คำพูดของคุณเพลิงทำให้ฉันรู้สึกได้สองอย่าง หนึ่งคือดีใจ ดีใจที่ตัวเองได้อิสระคืน ดีใจที่ไม่ต้องทำเรื่องที่ไม่อยากทำ ส่วนข้อที่สอง ความรู้มันแปลก ๆ รู้สึกใจหายที่ได้ยินคำพูดนี้ ใจหายที่รู้ว่าต่อไปนี้ทุกอย่างมันจะจบลง“… คุณเพลิงไม่ได้โกรธอะไรเอยใช่ไหมคะ” ฉันอยากรู้เหตุผลว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงคิดจะคืนอิสระให้ เพราะมันไม่มีสัญญาณเตือนอะไรมาก่อนหน้านี้เลย“ฉันไม่อยากดึงเธอมาผูกมัด”“…”“ทำไมหรือเธอไม่อยากไปจากฉัน หลงรักฉันแล้ว ?”“… เปล่าค่ะ เอยไม่กล้าคิดเรื่องนั้น”“เลือกมาสิระหว่างอยู่กับฉันแล้วทนรับชะตากรรมต่อ หรือจะเลือกอิสระแล้วไปจากฉัน”“…” ฉันคิดฟุ้งซ่านในหัวว่าจะเลือกแบบไหน ทั้งที่ไม่ควรลังเลในเมื่อโอกาสมาถึงแล้วแท้ ๆ“เอยขอเลือก…” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทำไมถึงลำบากใจที่จะพูดแบบนี้กัน ใช่! ฉันไม่ควรลังเลแบบนี้ “เอยขอเลือกอิสระค่ะ”พอฉันตอบคุณเพลิงก็เงียบไปเลย ฉันเองก็ไม่กล้าจะอ้าปากพูดอะไรต่อ รับรู้ได้แล้วว่าทุกอย่างมันจบแล้วจริง ๆ ฉันกำลังจะได้อิสระคืนแล้วจริง ๆ“… เอยขอออกไปข้างนอกนะคะ”“อืม”ฉันรีบลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางที่เหม่อลอย ถึงจะเลือกไปแล้วแต่ใจมันกลับรู้สึกหว
ฉันวิ่งเข้ามาในครัวแล้วนั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ หัวใจดวงน้อยที่มันเคยนิ่งสงบ ตอนนี้มันเอาแต่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ฉันจะควบคุมความรู้สึกเหล่านี้ของตัวเองยังไงดีกริ้ง~ ในขณะที่นั่งกุมหัวใจของตัวเองอยู่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มือของฉันมันสั่นเทาเพราะคิดว่าคุณเพลิงโทรมา ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น เหมือนว่าฉันเข้าข้างตัวเองมากเกินไปเพราะคนที่โทรมาคือมีน“ฮะ ฮาโหลแก”“เอยนี่แกไปเอาจานถึงไหนเนี่ย งานใกล้จะเริ่มแล้วนะ”“อื้อ ๆ ฉันกำลังไป พอดีแวะมาเข้าห้องน้ำน่ะ”“เร็ว ๆ เลย คุณเพลิงยืนหน้ายักษ์อยู่เนี่ย งานใกล้จะเริ่มแต่เรายังจัดเตรียมของไม่เสร็จ” พอได้ยินชื่อนั้นก็ทำให้ขนทั้งตัวลุกซู่ฉันกดวางสายจากนั้นก็รีบหยิบจานออกไป ด้วยความที่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แล้วจานมันเยอะทำให้ฉันต้องเดินช้า ๆ เพราะกลัวมันจะตกแตก ชะเอมว่าจะมาช่วยจนป่านนี้ยังไม่เห็นเลยฉันเดินออกจากครัวตรงมาที่งานตัดเลี้ยงอย่างทุลักทุเล พนักงานเดินไปมาแต่ก็ไม่มีใครช่วยฉันสักคน แต่ฉันก็ไม่ได้ออกปากให้ใครช่วยหรอก“ชักช้า รู้ไหมว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว” เสียงอำมหิตเอ่ยตำหนิฉันเมื่อเดินมาถึง เป็นเสียงของคุณเพลิงที่กำลังยืนกอดอกรออยู่“…
ไม่รู้ว่าคุณเพลิงให้ตามไปเพราะเหตุผลอะไร ที่สำหรับฉันรู้สึกว่าตอนนี้เขานั้นน่ากลัวมากกว่าตอนนั้นซะอีก“แกซวยแล้วยัยเอย!!” มีนยกมือขึ้นมาป้องปากด้วยท่าทางที่ตกใจสุดขีด“ซวยอะไรเหรอมีน” ชะเอมถาม“ก็ผู้ชายคนนั้นทำท่าเหมือนเคยเจอยัยเอยมาก่อน แถมเขายังไม่ถูกกับคุณเพลิง ฉันว่างานนี้ยัยเอยต้องเขอคุณเพลิงดุแน่ ๆ”“…”“แกนะแก บื้อได้ใครเนี่ย ไปยอมยืนทื่อให้ผู้ชายคนนั้นจับหน้าอยู่ได้ ทำไมไม่ปัดออก”“ฉ… ฉัน…” ฉันอ้ำอึ้งพูดไม่ออก เพราะเมื่อครู่มัวแต่ตกใจเลยไม่ทันคิด“แกรีบตามคุณเพลิงไปก่อนดีกว่าเอย ดูท่าเขาน่าจะโกรธจัดเลยแหละ ขืนชักช้าอาจจะโดนดุมากกว่านี้”“อื้อ ๆ” ฉันพยักหน้าตอบเพื่อนก่อนจะรีบเดินตามคุณเพลิงไปให้ไวด้วยความที่ตอนนี้คุณเพลิงเดินไปไกลแล้วฉันจึงต้องรีบวิ่งตามจนกระทั่งมาถึงที่ลิฟต์“ไม่ต้องตาม” คุณเพลิงหยุดเดินแล้วออกคำสั่ง ทั้งฉันและลูกน้องของเขาจึงหยุดชะงักพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ร่างหนาจะเดินเข้าไปในลิฟต์สายตาดุดันจ้องมาที่ฉันเขม็งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ “ยืนนิ่งทำไม ?”“ก็… ก็คุณเพลิงบอกว่าไม่ต้องตาม”“ฉันสั่งลูกน้องไม่ใช่เธอ!!”“… ขอโทษค่ะเอยไม่รู้ว่าคุณเพลิงสั่งลูกน้อง” ฉันรีบก
“ถ้าอยากจะอวดเก่งนักก็ดี!!” คุณเพลิงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วยกมือกอดอกจ้องหน้าฉัน“หลังจากงานจบเธอต้องอยู่ล้างจาน และห้ามใช้เครื่องล้างเพราะฉันคิดว่ามันไม่สะอาดเท่าล้างมือ”“ละ ล้างจานงั้นเหรอคะ แต่มือเอย…”“ถ้าไม่ทำเงินเดือนนี้ของเธอจะถูกหักทั้งหมด”ฉันกัดริมฝีปากแน่น ไม่ใช่ว่าอยากจะเกี่ยงงานหรอกนะ แต่เพราะว่าจานทั้งโรงแรมมันเยอะมาก จะให้ฉันใช้มือล้างได้ยังไงมือก็เจ็บขนาดนี้ กว่าจะเสร็จคงไม่เป็นวันพรุ่งนี้เลยเหรอ“… ค่ะ งานจบแล้วเอยจะรีบล้างจานให้เสร็จ” ถึงจะคัดค้านในใจแต่สุดท้ายฉันก็ต้องยอมรับชะตากรรม คงไม่มีใครอยากถูกตัดเงินเดือนจนไม่เหลือสักบาทหรอกใช่ไหมล่ะคุณเพลิงเดินออกไปจากห้อง ให้หลังจากที่เขาไปแล้วฉันก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ มันอยากจะร้องไห้ที่ถูกกดขี่แบบไม่มีทางสู้เขาได้แบบนี้จบงานเลี้ยง… ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน ฉันกำลังมองจานที่ถูกวางเอาไว้ในครัว“คุณเพลิงนะคุณเพลิง ทำโทษแกได้เลือดเย็นมาก” ชะเอมยืนบ่นอยู่ข้าง ๆ ฉัน“นั่นสิ ก็เห็นอยู่ว่าเอยมันเป็นแผลที่มือ ทำไมถึงให้ล้างจาน” มีนถอนหายใจออกมาเบา ๆ “เดี๋ยวฉันกับชะเอมจะช่วยแกเอง โชคดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเรา”“ขอบคุณแกสองคนม
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังจากที่รู้ความรู้สึกแท้จริงของตัวเองฉันก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหักห้ามมัน ไม่อยากไปใฝ่สูงคิดแบบนั้น เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้วันนี้หลังจากเลิกเรียนแล้วฉันไม่ได้ขึ้นรถของโรงแรมกลับ เพราะอยากจะไปหาซื้อของเข้าห้อง พวกของใช้ที่จำเป็นน่ะ อีกอย่างคืออยากจะซื้อของพวกเสื้อผ้าส่งไปให้ยายกับน้องชายด้วย ตอนนี้ที่ไทยใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วจะซื้อเสื้อกันหนาวส่งไปให้สักหน่อยมีนกับชะเอมต้องทำงานแต่วันนี้เป็นวันหยุดของฉันแค่คนเดียว วันหยุดเราจะมีตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้างอยู่ที่นี่มาสักพักฉันเริ่มชินกับสภาพแวดล้อมแล้วจึงกล้าไปไหนมาไหนคนเดียวฉันเดินเลือกของอยู่พักใหญ่เลย รู้ตัวอีกทีมือก็ถือของเต็มไปหมด หนักชะมัดเลย“อ๊ะ!” ด้วยความที่ไม่ทันได้มองทางฉันจึงเผลอชนกับใครเข้าก็ไม่รู้จึงรีบเอ่ยคำขอโทษ“ขอโทษค่ะ”“เจอกันกี่ครั้งเธอก็ยังซุ่มซ่าม” เขาพูดกลับมาเป็นภาษาไทยทั้งที่ฉันพูดอังกฤษ พอเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นว่าเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่เป็นศัตรูของคุณเพลิงฉันจึงรีบถอยห่างคำพูดของคุณเพลิงสะท้อนเข้ามาในหู เขาบอกว่าห้ามให้ฉันยุ่งกับผู้ชายคนนี้“อะไรกัน กลัวฉันหรือไง ?” ไม่ถามเปล่าเขาเดินมาใ
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้มันรู้สึกเย็นไปทั้วตัว เย็นจนหนาวสั่น“ห… หนาวจัง”“คุณเอิงเอยฟื้นแล้วครับนาย”เสียงของใครก็ไม่รู้พูดขึ้นมา ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นถึงได้รู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ฉันยังไม่ตายภาพสุดท้ายที่จำได้คือตัวของฉันจมดิ่งลงสู่ก้นสระน้ำ จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย แต่ตอนนี้ฉันอยู่ภายในห้อง กำลังนอนอยู่บนเตียงเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาใกล้ ๆ ก่อนที่เตียงจะยวบยาบ ฉันจึงหันมามอง และเห็นว่าคนที่เดินมานั่งลงบนเตียงคือคุณเพลิง คนที่เกือบจะฆ่าฉัน“อึก~ เอยบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น ๆ ทำไมถึงดึงลงไปแบบนั้นคะ เอยกลัว อึก~” ฉันต่อว่าเขาทั้งน้ำตา มันทั้งโกรธทั้งเสียใจที่เขาทำแบบนั้นคุณเพลิงหันหน้าไปสั่งลูกน้อง “ออกไปให้หมด”พอลูกน้องของเขาออกไปแล้วเขาก็ยกมือขึ้นมาทาบบนหน้าผากของฉันแล้วพูด “เธอมีไข้”ฉันรีบปัดมือหนาออกจากหนาผาก “เอยจะกลับห้อง”“สภาพแบบนี้จะกลับไหวหรือไง อยู่ที่นี่จนกว่าไข้จะลด นี่คือคำสั่งของฉัน”“สั่งเอยในฐานะอะไรเหรอคะ ฐานะที่เอยเคยเป็นผู้หญิงของคุณเพลิง หรือฐานะเจ้านายกับลูกน้อง”“…” คนที่ถูกถามเงียบไป ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น“ที่ทำแบบนั้นคุณเพลิงคิดว
“อื้อ~” ตอนนี้ฉันกำลังจะขาดอากาศหายใจเพราะถูกจูบหนัก ๆ เล่นงาน“อื้อ!!” ฉันร้องออกมาเสียงดังเมื่อถูกเขี้ยวฟันงับเข้าที่ริมฝีปากแรง ๆ มันเจ็บจนน้ำตาคลอคุณเพลิงถอนจูบออก เขาค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นพร้อมกับปล่อยมือของฉันให้เป็นอิสระ จู่ ๆ บรรยากาศในห้องก็ปกคลุมด้วยความเงียบ“พอใจแล้วใช่ไหมคะที่เห็นเอยเจ็บ” ตอนนี้มันทั้งน้อยใจ ทั้งเสียใจ ทั้งปวดหัว“เอยไปซื้อของไม่ได้นัดเจอกับเขาจริง ๆ ไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงพยายามเข้าหาเอย เอยพยายามเลี่ยงแล้วแต่เขา…”“เพราะมันคิดว่าเธอคือจุดอ่อนของฉัน” น้ำเสียงเรียบ ๆ ของคุณเพลิงพูดแทรกขึ้น ทำให้ฉันเงียบไปครู่ใหญ่เพราะไม่เข้าใจฉันแค่อยากจะพูดย้ำเพื่อให้ผู้ชายตรงหน้าเชื่อว่าฉันไม่ได้นัดเจอกับใคร“จุดอ่อนงั้นเหรอคะ” ฉันทวนคำพูดอีกครั้งไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา ฉันมองไปที่ใบหน้าคมคายตอนนี้คุณเพลิงกำลังขบกามแน่น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น ฉันสัมผัสได้แบบนั้นจริง ๆ“… เอยไม่เข้าใจ คุณเพลิงช่วยอธิบายได้ไหมคะ”ฉันคงไม่มีสิทธิ์รู้อะไรเลยจริง ๆ ขนาดถามไปยังไม่ได้คำตอบ อุตส่าห์ใจเย็นแล้วแท้ ๆ“ถอดเสื้อผ้าออกฉันจะเช็ดตัวให้” จู่ ๆ คุณเพลิงก็พูดเปลี่ยนเรื่อง“ไม่
ริมฝีปากเริ่มชาหนึบเมื่อถูกจูบเป็นเวลานาน คุณเพลิงสอดลิ้นเข้ามาตวัดลิ้นเกี่ยวพันกับลิ้นของฉัน พยายามจะไม่เปิดปากรับแต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้“อื้อ~”ริมฝีปากหนาถอนจูบออกพร้อมกับสายตาที่จ้องมองอย่างอ้อยอิ่ง“เอยเวียนหัว” ฉันบอกเสียงแหบพร่าก่อนจะใช้มือดันแผงอกแกร่งไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่น้อยนิดคุณเพลิงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไป คิดว่าจะหยุดแค่นี้แต่เปล่าเลยเขาแค่ลุกขึ้นไปถอดเสื้อผ้า เมื่อร่างกายเปลือยเปล่าก็คลานเข่าขึ้นมาบนเตียงค่อมร่างฉันไว้แบบเดิม ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ใบหน้าของฉันเบา ๆ“คุณคืนอิสระให้เอยแล้วจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ฉันพยายามจะลุกขึ้นแต่เปล่าประโยชน์ คุณเพลิงไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากมองดูนิ่ง ๆ“ฉันห้ามตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ฉันต้องการเธอ”“แต่เอย…” ยังพูดไม่จบใบหน้าคมคายก็ก้มลงมาใกล้ ๆ นิ้วชี้แตะลงมาบนริมฝีปากของฉันเพื่อบอกว่าห้ามพูด “อย่าปฏิเสธฉัน”“มันไม่ควรเกิดขึ้นอีก อื้อ~” เป็นอีกครั้งที่ฉันถูกคุณเพลิงจูบ เขาค่อย ๆ จูบอย่างนุ่มนวลจนเริ่มเคลิ้มริมฝีปากหนาถอนจูบออกก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ซอกคอ “ฉันจะดูดความร้อนออกให้”จบคำพูดนั้นริมฝีปากหนาก็กดจูบลงมาบนซอกคอหลายต่อหลายจุด แค่
ผู้ชายที่ชื่อลีวายมารับมิลินจริง ๆ เหมือนทั้งสองจะมีปัญหากัน แต่สุดท้ายมิลินก็ยอมกลับไป ไม่สิไม่ใช่ยอม เรียกว่าจำใจมากกว่า“ผู้ชายคนนั้นนิสัยเหมือนเฮียไม่มีผิด”คุณเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก่อนจะถาม “ยังไง?”“ก็เป็นพวกดุร้ายแถมยังชอบบังคับ ดูท่าทางแล้วคงจะใจร้ายมาก ๆ มิลินถึงได้ไม่อยากเข้าใกล้แบบนั้น”“นั่นมันฉันในเมื่อก่อน ไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย”“ถ้าเฮียกลับมาทำนิสัยแบบนั้นหนูจะหอบลูกหนีไปไกล ๆ เลยคอยดูสิ”คุณเฟยดึงตัวฉันมาสวมกอดแน่นแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ… แต่ตอนนี้เรามาทำเรื่องที่ค้างไว้กันต่อดีกว่านะ”“ทะ... ทำได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” ค่อนข้างกังวลเพราะฉันก็ศึกษามาบ้างว่าการมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงต่อการแท้ง“ได้สิ ฉันจะค่อย ๆ ทำ”“รอคลอดก่อนแล้วเราค่อยทำ…”“ถ้าต้องให้รอนานขนาดนั้นก็ตัดของฉันทิ้งไปเลยดีกว่า”“หือ! นี่ถึงขนาดยอมตัดทิ้งเลยเหรอคะ” ฉันยกมือขึ้นมาป้องปากทำตาโต“ฉันแค่พูดประชด!!”คุณเฟยทำหน้าตึงใส่ จากนั้นก็อุ้มฉันพาเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง#ภายในห้องคุณเฟยวางฉันลงบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาคร่อม แต่พอจะถูกถอดเสื้อผ้าฉันก็รีบรั้งมือหนาเอาไว้“ทำไม?”“หนูขอทำ
สีหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจังของคุณเฟยทำให้ฉันแอบรู้สึกผิดไม่น้อย แต่ทำยังไงได้บอกมิลินไปแล้วนี่นา“ยะ... อย่าดุหนูสิคะ เดี๋ยวถ้ามิลินกลับหนูจะจัดชุดใหญ่ให้นะคะ ^_^”“ฉันต้องการ… ตอนนี้”“ตอนนี้ไม่ได้เพื่อนหนูมาเฮียเข้าใจหน่อยสิ”“เธอทำกับฉันเกินไปแล้วนะน้ำอิง”“นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้เฮียผิดหวัง ^_^”“ครึ่งชั่วโมง ฉันให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง”“รับทราบค่ะ ^_^”“ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงฉันจะไปอุ้มเธอขึ้นห้อง”คุณเฟยพูดทิ้งท้ายพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นจากตัวฉัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ามาใส่ ฉันเองก็รีบแต่งตัวเพราะมิลินโทรมาสามสายแล้วหลังจากใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยฉันก็เดินมารับมิลินที่หน้าประตูบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหา…”“น้ำอิง อึก~”มิลินโผล่เข้ากอดฉันแล้วร้องไห้โฮออกมา ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูก“มิลินเป็นอะไร เธอร้องให้ทำไม”“ฉัน อึก~ ฉันรู้สึกแย่จัง ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเธอแบบนี้เลยน้ำอิง อึก~”“เข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่านะ” ฉันดันกอดออก มิลินพยักหน้าแล้วเดินตามฉันมาที่ห้องรับแขกฉันไม่รู้จะเริ่มปลอบเพื่อนยังไงดี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้หนักขนาดนี้ มิลินเอาแต่พูดว่าตัวเ
คุณเฟยผละใบหน้าขึ้นแล้วมองฉันตาหวานเยิ้ม ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยวนไปมาตรงพวงแก้มของฉันเบา ๆ“เจ้าเล่ห์”“ฉันเจ้าเล่ห์แบบนี้แล้วเธอจะรับมือยังไง”“หนูจะ… รับมือยังไงดีน้า” ฉันใช้มือดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออก ภาพที่เห็นทำให้คุณเฟยยิ้มอย่างพอใจคุณเฟยจับปลายคางฉันเงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นสากค่อย ๆ สำรวจไปจนทั่วภายในโพรงปาก ความนุ่มนวลทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ในขณะที่จูบกันอย่างดูดดื่มคุณเฟยก็ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเองไปด้วย แล้วถอดเสื้ออกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีถึงแม้เสื้อตัวนั้นราคาจะแพงขนาดไหนเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปทีละชิ้น ๆ จนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวยอมรับว่าตอนนี้ฉันกำลังเขินสายตาของคุณเฟยที่กำลังมองเรือนร่างของฉันอยู่แบบไม่กะพริบตา“เฮียมองแบบนี้หนูก็เขินเป็นนะคะ”“ภรรยาของฉันสวยขนาดนี้ ไม่ให้มองได้ยังไง”พูดจบคุณเฟยก็ค่อย ๆ ดันตัวเองลงมาตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มหน้าลง ฉันจึงรีบใช้มือปิดตรงนั้นของตัวเองเอาไว้“ฮะ... เฮียจะทำอะไรเหรอคะ”“ฉันกำลังจะทำให้เธอมีความสุข”คุณเฟยจับมือที่ฉันเอาปิดตรงนั้นของตัวเองออกไปให้
ฉันได้แต่ถามตัวเองว่าตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือเปล่า นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม คำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่า… ท่านยอมรับฉันแล้วอย่างนั้นเหรอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เหมือนก่อนหน้านี้ไม่นานท่านยังไม่มีท่าทียอมรับฉันเลย จู่ ๆ พูดแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆคุณเฟยเอามือมากุมมือฉันไว้เราสองคนต่างยิ้มให้กัน ความทุกข์ในใจที่ทำให้คิดมากมานาน วันนี้ทุกอย่างถูกปลดล็อกแล้ว ไม่มีเรื่องต้องคิดมากอีกต่อไปแล้ว“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ยอมรับผู้หญิงที่ผมรัก”“แกเลือกแล้วฉันจะขัดอะไรได้ อย่างน้อยเมียแกก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้เห็นแก่เงิน เพราะไม่ว่าฉันจะพยายามเสนอเงินมากมายเท่าไรเมียแกก็ไม่ยอมรับ”ฉันยิ้มแห้ง ๆ หลังจากได้ยินคำที่ท่านพูด เพราะตอนแรกฉันก็ขายตัวแลกเงิน ถ้าท่านรู้เบื้องหลังต้องไล่ฉันตะเพิดแน่ ๆ เลยท่านละสายตาจากคุณเฟยมาโฟกัสฉันแทน แล้วถาม “ฉันรู้มาว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน ใช่หรือเปล่า”“ค่ะ” เอาเข้าจริงพอถูกยอมรับแล้วมันทำให้รู้สึกเกร็งมาก ๆ“ถ้าอย่างนั้นฉันจะคุยเรื่องค่าสินสอดกับเธอเลยก็แล้วกัน”“… ค… ค่าสินสอดเหรอคะ”“อืม เธออยากได้เท่าไรบอกมาสิ”“เอ่อคือหนูว่าไม่ต้อง…” กำลังจะปฏิเสธแต
ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉันเต้นแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบาลง ก่อนหน้านี้ถึงจะมีความกล้าแต่ทว่าพอถูกพ่อของคุณเฟยเชิญมาที่บ้านด้วยตัวเองก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก“เป็นอะไรไปมือเย็นเฉียบเชียว” คุณเฟยหันมาถามหลังจากที่จับมือของฉัน“หนู... หนูรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็กลัว…” คุณเฟยจับปลายคางของฉันให้หันมา จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจูบฉันตกใจรีบผละตัวออกแต่ถูกฝ่ามือหนารั้งท้ายทอยเอาไว้แล้วกดจูบลงมาหนัก ๆ“จะทำอะไรก็ไว้หน้าฉันด้วย ไม่รู้จักอายบ้างรึไง” เสียงทุ้มท้วงขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ ฉันกับคุณเฟยจึงรีบผละตัวออกจากกัน“คะ... คุณท่านสวัสดีค่ะ” ฉันรีบยกมือสวัสดีแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา“ถ้าฉันไม่โทรไปบอกให้แกมา แกก็คงไม่โผล่หัวมาใช่ไหม”“ครับ”“ตาเฟย!!”“เฮีย” เห็นว่าคุณท่านเริ่มมีอารมณ์ฉันจึงรีบหันมาท้วงคุณเฟย ไม่อยากให้พ่อกับลูกมีปากเสียงกันไปมากกว่านี้ฟังจากคำพูดแล้วคุณท่านคงไม่ยอมรับฉันง่าย ๆพอท้องแล้วรู้สึกว่าตัวเองหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยคุณเฟยถอนหายใจเบา ๆ ข่มอารมณ์ก่อนจะถาม “ให้ผมมาทำไมครับ”“ตามฉันมา”คุณท่านเดินนำเราสองคนเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนฉันกับคุณเฟยเรามองหน้าก
ผ่านไป 2 อาทิตย์ฉันแพ้ท้องหนักพอสมควร แค่ได้กลิ่นอาหารก็คลื่นไส้กินอะไรก็อ้วกออกจนหมด โชคดีที่คุณเฟยคอยอยู่ดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กลิ่นหอมจากตัวคุณเฟยทำให้อาการที่ฉันเป็นทุเลาลงบ้าง“กูสั่งให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยวแต่มึงซื้อมะม่วงหวานมา อยากตายรึไงฮะ!!”“ขอโทษครับนายผมจะไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้ครับ”“กูให้เวลาสิบนาทีถ้ายังไม่กลับมากูไล่มึงออก”เสียงคุณเฟยตวาดลูกน้องดังก้อง พักนี้เขาหงุดหงิดง่ายมาก ๆ แล้วก็ชอบกินของเปรี้ยวเป็นที่สุด“แค่ซื้อมาผิดไม่เห็นต้องดุเขาขนาดนั้นเลยเฮีย” ฉันเดินมากอดแขนคุณเฟยที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่พอหันมามองฉันสายตาที่เคยเกรี้ยวกราดก็เปลี่ยนเป็นละมุนทันที“ถ้าไม่ดุมันก็จะเคยตัว”“แล้วถ้าหนูทำผิดล่ะคะ”“ฉันก็จะลงโทษเธอทั้งคืน”“…” ที่เงียบไม่โต้ตอบเป็นเพราะฉันกำลังเขินจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวเอามาก ๆ กับคำพูดเมื่อครู่ของคุณเฟยพอห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนาน ๆ ได้ยินคำพูดอย่างว่าเมื่อไรใจมันหวิว ๆ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวทุกที“คิดอะไรอยู่หน้าแดงเชียว”“นะ... หนูไม่ได้คิดเรื่องสิบแปดบวกนะ”“หืม? ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”“…” ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย บ้าที่สุดเลยตอนนี้คุณ
ละ... ลูกของเราเมื่อกี้ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมหรือว่านี่คือความฝัน ใช่!! ตอนนี้ฉันกำลังฝันอยู่แน่ ๆ“ฉันอยากมีลูกมากขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย”“ไม่นี่ ไม่ได้อยากมีสักหน่อย”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองไม่ทันขาดคำ จู่ ๆ คุณเฟยก็เอานิ้วมาดีดหน้าผากฉันเสียงดังแปะ มันไม่ใช่เบา ๆ เลยนะ เจ็บด้วย“โอ๊ย... เฮียหนูเจ็บนะ” พอถูกทำให้เจ็บตัวฉันก็ตวัดสายตาจ้องคุณเฟยเขม็งทันที โกรธจริง ๆ นะ ดีดมาได้แรงขนาดนี้ นี่ฉันเป็นภรรยาเขานะ“ใช่ฝันหรือเปล่า?”“เฮียบ้า!!”“คงมีแค่ฉันที่ดีใจ เฮอะ! ใช่สิเธอไม่ได้อยากมีลูกกับฉันก็เลยไม่ดีใจ” พูดจบคุณเฟยก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งไปอีกมุมของห้อง ความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว“ดะ... เดี๋ยวนะคะ ทำไมคิดแบบนั้นตัดสินเองเออเองโกรธเองใช้ได้ที่ไหนกัน”“ฉันเลี้ยงลูกเองก็ได้”“เฮีย! ไปกันใหญ่แล้วนะ”“จิ๊!!”“จู่ ๆ มาบอกว่าหนูท้อง ไม่ให้เวลาตกใจหน่อยเหรอคะ” ดูสิพูดแบบนี้แล้วยังเมินใส่ อารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าตอนผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะสามีฉันฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองแรง พร้อมกับพูด “มาตรงนี้”“เฮียหนูบอกให้มาตรงนี้ไงคะ” พูดครั้งที่สองแล้วคุณเฟยยังทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันจึงใช้คำเด็ดขาด “ถ้า
มาถึงโรงพยาบาลคุณเฟยก็บอกให้หมอตรวจร่างกายของฉันให้ละเอียด สีหน้าแววตาที่คอยมองฉันด้วยความเป็นห่วงแบบนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ มันพองโตขึ้นเรื่อย ๆขณะที่หมอตรวจก็รู้สึกเวียนหัวหน้ามืดตลอดเวลาแถมยังพะอืดพะอมจะอ้วกใส่หมอไปหลายครั้งแต่ดีที่กลั้นไว้ได้ผลตรวจรอบแรกออกมาว่าร่างกายของฉันปกติดีทุกอย่างต่างจากอาการที่เป็น แน่นอนว่าคุณเฟยโวยวายให้หมอตรวจอีกครั้ง จนหมอต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้หลังจากตรวจรอบสองเรียบร้อยก็ต้องรอผล ตอนนี้ฉันกำลังเอนศีรษะซบลงบนไหล่กว้างของคุณเฟย เมื่อวานก็ปกติไม่เป็นอะไรแต่มาวันนี้เหมือนร่างกายไม่มีแรงอยากจะกลับบ้านนอนมาก ๆ“กลับไปรอผลตรวจที่บ้านได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้ว” ฉันบอกเสียงเบา ตาก็คล้อยจะหลับเต็มที“เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันยิ่งเป็นห่วง นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักคืนดีไหม”“ตอนนี้หนูเหม็นกลิ่นยาจนเวียนหัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องนอนที่โรงพยาบาลหนูตายแน่ ๆ เลยค่ะ”คุณเฟยมองด้วยสายตาเป็นห่วงปนเอ็นดู จากนั้นก็ลุกยืนเต็มความสูงแล้วช้อนมือมาอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว“อื้อเฮีย นี่มันโรงพยาบาลนะคะวางหนูลงเดี๋ยวนี้เลย”“หน้าซีดขนาดนี้จะมีแรงเดินเองได้ยังไง”คุยกันเหมือนตรงนี้มี
คุณเฟยหันมามองหน้าฉันแล้วยกหางคิ้วขึ้นเหมือนมีคำถาม ทั้งที่พูดไปเมื่อกี้ว่าจะอ้วกไม่ได้ยินหรือไง“พาหนูไปห้องน้ำหน่อย อึก~”“อ๋อ เธอกำลังแพ้ท้องสินะ” คุณเฟยพยักหน้ายิ้มกริ่มก่อนจะประคองฉันขึ้น“อึก~”“ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีภรรยาของผมกำลังท้อง ช่วงนี้เธออ้วกบ่อย ๆ”“เร็ว ๆ อึก~ มันจะออก อึก~” ฉันทำตาดุใส่คุณเฟยที่เอาแต่ยิ้มพูดไม่ยอมพาเดินไปห้องน้ำซักที ถ้าขืนยังไม่ยอมไปจะอ้วกมันตรงนี้ซะดีไหมเนี่ยไม่รู้ว่าเผลอกินอะไรเข้าถึงได้พะอืดพะอมขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็กินแบบเดิม ๆ ทุกวัน เพิ่งจะมามีอาการตอนเข้ามาในงาน คนเยอะแล้วเวียนหัว พอนั่งลงที่โต๊ะพวกกลิ่นอาหารมันตีขึ้นจมูกเหม็นมาก ๆ#ห้องน้ำพอเห็นประตูห้องน้ำมันเหมือนเห็นทางขึ้นสวรรค์ ฉันรีบวิ่งพุ่งตัวมานั่งตรงหน้าชักโครกแล้วอ้วกออกมาอย่างทรมาน“ไม่ต้องอ้วกเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นก็ได้ ตรงนี้มีแค่เธอกับฉัน”“อึก~ พะ... พูดอะไรคะ”แปะ แปะ แปะ จู่ ๆ คุณเฟยก็ปรบมือเสียงดัง ก่อนจะพูด “เมียฉันนี่การแสดงดีเยี่ยมจริง ๆ”“หนูไม่ อ้วกก~อึก แสดง~ อึกอ้วก~”“เลิกแกล้งได้แล้วน้ำอิง”“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง ออกไปไกล ๆ เลยนะคะ อ้วกกก~” ฉันหันมาตวาดคุณเฟยที่เอา