“บอสเรียกหาฉันทำไมวะไมค์” วิลล์ที่เพิ่งมาถึงหน้าห้องทำงานเจ้านาย เอ่ยถามไมค์ที่กำลังคุยงานกับไอรินอย่างเคร่งเครียด“ไม่รู้เหมือนกัน”ไมค์ตอบผ่าน ๆ ก่อนจะหันไปคุยงานต่อ จนกระทั่งไอรินลุกจากไป เขาก็พบว่าวิลล์ยังยืนอยู่ที่เดิม“ทำไมยังไม่เข้าไปอีก”“กลัวว่ะ” วิลล์ยื่นมือให้เพื่อนดู มันสั่นเทาขัดกับภาพล
วิลล์ค้อมตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองอีก ทิ้งให้เจ้านายหนุ่มหอบหายใจด้วยความโกรธเขาโกรธที่ถูกลูกน้องล้ำเส้น ไม่ใช่เพราะสิ่งที่วิลล์พูดเป็นเรื่องจริงเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ พลชควบคุมลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ เขามองประตูบานนั้นเนิ่นนานเกือบนาที กว่าจะยอมอ
สามเดือนต่อมา.“พี่รินจ๋าาาาา”เสียงเรียกสดใส มาพร้อมกับเสียงหอบหายใจแฮ่ก ๆ เมื่อร่างเล็กกระจิดริดวิ่งเข้ามาใกล้ ไอรินละสายตาจากหนังสือไปมองด้วยแววตาขบขัน“คำแก้ว จะวิ่งมาเร็ว ๆ ทำไม พี่ไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย เดี๋ยวก็ล้มจนได้ ดูสิ.. หอบเป็นลูกหมาเลยเรา”“ไม่ได้ ๆ คำแก้วต้องรีบเพราะครูให้มาตามพี่รินจ
ไอรินอดถามไม่ได้ ตอนเธอขึ้นมายังต้องพักเป็นวันถึงจะออกไปทักทายคนในหมู่บ้านได้ ทางขึ้นดอยนี้เหมือนเป็นถนนปราบเซียน คงจะมีแค่ชาวบ้านที่ต้องขึ้นลงเป็นประจำที่คุ้นชินกับมัน“ไม่ครับ”“งั้นก็ตามใจค่ะ”ไอรินลุกขึ้นยืน เธอสวมรองเท้าแตะแล้วเดินนำหน้า พาคนอยากเที่ยวไปเที่ยวให้สมใจเธอเหลียวกลับไปมองเป็นพัก ๆ
สนามบินนานาชาติอินชอน ประเทศเกาหลีใต้.“เร่งหน่อย ฉันกำลังจะสาย”สุ้มเสียงทุ้มติดเคร่งเครียดทำให้คนฟังเหงื่อตก วิลล์รีบสาวเท้าตามร่างสูงของเจ้านาย ที่ถ้าเขาเผลอแวบเดียวอาจจะกลืนหายไปกับฝูงชนก็ได้ บอสเดินไวจนเขาที่สูงพอ ๆ กันยังตามแทบไม่ทัน ไม่กี่อึดใจพลชก็เข้าไปนั่งประจำบนรถคันหรู โดยที่ไม่พูดไม่จา
ครั้งสุดท้ายที่เจอกันลูกชายยังดูมีความสุขดี พิมพ์ดาวรู้จากแม่บ้านอย่างปานมาบ้างว่าไอรินลาออกไปแล้ว แต่เธอเคารพการตัดสินใจของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพิ่งรู้จากปากของวิลล์ก่อนหน้าไม่นานนี้เอง ว่าตั้งแต่ไอรินลาออกไป พลชก็กลายเป็นซอมบี้บ้างานจนล้มอย่างที่เห็นสามเดือนที่ผ่านมาพลชได้นอนอาทิตย์ล
นักธุรกิจหลายพันล้านที่ใคร ๆ ต่างให้ความเคารพ ในเวลานี้กำลังนั่งกอดเข่าทั้งสองข้างเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ดวงตาที่ล้อมรอบไปด้วยร่องรอยหมองคล้ำมองเหม่อออกไปอย่างไร้จุดหมายพลชนั่งแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่เพื่อนถูกโทรตามเพราะมีเคสคลอดฉุกเฉิน สูตินรีแพทย์อย่างวายุถึงจะอยากสั่งสอนเพื่อนต่ออีกส
“เอาเถอะแพท ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณแล้ว ยังไงผมก็ต้องนอนโรงพยาบาลอีกหลายวัน คุณก็ใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางวิลล์ให้ได้ก็แล้วกัน” พลชพูดอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจจะเถียงด้วย“คุณนี่ก็.. เป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกันนะ” แพทริเซียหรี่ตาลง ดวงตาสีเฮเซลนัทฉายแววบางอย่างที่ทำให้พลชต้องขอโทษคนสนิทในใจขอโทษนะวิลล์ที่ฉัน
“ปะป๊าหล่อที่สุด” จู่ ๆ พาดาก็พูดขึ้น อินทัชรู้ทัน เขาหลุบตามองถ้วยไอศกรีมที่หมดเกลี้ยงแล้วส่ายหน้า“ไม่ต้องเลยครับ ปะป๊าไม่ให้เพิ่มนะครับ”“บู้ว! ปะป๊ารู้ทันอีกแล้ววว”..ช่วงเย็น คุณหมอได้รับสายจากอลิษาว่างานยังไม่เสร็จ และอาจจะกลับบ้านดึก ให้อินทัชพาลูกเข้านอนก่อนได้เลย คนเป็นสามีได้ยินแบบนั้นก็
อินทัชขับรถไปที่โรงเรียน เขารีบรับขุนเขาพาดาขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลูกรอนาน และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ขึ้นมาบนรถพาดาก็ทวงไอศกรีมจากปะป๊าทันที“ไอติม ไอติม”“ค่ะ เดี๋ยวปะป๊าพาไป แต่ตอนนี้พาดาต้องเบาเสียงหน่อยนะคะ น้องนอนอยู่”“พาดาขอโทษค่ะ โอ๋ ๆ นะสายหมอก หลับน้า”“คาดเข็มขัดกันด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอดไ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไ
“เตเต้ว่าพาดาอ้วน บอกว่าของขวัญว่าขี้โรค”“เตเต้คะ” ได้ฟังแบบนั้นคุณครูจึงกดเสียงต่ำ เด็กชายตัวกลมเริ่มเกรงกลัวเพราะครูตัวสูงกว่ามาก“กะ ก็จริงนี่คับ”“เตเต้คะ” คุณครูย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็กชาย “พูดถึงรูปร่างคนอื่นแบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ จะอ้วน จะผอม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ขอโทษเพื่อนนะคะ”“ไ
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้มีข้าวผัดเบคอนของโปรดของหนู พี่ขุนหม่ำได้เลยครับ ส่วนพาดาเอาผ้ามาคลุมก่อนนะ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อนักเรียน”พาดาทำตามที่หม่าม้าบอกอย่างแข็งขัน มือป้อม ๆ หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องตัวเพราะถูกฝึกให้ทำตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยของพาดาจนจบมื้ออาหาร คุณปู
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกีย
“ปล่อยเขาเถอะลิษา ให้เขาได้เรียนรู้ ได้เลอะ ได้ลองเจ็บด้วยตัวเอง”“เฮ้อ คนนี้ซนได้ใครก็ไม่รู้”พาดาที่ว่าแสบแล้ว เจอสายหมอกเข้าไปกลายเป็นเด็กเรียบร้อยเลยทีเดียว เด็กชายสายหมอกในวัยสามขวบทั้งซนทั้งขี้อ้อน ทั้งปู่ย่า ยาย พ่อแม่และพี่ ๆ ต่างรุมเอาใจเพราะแพ้ลูกอ้อน อลิษาอยากบ่นคนอื่นแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
“แม่เกือบมาไม่ทัน ติดสอนค่ะ”“พ่อก็ติดประชุม ปลีกตัวไม่ได้เลย”“ไม่เป็นไรค่ะ ลิษาคงยังไม่คลอดเร็ว ๆ นี้”“ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้วคะ”“พี่อินบอกว่าแค่สองเซนเองค่ะ”“โธ่ ทนไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็ผ่าเถอะนะคะ” คุณหมออิงอรอดรู้สึกเจ็บแทนลูกสะใภ้ไม่ได้ มาโรงพยาบาลก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ปากมดลูกยังเปิดได้ไม่เ
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอด