มากล่าวหาว่าฉันขี้มโนแล้วดูตอนนี้สิ คุณเขาขี้มโนกว่าฉันซะอีก “ฉันไม่ได้บ้ากามถึงขนาดจับเอาคนใช้อย่างเธอทำเมียหรอกนะ”“หนูก็ไม่ได้อยากเป็นเมียคุณสักหน่อย ไม่เคยอยากเป็นเลยสักนิด” “คราวหลังก็ควรใส่เสื้อชั้นในให้มันดีๆ”“ก็หนูมีชุดชั้นในแค่ตัวเดียวถ้าใส่แบบไม่ซักคงขึ้นเกลือกันพอดี เงินก็ไม่มีซื้อใหม่ด้วย” จากที่หิวๆ ตอนนี้หมดอารมณ์กินแล้ว ฉันรีบเดินหนีคุณเฟยกลับมาที่ห้องให้เร็วที่สุด จะว่าเสียมารยาทก็ช่างเถอะ ไอ้สถานะคนรับใช้ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นสักนิด #เช้า ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง!!!!! ขณะที่กำลังนอนหลับเสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมารบกวน เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนฉันสะดุ้งตื่น หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเพราะคิดว่าตอนนี้กำลังเกิดเหตุร้ายขึ้น “ถ้าเธอยังไม่ยอมเปิดประตู ฉันจะพังเข้าไป” เฮือก! เสียงที่อำมหิตนั่นทำให้ฉันที่สะลึมสะลือตาสว่างขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบควานมือหาโทรศัพท์เพื่อจะดูเวลา แต่ลืมไปว่าตัวเองไม่มีโทรศัพท์ติดตัว แกร็ก! ฉันค่อยๆ เปิดประตูห้องออกเผยให้เห็นใบหน้ายักของคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกเอาไว้เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน “ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว!
ฉันเดินแยกตัวมาห้องน้ำ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอกไม่เคยเดินห้างจึงไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทางไหน เดินหาอยู่นานหลายนาทีก็ไม่เจอ ฉี่จะแตกอยู่แล้วจึงตัดสินใจถามคนที่เดินผ่านไปมาเห็นผู้ชายหน้าตาดียืนกดโทรศัพท์อยู่จึงรีบเดินไปสอบถามเขาทันที“พี่คะ หนูรบกวนถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”“ว่าไงครับ”“หะ... ห้องน้ำไปทางไหนคะ” มันก็เขิน ๆ ที่ต้องมาถามแบบนี้ แต่ฉันหมดปัญญาแล้วจริง ๆ ถ้าได้เดินหาต่อคงได้ฉี่ราดกลางทางแน่ ๆ“เดินตรงไปทางนั้นแล้วเลี้ยวขวาก็เจอครับ”“ขอบคุณมากนะคะ”“ไม่เป็นไรครับ ^_^” เขายิ้มให้ฉันด้วยผู้ชายอะไรไม่รู้ยิ้มหวานมาก ๆ พูดก็เพราะ ทำเอาฉันเขินจนลืมปวดฉี่ไปชั่วขณะ“ไม่ไปเข้าห้องน้ำเหรอครับ?”“อะ... อ๋อ ไป ๆ ค่ะ”อายแทบบ้า! เพราะมัวแต่ยืนเขินทำให้ลืมว่าต้องไปห้องน้ำ พอถูกท้วงฉันก็รีบวิ่งแจ้นไปทันทีหลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จความซวยก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะดันลืมว่าตอนเดินกลับไปทางไหนตายแน่ ๆ ป่านนี้คุณเฟยคงกำลังสาปแช่งฉันอยู่เพราะปล่อยให้เขารอนาน“ต้องเดินไปทางไหนนะ” ฉันยืนคิดพร้อมกับมองไปทางซ้ายและขวาสลับกัน ในหัวเกิดความลังเลว่าต้องไปทางไหนหมับ!! ขณะที่กำลังลังเล จู่ ๆ ก็ถูกกระชาก
#คฤหาสน์หลังใหญ่ฉันทำหน้าบึ้งตั้งแต่นั่งรถจนมาถึงที่บ้าน เหตุผลเพราะถูกฉุดลากอย่างกับหมูกับหมา“เอาของไปเก็บ”“ค่ะ”ฉันหยิบถุงนับสิบใบที่เบาะหลัง แล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ยังเจ็บแขนจากการถูกลากอยู่เลยเนี่ย ขอโทษกันบ้างก็ไม่ได้“ต่อไปนี้ฉันจะไม่พาเธอออกไปข้างนอกอีก” อุตส่าห์เร่งฝีเท้าเดินเร็ว ๆ แต่อีกคนที่ขายาวกว่าเดินตามมาแบบชิลล์ ๆ“หนูไม่ได้คิดจะหนีสักหน่อย เชื่อบ้างสิคะ” ฉันเอาของวางลงบนโซฟาแล้วหันไปอธิบาย“ถุงใบนั้นของเธอ”“คะ? มีของหนูด้วยเหรอคะ”“อืม” อารมณ์ไหนก็ไม่รู้ ตอนแรกหงุดหงิดตอนนี้มาทำหน้านิ่ง ตามอารมณ์ไม่ทันจริง ๆ ยากกว่าทำงานบ้านก็คือการปรับอารมณ์ให้ทันเจ้านายนี่แหละ“ขะ... ขอบคุณค่ะ”“เอาของไปไว้ที่ห้อง แล้วไปเก็บใบไม้ออกจากสระน้ำ”“ค่ะ”ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือหยิบถุงที่สีแตกต่างจากใบอื่นขึ้นมาแล้วเดินกลับห้องแบบ งง ๆพอปิดประตูห้องก็รีบเปิดดูว่าของในถุงนั้นคืออะไร แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดถึงขนาดทำถุงหล่นพื้น“ชะ... ชุดชั้นในงั้นเหรอ”สองมือยกขึ้นมาจับหน้าอกตัวเองอัตโนมัติ เหมือนสติมันหลุดล่องลอยไปบนอากาศ สมองพลันคิดว่าคุณเฟยรู้ไซส์ชุดชั้นในของตัวเองได้ยังไงของแบบนี้ควรให้ผู
หลังจากเก็บใบไม้จากสระแล้ว ก็ต้องมาล้างห้องน้ำต่อ พอตกเย็นก็ต้องเข้าครัวเตรียมอาหารให้คุณชายเขาคนใจร้ายไม่ถามถึงเรื่องที่ฉันตกน้ำเลยสักคำ ไม่แม้แต่จะแสดงความเป็นห่วงในฐานะเจ้านาย แถมยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องเป็นคนที่เย็นชาขนาดไหนกันถึงได้ไร้ความรู้สึกต่อเพื่อนร่วมโลกขนาดนี้“ฉันจะกินสเต๊ก” คุณเฟยบอกเมนูที่อยากกินในวันนี้ พอได้ยินก็ถึงกับไปไม่เป็นเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำสเต๊กเลยสักครั้ง ไม่เคยกินด้วย“หนูทำไม่เป็นเปลี่ยนเมนูได้ไหมคะ” ฉันบอกไปตามตรง ถ้าให้ทำอาหารบ้าน ๆ น่ะทำได้ แถมอร่อยด้วยนะ“ฉันอยากกินเธอก็ต้องทำ”“อาหารหรู ๆ แบบนั้นหนูไม่เคยทำหรอกค่ะ เปลี่ยนจากสเต๊กเป็นผัดกะเพราดีไหมคะ”“ฉันไม่กินเผ็ด ไม่ชอบกลิ่นกะเพรา”ผู้ชายอะไรไม่กินเผ็ด แถมยังเจ้าสำอางเหม็นกลิ่นกะเพรา น่าเหลือเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลก“คนทำไม่เป็นจะมาบังคับให้ทำได้ยังไงล่ะคะ”“หน้าที่ของเธอคือทำตามไม่ใช่ขัดคำสั่ง”“โอเคค่ะ สเต๊กก็สเต๊ก” ฉันยอมทำตามเพื่อตัดปัญหา ยังไงตัวเองก็เป็นแค่จำเลยจะไปขัดใจเขาได้ยังไง#ภายในห้องครัวขนาดใหญ่ครึ่งชั่วโมงผ่านไปที่ฉันยืนมองชิ้นเนื้ออย่างหมดปัญญา โทรศัพท์ก็ไม่มีค้
