จู่ ๆ คุณเฟยก็ดึงโทรศัพท์ในมือฉันไปเฉยเลย แถมยังกดตัดสายด้วย“ตอนนี้เธอควรรีบไปจัดการสมัครเรียนให้เรียบร้อย ฉันต้องรีบเข้าบริษัทไม่ได้มีเวลาว่างมารอทั้งวัน”“ถ้าต้องเข้าบริษัททำไมถึงไม่ให้ลูกน้องของคุณพาหนูมาล่ะคะ ลูกน้องออกจะเยอะแยะขนาดนั้นจะสั่ง…” ฉันพูดมากเกินไปอีกแล้วสินะคุณเฟยถึงจ้องเขม็งเลย พอรู้ตัวว่าอีกฝ่ายเริ่มจะหงุดหงิดฉันก็รีบพูดแก้ตัว “หนูรีบไปสมัครเรียนดีกว่าค่ะ ถ้าชักช้าเดี๋ยวจะทำให้คุณเสียงาน”พูดจบฉันก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถรีบไปจัดการธุระให้เสร็จพอคิดว่าอีกไม่นานฉันก็จะได้เรียนมหาวิทยาลัย ได้ใส่ชุดนักศึกษามันก็ทำให้ดีใจจนน้ำตาคลอ ถึงแม้จะต้องแลกกับการทำงานชดใช้แต่ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าฉันจะตั้งใจเรียน จะไม่ไขว้เขวกับความหล่อของผู้ชายคนไหนในมหาวิทยาลัยนี้เด็ดขาด“โห! ทำไมเขาหล่อจัง”เตือนสติตัวเองไม่ทันขาดคำพอหันไปเห็นผู้ชายที่กำลังเดินมาทางนี้ทำเอาลืมคำพูดก่อนหน้าไปชั่วขณะ แต่ชื่นชมความหล่อของผู้ชายคนนั้นได้ไม่นานก็มีภาพใบหน้ายักษ์ของคุณเฟยแวบโผล่เข้ามา ตามหลอกหลอนกันแม้กระทั่งภาพในหัวจริง ๆเพราะคนค่อนข้างเยอะทำให้ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะจั
ฉันทำได้แค่เก็บเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเดินออกมาจากห้องผู้บริหารเงียบ ๆ ให้หลังไม่กี่วินาทีประตูก็ถูกคนด้านในปิดทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาทั้งคู่กำลังคุยหรือทำอะไรกันคงเป็นเพราะตรงนี้เป็นพื้นที่ของผู้บริหารทำให้ไม่เห็นพนักงานเดินเพ่นพ่านไปมาเลย บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดสำรวจดูแล้วว่าไม่มีใครแน่ ๆ ฉันก็ค่อย ๆ ขยับตัวมาใกล้ ๆ บานประตูที่ตัวเองเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ จากนั้นก็หันข้างเอาหูแนบติดกับประตูเพื่อฟังเสียง“ไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย”ฉันพูดเบา ๆ พร้อมกับสงสัยว่าทำไมคนในห้องถึงไม่คุยกันเลยสักคำ เอาหูแนบประตูฟังอยู่นานสองนานก็ยังไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่หรือว่าจะเป็นอย่างที่คิด!! แต่ก็อาจจะไม่ใช่ คุณเฟยไม่ใช่ผู้หญิงที่พิศวาสผู้หญิงไปทั่วตอนนี้ความคิดของฉันมันกำลังแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คิดจนปวดหัวอยากจะเปิดประตูให้เห็นกับตาไปเลยจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านต่าง ๆ นานาแกร็ก!!ทนอึดอัดและกระวนกระวายใจไม่ไหวฉันก็เลยตัดสินใจเปิดประตูห้องโดยไม่เคาะส่งสัญญาณให้คนข้างในรู้ คิดว่าคงจะได้เห็นภาพบาดตาบาดใจแน่ ๆ ก็เลยหรี่ตามอง ไม่กล้ามองแบบเต็ม ๆ ตา กลัวจะจุกออกแต่ทว่าภาพที่เห็นมันไม่ใช่อย่างจินตนาการ ค
อยากปฏิเสธแท้ ๆ แต่ก็แพ้ทางจนได้ ฉันเริ่มคิดว่าถ้าหยุดความสัมพันธ์นี้ได้ความรู้สึกที่มีมันก็อาจจะลดลง แต่เพราะทำแล้วได้เงินจึงหยุดไม่ได้ เอาเป็นว่าหลังจากนี้คงต้องห่าง ๆ และค้านอย่างจริงจังถึงจะเต็มใจชอบ ถึงจะไม่กลัวถ้าต้องเผชิญกับความเจ็บปวด แต่ก็อยากจะเซฟหัวใจตัวเองบ้าง คงไม่มีใครอยากสัมผัสกับความผิดหวังหรอกคุณเฟยจับให้ฉันนอนราบมาบนโซฟาทั้งที่นิ้วก็ยังอยู่ข้างในร่องแคบ“อื้อ อ๊า~ อย่าทำตรงนั้น อ๊าง~”ฉันครางเสียงหลงเพราะถูกนิ้วใหญ่บดขยี้ติ่งเกสรอย่างเสียวซ่าน ร่างกายบิดเร้าไปมาจนแทบจะตกจากโซฟาฉันชอบแววตาของคุณเฟยในตอนนี้ที่สุด มันบ่งบอกถึงความต้องการ เขาต้องการฉันถึงแม้จะแค่ร่างกายก็ตาม“ใส่เพิ่มอีกนิ้วได้ไหม”“ละ... ลองดูก็ได้ค่ะ”ขณะที่คุณเฟยค่อย ๆ เอานิ้วสอดใส่เพิ่มเข้ามาในร่องแคบ เสียงหายใจของฉันมันเริ่มดังขึ้นอย่างถี่รัว ทั้งกลัวเจ็บและรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน“อ๊ะ... หยุดก่อนหนูเจ็บ” ความรู้สึกในตอนที่นิ้วใหญ่ค่อย ๆ สอดใส่เข้ามาช้า ๆ ราวกับตรงนั้นของตัวเองมันกำลังจะฉีกขาด“ถ้าเปลี่ยนจากนิ้วเป็นของฉันจะเจ็บหรือเปล่า?”“ทะ... ทำไมวันนี้คุณพูดมากจังเลยคะ”คุณเฟยลุกขึ้นถอดกางเกงล
กว่าจะรวบรวมสติได้ก็ไม่รู้ผ่านไปแล้วกี่นาที ฉันรีบเก็บ ๆ เศษแก้วหาที่แอบเอาไว้ก่อน เดี๋ยวคุณเฟยไปแล้วค่อยมาทำความสะอาดส่วนเรื่องที่ฉันเป็นคนทำมันหล่นแตกก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะไม่มีปัญญาจ่าย เขาคงไม่สังเกตหรอกแถมยังรวยขนาดนั้นเหล้าราคาแค่นี้คงไม่เสียดายยืนทำใจอยู่ครู่หนึ่งก็เอื้อมมือมาจับลูกบิดประตูห้องพร้อมกับภาวนาในใจว่าอย่าได้บังเอิญเจอกับคุณเฟยตอนนี้เมื่อประตูเปิดออกฉันก็รีบโผล่หัวออกมากวาดสายตาสำรวจดูข้างนอกก่อน พอไม่เจอใครก็รีบพุ่งตัวออกมาจากห้องทันที“เธอเข้าไปทำอะไรข้างในห้องนั้น”เมื่อกี้ยังไม่คิดว่าสำรวจดูดีแล้วแต่ทำไมพอออกจากห้องถึงได้เจอคุณเฟยได้ เขาหายตัวอยู่รึไงตอนที่ฉันมองหา“ฉันถามว่าเข้าไปทำไม แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร!!”“ทีละคำถามสิคะ หนูตอบไม่ทัน”“ตอบไม่ทันหรือไม่ได้คิดคำแก้ตัวเอาไว้?”“…” ฉันกำชายเสื้อแน่น เหมือนว่านี่จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต“ทำไมที่ตัวเธอมีกลิ่นเหล้า?” ร้อยวันพันปีไม่เคยได้กลิ่น จู่ ๆ วันนี้คุณเฟยก็เปิดจมูกดีขึ้นมาซะงั้นตอนนี้คุณเฟยกำลังขยับหน้ามาใกล้ ๆ แล้วใช้จมูกสูดดมกลิ่นฉันจึงรีบถอยหนี แต่ถูกรั้งสะโพกเอาไว้ได้ก่อน“เธอคงได้ไม่แอบเข้าไปด
ขนาดบอกให้เริ่มบทลงโทษแต่คุณเฟยก็ยังยืนพิจารณามองรูปผู้หญิงสามคนนั้นอยู่ ทุกทีไม่เคยเห็นสนใจผู้หญิง แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงมาเลือกคนที่เหมาะสม คิดอะไรของเขากันแน่“สรุปจะลงโทษไหมคะ ถ้าไม่ หนูจะออกไปจากห้องแล้วนะ” ฉันยื่นคำขาด คิดว่าพอได้ยินเขาก็จะหันมาสนใจ แต่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่สนใจเลยสักนิด“เอาไว้วันหลัง ฉันมีเรื่องที่ต้องรีบจัดการ”“หมายถึงผู้หญิงในภาพเหรอคะ คงจะจัดการพาขึ้นเตียงละสิไม่ว่า” ฉันพูดประชดประชันจนคนที่ยืนข้าง ๆ หันมาจ้องเขม็ง แล้วบอกเสียงแข็ง “ถ้าไม่ช่วยคิดก็ออกไปซะ”“ก็ได้ค่ะ หนูจะช่วยคิด”พอรับปากว่าจะช่วยคิด คุณเฟยหันหน้ากลับไปสนใจภาพต่อ มันน่าขยำรูปพวกนั้นทิ้งให้หมดขณะที่คุณเฟยไม่สนใจฉันก็ได้หยิบเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปตัวเองหนึ่งแชะ จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ที่มีรูปตัวเองวางต่อภาพผู้หญิงที่เขากำลังมองอยู่“คนนี้ค่ะ” ฉันชี้รูปตัวเองในจอโทรศัพท์แล้วหันมายิ้มหวานให้คุณเฟย ก่อนจะพูดต่อ “เหมาะสมกับคุณที่สุด ^_^”“ฉันกำลังจริงจังอยู่”“หนูก็จริงจังเหมือนกันนะคะ”“ครอบครัวเธอทำธุรกิจอะไร?”“คะ…?” อะไรของเขากันคุยเรื่องนึงอยู่ก็ตัดมาอีกเรื่อง ทำเอาฉันสับสนไปหมดแล้ว “คุณก็รู้ดีว่าหนูไม่
สิ่งที่กลัวมากที่สุดคือกลัวมีใครมาเจอฉากเร่าร้อนที่น่าอับอายนี้ มันไม่ใช่แค่จูบเพราะในตอนนี่คุณเฟยกำลังบดขยี้ติ่งเกสรที่เป็นจุดเสียวซ่านของฉันอยู่“อื้อ~” เสียงประท้วงของฉันเหมือนกับคนที่กำลังจะขาดใจ ทั้งถูกจูบอย่างบ้าคลั่งและบดขี้ตรงนั้นจนเกร็งกระตุกไปหลายครั้งคุณเฟยผละริมฝีปากออกให้ฉันได้หายใจสะดวกขึ้น จากนั้นเขาก็ซุกหน้าลงมาไซร้ซอกคอ ฉันจึงรีบห้ามปรามอีกครั้ง “ยะ... หยุดก่อนค่ะ อ๊ะ~”“ระ... เราต้องไปเจอพ่อคุณไม่ใช่เหรอคะ อ๊า~ ดะ... เดี๋ยวค่อยกลับไปทำต่อที่บ้านก็ได้ อ๊ะ~ แต่ตอนนี้ไม่ได้นะคะ” เสียงห้ามขาด ๆ หาย ๆ ของฉันเกิดจากการถูกคุณเฟยบดขยี้นิ้วลงมาบนจุดกระสันรัว ๆ ทำให้พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องดูเหมือนคุณเฟยจะเริ่มได้สติ เขาหยุดนิ่งก่อนจะดึงนิ้วออกมาจากตรงกลางระหว่างขา แต่ใบหน้ายังซุกอยู่ตรงซอกคอ เสียงลมหายใจของเขานั้นมันถี่รัวเหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์ความต้องการของตัวเองเอาไว้ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ โชคดีที่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านี้“อ๊ะ!”คิดว่าจะจบแล้วแต่ก็ต้องสะดุ้งแรงเมื่อถูกเขี้ยวฟันงับที่ผิวเนื้อบริเวณซอกคอ ไม่หยุดแค่นั้น คุณเฟยลากริมฝีปากลงมาตามไหล่ แขนของฉันแล้วฝังรอยเ
ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อเหมือนกันขนาดคุณเฟยที่ตั้งท่าขัดขวางเต็มที่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ พอฉันจะพูดคุณลุงก็ตัดบท แต่ยังดีที่คุณลุงเพิ่งคิดได้ว่าอาทิตย์นี้ติดธุระยาว ๆ จึงยังไม่มีเวลาไปเจอทางครอบครัวฉัน (ครอบครัวที่ไม่มีอยู่จริง)ถ้าเกิดได้หมั้นจริง ๆ ล่ะ! อ่า! บ้าน่า ถ้าเป็นแบบนั้นความจริงคงถูกเปิดเผยซะก่อนว่าฉันเป็นแค่ตัวหลอก#บนโต๊ะอาหารอาหารตรงหน้ามันสำหรับพวกผู้ดี ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างหน้าตาสวยแต่ดูจืดชืดไปหมดแถมยังไม่มีจานไหนที่ฉันเคยกินมาก่อน“ลองกินนี่ดูสิครับที่รัก” คุณเฟยตักอะไรไม่รู้มาใส่จานให้ คงสังเกตเห็นฉันไม่กล้าแตะต้องของตรงหน้า“ขอบคุณค่ะ” ฉัยตักของชิ้นนั้นเข้าปากช้า ๆ ทำตัวเหมือนผู้ดีค่อย ๆ กิน อึดอัดเป็นบ้าเลยอยากจะเข้าครัวไปตำส้มตำมากินแทนของพวกนั้น“แกกับหนูน้ำอิงคบกันนานหรือยัง”“สักพักแล้วครับ”“ลูกชายลุงดีกับหนูใช่ไหม คงไม่ใช่ว่าเอาแต่หมกมุ่นทำงานจนไม่มีเวลาให้หรือแอบนอกใจ”ฉันหันมองคุณเฟยหลังจากจบประโยคคำถามของผู้ใหญ่ตรงหน้า สายตาของคุณเฟยกำลังบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้ตอบดี ๆอยากจะตอบเหลือเกินว่าเขาน่ะใจร้ายใจดำ ปากก็ร้าย แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “พี่เฟยน่ารัก
ตอนนี้ฉันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ ถึงแม้ว่าจะได้รับคำถามจากคุณเฟย แต่ถ้าตอบไปเขาจะต้องลงโทษแบบเดิมอีกแน่ ๆ“กะ… กลับไปโต๊ะก่อนนะคะ” ฉันบอกผู้ชายที่ขอไลน์ เขายืนอยู่ไม่ยอมกลับโต๊ะตัวเองซักที“ถ้าอย่างนั้นเปิดเทอมเจอกันนะครับ” ยังจะทิ้งคำพูดแบบนี้เอาไว้อีก เขาไม่รู้หรือแกล้งกันแน่ ถ้าเป็นคนปกติเห็นผู้หญิงที่ตัวเองขอไลน์ถูกจูบแบบนี้คงไม่กล้ายุ่งคุณเฟยมองตามชายคนนั้นไปจนเขานั่งลงที่โต๊ะรวมกับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะหันมาถามฉัน “ที่มันพูดหมายความว่ายังไง?”“มะ... ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”“เหมือนเธอกำลังตั้งใจโกหกฉันอยู่นะ น้ำอิง” ไม่ชอบการถูกเรียกชื่อแบบนี้จริง ๆ แค่น้ำเสียงที่พูดก็ทำให้ฉันเสียวสันหลังวูบวาบมากพอแล้ว“พี่เฟย” เสียงของผู้หญิงที่นั่งร่วมโต๊ะกับฉันเอ่ยชื่อคุณเฟยอย่างสนิทสนม นั่งด้วยกันมาตั้งนานไม่รู้เลยว่าเธอรู้จักคุณเฟยด้วยพอถูกผู้หญิงเรียกคุณเฟยก็ละความสนใจจากใบหน้าฉันหันไปมองตามเสียง ก่อนจะถามผู้หญิงคนนั้น “มิลิน! มาได้ยังไง”รู้จักกันงั้นเหรอ เธอเรียกคุณเฟยว่าพี่ ส่วนคุณเฟยเรียกเธอว่า มิลิน ไม่อยากคิดล่วงหน้าไปเองเลยว่าทั้งคู่สนิทกันขนาดไหน“คืนนี้พี่ลีวายจะเข้ามาที่คลับไหมคะ” เธอถา
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา