคะ”ฉันปัดมือเขาที่จับปลายคางออก จากนั้นก็ปลดตะขอเอวเกงของคุณเฟยแล้วดึงลงเผยให้เห็นแก่นกายที่ยังไม่แข็งตัวแต่ขนาดของมันก็แทบกำไม่รอบ“จะใช้ปาก?”“คุณอยากให้หนูใช้ปากทำไหมคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นถาม คุณเฟยจับแก่นกายของตัวเองมาถูปากฉันแทนคำต
ตอนนี้ฉันกำลังสั่นไปทั้งตัว กลัวว่าถ้าเกิดเผลอทำแผนพังจะถูกคุณเฟยต่อว่าแล้วก็กดดันกับสถานการณ์ในตอนนี้“ที่ผ่านมาตาเฟยไม่เคยพาใครมาแนะนำให้รู้จัก พยายามจับคู่ให้ก็ไม่เอา อายุเข้าเลขสามแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังดื้อรั้นไม่ต่างอะไรกับตอนเป็นเด็ก”“…”“พอรู้ว่าตาเฟยคบกับหนูฉันก็เลยดีใจมากไปหน่อยที่ลูกชายคิดจะมีครอบครัว หนูคงลำบากใจมากใช่ไหมที่ฉันรีบร้อนขนาดนี้”“มะ... ไม่ลำบากใจเลยค่ะ เอ่อ... แต่คือว่า... คือว่าคุณพ่อกับคุณแม่เพิ่งไปต่างประเทศเมื่อวานนี้ หนูคงพาไปเจอไม่ได้ ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่กลับไทยแล้ว หนูจะพาคุณลุงไปเจอท่านนะคะ” พูดจบฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่คิดข้ออ้างได้ทัน“น่าเสียดายจริง ๆ ว่าแต่พ่อกับแม่หนูไปประเทศอะไร ฉันเองก็ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศซะส่วนใหญ่”“…” คิดว่าจะรอดแล้วยังต้องมาคิดชื่อประเทศอีก จะบอกว่าประเทศอะไรดีนะ คิดสิน้ำอิงรีบ ๆ คิด รีบ ๆ ตอบให้ตายจู่ ๆ สมองก็คิดอะไรไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ เรื่องง่าย ๆ ก็คิดไม่ออก มันติดอยู่ที่หัวแต่เพราะความลนบวกกับกดดันทำให้สมองทำงานช้าก๊อก ๆ ~เฮือก!ฉันสะดุ้งโหย่งเมื่อได่ยืนเสียงเคาะกระจกดังมาจากทางด้านหลังของตัวเอง ก่อนที่ประตูรถจ
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา