Talk เพลิงตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัวไปตามที่ไอ้คินนัด มันจับหมากที่ผมวางเอาไว้ไปก็ต้องเล่นตามเกม“อย่าลืมใส่เสื้อกันกระสุน โดนยิงตายห่าขึ้นมากูไม่ดูแลเมียมึงให้หรอกนะไอ้เฮีย” ไอ้ไฟเอาเสื้อเกาะโยนมาให้ผมใส่แล้วพูดบ่น“มึงใส่หรือยัง ?” พอผมถามมันก็เปิดเสื้อให้ดูว่าตัวมันใส่ก่อนแล้ว“ครั้งนี้มึงห้ามประมาท ยังไงก็ต้องฆ่ามันเก็บเอาไว้ก็เป็นมารธุรกิจเปล่า ๆ”“กูรู้”ไอ้คินมันเป็นศัตรูกับผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เริ่มจากเรื่องธุรกิจที่มันชอบส่งลูกน้องมาเกะกะสร้างความเสียหายให้ธุรกิจของผมหลายครั้ง มันคงหัวเสียที่ธุรกิจของผมตีตลาดได้มากกว่าของมันแบบนี้เขาเรียกว่าพวกแพ้แล้วพาล ผมใจดีกับมันเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็คงเลิกยุ่ง แต่จนถึงวันนี้มันก็ยังเหี้ยเสมอต้นเสมอปลาย คงถึงเวลาที่ผมต้องจัดการเด็ดขาดสักที“พ่อฝากบอกว่าให้เอาชีวิตรอดกลับมา อย่ากลับมาแต่ชื่อ”“คนอย่างกูไม่ยอมให้มันฆ่าตายง่าย ๆ หรอก ถ้าต้องยิงมึงจำไว้ว่ากูจะยิงมันก่อน”“เออ! พี่กูมันเก่ง อย่าลืมว่ามึงมีแค่ชีวิตเดียว อย่าทำตัวเหมือนตัวเองมีเก้าชีวิต”“อืม”ผมกับไอ้ไฟเช็กปืนและกระสุนก่อนจะเรียกลูกน้องฝีมือดีให้ตามไปด้วยเพราะพวกมันคงหมาหมู่แน่ ๆ
Talk เอิงเอยฉันพยายามติดต่อไปหาคุณเพลิงตั้งแต่เมื่อคืนแต่เขาไม่รับสายเลย ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเป็นยังไงแล้วจะให้มีสมาธิเรียนได้ยังไง วันนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยวันแรกด้วย“พี่ติดต่อคุณเพลิงได้บ้างหรือเปล่าคะ” ฉันถามลูกน้องของคุณเพลิง เขากำลังขับรถไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัย“ไม่ครับ”“ติดต่อเขาให้หน่อยได้ไหมคะเอยโทรหาเขาไม่รับสายเลย”“นายบอกว่าจะติดต่อกลับมาเอง ผมไม่ได้รับอนุญาตให้โทรไปครับ”“แต่เขาไม่รับสายตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะคะ ถ้าไม่โทรงั้นเอยขอเบอร์คุณไฟก็ได้”“ผมไม่มีเบอร์คุณไฟครับ”“นี่เจ้านายเป็นอะไรไม่สนใจเลยหรือไงคะ!!”“ผมได้รับมอบหมายให้ดูแลคุ้มกันความปลอดภัยให้คุณเอยเท่านั้นครับ”ฉันระเบิดอารมณ์เพราะความหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นี่ไม่ใช่คนแรกที่ฉันถาม เมื่อเช้าฉันถามลูกน้องของคุณเพลิงทุกคน และพวกเขาก็ตอบแบบนี้เหมือนกับปริ้นคำพูดมาตอบมหาวิทยาลัยฉันโทรศัพท์ไปหาชะเอมก่อนจะเข้าเรียน ให้เธอช่วยเอาเบอร์คุณไฟมาให้และให้ตามหาว่าตอนนี้คุณเพลิงอยู่ที่ไหนเป็นยังไงบ้างฉันอยู่ที่นี่จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ในขณะที่นั่งเรียนนักศึกษาแทบจะทั้งห้องต่างหันมามองทางฉันแล้วซุบซิบกัน แน่นอนว่าฉันไ
#บ้านฉันกับคุณเพลิงเรานั่งรถกลับมาที่บ้าน ตอนนี้ยังคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่เลย อยากจะโกรธที่เขาหายไปแต่ความคิดถึงมันมีมากกว่าพอรถดับเครื่องจอดที่หน้าบ้านฉันก็รีบวิ่งไปถามพี่ ๆ ที่เป็นลูกน้องของคุณเพลิงทันที“พี่เห็นเขาใช่ไหมคะ เขาเป็นคนใช่ไหมไม่ใช่วิญญาณ”“เอิงเอย! เธอถามแบบนั้นได้ยังไง” คุณเพลิงถามฉันเสียงดุลูกน้องของคุณเพลิงมายืนรวมตัวเรียงแถวกันก่อนจะโค้งคำนับเขา แปลว่าฉันไม่ได้ฝัน“พวกมึงเห็นใครที่ท่าทางมีพิรุธมาวนเวียนแถวนี้บ้างหรือเปล่า ?”“ไม่มีครับนาย”คุณเพลิงพยักหน้าก่อนจะหันมามองฉัน เหมือนจะเคืองที่ฉันถามลูกน้องเขาแบบนั้น ก็คนมันสงสัยนี่นา“ยายอยู่ในบ้าน ไปค่ะเดี๋ยวเอยพาไปหายาย”ฉันจับมือคุณเพลิงพาเดินเข้าไปในบ้าน ตอนนี้ยายกำลังนอนดูทีวีอยู่“ยายจ้ะ”“เอ่อกลับมาแล้วเหรอ วันนี้จะกิน…” ยายหันหน้ามาก่อนจะหยุดพูดเหมือนตกใจที่เห็นคุณเพลิง“ย… ยายเห็นเขาใช่ไหมคะคนที่ยืนข้าง ๆ หนู ตอนนี้หน้าเขาเป็นยังไงบ้างคะ มีเลือดหรือหน้าซีด ๆ อะไรแบบนั้นหรือเปล่า” เพราะเห็นว่ายายตกใจฉันจึงถามแบบนั้น กลัวเหมือนกันนะ“หล่อมากเลยลูกเอ๊ย นี่ผัวหลานใช่ไหมคนที่ส่งไอ้พวกนั้นมายืนอยู่ที่บ้านเรา” ฉั
คุณเพลิงเดินไปนั่งลงบนเตียง เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วมองฉันด้วยสายตาที่จริงจัง“หลังจากฉันจัดการไอ้คินเสร็จก็พักฟื้นที่โรงพยาบาล”“พักฟื้นที่โรงพยาบาลแล้วไม่พกโทรศัพท์ติดตัวเลยเหรอคะ”“ใช่ โทรศัพท์ฉันเอาไว้ที่ห้อง คิดว่าเธอคงเข้าใจก็เลยไม่ได้ติดต่อ”“ใช่ค่ะเอยเข้าใจ แต่รู้ไหมว่าเอยใจจะขาดตายอยู่แล้วที่โทรหาคุณเพลิงก็ไม่ยอมรับสายเลย”“ฉันขอโทษ”“ถ้าคุณเพลิงไม่มาที่ไทยเอยคิดว่าจะหาแฟนใหม่อยู่เหมือนกัน” ฉันพูดในเชิงประชด ให้มันรู้ซะบ้างต่อไปจะได้ไม่กล้าทำแบบนี้อีก“แฟนใหม่? เธอพูดว่าจะหาแฟนใหม่ต่อหน้าฉันเลยเหรอวะ!!” แค่ได้ยินคุณเพลิงก็โกรธจนหน้าแดง นี่แค่คำพูดนะถ้าทำจริง ๆ ฉันต้องโดนบีบคอตายแน่ ๆ“ใช่ค่ะ แฟนเอยหายเงียบไปแบบนั้นไม่อยากรอหรอกค่ะ”“ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รอ เธอรอฉันตลอด” เขาพูดเข้าข้างตัวเองแล้วก็ยิ้มกริ่ม“ถ้ารู้ว่าเอยรอทำไมไม่รีบกลับมาละคะ” ฉันถามกลับด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ“พ่อฉันสั่งให้พักฟื้นที่โรงพยาบาลให้หายดีก่อน ถึงจะอนุญาตให้มาหาเธอได้”“ค… คุณธนดลรู้แล้วเหรอคะว่าคุณเพลิงกับเอยเป็น… เป็นอะไรกัน”“พ่อฉันรู้ตั้งนานแล้ว”“แล้วท่านไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ”“
คุณเพลิงหันหน้ามามองฉันแล้วยักคิ้วให้ เขาทำตัวชิลล์ ๆ แบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่ตอนนี้ทั้งยายแล้วก็โอมอ้าปากค้างกันไปแล้วใครจะไปคิดล่ะนั่งกินข้าวอยู่ดี ๆ หลานสาวจะถูกขอหมั้นสายฟ้าแลบขนาดนี้“เรื่องเงินหมั้นยายเรียกมาได้เลยนะครับ ทางผมไม่ติดปัญหาอะไร”“ยายว่าน่าจะรอให้เอยมันเรียนจบก่อนนะพ่อหนุ่ม”สีหน้าของคุณเพลิงบ่งบอกได้ว่าตอนนี้เขากำลังผิดหวังที่ถูกปฏิเสธ“ผมคิดเอาไว้ว่าอยากจะขอหมั้นเอาไว้ก่อน เรียนจบผมจะขอเอยแต่งงาน” เขายังพยายามพูด ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งเงียบไม่ออกความคิดเห็นอะไร“ยายก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว ยายเองก็เพิ่งรู้ว่าเอยมันมีแฟน เพิ่งเคยเจอหน้า นิสัยใจคอเป็นยังไงยายก็ยังไม่รู้ พูดกันตามตรงยายอยากให้ทั้งคู่ดู ๆ กันไปก่อนอย่าเพิ่งด่วนรวบรัดกันนักเลย”“ผมรักเอยจริง ๆ นะครับยาย เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากจะใช้ชีวิตด้วยกันในฐานะสามีภรรยา ผมจะไม่ทิ้งหลานสาวยายแน่นอนครับ”“เชื่อยายเถอะพ่อหนุ่ม ไม่ต้องหมั้นเรียนจบแล้วแต่งเลยยายก็ไม่ห้าม แต่ตอนนี้ถ้าอยากจะใช้ชีวิตร่วมกันก็ควรจะดูกันไปยาว ๆ”“แต่ผม…”“พอแล้วค่ะคุณเพลิง เชื่อที่ยายพูดเถอะนะคะ ที่ยายบอกก็เพราะว่าหวังด
จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกผิดกับคำพูดของตัวเองขึ้นมา คุณเพลิงอุตส่าห์บินไกลข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาฉันที่ไทย อย่างน้อยฉันก็ควรพูดกับเขาดี ๆ กว่านี้“ค… คุณเพลิงเอยขอโทษ เอยไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะคะ เอยอยากแต่งงานกับคุณเพลิงนะ”“ฉันอยากทำให้เธอมั่นใจว่าจริงจังมากแค่ไหน แต่ลืม ๆ มันไปซะเถอะ ฉันจะไม่พูดถึงมันอีก”“เอยไม่ได้ตั้งใจพูด คุณเพลิงอย่าโกรธสิคะ”“ฉันจะไปนอนบ้านป้า เธอรีบเข้าบ้านได้แล้ว” ถึงเราจะไม่ทะเลาะกันแบบเมื่อครู่แต่การเฉยเมยของคุณเพลิงในตอนนี้ทำให้ฉันหวั่นใจ“โกรธเอยหรือเปล่าคะ”“ไม่ ฉันไม่โกรธ”“ถ้าไม่โกรธคืนนี้นอนด้วยกันนะคะ” ฉันพยายามอ้อน การที่บอกว่าไม่โกรธแต่เมินหน้าหนีมันแปลก ๆ นะ“ฉันโทรบอกป้าแล้วว่าจะไปนอนที่บ้านด้วย”“เอยยังไม่เห็นคุณเพลิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาใครเลยนะ”คุณเพลิงไม่ตอบอะไร เขาหยิบกุญแจรถมากดปลดล็อกแล้วเดินไปเปิดประตูแทรกตัวเข้าไปนั่ง ฉันเห็นแบบนั้นจึบรีบวิ่งมาเปิดประตูที่นั่งข้าง ๆ คนขับแล้วแทรกตัวเข้ามานั่งในรถเหมือนกัน“เอยไปด้วยค่ะ”“ฉันว่าพรุ่งนี้เราค่อยเจอกันมันคงจะดีกว่า” ไม่คิดจะมองหน้ากันเลยหรือไงตอนพูดเนี่ย ฉันก็พูดแบบนั้นไปเพราะอารมณ์ ใครจะไ
ฉันค่อย ๆ ใช้ริมฝีปากรูดดูดแก่นกายใหญ่ตั้งแต่ปลายจนถึงโคน คนที่ถูกกระทำเอาแต่ครางในลำคอ“ชอบไหมคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นถามความพึงพอใจของคุณเพลิง“พอได้แล้วฉันต้องรีบไปบ้านป้า”“ตอบแบบนี้แปลว่ายังโกรธเอยอยู่แน่ ๆ”ผู้ชายอะไรโกรธนานจัง คิดว่าเสียงครางกระเส่าเมื่อครู่จะหายโกรธแล้วซะอีกฉันก้มหน้าทำต่อ พยายามทำให้ดีที่สุดถึงแม้จะไม่เคยทำเลยก็ตาม แต่เรื่องแบบนี้มันคงไหลไปตามอารมณ์“อ๊า จะทำให้เสร็จในปากเธอเลยหรือไง”“ปล่อยมันออกมาใส่ปากเอยสิคะ” ฉันพูดอย่างยั่วอารมณ์ก่อนจะเร่งจังหวะ ทำให้คุณเพลิงครางเสียงดังแต่เมื่อเขาใกล้จะถึงสวรรค์ฉันก็หยุดกระทันหัน ทำให้ถูกมองค้อน“เอยออกมาจากบ้านนานแล้วยายคงเป็นห่วง คุณเพลิงจะไปนอนบ้านป้าใช่ไหมคะ ถ้าไปถึงแล้วบอกเอยด้วยนะ”“พอแค่นี้ ?” คุณเพลิงขมวดคิ้วถาม ท่าทางของเขาดูไม่สบอารมณ์สุด ๆ“ก็คุณเพลิงบอกว่ารีบนี่คะ”“ใช่! ฉันรีบแต่มันก่อนหน้านี้”“คุณเพลิงยังโกรธเอยอยู่นี่นา”ลมหายใจร้อนผ่าวถูกพ่นออกมาก่อนที่แขนของฉันจะถูกรวบ “ทำแล้วเธอก็ต้องรับผิดชอบทำต่อให้เสร็จ”“หายโกรธเอยหรือยังคะ”“ฉันไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจที่เธอพูดแบบนั้น”“น้อยใจเป็นด้วยเหรอคะเนี่ย ไม่น่าเช
คฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเมื่อเห็นความใหญ่โตของบ้านป้าของคุณเพลิง ครอบครัวเขามีฐานะมาก ๆ แล้วย้อนมามองฉันสิ มันคนละระดับกันเลย“เข้าไปในบ้านเถอะตอนนี้ป้ากำลังรอเราอยู่”“ป้าของคุณเพลิงจะโอเคกับเอยใช่ไหมคะ” ฉันถามอย่างเป็นกังวล“ครอบครัวฉันไม่ใจร้ายกับเธอหรอกนะ เลิกคิดมากได้แล้ว”คุณเพลิงเปิดประตูลงจากรถโดยที่ฉันยังนั่งเกร็งอยู่ ไม่นานประตูรถฝั่งที่ฉันนั่งก็ถูกเปิดออก ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ยื่นมาให้ฉันจับ“ถ้าป้าคุณเพลิงถามเรื่องฐานะเอยจะตอบยังไงคะ ถ้าท่านถามว่าที่บ้านทำธุรกิจอะไร มีบริษัทที่ไหนบ้าง…”“หยุดคิดมาก”พอฉันไม่ยอมเอื้อมมือไปจับคุณเพลิงก็เอามือของตัวเองมาจับมือฉันแล้วดึงให้ลุกขึ้น“เข้าไปในบ้าน ถ้าป้าถามอะไรก็ตอบไปตามความจริง”ฉันเม้มปากมองคุณเพลิงตาแป๋ว เขาน่าจะบอกให้ฉันทำใจก่อนสักหน่อย แบบนี้ทันกระทันหันเกินไป#ภายในบ้านพอเดินเข้ามาในตัวบ้านทำเอาฉันแทบตะลึงกับข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ตกแต่งภายใน ของพวกนี้ล้วนมีแต่ราคาแพง ๆ ทั้งนั้น“ป้าฉันรออยู่ที่ห้องรับแขก ตามมาสิ”“ค่ะ”ฉันมองแผ่นหลังกว้างของคุณเพลิงที่เดินนำไป ใจมันหวั่น ๆ ยังไงก็ไม่รู้#ห้องรับแขกภายในห้อง
เวลาล่วงเลยผ่านไป ตอนนี้ฉันคลอดลูกชายที่น่ารักน่าชังออกมาแล้ว พี่เพลิงตั้งชื่อให้ลูกชายของเราว่า ดีแลนด์ ซึ่งชื่อก็ไม่ได้คล้องจองกับพ่อแม่แต่อย่างใด เป็นความชอบของคุณพ่อล้วน ๆ ตอนนี้น้องดีแลนด์อายุได้สองเดือนแล้ว ค่อนข้างเลี้ยงง่ายไม่งอแงเลยห้าเดือนแล้วที่ฉันไม่ได้กลับไทยแล้วคงต้องรอลูกโตกว่านี้ถึงจะพาขึ้นเครื่องบินได้ โชคดีหน่อยที่ได้คุยกับยายผ่านการวิดีโอคอลแบบเห็นหน้า ไม่อย่างนั้นคงต้องคิดถึงมากแน่ ๆวันนี้เพื่อนของฉันนัดเอาไว้ว่าจะมาเล่นกับหลาน เดี๋ยวคงจะมากันแล้ว มาอยู่ที่นี่ไม่เหงาเลยเพราะมีเพื่อน ๆ คอยแวะเวียนมาเล่นด้วยที่บ้านตอนนี้ฉันกับพี่เพลิงแต่งงานกันแล้ว เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย“ดีแลนด์หลับไปแล้วเหรอ” พี่เพลิงเพิ่งกลับมาจากบริษัท ตั้งแต่คลอดดีแลนด์ออกมาเขาก็กลับบ้านเร็วทุกวัน“เพิ่งหลับไปเมื่อกี้เองค่ะ พี่เพลิงเหนื่อยไหมคะ” นี่คือคำถามที่ฉันมักจะถามพี่เพลิงทุกวันหลังจากเขากลับมาจากบริษัท“แค่เห็นหน้าภรรยาสุดสวยฉันก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” ไม่พูดเปล่าพี่เพลิงยังใช้มือหยิกแก้มฉันเบา ๆ ด้วย“นั่งลงสิคะเดี๋ยวเอยนวดให้”“เปลี่ยนจากนวดเป็นนาบแทนได้ไหม” พี่เพลิงถามเส
เพียงไม่ถึงห้านาทีทั้งครอบครัวของพี่เพลิงก็รู้ข่าวเรื่องที่ฉันท้อง เพราะเขาโทรไปบอก ทุกคนต่างดีใจกันยกใหญ่“แม่กับพ่อบอกว่าจะให้เราแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”“เราเพิ่งหมั้นกันเองนะคะ ลูกคลอดแล้วค่อยแต่งก็ได้”“ไม่ได้ ต้องรีบแต่งถูกแล้ว”พี่เพลิงที่นั่งอยู่บนเตียงดึงฉันที่ยืนอยู่มาสวมกอด เขาใช้ฝ่ามือหนาลูบที่ท้องเบา ๆ“เธอท้องแล้วต้องย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศกับฉันนะรู้ไหม”“เอยยังอยากอยู่กับยายอยู่เลยนะคะ”“ถ้าอยู่ที่นี่ฉันจะดูแลเธอยังไง”“ให้เอยอยู่ที่นี่จนคลอด…”“ฉันไม่มีทางปล่อยให้เมียที่ท้องอยู่ไกลขนาดนี้แน่”“ไม่เอาแบบนี้สิคะพี่เพลิง”“เธอนั่นแหละอย่าดื้อ ตอนนี้กำลังจะเป็นแม่คนแล้วยังดื้ออยู่ได้”ฉันทำหน้าบึ้งเมื่อถูกดุ ก่อนจะคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ นั่นหมายความว่าฉันยอมไปอยู่ต่างประเทศกับพี่เพลิง“แต่ต้องสัญญานะคะว่าจะพาเอยกลับมาหายายที่ไทยทุกเดือน”“สัญญาครับ ไม่ต้องห่วงฉันจะจ้างแม่บ้านเพิ่มให้คอยดูแลและจะจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลสุขภาพยายของเธอ”“แบบนี้ทำให้เอยโล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ^_^”“ไปห้างกัน” พี่เพลิงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหลังจากพูดจบและตอนนี้เราก็อยู่กันที่ห้างสร
วันต่อมาตั้งใจว่าเมื่อคืนจะเผด็จศึกเด็กดื้ออย่างพี่เพลิงสักหน่อย แต่ว่าฉันนั้นอ้วกก็เลยได้นอนพักไปโดยไม่ทำอะไรเช้านี้ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะถูกรบกวนโดยฝ่ามือใหญ่ที่เอาแต่ลูบคลำไปทั่วทั้งตัว“เช้าแล้วนะ” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกข้างหูฉันเบา ๆ“อื้อ พี่เพลิงอย่าเพิ่งกวนเอยสิคะ” ฉันตอบไปอย่างรำคาญ การถูกรบกวนเวลานอนเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดที่สุดเลยก็ว่าได้“วันนี้เธอมีเรียนนะ”“เพราะฉะนั้นพี่เพลิงก็ต้องปล่อยให้เอยนอนไงคะ” ฉันเถียงกลับโดยที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้น“ปกติเธอไม่ใช่คนขี้เซานะ วันนี้ทำไมถึงปลุกยากจัง”“เอยขอนอนต่ออีกหน่อยนะคะ”หลังจากพูดจบร่างกายที่อ่อนเพลียของฉันก็เตรียมพร้อมจะจำศีล แต่ทว่า!! กางเกงชุดนอนตัวบางดันถูกถอดออกไปจากเรียวขา“พี่เพลิง” ครั้งนี้ฉันลืมตาขึ้นมองพี่เพลิงตาดุ ใจคอเขาจะกวนแบบนี้ไปถึงไหนกัน“นอนไปสิ ฉันไม่ได้บังคับให้เธอตื่น” คนพูดหน้าทะเล้น ไม่พอแถมยังถอดกางเกงของตัวเองออกอีกด้วย“อื้อออไม่เอา เอยอยากนอน” ฉันเอามือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้ไม่ให้พี่เพลิงเอาแก่นกายสอดใส่เข้ามาได้“ถ้าอยากนอนก็นอนอยู่นิ่ง ๆ จะบิดไปมาทำไม”“พี่เพลิงเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย” ฉันทำหน้าบึ้ง
ฉันยิ้มหวานก่อนจะแย่งแก้วไวน์จากมือพี่เพลิงมาดื่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธ แต่เพราะอยากมีความกล้าให้มากกว่านี้จึงต้องดื่มมัน“ขมจังค่ะ” ฉันยกมือขึ้นมาเช็ดปากหลังจากกระดกไวน์ไปหมดแก้ว“เขาให้จิบ ๆ ไม่ใช่ยกหมดแก้ว” พี่เพลิงบอกอย่างเอ็นดูในความไม่รู้ของฉัน“เอยไม่เคยดื่มนี่คะ”“แล้วจะดื่มทำไม”“ก็… ถ้าเมาเอยคงจะทำให้พี่เพลิงพอใจ” พูดจบฉันก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ก่อนจะพูดต่อ “เอยหมายถึงเรื่องบนเตียง”คนที่ได้ฟังประโยคนั้นเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบไวน์มาเทใส่แก้วแล้วดื่มฝ่ามือหนายกขึ้นมาประคองใบหน้าของฉันเอาไว้ก่อนจะกดจูบลงมาบนริมฝีปาก ไวน์ที่พี่เพลิงดื่มไปเมื่อครู่ถูกป้อนมาใส่ในปากของฉัน ก่อนที่จะผละริมฝีปากออก“อยากดื่มอีกไหม ?” พี่เพลิงถามเสียงหวาน“แค่นี้เอยก็เริ่มมึนหัวแล้วค่ะ”“พร้อมจัดการเด็กดื้อหรือยัง ?”“พ… พร้อมแล้วค่ะ”ฉันตอบอย่างเขินอาย สิ้นสุดคำตอบพี่เพลิงก็อุ้มร่างของฉันขึ้นแล้วเดินเข้ามาในห้องวางลงบนเตียงอย่างเบามือ จากนั้นก็คร่อมบนตัวของฉันเอาไว้“เอยต้องอยู่ด้านบนสิคะ” พูดจบฉันก็พลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน“ฉันชอบที่เธอเร่าร้อนแบบนี้” พี่เพลิงบอกเสียงกระเส่า แววตาของเขามัน
หลังจากคุยเรื่องหมั้นเรียบร้อยแล้ววันนี้ทางครอบครัวพี่เพลิงได้พาครอบครัวฉันออกมากินข้าวนอกบ้าน ปกติยายไม่ชอบออกนอกบ้านเท่าไหร่แต่ครั้งนี้ยายยอมออกมากินข้าวด้วย“คุณยายครับ ผมซื้อบ้านเอาไว้หลังหนึ่งอยากจะให้ยายไปอยู่ที่นั่น ส่วนบ้านหลังนี้ผมจะลื้อแล้วสร้างหลังใหม่ให้ ยายโอเคหรือเปล่าครับ”“ถ้าพ่อหนุ่มคิดว่าดียายเองก็ไม่ขัด เพราะยายก็ไม่รู้จะอยู่ได้กี่ปี”“อย่าคิดแบบนั้นสิจ๊ะยาย ยายต้องอยู่รอดูลูกของหนูก่อนนะ”“ถ้างั้นก็รีบ ๆ มีซะสิ รีบ ๆ ปั๊มมันวันนี้เลย” คำตอบที่เร่งรีบของยายทำเอาฉันเบิกตากว้างเพราะตกใจ“ย… ยาย หนูยังเรียนไม่จบเลยนะคะ”“จริง ๆ รีบ ๆ มีหลานก็ดีนะหนูเอย พ่อกับแม่ก็อยากจะอุ้มหลายเร็ว ๆ” แม่ของพี่เพลิงพูดเสริมขึ้น ทุกคนเหมือนจะยินดีไม่ติดขัดอะไร คงมีแค่ฉันที่ค้าน“งั้นผมจะรีบปั๊มให้นะครับ” แบบนี้ก็เข้าทางพี่เพลิงเลยนะสิ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยเชียว“เอยว่าเรียนจบแล้วค่อยคิดเรื่องมีลูกดีกว่าค่ะ ^_^”“ถ้าหนูเอยต้องการแบบนั้นเราก็ไม่ขัดจ้ะ แต่เรียนจบแล้วต้องรีบมีเลยนะ”แม่ของพี่เพลิงบอกด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้มีคนเดียวที่หน้าหงิกงอก็คือพี่เพลิงวันต่อมาวันนี้ทางบ้านฉันต้องย้ายออกไ
วันเวลาผ่านมาจนถึงวันที่พี่เพลิงต้องบินกลับต่างประเทศ#สนามบินพอต้องห่างกันใจฉันมันก็หวิว ๆ ถึงแม้จะรู้ดีว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าพี่เพลิงก็จะกลับมา เขาจะมาขอหมั้นฉันอย่างเป็นทางการ“ไปถึงที่นู้นแล้วรีบโทรมาหาเอยนะคะ” “ไม่ชอบเลยที่ต้องห่างกันแบบนี้ แถมเธอยังชอบทำหน้าเศร้า” พี่เพลิงยกมือขึ้นมาลูบศีรษะฉันเบา ๆ“งั้นเอยจะยิ้มนะคะ” พูดจบฉันก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูจะฝืน ๆ หน่อย ต้องห่างจากคนรักคงทำใจยิ้มอย่างดีใจไม่ได้หรอก“ฉันจะรีบเคลียร์งานแล้วกลับมาหาเธอ”“ต้องบินมาพร้อมคุณพ่อกับคุณแม่สิคะ ห้ามบินมาก่อนนะอีกแค่อาทิตย์เดียวเอง”“เวลาอาทิตย์เดียวสำหรับฉันมันนานมากจริง ๆ” พี่เพลิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะดึงฉันมาสวมกอดทุกการกระทำของเราทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของคุณธนดล ท่านมองเราทั้งคู่แล้วก็ยิ้มไม่ได้พูดแทรกปล่อยให้เราสองคนล่ำลากันอย่างเต็มที่หลังจากส่งพี่เพลิงขึ้นเครื่องแล้วฉันก็ต้องนั่งรถไปเรียนต่อ พยายามบอกกับตัวเองให้อดทนเข้าไว้อาทิตย์หน้าก็จะได้เจอกันแล้ว#ตอนเย็น“แฟนพี่เอยหนีกลับแล้วเหรอครับ ไม่มีคนคอยยืนเฝ้าที่บ้านเลย หรือว่าพี่เอยถูกทิ้ง” โอมน้องชายของฉันไม่ค่อยรู้เรื่องอ
ฉันได้แต่ยืนเงียบไม่กล้าสบตาพ่อของพี่เพลิง ท่านคงไม่อยากได้ฉันเป็นลูกสะใภ้แน่ ๆ“ยายของเธออยู่ข้างในบ้านใช่ไหม”“ช… ใช่ค่ะ”หลังจากคำตอบคุณธนดลก็เดินปรี่เข้าไปข้างในบ้าน ตอนนี้หน้าฉันเสียแล้ว ถ้าท่านพูดอะไรไม่ดีกับยายต้องเสียความรู้สึกมากแน่ ๆ“เอยว่าเราคงไปกันไม่รอดแล้วค่ะ” ฉันหันมาบอกพี่เพลิงที่กำลังยืนนิ่งอยู่“ทำไมเธอถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมา”“พ่อของพี่เพลิงทำเหมือนไม่ชอบเอยแบบนั้น เราจะคบกันต่อได้ยังไง”“ฉันว่าเธอคิกมากไปนะเอิงเอย” ดูพี่เพลิงบอกสิ มาว่าฉันคิดมากได้ยังไงทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่“คิดมากเหรอคะ ฟังจากน้ำเสียงพี่เพลิงก็น่าจะรู้” ฉันบอกเสียงสั่นก่อนหน้านี้ที่ทำก็แค่อยากดัดนิสัยไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันจบจริง ๆ พอมาเจอแบบนี้ทำให้ใจหวิว เหมือนเราต้องเลิกกันในวันนี้อย่างไงอย่างงั้น“มานี่ ไปฟังพ่อพูด” พี่อพลิงจับมือฉันจะพาเดินเข้าไปในบ้าน แต่ฉันสะบัดมือออก ถ้าเข้าไปฟังแล้วได้ยินอะไรอย่างที่คิดคงรับไม่ได้แน่ ๆ“ไม่ค่ะ เอยไม่ไป”“เธอนี่มันดื้อได้ใครนะ” พี่เพลิงขมวดคิ้วเข้มใส่ก่อนที่เขาจะคว้ามาจับมือฉันอีกครั้ง แล้วพาเดินเข้ามาในบ้านโดยที่ฉันร้องค้านอยู่“ไม่ค่ะ เอยบอกแล้วไงว่าไม
ฉันผลักตัวพี่เพลิงออกทำให้ตรงนั้นของเราหลุดออกจากกันทันที“ผลักทำไม” คนที่ถูกดันออกถามราวกับตัวเองไม่มีความผิด“เอยจะกลับแล้วค่ะ กรุณาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วย” ฉันบอกเสียงเรียบก่อนจะชิงลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าก่อนพี่เพลิงนั่งทำหน้ามุ่ยสำนึกผิด เขาไม่พูดอะไรได้แต่หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่เงียบ ๆ#บ้านตลอดทางเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยจนกระทั่งถึงบ้าน ฉันหันมามองพี่เพลิงแล้วทำหน้าไม่พอใจใส่“คืนนี้เอยขอนอนคนเดียวนะคะ”“ล… แล้วฉันล่ะ เธอจะให้ฉันนอนที่ไหน” ใบหน้าคมคายเริ่มซีดเผือดเมื่อฉันบอกว่าจะนอนคนเดียว“พี่เพลิงหาที่นอนได้อยู่แล้วค่ะ แต่ถ้ามันหาไม่ได้จริง ๆ ก็นอนในรถไปเลย”“ขอโทษแล้วทำไมถึงยังโกรธอยู่อีก”“ขอโทษแล้วเอยต้องหายโกรธด้วยเหรอคะ”พูดจบฉันก็เปิดประตูลงจากรถทิ้งให้พี่เพลิงอยู่แบบนั้น เขาก็ไม่กล้าตามมานะ คงรู้ว่าฉันเอาจริงและตัวเองก็ผิดจริง ๆเข้ามาในห้องฉันก็ยังไม่นอน การทะเลาะกันมันทำให้ยากที่จะนอนหลับ ฉันคอยแอบย่องเดินมาส่องดูว่ารถของพี่เพลิงยังจอดอยู่หรือเปล่า จนแล้วจนเล่ารถก็ยังจอดอยู่ หมายความว่าเขานอนในรถจริง ๆ #วันต่อมาฉันไม่เจอพี่เพลิงรถก็ไม่อยู่ แต่เพราะต้องรีบไปเรียนบวกกั
ทั้งที่มีอะไรกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าครั้งนี้มันต่างออกไป สีหน้าท่าทางที่หน้ากลัวของพี่เพลิงทำให้ฉันสั่นไปทั้งตัว“เรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ” ฉันพยายามขอร้อง“บอกแล้วไงว่าเธอต้องโดนอบรมสั่งสอน”“เอยไม่ผิดอะไรสักหน่อย”“คนผิดมักไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง” พี่เพลิงตอบเสียงเย็น ก่อนจะพูดต่อ “อ่า เจอแล้ว”สิ้นสุดคำพูดเสียงไฟเลี้ยวรถก็ดังขึ้น ฉันมองไปตรงหน้าคือม่านรูด พอมีรถขับเข้าก็จะมีคนคอยส่องไฟเรียกให้ตามไป รถของพี่เพลิงขับมาจอดที่ในม่านรูด“พี่เพลิงเอยไม่ชอบที่แบบนี้”“ลงรถ” แทนที่จะฟังกันแต่เขากลับกระชากเสียงใส่ฉันพี่เพลิงลงไปจากรถก่อน ตอนนี้พนักงานกำลังเปิดห้องให้ ส่วนฉันก็ยังนั่งอยู่ในรถไม่ยอมลงจนกระทั่งพนักงานม่านรูดคนนั้นเดินหายไป พี่เพลิงเปิดประตูทางฝั่งที่ฉันนั่งแล้วดึงให้ลงมาจากรถเขาดูจะโกรธเอามาก ๆ“อ… เอยเจ็บนะคะ”“เจ็บก็ดีจะได้จำ” เขาบอกเสียงแข็งแล้วลากฉันเข้ามาในห้อง ก่อนจะเดินไปล็อกประตูให้เรียบร้อย“เป็นบ้าไปแล้วเหรอคะ” ฉันถามเสียงสั่น“เพราะเธอที่ทำให้ฉันเป็นบ้า”“พี่เพลิงพาเอยกลับบ้านนะคะ เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่านะ” ฉันขอร้องอีกครั้งแต่อีกค