หลายวันผ่านไปถึงเวลาจะผ่านมาแล้วร่วมสองอาทิตย์ แต่ฉันกับคุณเฟยก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไร เพราะเขาน่ะชอบทำหน้าดุแถมยังปากร้ายสุด ๆที่ผ่านมาคุณเฟยไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน บางครั้งก็สามวันมาที ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้ชายที่บ้างานเอามาก ๆบ้านหลังนี้มันใหญ่โตน่าอยู่ก็จริงแต่เงียบเหงาซะเหลือเกินตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าถ้าคุณเฟยมาที่บ้าน จะลองขอเขาออกไปหาสมัครงานเสริม เหตุผลง่าย ๆ ที่ต้องทำงานเสริมก็เพราะว่าอยากมีเงินติดตัว ฉันเหลือตัวคนเดียวมีญาติก็เหมือนไม่มี ชีวิตออกจะน่าสงสารขนาดนี้ทำไมเทวดาไม่เห็นใจกันบ้างเลย“ยืนเหม่ออะไรนังหนูรีบ ๆ เช็ดซะสิ วันนี้นายจะเข้ามาที่บ้านถ้าเห็นฝุ่นติดตามโต๊ะตู้แบบนี้คงไม่พอใจแน่ ๆ” เสียงของลุงพลท้วงขึ้นมาทำให้ฉันได้สติ ลุงพลก็คือคนที่จับตัวฉันมานี่แหละ เพิ่งถามชื่อลุงแกไปอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง“คุณเขาจะเข้ามาที่นี่เหรอคะ” ฉันถามย้ำ“ก็ใช่นะสิ”“หนูขอถามอะไรหน่อยสิลุง”“ว่ามาสินังหนู”“คุณเฟยไม่กลับมาที่บ้านแบบนี้ เขาไปอยู่ที่ไหนเหรอคะ”“อยู่บ้านใหญ่นู้น นายไม่ค่อยว่างมาที่นี่สักเท่าไร”“บ้านใหญ่ มีใหญ่กว่านี้อีกเหรอคะ” ตาฉันมันลุกว้าวสมองจินตนาการว่าบ้านที่ใหญ่กว่านี้
ฉันกำลังนั่งรอรับแขกที่เป็นเลขาของคุณเฟยตามคำสั่ง พร้อมกับใช้ความคิดว่าต้องทำวิธีไหนถึงจะยั่วเขาได้ฉันจะทำจริง ๆ ไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น แต่ติดปัญหาที่ว่าตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยไปอ่อยไปยั่วผู้ชายที่ไหน จะมีก็แต่อ่านเจอในนิยาย ไม่รู้จะเอามาใช้กับชีวิตจริงได้หรือเปล่า“นี่หล่อนเป็นคนใช้ใช่ไหม” เผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อยจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนมา“ค่ะ ประมาณนั้น”“พาฉันไปพบคุณเฟยหน่อยสิ”ฉันมองผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เธอสวยหุ่นดีแถมยังเซ็กซี่มาก ๆ หน้าอกก็ใหญ่โตอย่างกับหัวฉันแน่ะเอ๊ะ! ว่าแต่คุณเฟยบอกว่าเลขาจะมานี่ แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน แถมยังมาเรียกฉันว่าหล่อนอีกชัวร์! ผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นเด็กที่คุณเฟยเลี้ยงไว้แน่นอน เห็นแบบนี้แล้วฉันท้อ ประกาศกร้าวว่าจะยั่วจะอ่อย แต่ดูสภาพฉันกับเธอคนนั้นสิ ช่างต่างกัน“คุณเป็นใครเหรอคะ” ฉันถามผู้หญิงที่แสดงสีหน้าว่าไม่อยากคุยกับฉันสักเท่าไหร่“ฉันเป็นเลขาของคุณเฟย เขาไม่ได้บอกไว้เหรอว่าฉันจะมาน่ะ”ที่ฉันคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้มันผิดแฮะ ใครจะไปคิดว่าเธอเป็นเลขา“บอกค่ะ หนูแค่ไม่คิดว่าเลขาจะแต่งตัวแบบนี้”“นอกเวลางานก็แต่งแบบนี้กันทั้งนั้น รีบพ
ฉันออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้าน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยได้ออกมาเดินเล่นแบบนี้เลย เพราะทำงานตลอดแทบจะทั้งวัน ป้าที่ทำให้ฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้คงกำลังใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่บ้านประมาณยี่สิบนาทีได้ ผู้หญิงคนนั้นก็กลับไป ไหนบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญทำไมถึงกลับไปเร็วนักล่ะ ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นคุณเฟยกำลังคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งเครียดสักพักก็วางสาย“ฉันจะไม่มาที่นี่หนึ่งอาทิตย์ คงไม่ต้องให้ฉันสั่งว่าต้องทำอะไรบ้าง เธอคงรู้หน้าที่ของตัวเองดีแล้วใช่ไหม”“จะไปไหนเหรอคะ”“ธุระที่ต่างจังหวัด”“ให้หนูตามไปดูแลคุณได้ไหมคะ หนูทำได้ทุกอย่างเลยนะทั้งยกของหนัก ช่วยถือของให้ ทำความสะอาดแล้วก็…”“ไม่ได้” คุณเฟยพูดตัดบทเสียงแข็ง เขาน่ะจะกักขังฉันเอาไว้ที่บ้านหลังนี้ไม่ให้ออกไปไหนจริง ๆ หรือไง“คุณเฟยจะไปกับเลขาคนนั้นเหรอคะ”“จะไปกับใครแล้วทำไมฉันต้องบอกให้เธอรู้?”“ชอบแบบนั้นใช่ไหมคะ หุ่นก็เอ็กซ์หน้าอกก็ใหญ่”“ไม่ชอบ!” เขาตอบด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเพราะฉันถามมาก แต่ก็ดีที่ไม่ชอบ ฉันจะได้เดินหน้ายั่วตามแผนฉันฉีกยิ้มหวานแล้วเดินขยับเข้ามาใกล้ ๆ เจ้านายที่ตัวสูงกว่า “ไม่ชอบแบบ
ใช่ฉันบอกว่าจะทำแบบนั้นแต่พอถูกคุณเฟยเอาหน้ามาใกล้ ๆ มันก็ไปไม่เป็น จังหวะหัวใจเต้นรัวโครม ๆ“ตอนนี้คุณยั่วหนูอยู่เหรอคะ?”แปะ! สิ้นสุดคำถามคุณเฟยก็ดีดหน้าผากฉันเสียงดัง“อื้อ! หนูเจ็บ”“เธอมันก็แค่เด็กไร้เดียงสา”“หนูบรรลุนิติภาวะแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็ก”“ถ้าอย่างนั้นก็พิสูจน์ให้ฉันเห็น”“พะ... พิสูจน์อะไรคะ” ขนแขนมันลุกซู่เมื่อได้ยินน้ำเสียงเมื่อครู่ที่คุณเฟยบอกให้พิสูจน์ มันหมายความว่ายังไงไม่รู้แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยแปลก ๆคุณเฟยกระตุกยิ้มมุมปากโดยไม่ตอบคำถามอะไร เขาหยัดตัวขึ้นแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเองขณะที่เครื่องกำลังขึ้นฉันก็ท่องนะโมในใจไปไม่รู้กี่รอบ พยายามบังคับตัวเองให้หลับจะได้ไม่ต้องพะวงกลัว และก็คงเป็นเพราะความเหนื่อยที่ทำงานมาทั้งวันด้วยจึงทำให้หลับอย่างใจหวังรู้สึกตัวอีกทีเพราะถูกปลุก พอลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้ายักษ์ของคุณเฟยกำลังจ้องเขม็ง“ปลุกเท่าไรก็ไม่ยอมตื่นฉันคิดว่าเธอตายไปแล้ว”“ถึงแล้วเหรอคะ”“อืม”คุณเฟยตอบในลำคอ จากนั้นก็เดินไปฉันจึงรีบลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตามติด ๆที่บอกว่าให้ช่วยมายกกระเป๋าก็ได้ คุณเฟยก็ไม่ปรานีฉันเลยกระเป๋าของเขามันใบใหญ่มากให้ฉันทั้
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา