หลังจากที่ทุกอย่างจบลงฉันก็เอาแต่นั่งมองคราบความบริสุทธิ์ของตัวเองที่เปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอนเป็นวงกว้างด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย มันยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้แกร็ก! ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับคุณเฟยที่เดินออกมา ฉันจึงรีบปรับอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เขาเห็นด้านที่อ่อนแอ“หนูเป็นของคุณแล้วนะคะ ^_^” ฉันฉีกยิ้มหวานส่งให้แต่อีกคนกลับแสดงท่าทางเคร่งขรึม“ออกไปฉันจะทำงานต่อ” ขนาดว่าเพิ่งมีอะไรกัน ทั้งที่เป็นผู้ชายคนแรกของฉัน แต่คุณเฟยกลับไล่ฉันอย่างกับเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น สีหน้าแววตาน้ำเสียงทุกอย่างมันเย็นชาไปหมด“แล้วคืนนี้คุณจะนอนยังไงคะ ดูสิเลือดเปื้อนเต็มเลย นอนเตียงเสริมกับหนูไหมคะ ^_^” ฉันถามเสียงหวานแล้วลงจากเตียงเดินไปใกล้ ๆ คุณเฟย แต่เขาขยับหนี ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้ม “ไปเอาเตียงเสริมมาไว้ในห้อง”“คุณจะนอนกับหนูจริง ๆ เหรอคะ?” ทำเอาแปลกใจที่ได้ยินคำสั่งนั้นจนอดถามกลับไม่ได้ หรือว่าความจริงก็ติดใจฉันแต่ทำเป็นเข้ม“แค่ฉันไม่ใช่เธอ” อุตส่าห์หลงดีใจ พอคุณเฟยตอบมารีบหุบยิ้มแทบไม่ทัน “แล้วหนูจะนอนตรงไหนล่ะคะ”“โซฟา”“ซะ... โซฟา คุณพูดจริง ๆ หรือแค่แกล้ง…”“ฉันไม่ชอบพูดเล่นกับใคร”ฉั
ยังจำได้ดีว่าตอนที่มีอะไรกัน คุณเฟยพูดเองว่าเขาไม่ใช่คนหมกมุ่นเรื่องเซ็กซ์ แถมยังบอกอย่างมั่นใจว่าไม่ได้สนใจอะไรในตัวฉัน ไม่มีความน่าดึงดูด แต่ตอนนี้กลับทำเหมือนกำลังมีอารมณ์เพียงแค่ฉันนั่งอยู่บนตัก“หนูเพิ่งผ่านการมีอะไรกับคุณแค่ครั้งเดียว ราคาคงไม่ตกหรอกค่ะ”“ดูเหมือนเธออยากจะหนีไปให้พ้น ๆ จากฉัน”“หนูไม่อยากอยู่ให้คุณรำคาญต่างหากค่ะ”“ขอให้ฉันขายตัวเองให้คนอื่นเพื่อแลกเงิน เธอไม่รักศักดิ์ศรีของตัวเอง?”“ศักดิ์ศรีมันเอามาใช้จ่ายแทนเงินได้ไหมล่ะคะ หนูไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่าง” ไม่ชอบที่ต้องมาซีเรียสกับชีวิตของตัวเองมากมายหรอก ฉันชอบคิดบวกให้ตัวเองมีความสุขมากกว่า แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้“ฉันชอบที่เธอดิ้นรนหาเงิน แต่วิธีที่ใช้มันดูโง่ไปหน่อย”“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ซื้อหนูสิ หนูจะได้มีเงินมาให้หนี้แทนป้า” ไม่รู้จะหาวิธีไหนแล้ว ทำยังไงคุณเฟยก็ไม่ยอมจ่าย ตั้งแต่ถูกจับตัวมา เขาไม่เคยยื่นเงินให้ฉันแม้แต่บาทเดียว“ทำไมต้องจ่ายให้กับของที่ฉันได้มาแล้ว?” สายตาเย็นชาคู่นั้นเลื่อนต่ำมองในระดับต้นคอของฉัน ก่อนที่คุณเฟยจะโน้มลงมาใกล้ ๆ ทำเอาฉันเกร็งแทบกลั้นจู่ ๆ เหตุการ
ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในรถหรูราคาหลายล้าน ไม่รู้ว่าคุณเฟยกำลังจะพาไปที่ไหน ทำได้แค่นั่งเกร็งพยายามคิดหาคำพูดมาใช้เป็นข้ออ้าง“จริง ๆ ให้หนูอยู่รับใช้คุณต่อก็ได้นะคะ เรื่องที่หนูพูดก็ลืม ๆ ไปดีกว่าเนอะ ^_^” ฉันพูดแล้วยิ้มให้กับคนที่ไร้ความรู้สึกอย่างคุณเฟย ตอนอยู่ในห้องยังจะเขมือบฉันอยู่เลยแถมยังเล่นหูเล่นตา ตอนนี้กลับเงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน“ถึงหนูจะน่ารำคาญ แต่ก็ทำงานตามที่คุณสั่งทุกอย่างไม่มีบ่นเลยนะคะ”“เธอช่วยเงียบปากสักสิบนาทีได้ไหม” หลังจากที่เงียบไปนานคุณเฟยก็ละสายตาจากถนนมาจ้องฉันเขม็งแล้วบอก“หนูเป็นของคุณแล้วนะ คุณจะใจร้าย ขายให้คนอื่นจริง ๆ เหรอคะ” ฉันก้มหน้าลงถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อถูกเมิน “หนูไม่พูดแล้วก็ได้ค่ะ”ชะตาชีวิตของฉันมันคงถูกลิขิตมาให้พบเจอแต่ความลำบาก ถ้ามีอิสระเมื่อไรจะไปแหกอกไอ้หมอดูคนนั้นให้เละเลย คอยดูสิ!! ทำนายดวงมั่ว ๆ ฉันเองก็บ้าหลงงมงายเชื่อจ๊อก~ จ๊อก~ เสียงท้องของฉันทันประท้วงดังขึ้นมาเพราะความหิวท่ามกลางบรรยากาศภายในรถที่กำลังเงียบสนิทฉันทำได้แค่ยกมือขึ้นมาลูบท้องตัวเองเบา ๆ เม้มปากแน่น แล้วแอบหันมองคุณเฟยว่าเขาสนใจเสียงเมื่อครู่หรือเปล่า เขายังคงตั้
ทั้งที่บอกไปแล้วว่าหายกลัว แต่พอจะลุกขึ้นคุณเฟยก็ไม่ยอมปล่อย“มีธุระไม่ใช่เหรอคะไม่รีบแล้วเหรอ”“ไอ้ลีวายคงจัดการแทนฉันไปแล้ว” ไม่รู้ว่าคนที่เขาพูดถึงคือใครแต่ดูท่าคงสนิทสนมกันพอสมควรถึงได้ใช้สรรพนามแบบนั้น“ลุกขึ้นไปจากตัวหนูได้แล้วค่ะ”“เธอตั้งใจเล่นตัวให้ฉันยอมจ่าย?” คนที่คร่อมอยู่ด้านบนเอ่ยถาม“คิดแบบนั้นก็ได้ค่ะ เงินมาผ้าหลุด แต่คุณเป็นพวกไม่หมกมุ่นเรื่องบนเตียงนี่คะ แล้วจะถามทำไม”“ฉันไม่หมกมุ่นไม่ได้แปลว่าเซ็กซ์เสื่อม”“ก็คุณพูดเองนี่คะว่าไม่สนใจหนู ไม่ยอมจ่ายก็ลุกขึ้นไปเลยค่ะ รวยซะเปล่า จะมาขอกินฟรีได้ยังไง” มันน่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ นี่มันครั้งที่สองของคืนนี้แล้วที่คุณเฟยคิดจะแอ้มฉัน ปากบอกไม่สนแต่มือไวยิ่งกว่าปลาหมึกซะอีก เงินก็ไม่ยอมจ่าย“จะเอาเท่าไร” จู่ ๆ คุณเฟยก็ถามกลับมาเหมือนสนใจจะจ่ายให้ ฉันก็เลยรีบตอบ “หนึ่งแสนต่อหนึ่งครั้งค่ะ”“ตกลงตามนั้น” พูดจบใบหน้าคมคายก็ก้มลงมาทำเหมือนจะจูบราวกับทนไม่ไหวอีกต่อไป ฉันจึงรีบใช้มือดันเอาไว้ก่อนเพราะยังไม่เข้าใจที่พูดเลย “หมายความว่ายังไงคะ คุณจะจ่ายเงินให้หนูเหรอ”“อืม”“0_0 พูดจริง ๆ เหรอคะ” ฉันมองคนด้านบนอย่างไม่เชื่อ ก่อนหน้านี้
ใช่... ฉันเป็นคนปลุกเร้าแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะซาดิสม์ ถึงจะบอกว่าอย่ากลัวก็เถอะ แต่ถูกใส่กุญแจมือแบบนี้ใครจะห้ามความกลัวได้เวลาที่น่ากลัวมันมาถึงแล้ว คุณเฟยก้มใบหน้าคมคายลงมาตรงหน้าท้องที่แบนราบของฉัน จากนั้นก็ใช้ลิ้นลากเลียไปจนทั่ว“อ๊า~ อื้อ~”เสียงของฉันเล็ดลอดออกมาเบา ๆ มันเป็นความรู้สึกที่จั๊กจี้และเสียวท้องน้อยวูบวาบไปหมด ลมหายใจติดขัดในตอนที่ริมฝีปากหนากำลังลากวนไปมาสะโพกมันก็ยกขึ้นเหนือที่นอนอัตโนมัติ ฉันไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เลยผ่านไปครู่หนึ่งริมฝีปากหนาก็ค่อย ๆ ลากไล้ขึ้นมา ผ่านบริเวณใต้ราวนมจนถึงหน้าอกสองเต้า ลำตัวมีแต่คราบน้ำลายของคุณเฟยเต็มไปหมด แต่แปลกที่ฉันไม่ได้มีความรู้สึกรังเกียจเลยสักนิดคุณเฟยลากเม้มริมฝีปากไปจนทั่วเนินหน้าอกสองเต้าก่อนจะจัดการจุดสำคัญ เม็ดไตเล็ก ๆ สีชมพูอ่อนถูกอุ้งปากร้อนระอุครอบงำ“อื้อ~”ไม่รู้ว่าฉันจะอธิบายความรู้สึกนี้ออกมายังไง บางครั้งก็รู้สึกดี บางครั้งก็กลัว การมีเซ็กซ์ครั้งที่สองมันจะเจ็บเท่ากับครั้งแรกหรือเปล่า“รสชาติผู้หญิงอายุยี่สิบมันหวานติดลิ้นแบบนี้นี่เองสินะ”ตึกตัก ตึกตัก~ พูดอะไรแบบนั้นมันน่าอายนะ ทั้งน้ำเสียงและคำพ
หลังจากแต่งตัวใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยได้ไม่นานอาหารที่คุณเฟยโทรไปสั่งก็มาเสิร์ฟ โดยคนที่ถือมาเสิร์ฟนั้นเป็นผู้หญิงสวยแต่งตัวเซ็กซี่ก็ไม่ได้อยากจะสนใจสักเท่าไรหรอกนะแต่แอบเห็นว่าเธอกำลังมองคุณเฟยด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม“อาหารมาแล้วค่ะ”“เวลาทำงานเธอไม่ควรแต่งตัวแบบนั้น” คุณเฟยมองผู้หญิงที่อยู่ในชุดเซ็กซี่อย่างไม่พอใจสักเท่าไร“รู้ค่ะ โรสแค่อยากแต่งตัวแบบที่คุณเฟยชอบ” เธอเอ่ยเสียงหวานก่อนจะเดินไปหาคุณเฟยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ร่างบางนั่งลงตรงกลางท่อนขาแกร่งแล้วยกมือขึ้นลูบไล้ตรงจุดที่เกือบจะสัมผัสกับความใหญ่ยาวคำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำให้ฉันพอจะเดาออกว่าทั้งคู่คงมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าคำว่าเจ้านายและลูกน้องชิ!! แล้วไหนบอกว่าไม่หมกมุ่นไม่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงไปทั่วไง หรือว่ามันเป็นแค่เรื่องโกหกจากที่ได้สัมผัสเซ็กซ์ที่ดุดัน ดิบเถื่อน และซาดิสม์ของคุณเฟยมาสองครั้งก็พอจะการันตีได้ว่าเขาแค่สร้างเรื่องมาโกหกแน่ ๆ ความจริงคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดเหล่านั้น“ไม่มีส้มตำเหรอคะ” ฉันตั้งใจพูดโพล่งขึ้นให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่ามีคนอื่นอยู่ในห้อง แต่ดันถูกหล่อนหันมามองแรงใส่“อย่าเรื่องมาก” เ
ฉันนั่งมองมีดและช้อนส้อมที่วางอยู่กับจานสเต๊ก คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจใช้มือฉีกชิ้นเนื้อเพราะหั่นกินแบบผู้ดีไม่เป็นขณะที่กินอยู่ก็ชำเลืองตามองคุณเฟยและผู้ชายคนนั้นเป็นระยะ ๆ ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันเพราะอยู่ไกลแล้วทั้งคู่ก็คุยกันเสียงเบามาก ๆ แต่เหมือนจะเป็นเรื่องซีเรียสถ้าให้เดาผู้ชายคนนั้นคงจะชื่อ ‘ลีวาย’ คนที่คุณเฟยคุยโทรศัพท์ด้วย คิดไว้แล้วว่าชื่อแบบนี้ต้องหน้าตาดีแน่ ๆหลังจากกินอิ่มฉันก็เริ่มง่วง ไม่รู้ว่าเวลากี่ทุ่มแล้ว มองไปนอกกระจกบานใหญ่เห็นแต่ความมืดสนิท ถ้ามีโทรศัพท์สักเครื่องก็คงดี“คุณจะกลับตอนไหนคะ” ทนความง่วงไม่ไหวฉันจึงทำใจกล้าเดินมาถาม แอบเขินผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ไม่น้อยไม่ใช่ว่าหน้าตาของคุณเฟยด้อยกว่า ความหล่อของทั้งคู่เป็นเรื่องยากที่จะตัดสิน แต่เพราะว่าฉันเห็นคุณเฟยจนชินตาจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอย่างครั้งแรก“ฉันยังคุยธุระไม่เสร็จ” คุณเฟยตอบเหมือนรำคาญที่ฉันเดินมาถาม“หนูง่วงแล้ว”“เห็นไหมว่าฉันคุยธุระอยู่” ครั้งนี้เขาหันมาจ้องเขม็ง ก็แค่บอกว่าง่วงแล้วไม่เห็นต้องใช้สายตาดุดันแบบนั้นมองกันเลย“มะ... มีอะไรหรือเปล่าคะถึงมองหนูแบบนั้น” ฉันถามผู้ชายอีกคนเพราะถ
คุณเฟยลากตัวฉันกลับมายังห้อง ๆ เดิม โดยไม่สนใจสายตาของใครหลายคนที่มองการกระทำของเขา แล้วเขาก็ไม่สนใจด้วยว่าฉันจะเจ็บหรือเปล่า แต่ก็อย่างว่าฉันมันก็แค่ ‘สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง’ตุบ!!! ร่างของฉันถูกเหวี่ยงกระแทกลงบนพื้นแข็ง ๆ ย้ำว่าพื้นแข็ง ๆ ไม่ใช่บนเตียงนุ่ม ๆ ซองเงินหลุดจากมือกระเด็นออกห่างจากตัว ห่วงเงินก็ห่วงแต่ตอนนี้ฉันห่วงชีวิตตัวเองมากกว่าพอฉันพยุงตัวเองขึ้นมานั่งได้แล้วคุณเฟยที่ยืนอยู่ก็นั่งลงมาแล้วจับปลายคางฉันพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แฝงความดุดัน “ตอบฉันมาสิว่าเธอกำลังจะไปไหน”“มะ… ไม่ได้ไปไหนค่ะ” นอกจากเสียง ที่สั่นตัวฉันก็สั่นระริก ๆ ไปหมด“ถ้าไม่คิดจะไปไหนแล้วออกไปจากห้องทำไม” ถึงจะถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ธรรมดา แต่สายตาคู่ตรงหน้ามันไม่อ่อนโยนเลยสักนิด“นะ... หนูแค่ไปเดินเล่น” มันเป็นข้ออ้างที่ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด คิดหาข้ออ้างอะไรไม่ได้ตอนนี้สมองมันประมวลผลไม่ทัน“เดินเล่นตอนตีสาม?” หัวคิ้วหนายกขึ้นเป็นคำถาม ไม่รอให้ฉันตอบคุณเฟยก็พูดต่อ “แค่ไปเดินเล่นจะถือเงินไปด้วยทำไม”นั่นไง! ใครจะไปหาคำตอบได้ถ้าไม่ยอมรับออกไปตรง ๆ“หน้าฉันมันเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยรึไง ฮ
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา