จูบ.. มันเป็นแบบนี้นี่เอง“อืม”ไม่นานไอรินก็เริ่มคุ้นชิน ดวงตาคู่สวยปิดลงช้า ๆ มือที่เคยบีบบ่ากว้างเพราะความตกใจค่อย ๆ คลายออก แล้วเปลี่ยนเป็นโอบรอบลำคอแกร่งด้วยแขนทั้งสองข้างแทนริมฝีปากทั้งสองบดเบียดเข้าหากันโดยไม่มีการรุกล้ำเข้าไปภายใน จูบแรกของไอรินให้ความรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อนับล้านบินวนอยู่ใน
“มองอะไรคะวิลล์”ไอรินถามด้วยความไม่มั่นใจ วิลล์มองเธอมาสักพักแล้ว เขามองเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมพูดออกมา เอาแต่จ้องมาที่ปากเธออยู่แบบนั้นหรือว่า..ไอรินเม้มปากเข้าหากันทันทีเมื่อเข้าใจถึงสาเหตุที่เพื่อนร่วมงานเอาแต่จ้องไม่หยุด จะไม่ให้วิลล์จ้องได้ยังไง ในเมื่อปากเธอบวมเต่งขนาดนี้เมื่
“หวาน”“บอส นิสัยไม่ดี”ดีแค่ไหนที่ห้องประชุมเล็กไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นแน่ ๆ เธอตีอกอีกฝ่ายเบา ๆ ที่ไม่รู้จักระวังตัว ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากตักกว้างเพราะอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงผู้เข้าร่วมประชุมก็จะทยอยมาที่นี่แล้ว“โอ้ย!”ไอรินไม่ทันได้ฉุกคิด ว่าแค่จูบเดียวจะทำให้แข้งขา
ตึง!“อ๊ะ! บอส” ไอรินมองสิ่งของที่ร่วงหล่น เป็นที่มาของเสียงดังตึงตังนั้น “บอสคะ กะ เก้าอี้หล่น”“ช่างมันสิ”“แต่ อื้อ!”พอได้จูบ ก็จูบไม่หยุดพลชไม่อยากฟังเสียงโต้เถียงของเลขาอีกต่อไป เขาจัดการปิดปากบวมเจ่อด้วยปากของตัวเอง กวาดต้อนลิ้นไปทั่วโพรงปากหวานฉ่ำด้วยความหลงใหลไม่รู้จักพอ ถ้ารู้ว่าจูบมันดีแ
ไอรินเท้าศอกกับโต๊ะ เธอมองดูกลุ่มผมสีเข้มที่ขยับไปมา มือบางลูบเส้นผมนุ่มเบา ๆ ดวงตาฉ่ำน้ำเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะพูดออกมามันไม่ง่ายเลยที่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกอัดแน่นเอาไว้คนเดียว เธอทำได้แค่มองอีกฝ่ายด้วยสายตารักใคร่ในเวลาที่เขาไม่เห็น และเก็บมันอย่างมิดชิดเมื่อต้องมองตาคู่นั้นพลชเหมือนรู้ว่า
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”เสียงหวานที่เต็มไปด้วยความสุภาพเป็นของพนักงานต้อนรับสาวสวย เธออยู่ในชุดเดรสสีหวาน ใบหน้างดงามปรากฎสีแดงระเรื่อที่สองแก้มซ้ายขวา ไม่ได้เป็นเพราะเครื่องสำอางที่ตั้งใจแต่งแต้มมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ แต่เป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้าต่างหากความหล่อเหลาของท่านประธานเป็นที่มาของรอยแดงบนแก้ม
สำหรับเขา การที่พนักงานได้กินของดี ๆ ได้ใช้ชีวิตในที่ทำงานอย่างมีคุณภาพ แล้วส่งผลให้ทำงานออกมาได้ดี นับว่าเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดแล้วไอรินเดินเคียงข้างสองผู้ช่วยหนุ่ม เป็นภาพที่ทุกคนเห็นเป็นประจำทุกเที่ยง พนักงานเกือบทั้งหมดรู้ดีว่าไอริน วิลล์ และไมค์เป็นใครผู้ช่วยกับเลขาของท่านประธาน ถึงทั้ง
ประชุมครึ่งวันหลังผ่านไปด้วยดี ไตรมาสที่สามบริษัททำกำไรสูงกว่าไตรมาสที่สองถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ สายการบินที่พลชเพิ่งเข้าครอบครองฟื้นตัวได้จากเงินทุนที่หนาของ PDM group และรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดจากสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอย พนักงานหลายร้อยชีวิตเหมือนได้เกิดใหม่ ทุกคนรู้ดีว่าเป็นเพราะเจ้านายคนใหม่อย่าง พลช
“ปะป๊าหล่อที่สุด” จู่ ๆ พาดาก็พูดขึ้น อินทัชรู้ทัน เขาหลุบตามองถ้วยไอศกรีมที่หมดเกลี้ยงแล้วส่ายหน้า“ไม่ต้องเลยครับ ปะป๊าไม่ให้เพิ่มนะครับ”“บู้ว! ปะป๊ารู้ทันอีกแล้ววว”..ช่วงเย็น คุณหมอได้รับสายจากอลิษาว่างานยังไม่เสร็จ และอาจจะกลับบ้านดึก ให้อินทัชพาลูกเข้านอนก่อนได้เลย คนเป็นสามีได้ยินแบบนั้นก็
อินทัชขับรถไปที่โรงเรียน เขารีบรับขุนเขาพาดาขึ้นมาเพราะไม่อยากให้ลูกรอนาน และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ขึ้นมาบนรถพาดาก็ทวงไอศกรีมจากปะป๊าทันที“ไอติม ไอติม”“ค่ะ เดี๋ยวปะป๊าพาไป แต่ตอนนี้พาดาต้องเบาเสียงหน่อยนะคะ น้องนอนอยู่”“พาดาขอโทษค่ะ โอ๋ ๆ นะสายหมอก หลับน้า”“คาดเข็มขัดกันด้วยครับ ไม่อย่างนั้นอดไ
(น้องหมอกต้องทานนมตอนเที่ยงนะคะ พี่อินเอาออกมาอุ่นก่อน อย่าลืมเหยาะหลังมือเทสอุณหภูมิด้วยนะคะ)“ครับ” อินทัชหนีบมือถือด้วยไหล่ มือทั้งสองข้างหยิบนมที่ภรรยาปั๊มเอาไว้ออกมาจากตู้แช่เพื่อเตรียมอุ่น “ลิษาไม่ต้องห่วง ประชุมต่อเถอะครับ”(พี่อินไม่เคยต้องอยู่กับลูกตามลำพัง ลิษากลัวว่าพี่จะเหนื่อยเกินไป)“ไ
“เตเต้ว่าพาดาอ้วน บอกว่าของขวัญว่าขี้โรค”“เตเต้คะ” ได้ฟังแบบนั้นคุณครูจึงกดเสียงต่ำ เด็กชายตัวกลมเริ่มเกรงกลัวเพราะครูตัวสูงกว่ามาก“กะ ก็จริงนี่คับ”“เตเต้คะ” คุณครูย่อตัวลงให้เท่ากับส่วนสูงของเด็กชาย “พูดถึงรูปร่างคนอื่นแบบนั้นไม่ดีเลยนะคะ จะอ้วน จะผอม เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา ขอโทษเพื่อนนะคะ”“ไ
“ใช่แล้วค่ะ วันนี้มีข้าวผัดเบคอนของโปรดของหนู พี่ขุนหม่ำได้เลยครับ ส่วนพาดาเอาผ้ามาคลุมก่อนนะ เดี๋ยวจะเลอะเสื้อนักเรียน”พาดาทำตามที่หม่าม้าบอกอย่างแข็งขัน มือป้อม ๆ หยิบจับทุกอย่างอย่างคล่องตัวเพราะถูกฝึกให้ทำตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยของพาดาจนจบมื้ออาหาร คุณปู
เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ดังปลุกตอนหกโมงครึ่ง ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน ร่างอวบอ้วนที่ตื่นเต็มตานอนตากลมแป๋วบนเตียงนุ่ม ซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมและอบอุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะลุก แต่ก็ไม่ได้หลับต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เริ่มต้นกิจกรรมตามปกติ แต่ใครบางคนกลับนอนนิ่ง ราวกับไม่ต้องการลุกไปทำอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เพราะขี้เกีย
“ปล่อยเขาเถอะลิษา ให้เขาได้เรียนรู้ ได้เลอะ ได้ลองเจ็บด้วยตัวเอง”“เฮ้อ คนนี้ซนได้ใครก็ไม่รู้”พาดาที่ว่าแสบแล้ว เจอสายหมอกเข้าไปกลายเป็นเด็กเรียบร้อยเลยทีเดียว เด็กชายสายหมอกในวัยสามขวบทั้งซนทั้งขี้อ้อน ทั้งปู่ย่า ยาย พ่อแม่และพี่ ๆ ต่างรุมเอาใจเพราะแพ้ลูกอ้อน อลิษาอยากบ่นคนอื่นแต่ก็ทำได้ไม่เต็มที่
“แม่เกือบมาไม่ทัน ติดสอนค่ะ”“พ่อก็ติดประชุม ปลีกตัวไม่ได้เลย”“ไม่เป็นไรค่ะ ลิษาคงยังไม่คลอดเร็ว ๆ นี้”“ปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้วคะ”“พี่อินบอกว่าแค่สองเซนเองค่ะ”“โธ่ ทนไหวไหมลูก ถ้าไม่ไหวก็ผ่าเถอะนะคะ” คุณหมออิงอรอดรู้สึกเจ็บแทนลูกสะใภ้ไม่ได้ มาโรงพยาบาลก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ปากมดลูกยังเปิดได้ไม่เ
“อึก! พี่อิน พี่อินอยู่ไหน”“คุณหมอกำลังมานะคะ”ไม่ทันขาดคำ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกกว้าง อินทัชรีบพุ่งตัวเข้ามาหาภรรยา คว้ามือเย็นเฉียบมาบีบไว้เพื่อถ่ายทอดกำลังใจไปให้คนที่กำลังเจ็บปวด“ให้พี่ดูก่อนนะครับว่าปากมดลูกเปิดเท่าไหร่แล้ว”อลิษาพยักหน้ารับ ใบหน้าสวยซีดเซียวและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ตลอด