“อืม” พลชตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะเดินออกไปยังส่วนของห้องทำงานแม้ว่าภายนอกจะไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แต่ภายในพลชกำลังรู้สึกหงุดหงิด เขาหงุดหงิดที่ไอรินไม่มีท่าทีอะไรเลย ทั้งยังเอาแต่ยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้ม ยิ้มจนน่าหงุดหงิดเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคาดหวังอะไร อยากให้ไอรินไม่พอใจ? อยากให้ไอรินห้าม? อยากใ
มีหลายคนเคยพูดเอาไว้ว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ ไอรินไม่เคยเชื่อคำพูดเหล่านั้น สำหรับเธอไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เวลาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ตามหน้าที่ของมันไอรินไม่เคยสนใจว่าเวลาจะผ่านไปเร็วหรือช้า เธอมาจากครอบครัวชนชั้นล่างของสังคม มีแม่เป็นครูบนดอยสูง ที่ต้องสอนคนเดียวเกือบทุกวิชา
ไอรินลางานครึ่งวัน เธอใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง เนรมิตรเพนท์เฮ้าที่เรียบหรูให้กลายเป็นที่พักสุดแสนโรแมนติก เธอไม่ได้ทำอะไรมากมาย แค่จุดเทียนหอมกลิ่นอ่อน ๆ ไว้ตามทางแทนดวงไฟ เรื่อยยาวไปจนถึงระเบียงกว้าง โต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่เคยถูกใช้ทำเรื่องลามก.. ตอนนี้กลับกลายเป็นโต๊ะทานอาหารชั่วคราวไอรินยืนอยู่ตรงนั้
พลชมองความเป็นสาวของไอรินด้วยสายตาชื่นชม ไม่ว่าจะครึ่งปีที่แล้วหรือตอนนี้ ไอรินก็สวยเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่ดอกไม้ดอกนี้ถูกเขาเชยชมแทบทุกวัน แต่มันกลับไม่ชอกช้ำแม้แต่นิดเดียวปลายนิ้วร้อนผ่าวแตะลงบนปากทางเข้าที่ปิดสนิท ช่องทางที่เล็กและคับแคบรัดรึง ทำให้พลชไม่อยากเชื่อว่าเธอจะเปิดรับความใหญ่โตไซซ์ฝรั่ง
งานวันเกิดปีที่สามสิบของลูกสาวท่านทูตเรียบง่ายกว่าที่คิด แพทริเซียแค่ชวนเพื่อนสนิทมาปาร์ตี้ด้วยกัน เพื่อก้าวข้ามวัยเลขสองเข้าสู่วัยเลขสามอย่างสวยงาม เพื่อนหลายคนของดีไซน์เนอร์สาวลงทุนบินจากยุโรปมาถึงประเทศไทย บางคนมาไม่ได้ก็ส่งเป็นของขวัญราคาแพงมาให้ปาร์ตี้เล็ก ๆ มีคนร่วมงานแค่สิบคนถ้วน ถ้าไม่นับรว
“ฮึก!”กำปั้นเล็ก ๆ ทุบที่เหนืออกด้านซ้ายแรง ๆ ไอรินหวังให้ความเจ็บภายนอกช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่อยู่ด้านใน แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นผล ข้างในมันยังเจ็บ.. เจ็บจนต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา“ฮึก ฮือ ฮึก”กลีบปากอิ่มเม้มแน่น พยายามเก็บกักเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เธอพยุงร่าง
“บอสเรียกหาฉันทำไมวะไมค์” วิลล์ที่เพิ่งมาถึงหน้าห้องทำงานเจ้านาย เอ่ยถามไมค์ที่กำลังคุยงานกับไอรินอย่างเคร่งเครียด“ไม่รู้เหมือนกัน”ไมค์ตอบผ่าน ๆ ก่อนจะหันไปคุยงานต่อ จนกระทั่งไอรินลุกจากไป เขาก็พบว่าวิลล์ยังยืนอยู่ที่เดิม“ทำไมยังไม่เข้าไปอีก”“กลัวว่ะ” วิลล์ยื่นมือให้เพื่อนดู มันสั่นเทาขัดกับภาพล
วิลล์ค้อมตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองอีก ทิ้งให้เจ้านายหนุ่มหอบหายใจด้วยความโกรธเขาโกรธที่ถูกลูกน้องล้ำเส้น ไม่ใช่เพราะสิ่งที่วิลล์พูดเป็นเรื่องจริงเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ พลชควบคุมลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ เขามองประตูบานนั้นเนิ่นนานเกือบนาที กว่าจะยอมอ
“ปะป๊าหล่อที่สุด” จู่ ๆ พาดาก็พูดขึ้น อินทัชรู้ทัน เขาหลุบตามองถ้วยไอศกรีมที่หมดเกลี้ยงแล้วส่ายหน้า“ไม่ต้องเลยครับ ปะป๊าไม่ให้เพิ่มนะครับ”“บู้ว! ปะป๊ารู้ทันอีกแล้ววว”..ช่วงเย็น คุณหมอได้รับสายจากอลิษาว่างานยังไม่เสร็จ และอาจจะกลับบ้านดึก ให้อินทัชพาลูกเข้านอนก่อนได้เลย คนเป็นสามีได้ยินแบบนั้นก็
อินทัชขับรถไปที่โรงเรียน เขารีบรับขุนเขาพาดาขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลูกรอนาน และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ขึ้นมาบนรถพาดาก็ทวงไอศกรีมจากปะป๊าทันที“ไอติม ไอติม”“ค่ะ เดี๋ยวปะป๊าพาไป แต่ตอนนี้พาดาต้องเบาเสียงหน่อยนะคะ น้องนอนอยู่”“พาดาขอโทษค่ะ โอ๋ ๆ นะสายหมอก หลับน้า”“คาดเข็มขัดกันด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอดไ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไ
“เตเต้ว่าพาดาอ้วน บอกว่าของขวัญว่าขี้โรค”“เตเต้คะ” ได้ฟังแบบนั้นคุณครูจึงกดเสียงต่ำ เด็กชายตัวกลมเริ่มเกรงกลัวเพราะครูตัวสูงกว่ามาก“กะ ก็จริงนี่คับ”“เตเต้คะ” คุณครูย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็กชาย “พูดถึงรูปร่างคนอื่นแบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ จะอ้วน จะผอม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ขอโทษเพื่อนนะคะ”“ไ
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้มีข้าวผัดเบคอนของโปรดของหนู พี่ขุนหม่ำได้เลยครับ ส่วนพาดาเอาผ้ามาคลุมก่อนนะ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อนักเรียน”พาดาทำตามที่หม่าม้าบอกอย่างแข็งขัน มือป้อม ๆ หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องตัวเพราะถูกฝึกให้ทำตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยของพาดาจนจบมื้ออาหาร คุณปู
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกีย
“ปล่อยเขาเถอะลิษา ให้เขาได้เรียนรู้ ได้เลอะ ได้ลองเจ็บด้วยตัวเอง”“เฮ้อ คนนี้ซนได้ใครก็ไม่รู้”พาดาที่ว่าแสบแล้ว เจอสายหมอกเข้าไปกลายเป็นเด็กเรียบร้อยเลยทีเดียว เด็กชายสายหมอกในวัยสามขวบทั้งซนทั้งขี้อ้อน ทั้งปู่ย่า ยาย พ่อแม่และพี่ ๆ ต่างรุมเอาใจเพราะแพ้ลูกอ้อน อลิษาอยากบ่นคนอื่นแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
“แม่เกือบมาไม่ทัน ติดสอนค่ะ”“พ่อก็ติดประชุม ปลีกตัวไม่ได้เลย”“ไม่เป็นไรค่ะ ลิษาคงยังไม่คลอดเร็ว ๆ นี้”“ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้วคะ”“พี่อินบอกว่าแค่สองเซนเองค่ะ”“โธ่ ทนไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็ผ่าเถอะนะคะ” คุณหมออิงอรอดรู้สึกเจ็บแทนลูกสะใภ้ไม่ได้ มาโรงพยาบาลก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ปากมดลูกยังเปิดได้ไม่เ
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอด