คุณเฟยมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ฉันว่าทำตรงนี้มันก็น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน”“ตะ... ตรงนี้เหรอคะ”เขาหมายถึงตรงหน้าต่างบานใหญ่ที่ไม่มีผ้าม่านกั้น ขนาดมองออกไปยังเห็นบรรยากาศโดยรอบถึงแม้เป็นตอนกลางคืนจะไม่มีใครเห็นบทเร่าร้อนที่น่าอับอายนี้เลยงั้นเหรอ“มีปัญหาอะไร?” พอฉันลังเลคุณเฟยก็ถามด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่อง เขาอยู่เหนือกว่าไม่ว่าสั่งอะไรคนที่เป็นจำเลยอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ขัดใจหรือเรียกร้องความยุติธรรม“มะ... ไม่มีปัญหาค่ะ ตะ... ตรงนี้ก็ได้ เริ่มเลยไหมคะ”“ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”ได้แต่ภาวนาในใจ ขณะที่มือกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าออก ขอให้อย่ามีใครเห็นการกระทำที่น่าอับอายนี้ มันค่อนข้างสบายใจได้ระดับหนึ่งตรงที่ห้องอยู่ชั้นบนสุด ตึกสูง ๆ แบบนี้คงไม่มีใครผ่านมาเห็น“อ๊ะ!” ฉันร้องอุทานออกมาขณะที่กำลังถอดกางเกง จู่ ๆ ก็มีเลือดติด ตอนแรกก็กังวลกลัวจะเป็นอะไรที่ร้ายแรง แต่เพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้ครบกำหนดที่จะเป็นประจำเดือนในใจแทบกรี๊ดออกมาดัง ๆ มันดีใจที่ประจำเดือนช่วยชีวิตเอาไว้“คะ... คุณเฟยคะ หนูว่าเลื่อนบทลงโทษออกไปก่อนได้ไหมคะ”“ทำไมฉันต้องเลื่อน”“คือว่า… หนูเป็นประจำเดือนค่ะ” ฉัน
หลายวันผ่านไปตอนนี้ฉันกลับมาที่กรุงเทพแล้ว ชีวิตวนเวียนอยู่กับอะไรเดิม ๆ ตื่นเช้าทำความสะอาดบ้าน วนอยู่แบบนั้น ออกไปไหนไม่ได้ ที่บ้านก็ไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว เพราะคุณเฟยสั่งให้คนที่เคยเฝ้าที่บ้านย้ายออกไปไหนก็ไม่รู้พอกลับจากต่างจังหวัดคุณเฟยก็ไม่ได้เข้ามาที่บ้านเลย เขาหายหน้าไปเกือบจะครบอาทิตย์แล้ว เคยเห็นหน้าทุกวันนอนด้วยกัน… ทำเรื่องแบบนั้นนับครั้งไม่ถ้วน พอจู่ ๆ เขาหายหน้าไปทำไมมันรู้สึกเคว้งแปลก ๆอาจเป็นเพราะตั้งแต่พ่อกับแม่เสีย ฉันก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด พอมีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ มันทำให้รู้สึกดีมากกว่า ฉันไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่รู้สึกว่ากำลังอยู่คนเดียวบนโลก ช่วงเวลาที่อยู่กับคุณเฟยไม่มีความรู้สึกนั้นเลย ถึงเขาจะใจร้ายไปหน่อยก็เถอะมันไม่ใช่ความรู้สึกหวั่นไหวหรือชอบ ฉันก็แค่เสพติดการมีเขาอยู่ใกล้ ๆ“เธอ เธอได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า”“อ่ะ! ค่ะ ค่ะ”เสียงผู้หญิงพูดแว่วมาในหูทำให้ได้สติ เผลอคิดอะไรไปเรื่อย แก้ไม่หายจริง ๆ นิสัยชอบคิดฟุ้งซ่านฉันมองตามเสียงเห็นผู้หญิงสองคนยืนอยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าที่งดงามของเธอทั้งสองนั้นทำให้ฉันสตันไปเกือบนาที ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้สวยเป็นบ้าเลย สวยจนฉันเขิ
คุณเฟยขมวดคิ้วเข้มเมื่อได้ยินคำที่ฉันเผลอพูดออกไป แต่เพียงแค่ครู่เดียวก็ตอบกลับ“สำหรับฉัน… เธอเป็นแค่คนอื่นที่ไม่คุ้นเคย”“คะ… คนอื่นงั้นเหรอคะ”ไม่รู้จะจุกอกกับคำไหนคนดีระหว่าง ‘เป็นแค่คนอื่น’ กับ ‘ไม่คุ้นเคย’ กล้าพูดออกมาได้ยังไงทั้งที่มีอะไรกันมากกว่าสามครั้งแล้ว“ฉันสนใจแค่ร่างกายของเธอ” ปากพูดสายตาก็เริ่มไล่สำรวจเรือนร่าง ราวกับเขารู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกมาแบบนี้“ค่ะ หนูรู้”ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไรออกไปในเมื่อบอกแบบนั้นก็ขัดไม่ได้ ถึงจะมีอะไรกันจนนับครั้งไม่ถ้วนยังไงฉันก็เป็นได้แค่คนอื่นในสายตาคู่นั้นอยู่ดีในหัวเริ่มมีคำถามว่าตอนนี้ฉันคิดยังไงกันแน่ อาการตัดเพ้อ น้อยใจ อยากอยู่ใกล้ ความรู้สึกมันย้อนแย้งกับสิ่งที่คุณเฟยใจร้ายใส่สารพัด แต่ไม่ว่าจะห้ามปรามยังไงก็ยังแอบคิดอยู่ดีอาการแบบนี้แปลว่าฉันกำลังชอบคุณเฟยอยู่หรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนไป“หนู... หนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดแล้วก็รีบเดินไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลคิดว่าคงจะหนีหน้าคุณเฟยพ้นแล้วแท้ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะเขาตามมาติด ๆ แถมยังแทรกตัวเข้ามาในห้องฉันอีกด้วย“ขะ..
ทำไมหัวใจของฉันถึงรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของคุณเฟยได้ขนาดนี้นะ แล้วควรจะทำยังไงต่อ ตอนนี้ฉันควรทำอะไร ควรจัดการความรู้สึกที่เขาไม่ต้องการนี้ออกไปยังไง“เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?” คนที่เพิ่งพูดคำที่ทำให้ฉันเจ็บปวดถามขึ้นมาอีกครั้งเพราะเห็นว่าฉันเอาแต่เงียบ หลังจากคิดคำตอบอยู่นานฉันก็ตัดสินใจพูด “หนูรู้แล้วว่าคุณไม่ตาต่ำมาชอบเด็กบ้านนอกแบบหนูหรอกค่ะ”“รู้ตัวแล้วก็ดี” แทนที่จะพูดรักษาน้ำใจกันบ้าง ทำไมถึงปากร้ายตลอดเวลาแบบนี้“แต่ถ้าหนูชอบคุณมันก็ความรู้สึกของหนูนี่ คุณไม่ได้มาเจ็บปวดด้วย ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้วจะสนใจทำไมคะ” ครั้งนี้คุณเฟยไม่ได้พูดคำร้าย ๆ โต้ตอบ เอาทำแค่มองหน้าฉันนิ่ง ๆ มองด้วยสายตาที่เย็นชา“เวลาเห็นผู้ชายหน้าตาดีก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างสิคะ ไม่ใช่แค่คุณ เห็นใครหน้าตาดีหนูก็หวั่นไหวหมดนั่นแหละ ใครห้ามความรู้สึกได้บ้างคุณห้ามได้ด้วยเหรอ ถ้าห้ามได้คุณคงไม่อกหักจากผู้หญิงคนนั้น”พอได้ยินคำสุดท้ายที่ฉันพูดคุณเฟยก็จ้องตาเขม็งทันที เขารีบตอบกลับ “แพรกับเธอต่างกันตรงไหนรู้ไหม”“ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ เธอสวยเพรียบพร้อมขนาดนั้นต่างจากหนูราวฟ้ากับเหว” ฉันบอกไปอย่างรู้ตัวเองดี ไม่คิดจะเอาต
หลังจากถูกจับยัดเข้ามาในรถเยี่ยงทาสแล้ว คุณเฟยก็ได้ทำการเหยียบคันเร่งจนมิดทำให้ความเร็วรถพุ่งทะยาน ฉันหลับตาปี๋หัวใจเต้นแรงกลัวจนตัวสั่น คิดในใจว่าตอนนี้ตัวเองอาจจะออกมานอกโลกแล้วเอี๊ยด~ !!!“กรี๊ด!!!!” จากที่หลับตาเงียบฉันก็ต้องหลุดกรี๊ดออกมาเสียงหลงเมื่อคุณเฟยได้ทำการเบรกรถกะทันหัน ก่อนฉันจะถามออกไปแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้น “ถะ... ถึงโรงแรมแล้วเหรอคะ”“ใช่ถึงแล้ว ลืมตาสิ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแต่มันแฝงความเย็นยะเยือกชวนขนลุกแปลก ๆ ทำให้ฉันไม่กล้าลืมตา“ขอหลับต่ออีกสักหน่อยนะคะ” เพราะไม่อยากเผชิญกับใบหน้าดุดันของคนข้าง ๆ ให้หลับตาตลอดทั้งวันฉันยังทำได้เลยตอนนี้“เอาสิ! ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะหลับตาได้อีกนานแค่ไหน”“หนูหลับตาอยู่แบบนี้ได้ตลอด… อื้อ!!!”’ขณะที่พูดก็ได้ถูกริมฝีปากหนาจู่โจมมาปิดปากเอาไว้ ความร้อนแรงของรสจูบที่กำลังบดขยี้ลงโทษมันหนักหน่วงรุนแรงจนฉันเจ็บหนึบ ๆ ทุกครั้งที่ถูกดูดริมฝีปากแรง ๆ“อื้อ~” ครั้งนี้ฉันต้องยอมลืมตาขึ้นเพราะถูกคุณเฟยกัดริมฝีปากแรง ๆ จนฉันได้กลิ่นคลุ้งของคาวเลือดในปากพอยอมลืมตาขึ้น คนที่ทำให้ฉันเจ็บตัวก็ผละริมฝีปากออก เขายกมือขึ้นมาเช็ดคราบ
ปัก! ปัก! ปัก! เสียงของความรุนแรงดิบเถื่อนดังกึกก้องภายในห้องน้ำ ฉันได้แต่กัดฟันแน่นรับแรงอัดกระแทกที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ลดละ“ครางให้ฉันฟัง อ๊า~”“มะ… มันครางไม่ได้ อึก~ หนูเจ็บ”“ฉันบอกให้ครางออกมา”ปัก! ปัก! ปัก! คุณเฟยออกคำสั่งกร้าวก่อนจะกระแทกเอวสอบเน้น ๆ ทำให้จุกเสียดท้องน้อยไปหมด“อื้อ~”“ถ้าทำได้แค่นี้ก็อย่าเรียกร้องให้ฉันจ่าย วันนี้เธอคงเสียตัวฟรี”“คะ… ครางแล้วค่ะ หนูจะครางเดี๋ยวนี้”“ซี๊ด~ ฉันรอฟังเสียงเธออยู่ อืม~ อ๊า~”ไม่ชอบการถูกบังคับให้ทำแบบนี้เลยแต่ในเมื่อเขาเอาเงินมาล่อคนที่จนมุมอย่างฉันก็ต้องยอม“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า~ อ๊างง”“อ๊า ดังกว่านี้อีก”ปัก! ปัก! ปัก!~ คุณเฟยเอื้อมมือหนามากำรวบเส้นผมของฉันแล้วออกแรงดึงเล็กน้อยให้ใบหน้าของฉันเชิดขึ้น ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมางับบนแผ่นหลังจนเกิดรอยฟันหลายจุด“อื้อ~”“หน้าที่ของเธอคือครางให้ฉันฟัง ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ซี๊ด~”ไม่น่าเลย! ฉันไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย ต่อไปจะไม่เสนอตัวให้เขาแล้ว คนอะไรไม่รู้รุนแรงตลอดเลย ทั้งที่ทำให้รู้สึกดีไปด้วยกันก็ได้เพราะเขาเคยทำแบบนั้น แต่ก็เลือกใช้ความรุนแรงมากกว่า“อ๊า อ๊า อ๊า อ๊างงงง~ อ๊ะ” ทั้งที่เจ
หลังจากเซ็กซ์ที่ป่าเถื่อนจบลง ฉันนุ่งกระโจมอกนั่งรอที่เตียงหลังอาบน้ำเสร็จ เพราะคุณเฟยบอกว่าจะให้คนเอาชุดมาให้“เบาแอร์หน่อยได้ไหมคะ หนูหนาว” ฉันหันมาบอกคุณเฟยที่กำลังเตรียมตัวไปออกงาน ร่างสูงอยู่ในชุดสูทแบบนั้นมันดูดีไร้ที่ติจริง ๆ“รีโมทอยู่ตรงนั้น ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของเธอ” เขามองฉันผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้า แถมยังทำตาดุที่เป็นเอกลักษณ์ฉันรีบคว้าเอารีโมทมากดเบาแอร์ เขาเปิดเอาไว้ตั้งสิบหกองศา ไม่แปลกที่มันจะหนาวขนาดนี้“ชุดใกล้มาหรือยังคะ”“ไม่รู้”“แล้วคุณจะให้หนูรอหรือกลับไปที่บ้านก่อนคะ” ที่ถามแบบนี้เพราะเขาต้องไปงานเลี้ยง แต่ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบจากปากของคุณเฟยเสียงออดที่ประตูห้องก็ดังขึ้นมาซะก่อน“ไปเปิดประตู”เมื่อได้รับคำสั่งฉันก็ต้องรีบลุกขึ้นมาเปิดประตูห้องโดยที่ไม่รู้ว่าคนด้านนอกเป็นใคร“สวัสดีค่ะคุณเฟย” ผู้หญิงอายุสามสิบกลาง ๆ แทรกตัวเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยสวัสดีคุณเฟยที่กำลังยืนแต่งตัวอยู่เธอไม่ได้มาคนเดียว มีอีกสองคนที่อายุไล่เรี่ยกันเดินตามเข้ามาในห้อง แถมในมือยังถือของเยอะแยะไปหมด“เหลือเวลาอีกชั่วโมงครึ่งรีบจัดการให้เรียบร้อย” พอสิ้นสุดเสียงคำสั่งของคุณเฟย ผู้หญิงสามคนก็ลน
ก็อย่างว่าคุณเฟยไม่ใช่คนใจดีอะไรแค่เขายอมถ่ายรูปให้ก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากแล้ว รูปคู่มันเป็นเรื่องที่เพ้อฝันฉันมองแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบเดินตามไปแบบเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่ถนัดใส่ส้นสูงเดินจริง ๆ คนตัวสูงเดินนำไปแบบไม่รอและไม่หันมามองเลย เขาไปรอที่ลิฟต์แล้ว ส่วนฉันเพิ่งจะเดินมาได้ไม่กี่ก้าวพอเดินเข้าลิฟต์ก็ถูกมองด้วยสายตาดุอีกตามเคย เพราะใครล่ะขอใส่รองเท้าธรรมดาก็ไม่ได้อยากให้ใส่ส้นสูงดีนัก“อย่าทำให้ฉันขายหน้า”“ไม่อยากขายหน้า ทำไมคุณไม่เลือกผู้หญิงที่เป็นลูกผู้ดีมาเดินคู่ล่ะคะ จะเลือกหนูทำไม” ฉันรีบเถียงกลับ ไม่ต่างอะไรกับคุณเฟยที่รีบตอบเหมือนกัน “ฉันไม่ชอบออกงานคู่กับคนที่ไม่รู้จัก”ฉันไม่ได้พูดเถียงกลับเพราะสายตาเหลือบมาเห็นตัวเลขที่ลิฟต์มันลดลงเรื่อย ๆ บ่งบอกว่าตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่ฉันกลัวแล้ว หัวใจดวงน้อยเต้นรัวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ“นะ... หนูต้องทำตัวยังไงบ้างคะ”“อย่าเที่ยวไปพูดมากกับใครก็พอ” เป็นคำตอบที่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายได้เลย ยิ่งเกร็งมากกว่าเดิมซะอีก“หนูจะไม่พูดกับใครเลย”ติ้ง~เสียงประตูลิฟต์เปิดออกเผยให้เห็นภาพบรรยากาศในงานเลี้ยงที่หรูหราอลังการ แขก
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา