อาเฟยมองภรรยาด้วยสายตารักใคร่ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงบ่าวในเรือน แต่นางไม่เคยรังเกียจเขาหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา โดยฮูหยินรองและบุตรสาวของนางวางยาพิษ
เขาไม่คิดสงสัยว่าทำไมภรรยาของตนจึงเปลี่ยนไปจนน่าตกใจเช่นนี้ เขาเองมีความเห็นแก่ตัวเช่นกัน จึงอยากเก็บความรู้สึกเช่นนี้ไว้
และทางจวนตระกูลเหออย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ อย่าคิดว่าอาเฟยคนนี้จะยอมปล่อยให้คนที่กล้าเอาชีวิตของภรรยาของตนลอยนวล เพียงแค่เพราะสถานะของเขาในเวลานี้ยังไม่เอื้ออำนวย รอให้เขาแข็งแกร่งกว่านี้ก่อน เขาจะทวงคืนบัญชีแค้นทั้งหมดแทนฮูหยินของตน
ย่างเข้าสู่เดือนสี่ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเหอหลันฮวายังคงพาอาเฟยแวะเวียนไปดูกิจการร้านค้า ในเวลานี้นางก็ได้หัวหน้าสายซื้อขายข่าวสารไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรนางยังคงให้จื่อกวงเป็นคนกลางที่ติดต่อกับเรื่องนี้
แม้ว่านางและอาเฟยจะแยกตัวออกมาจากตระกูลเหอร่วมเดือน แต่นางยังไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่านางคือเจ้าของหอประมูลและหอขายข่าว
ส่วนทางด้านสองแม่ลูกตระกูลเหอ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ อาจเป็นเพราะทางด้านองค์ชายรองเกิดตัดความสัมพันธ์อย่างจริงจังกับเหอชิงลี่คุณหนูรองของจวน
“ฮูหยิน นายท่านขอรับ ทางหอขายข่าวแจ้งว่าตอนนี้มีการซ่องสุมกองกำลังไม่ทราบจำนวนจากเมืองตงไค่ขอรับ”
จื่อกวงรายงานหลังจากที่รับข่าวมาจากหอขายข่าวมู่ตาน ซึ่งตัวของเหอหลันฮวาตั้งชื่อเดียวกับหอประมูล
“ตอนนี้ให้คนของเราสืบได้ไหมว่า กองกำลังแห่งนี้เป็นของผู้ใด ข้าว่าต้องเกิดเรื่องสักอย่างในเร็ววันนี้เป็นแน่”
เหอหลันฮวาตอบกลับ หากมีการซ่องสุมกำลังเช่นนี้ หรือว่าเมืองหลวงจะเกิดเหตุบางอย่างขึ้น แล้วพี่ชายของนางทั้งสองเล่ารวมถึงท่านลุงที่ยังอยู่พำนักอยู่ชายแดนจะเป็นอย่างไร
“เรื่องนั้นบ่าวไม่สามารถตอบอย่างชัดเจนได้ขอรับ แต่คนของเราน่าจะพอสืบเรื่องนี้ได้ไม่ยาก อีกทั้งบรรดาทาสที่ซื้อมาเพิ่ม พวกเราฝึกวรยุทธ์และการต่อสู้แล้ว คาดว่าไม่นานน่าจะพร้อมทำงานแล้วขอรับ”
จื่อหลงเป็นคนตอบ เรื่องฝึกทาสที่ซื้อมาเพื่อให้มาเป็นองครักษ์ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถของพวกเขาสี่พี่น้อง อีกทั้งครั้งก่อนนายท่านและฮูหยินให้เขาสี่พี่น้องไปเลือกด้วยตนเอง ยิ่งมีกำลังคนมากเท่าไร ความปลอดภัยของนายท่านและนายหญิงย่อมต้องมีมากขึ้นหลายเท่าตัว
“อืม รบกวนพวกเจ้าเตรียมรถม้าให้ข้าและท่านพี่ด้วย ข้าตั้งใจจะไปเยือนตระกูลฟ่านของท่านตาเสียหน่อย”
เหอหลันฮวานางคิดว่าป่านนี้ท่านตาน่าจะทราบเรื่องที่นางตัดขาดกับตระกูลเหอแล้ว แม้ท่านตาไม่มีตำแหน่งในราชสำนักและไม่ยอมรับยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ แต่ไม่อาจดูเบาในอำนาจที่ท่านตามีได้
มิเช่นนั้นแล้วท่านลุงและท่านพี่ของนางทั้งสองคนยังคงดำรงตำแหน่งในกองทัพและมีทนายไว้ครอบครองได้อย่างไร
“ขอรับฮูหยิน ข้าจะเตรียมรถม้าไว้ขอรับ”
จื่อหลงรับคำก่อนจะเดินนำจื่อกวงออกไป
จวนตระกูลเหอ
ขณะนี้ภายในจวนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดของผู้นำตระกูลเช่นเหอเฉินเทา ตั้งแต่บุตรสาวก้าวเท้าออกจากตระกูล หน้าที่การงานของเขาคล้ายกับสะดุด
เนื่องจากทุกคนรู้แล้วว่าเขาและบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกคนก่อนได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว ยิ่งตระกูลของพ่อตาอย่างนายท่านฟ่านคล้ายกับจะเลิกสนับสนุนเขาด้วยเช่นกัน
จากที่เขาเคยเป็นบุคคลที่ใครเห็นก็นับหน้าถือตา ตอนนี้คล้ายกับไม่ค่อยมีใครอยากจะคบหา แต่กลับเป็นฝั่งของเสนาบดีไต้ที่ทุกคนพร้อมใจกันไปเข้ากับฝ่ายนั้น
ต่อให้จะมีตำแหน่งเสนาบดีเช่นกัน ถ้าเทียบกับอำนาจในราชสำนักเมื่อเขาไม่มีตระกูลฟ่านฝ่ายภรรยาเอกผู้ล่วงลับ เขาย่อมตกเป็นรอง ยิ่งเกิดเรื่องอื้อฉาวของบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เกิดจากฮูหยินรองอย่างตู้เหนียงทำให้เหอเฉินเทาแทบจะเข้าหน้าผู้ใดไม่ติด
“ท่านพี่เจ้าคะ ข้าว่าท่านใจเย็นก่อนดีหรือไม่ นายท่านผู้เฒ่าฟ่านน่าจะยังไม่ทราบเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด ท่านไม่ลองไปเกลี้ยกล่อมดูล่ะเจ้าคะ”
ฮูหยินรองตู้เหนียงใช้น้ำเย็นเข้าลูบ นางคิดว่าสามีย่อมต้องเข้าใจในความหมายของนาง
“เจ้ากล่าวไม่คิดเช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะกล้าไปหาท่านพ่อตาไหมล่ะ สาเหตุการตายของซินเว่ยข้ายังไม่มีคำตอบให้กับพ่อตาและคนตระกูลฟ่าน นี่ก็ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว มาคราวนี้ดันเกิดเรื่องกับหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลฟ่านอีก เจ้าคิดว่าข้าจะมีหน้ากล้าไปพบพ่อตาอีกหรือ”
เหอเฉินเทาตวัดสายตาใส่ฮูหยินรองของตนก่อนจะเดินจากไปด้วยความไม่ชอบใจ แม้ว่าเขาจะรักนางมากเพียงใด แต่ด้วยพื้นเพของนาง นางไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาเอกที่ดูแลคนมากมายในจวน ดังนั้นเขาจึงยังไม่เลื่อนขั้นนางมาเป็นฮูหยิน
ฮูหยินรองตู้เหนียงมองตามหลังสามีด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาเช่นกัน ก่อนจะเดินกลับออกไป
ในตอนนี้รถม้าของเหอหลันฮวาและอาเฟยเดินทางมาถึงตระกูลฟ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลันจิงลงมาจากรถม้านางนั่งมาคู่กับจื่อหลง จากนั้นจึงเปิดม่านเพื่อจะรับนายสาวของตนเอง แต่กลายเป็นว่าอาเฟยเป็นคนก้าวลงมาและรอประคองฮูหยินของตน
เหอหลันฮวาเมื่อลงมาจากรถม้า นางเงยหน้ามองป้ายชื่อจวนน้ำตาที่คลอ นางจำได้ว่าหลังจากที่นางตายจากไป ท่านตาและท่านลุงใหญ่ต่างก็เสียใจมาก รวมถึงพี่ชายทั้งสองของนาง และทุกคนต่างก็พุ่งเป้าโจมตีองค์ชายรองและเสนาบดีเหอผู้มีฐานะเป็นบิดาของนางเอง จนตะกูลฟ่านแทบจะไม่เหลืออะไร เพราะทางด้านองค์ชายรองเล่นงานกลับเช่นกัน
ครั้งนี้นางกลับมาแล้ว นางจะทำให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น
“ท่านพี่ เราเข้าไปหาท่านตากับท่านยายดีกว่านะเจ้าคะ”
เหอหลันฮวายิ้มให้สามีอย่างอ่อนโยน นางรู้ดีว่าอาเฟยนั้นประหม่าไม่น้อยเมื่อต้องมาพบหน้ากับครอบครัวของนาง ซึ่งเป็นบ้านเดิมของท่านแม่
“อืม” อาเฟยพยักหน้าตอบรับ
“คุณหนู ท่านเขย”
พ่อบ้านตระกูลฟ่านรู้ข่าวว่าหลานสาวเพียงคนเดียวของนายท่านเดินทางมาเยี่ยมเยียนพร้อมกับสามี จึงรีบออกมาต้อนรับและให้สาวใช้รีบไปบอกนายท่านและฮูหยินด้านใน
“ท่านตากับท่านยายอยู่ใช่หรือไม่ เดินทางมาคราวนี้ข้าไม่ได้ส่งข่าวมาบอกล่วงหน้า”
“อยู่ขอรับคุณหนู เชิญคุณหนูและท่านเขยเข้ามาด้านในก่อนขอรับ บ่าวให้คนไปแจ้งที่เรือนหลักแล้วว่าคุณหนูและท่านเขยเดินทางมา”
พ่อบ้านฟ่านยิ้มให้อย่างอบอุ่นและความอบอุ่นนี้ยังเลยไปที่อาเฟยด้วยเช่นกัน ทำให้ชายหนุ่มคลายความประหม่าลงไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าจวนพร้อมกับเหอหลันฮวา
นายท่านผู้เฒ่าฟ่านและฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านเมื่อสาวใช้มารายงานว่าหลานสาวที่เกิดจากบุตรสาวผู้ล่วงลับมาเยี่ยมเยียน ทำให้ทั้งสองคนยิ้มดีใจ และคิดว่านานเพียงใดแล้วที่ไม่พบเจอกับหลานสาวคนนี้
“ท่านตา ท่านยาย หลานมาเยี่ยมและพาหลานเขยมาคารวะเจ้าค่ะ”
เหอหลันฮวารีบเดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงก่อนจะเดินเข้าไปสู่อ้อมกอดของนายท่านผู้เฒ่าฟ่าน ก่อนจะเข้าไปกอดฮูหยินผู้เฒ่าฟ่าน ท่านตาและท่านยายของนาง
“หลานยายโตแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟ่านลูบศีรษะหลานสาวด้วยความอ่อนโยนและมองไปยังอาเฟยด้วยสายตาเช่นเดียวกัน
อาเฟยคุกเข่าและกล่าวคารวะสองผู้เฒ่า ด้วยความเคารพและนอบน้อม
“หลานเขยคารวะท่านตาและท่านยายขอรับ”
“อืม ลุกขึ้นเถอะ เรามันครอบครัวเดียวกัน เจ้าเป็นสามีของฮวาเอ๋อร์หลานสาวข้า ย่อมต้องเป็นหลานข้าด้วยเช่นกัน”
ฟ่านจงเหิงไม่เคยมองผู้ใดที่เปลือกนอก ด้วยการที่ผ่านชีวิตมาก็มากจนอายุจวนจะเข้าโลงอยู่แล้ว ทำไมจะมองไม่ออกว่าอาเฟยคนนี้น่าจะมีอะไรที่ไม่ใช่อย่างที่เห็นเป็นแน่แท้
บทที่ 10 นายท่านผู้เฒ่าฟ่านโกรธจัดอาเฟยมองหน้าท่านตาของภรรยาด้วยความซาบซึ้งในจิตใจ ไม่คิดว่านายท่านผู้เฒ่าฟ่านที่ใครต่างก็ต้องการอำนาจจากตระกูลนี้เพื่อเกื้อหนุนตน จะยอมรับหลานเขยเช่นเขาซึ่งเป็นเพียงชายตัดฟืน“ขอบคุณขอรับท่านตา ท่านยาย”อาเฟยค้อมหัวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นมานั่งด้านข้าง“ฮวาเอ๋อร์ บอกตาได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานกันแน่ ตาไม่ได้มองว่าอาเฟยเป็นคนไม่ดี แต่เรื่องนี้ตามองว่าต้องมีเบื้องหลัง”ฟ่านจงเหิงเอ่ยถามหลานสาวแม้น้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่สายตาที่พูดนั้นเด็ดเดี่ยวและจริงจังแถมแฝงไปด้วยความเคียดแค้น“ท่านตาเข้าใจถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เรื่องระหว่างหลานกับท่านพี่ ล้วนมีคนจัดฉากขึ้นเพื่อช่วงชิงตำแหน่งพระชายาจากหลานไป ทว่าเรื่องนี้หลานไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เพราะหลานมองว่าท่านพี่ของหลานดีที่สุด หลานไม่ต้องการเป็นพระชายาเจ้าค่ะ หลานต้องการสร้างครอบครัวกับท่านพี่”เหอหลันฮวาตอบโดยไม่มีความลังเลและหันมามองอาเฟยด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก“เมื่อไม่นานมานี้ฮวาเอ๋อร์โดนวางยาพิษจนหยุดหายใจ ไปเกือบหนึ่งเค่อขอรับท่านตา ผู้อยู่เบื้องหลังข้าคิดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับเรื่องก่อนหน้านี้ขอรั
บทที่ 11 ส่งข่าวถึงชายแดน“ท่านเรียกข้ามา มีข่าวอันใดจากชายแดนหรือไม่ หรือว่าในเมืองหลวงจะเกิดเหตุการณ์ใด”ฟ่านเทียนเผยใช้คำสนทนาประดุจชาวบ้านทั่วไปกับสหายที่มีตำแหน่งเป็นถึงองค์ชาย ซึ่งองค์ชายสามหลานหยางคุนไม่ว่ากล่าวอันใด เขากลับชอบที่จะให้สหายเรียกเช่นนี้“ทางพี่ใหญ่ของเจ้า และสองพี่น้องตระกูลเหอส่งข่าวมาว่า ตอนนี้แถบชายแดนมีข่าวลือขององค์หญิงจากแคว้นเว่ยและนางกำนัลรวมถึงองครักษ์ไม่กี่คนเดินทางมาที่แคว้นหลาน มาด้วยเรื่องอันใดนั้นยังไม่มีผู้ใดตอบได้ ข้าจึงอยากมาขอคำปรึกษาจากเจ้าว่าควรทำเช่นไร แต่การมาขององค์หญิงแคว้นเว่ยนั้นน่าจะเดินทางมาเป็นการส่วนตัว คงไม่เกิดศึกระหว่างแคว้นเป็นแน่”“ข้าไม่เชื่อเรื่องการเปิดศึก แคว้นหลานและแคว้นเว่ยต่างมีไมตรีต่อกัน ต่อให้จะไม่มีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นก็ตามที ดังนั้นคงเป็นเหตุผลอื่นที่ทำให้องค์หญิงแห่งแคว้นเว่ยยอมเดินทางมาแคว้นหลาน”อาเฟยคล้ายกับคุ้นชินเมื่อได้ยินคำว่าแคว้นเว่ย แต่เป็นจื่อหลงและจื่อกวงที่มีแววตาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินภายในห้องอาหารส่วนตัวพูดคุยกันเรื่องแคว้นเว่ย“แม้ว่าเราไม่สามารถรู้ได้ว่าองค์หญิงจากแคว้นเว่ยมาด้ว
บทที่ 12 เว่ยฮูหยินหลังจากเสร็จงาน ฟานเทียนเผยนั่งมองชายที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องเขยของตนด้วยความแปลกใจ เนื่องจากความสามารถที่อาเฟยมีนั้นมันเกินคำว่าอดีตชายตัดฟืน“ข้าถามเจ้าสักเล็กน้อยเถอะว่า เจ้าไม่คิดที่จะสืบหาเรื่องราวความเป็นมาของตัวเองหรือไง ความสามารถของเจ้าที่ข้าพบเจอกับตัวเอง เจ้าไม่น่าจะเป็นชายตัดฟืน”“แล้วอย่างไร ต่อให้ตัวข้าจะใช่ชายตัดฟืนหรือไม่ มันสำคัญด้วยหรือขอรับ”อาเฟยมองออกไปนอกห้องสายตาเขาอยู่บนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน“ตระกูลฟ่านของเราแม้จะไม่มองฐานะของเจ้าก็ตามที แต่ตัวเจ้าเองควรจะสืบหาความเป็นมาฐานะของเจ้า ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะเคยเป็นคุณชายที่ไหนสักแห่ง ถึงตอนนั้นฮวาเอ๋อร์ของพวกเราจะได้ไม่น้อยหน้าผู้ใด”“เมื่อถึงเวลานั้น ฮวาเอ๋อร์จะต้องไม่น้อยหน้าผู้ใด ข้าสัญญาขอรับ”อาเฟยสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะต้องตามหาอดีตของตนเองเช่นกัน เพื่อไม่ให้ภรรยารักต้องน้อยหน้าผู้ใดฟ่านเทียนเผยเมื่อได้รับคำตอบกลับมาเช่นนี้จึงไม่พูดอะไรอีก แต่ข้าเชื่อว่าชายตรงหน้าที่ชื่ออาเฟยย่อมทำได้อย่างที่กล่าวตำหนักองค์ชายสามหลังจากกลับมาถึงตำหนัก องค์ชายสามจึงอยู่ในห้องทรงงานโดยมีอ
บทที่ 13 สร้างฐานอำนาจภายในห้องอาหารส่วนตัวของโรงเตี๊ยม วันนี้นางไม่ได้มาเพียงเรื่องงาน แต่นางกลับนัดพบใครคนหนึ่งซึ่งเป็นถึงเจ้าสำนักบุปผา หนึ่งในสำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังแม้แต่ราชสำนักยังไม่กล้ายุ่งเกี่ยว“มาแล้วหรือ นี่คงเป็นสามีของเจ้าใช่หรือไม่ หน่วยก้านดีไม่น้อย”“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ ศิษย์มาแล้ว”เหอหลันฮวายิ้มหวานเข้าไปกอดแขนอาจารย์ของนางที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า นางได้คาราวะเจ้าสำนักบุปผาเป็นอาจารย์ตั้งแต่นางยังวัยเยาว์ ทว่าต่อให้นางจะเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ นางก็ไม่ได้มีความสามารถแยกพิษหรือปรุงยาพิษอย่างที่ควรเป็น นี่คือเหตุผลว่าทำไมนางถึงโดนวางยาพิษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องที่นางเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักบุปผา แม้แต่เสนาบดีเหอและตระกูลฟ่านก็ยังไม่รู้“เจ้ายังคิดที่จะเรียกข้าว่าอาจารย์อีกหรือ ไม่เคยมากราบคารวะ ไม่เคยแวะเวียนมาหา มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้ที่จะเป็นพระชายา ตาแก่เช่นข้ามิอาจเอื้อม มิอาจเอื้อม”หลูโหร่วหรานเอ่ยอย่างแง่งอน และพยายามสะบัดแขนข้างที่เหอหลันฮวาเกาะอยู่ออก“โธ่! ท่านอาจารย์เจ้าคะ ท่านจะเผาเรือนข้าหรือเจ้าคะ ตอนนี้ข้าแต่งงานกับท่านพี่แล้ว และไม่คิดจะเป็นชายาขอ
บทที่ 14 ภัยกำลังมาเยือน“ข้ารักเจ้ามากนะฮวาเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามากที่ไม่รังเกียจชายความจำเสื่อมเช่นข้า ไม่ว่าอดีตของข้าจะเป็นผู้ใด ข้าไม่มีวันละทิ้งเจ้า และขอมีเจ้าเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว”อาเฟยโอบกอดฮูหยินของตนด้วยความรัก และให้คำมั่นสัญญา ไม่ว่าอดีตเขาจะเป็นผู้ใด เขาไม่มีวันทอดทิ้งหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ และจะไม่มีหญิงอื่นเพื่อทำร้ายจิตใจของนางเด็ดขาด“พวกเจ้าสองสามีจะพลอดรักกันอีกนานหรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องสะสางและอาเฟยต้องไปกับข้า”อยู่ ๆ ร่างของฟ่านเทียนเผยโผล่พรวดเข้ามาก่อนจะโวยวายเสียงดัง“พี่รองฟ่าน ท่านนี่ไม่มีมารยาท จะโผล่พรวดมาทำไมเจ้าคะ”“สามีของเจ้าคงลืมนัดกับข้าแล้วน่ะสิ ข้ารอตั้งนานพอรู้ว่าพวกเจ้าทั้งสองมาที่โรงเตี๊ยมจึงตามมานี่แหละ”“จริงด้วยข้าลืมไปเสียสนิท ฮวาเอ๋อร์เจ้าอยู่รอที่นี่ก่อนได้หรือไม่ วันนี้พี่รองฟ่านมีนัดกับเหล่าใต้เท้าทั้งหลายไว้”อาเฟยสะดุ้งเล็กน้อย เขาลืมเสียสนิท เลยหันมาบอกกล่าวกับฮูหยินของตนอีกครั้ง คล้ายกับขออนุญาตฟ่านเทียนเผยถลึงตาใส่น้องเขย มันใช่เรื่องที่ต้องลืมไหม ดีที่ใต้เท้าพวกนั้นยังไม่มา ทำให้เขามีเวลาออกมาตามด้วยตนเอง“ข้าตั้งใจจะไปดูที่ดินเพื่
บทที่ 15 ลอบทำร้ายสิ้นเสียงของฟ่านเทียนเผยสีหน้าของแต่ละคนกลับดูไม่ได้ ตระกูลฟ่านยอมรับหลานเขยที่เคยมีฐานะเป็นบ่าวในจวนสกุลเหอ แต่ทางตระกูลเหอกลับทอดทิ้งบุตรสาวและบุตรเขยโดยให้ทั้งสองย้ายออกมาอยู่จวนของมารดาผู้ล่วงลับกันเพียงสองคน และคล้ายกับตัดขาดกับบุตรสาวคนนี้ทำให้พวกเขาพอจะรู้แล้วว่าคุณชายรองฟ่านเรียกพวกเขามาด้วยเรื่องอันใดนี่คงหมายให้พวกเขารู้ว่าตระกูลฟ่านรับหลานเขยคนนี้แล้ว และไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับสกุลเหออีก“วันนี้ข้าไม่อาจจะรั้งพวกท่านไว้นาน แต่เพียงข้าต้องการจะบอกข่าวเรื่องหลานเขยของท่านปู่ และท่านย่าเท่านั้นเอง แล้วข้าขอประกาศว่าสกุลฟ่านและสกุลเหอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก แม้ว่าคนในตระกูลเหอจะอ้างด้วยเรื่องอันใด ข้าและคนในสกุลฟ่านไม่ขอรับรู้ใด ๆ”อาเฟยมองเห็นสีหน้าของแต่ละคนที่ดูแทบไม่ได้ แทบจะหลุดยิ้มออกมา ยิ่งเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของพี่ต่างแซ่ภรรยายิ่งอยากจะหลุดยิ้ม“และตัวข้ามีเรื่องสำคัญที่จะกล่าวเช่นกัน”อาเฟยกวาดสายตามองเหล่าบรรดาใต้เท้าที่นั่งหน้าซีดด้วยใบหน้าที่เย็นชา“ตั้งแต่ที่ข้าและฮูหยินก้าวเท้าออกมาจากสกุลเหอ นั่นหมายความว่าฮูหยินของข้าไม่มีส่วนใด ๆ กับการกระ
บทที่ 16 พบเจอกลับมาทางด้านอาเฟย เมื่อกล่าวคำลากับใต้เท้าทั้งหลายแล้ว เขาจึงรีบเดินออกมาหน้าเหลาอาหาร แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดกลับเกิดขึ้น คนดูแลหอขายข่าวมู่ตานมาขอพบอาเฟยด้วยท่าทางเร่งรีบ“นายท่านขอรับ เกิดเรื่องแล้วขอรับ”“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเข้ามาอย่างเร่งรีบเช่นนี้”อาเฟยถามกลับอย่างเป็นกังวล ในเมื่อคนดูแลหอรู้ว่าเขายังไม่ต้องการเปิดตัวกับผู้ใด หากมีเรื่องด่วนให้ติดต่อกับจื่อกวงที่รับหน้าที่นี้แทนเขา“คนของเราได้ข่าวว่ามีกลุ่มนักฆ่ารับจ้างรวมตัวกันและกำลังมุ่งหน้าไปนอกเมืองขอรับ”“หลันฮวาไปนอกเมืองใช่หรือไม่”ฟ่านเทียนเผยหน้าเปลี่ยนสี เขาปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก“เจ้าส่งคนของหอมู่ตานตามไปหรือยัง ให้คนเตรียมม้าอาวุธให้ข้าเดี๋ยวนี้”อาเฟยไม่สนใจแล้วว่าใครจะรู้หรือไม่ว่าเขามีความเกี่ยวพันกับหอมู่ตานไม่นานม้าและอาวุธก็มาอยู่ตรงหน้าของเขา อาเฟยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เมื่อคนดูแลเอาม้าและอาวุธมาให้เขารีบกระโดดขึ้นม้าและเร่งไปหาเหอหลันฮวาทันที“อาเฟยรอข้าด้วย”ฟ่านเทียนเผยเองก็รีบกระโดดขึ้นม้า แม้ว่าในเมืองหลวงไม่ให้ขี่ม้าด้วยความเร็ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนอีกทั้งเรื่องกลับเ
บทที่ 17 ร้อนตัวในระหว่างทางหลันจิงที่นั่งคู่มากับจื่อหลงเห็นว่าชายหนุ่มมีเลือดไหลตรงหัวไหล่ จึงรับฉีกชายชุดของตน“ท่านยื่นแขนมาสิ เลือดไหลใกล้จะหมดตัวแล้วกระมัง”กล่าวจบนางไม่สนใจธรรมเนียมอันใดอีก รีบกระเถิบเข้ามาใกล้แล้วเอาชายผ้านั้นพันแผลห้ามเลือดไว้ทันที“ขอบคุณท่านมาที่ปกป้องฮูหยินไว้”แม้จะยังดูมึนงงกับการกระทำของหลันจิง แต่เขายังคงยื่นแขนให้นางทำแผลโดยไม่ปริปากอะไร เมื่อเห็นว่าแขนโดนพันเรียบร้อยจึงกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณแม่นางหลันจิงมากที่ช่วยทำแผลให้ หน้าที่ของข้าคือปกป้องฮูหยินจากภัยอันตราย ครั้งนี้ข้าพลาดพลั้งเพราะวรยุทธ์ของข้ากลับคืนมาแค่ไม่กี่ส่วน แม้ว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของข้า”ต่อให้ร่างกายแข็งแรงและพละกำลังกลับมาแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของจื่อหลง เขายังคิดว่าวรยุทธ์นั้นยังกลับมาไม่เต็มสิบส่วน“ท่านดูแลความปลอดภัยให้ฮูหยินก็จริงอยู่ แต่ท่านต้องดูแลตัวเองด้วย หากท่านเป็นอะไรขึ้นมาต่อไปใครจะปกป้องนายท่านกับนายหญิงกันเล่า”หลันจิงไม่วายที่จะบ่นออกมา จื่อหลงได้เพียงมองใบหน้าหวานของหลันจิงแต่ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นจึงตั้งใจบังคับม้าเพื่อให้ไปถึง
บทส่งท้าย ชีวิตที่สงบอย่างที่ต้องการเว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรชายทั้งสองกลับมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เขาก็ได้รับพระราชทานให้ไปอยู่ที่ตำหนักบูรพา ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จมารับหลานทั้งสองและได้เจอลูกสะใภ้ ด้วยความเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน กิริยาของเหอหลันฮวาก็เพียบพร้อม ไม่มีใครกล้ามาตำหนินางได้ผู้เป็นใหญ่ทั้งสองรักและหลงหลานชายเป็นอย่างมาก ฮ่องเต้ประกาศราชโองการสละราชสมบัติ ให้เว่ยเฟยหลงขึ้นครองราชย์ต่อจากเขา จากที่ฮองเฮาเตรียมจัดงานแต่งตั้งพระชายาเอกขององค์รัชทายาท กลับกลายมาเป็นงานเฉลิมฉลองขึ้นครองราชย์ของเว่ยเฟยหลงเหอหลันฮวาถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา บุตรชายทั้งสองได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ชาย อดีตฮ่องเต้และอดีตฮองเฮา ยังคงอาศัยอยู่ที่เมืองหลวง มีตำหนักเป็นของตนเอง สิ่งที่ทั้งสองโปรดปรานในตอนนี้คือการเลี้ยงดูหลานทั้งสองในตอนนี้ เหอหลันฮวากำลังนั่งสนทนากับพี่ชายอยู่ตำหนักของนาง“พี่รองคิดดีแล้วหรือ?”นางกล่าวถามพี่ชายอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่เหอซือเหวินบอกกล่าวกับนางเรื่องที่เขาต้องการจะลาออกจากราชการมาอยู่ใกล้นาง เพื่อปกป้องนางและหลานน้อยทั้งสอง เหอหลันฮวารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่
บทที่ 64 กบฏแคว้นหลานหลังจากที่เหอหลันฮวาคลอดบุตรชายทั้งสองครบสามเดือน เว่ยเฟยหลงก็ตัดสินใจพานางและบุตรชายกลับไปที่แคว้นเว่ย เนื่องจากทางฮ่องเต้และฮองเฮาเร่งรัดมาเพื่ออยากเจอหน้าหลานชายทั้งสองและก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นในแคว้นหลาน ฮ่องเต้สวรรคตเนื่องจากฝีมือขององค์ชายรองเป็นผู้กระทำ องค์ชายรองต้องการแต่งตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้ แต่เพราะไม่มีราชโองการแต่งตั้ง และตอนนี้เขากำลังหาตราประทับของฮ่องเต้จึงยื้อเวลาเอาไว้หลานหยางคุนให้เว่ยเฟยหลงพาทุกคนกลับแคว้นเว่ยไป เพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ในครั้งนี้เหอหลันฮวาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นสักวัน นางจึงวางแผนไว้ล่วงหน้า พร้อมกับเตรียมการตั้งรับ“องค์ชายสาม ท่านพาคนบุกเข้าไปในวังหลวงเถิด”เหอหลันฮวาที่นั่งฟังองครักษ์ขององค์ชายสามรายงานเสร็จ นางก็หันไปกล่าวกับองค์ชายสามที่นั่งกำหมัดอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ“เขากำเริบเสิบสานยิ่งนัก” หลานหยางคุนกัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความเคียดแค้น“พวกท่านควรกลับไปก่อน” เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนในที่นี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหลานทั้งสองที่เพิ่งลืมตาดูโลก จึงเร่งให้เว่ยเฟยหลงพาภรรยาและบุตรกลับไปก่อน“ข้าจะออ
บทที่ 63 รับภรรยากลับบ้านราชสำนักออกมาประกาศความผิดของตระกูลไช่ ตระกูลหม่า ตระกูลจงอย่างชัดเจน และยังมีการแห่นักโทษก่อนประหารเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังหลังเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากประหารนักโทษเสร็จสิ้น ก็มีการประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาอีกครั้งสงครามกลางเมืองที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก ไม่นานชาวเมืองก็กลับมาค้าขาย และบรรยากาศที่ครึกครื้นก็กลับมาองค์ชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นคุณชายเว่ย และไช่ฮูหยิน อดีตเสียนเฟยก็ได้เดินทางไปที่แดนเหนือ เพื่อปกครองเมืองหน้าด่านเล็ก ๆ ตามราชโองการของฮ่องเต้เมื่อทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เว่ยเฟยหลงก็ขอพระราชทานอนุญาตเดินทางไปที่แคว้นหลาน เพื่อไปรับเหอหลันฮวามาที่แคว้นเว่ยทางด้านฮองเฮาก็เตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งตั้งชายาเอกของโอรสด้วยความตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าเหอหลันฮวากำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่กำลังจะเป็นปู่ย่าก็รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเนื่องจากอยากเจอหน้าหลานโดยเร็วเว่ยเฟยหลงและเว่ยอิ้งเหมยออกเดินทางจากแคว้นเว่ยมาที่แคว้นหลานก็ใช้เวลาหลายวัน และเมื่อมาถึงจวน เขาก็พบว่าตอนนี้ทั้งจวนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล จนเขาเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้าคอบ่าวคนหนึ่ง
บทที่ 62 ลงโทษเมื่อดาบขององค์ชายสามกระทบพื้น ทุกคนก็รู้ในทันทีว่าศึกในครานี้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ฝ่ายองค์ชายสามได้แพ้พ่ายแล้ว“องค์ชาย!!” แม่ทัพฝ่ายเสนาบดีไช่เห็นดังนั้นก็จะเข้ามาหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขายอมแพ้“จับกุมตัวให้หมด ใครขัดขืน ฆ่า!!!”แต่เว่ยเฟยหลงไม่ยอมให้ใครได้ขยับตัว เขาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็รีบทำตามจับกุมเหล่ากบฏ หากมีใครกล้าขัดขืนก็ฆ่าได้ในทันทีเว่ยเฟยหลงละสายตาจากทหารเหล่านั้น หันมามองน้องชายที่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในตอนนี้อยู่“เจ้าตามข้ามาเถิด”เขาบังคับม้าให้นำไปที่ประตูเมือง องค์ชายสามเงยหน้าขึ้นเห็นแผ่นหลังที่องอาจของพี่ชายที่ควบม้านำหน้าเขาไปเดิมทีเขานึกว่าพี่ชายจะสั่งให้คนมาจับตัวเขาเสียอีก แต่พอคิดว่าพี่ชายไม่มีความแค้นอันใดกับเขา เว่ยหนิงเฉิงก็รีบควบม้าตามเว่ยเฟยหลงไปทันที“เสด็จพี่” เขาเรียกองค์รัชทายาทเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“???” ทำให้เว่ยเฟยหลงหันมามองเขาอย่างตั้งคำถาม“เสด็จแม่ของข้า”“นางกระทำสิ่งใดไว้ ก็ต้องได้รับโทษ ข้าไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เจ้าไปร้องขอเสด็จพ่อเถิด”เว่ยเฟยหลงย่อมรู้ว่าเว่ยหนิงเฉิงอยากจะร้องขอสิ่งใด เพียงแต่เ
บทที่ 61 ศึกพี่น้ององค์ชายสามกลับมาถึงตำหนักของตนเอง ก็เข้าไปขลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือ เขาขบคิดอย่างหนักถึงความต้องการของตนเองในเวลานี้บัลลังก์นั่นเขาไม่ได้ต้องการ และเขาก็ไม่ได้มีความแค้นกับองค์รัชทายาท อีกฝั่งคือพี่ชาย ส่วนอีกฝั่งคือมารดาผู้ให้กำเนิด และท่านตา ที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาย่อมรู้ว่ามารดาและท่านตากระทำสิ่งใดลงไปบ้างแต่เพราะมองว่าพวกเขาทำเพื่อให้เขามีชีวิตรอด และมีความมั่นคงในชีวิต จึงยอมปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่อยากกระทำตามที่มารดาและท่านตาสั่งให้ทำเลยสักนิด“องค์ชาย” องครักษ์ที่เดินตามเว่ยหนิงเฉิงเข้ามาเห็นเจ้านายมีสีหน้าที่คิดไม่ตก และนั่งเหม่อลอยอยู่นาน จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง“ข้าจะทำเช่นไรดี” เว่ยหนิงเฉิงพึมพำขึ้นเสียงเบา แต่สำหรับคนที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมได้ยินเพียงองครักษ์เช่นเขาจะสามารถให้คำแนะนำองค์ชายที่ได้รับคำสั่งจากเสียนเฟยมาแล้วได้อย่างไร ถ้าเกิดเขากล่าวอันใดที่ขัดพระทัย จะไม่เป็นการฆ่าตนเองหรอกหรืออีกทั้งเรื่องนี้ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขององค์ชายทั้งสิ้นเว่ยหนิงเฉิงไม่ได้สนใจใคร เขาเพียงแค่พึม
บทที่ 60 หลังชนฝาข่าวการกลับมาขององค์รัชทายาท ทำให้ตระกูลไช่ และเสียนเฟยเริ่มร้อนตัวถึงการกระทำของตนเองไช่เสียนเฟยเมื่อทราบเช่นนั้น นางแทบจะทรุดลงอีกครั้ง เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าองค์รัชทายาทตายไปแล้วหรอกหรือ แล้วนี่เขายกทัพมาประชิดเมืองหลวงได้ทำไมคนของสกุลไช่ถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ หรือสายข่าวของท่านพ่อจะมีปัญหา“ท่านพ่อไม่ใช่สกุลไช่หละหลวมหรอกหรือ ทำให้คนพวกนั้นมาประชิดเมืองหลวงได้ แล้วคนของเราล่ะเจ้าคะ ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าว พี่ใหญ่เช่นกัน ท่านบอกว่าจะให้บุตรสาวของท่านตีสนิทกับคุณชายเหวินคนดูแลหอมู่ตาน หรือว่าบุตรสาวของท่านไม่มีความสามารถ”นางหันไปกล่าวกับบิดาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ออกแนวจะตำหนิที่เขาไม่รอบคอบ อีกทั้งแผนการง่าย ๆ เรื่องให้สาวงามไปล่อลวงคุณชายเหวิน เรื่องแค่นี้เขายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างดูแคลน“พระสนมกล่าวเช่นนั้นก็มิถูกนะพ่ะย่ะค่ะ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณชายเหวินมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรีของอดีตแม่ทัพจง เรื่องนี้สกุลจงมิอาจก้าวก่ายได้เช่นกัน”เสนาบดีไช่ส่งสายตาบุตรสาว ที่ตนส่งเข้าวังหลวงด้วยตนเอง อีกทั้งยังหนุนหลังนางจนได้ตำแหน่งเ
บทที่ 59 ประชิดเมืองหลวงหลังจากที่ขุนนางทั้งหมดเห็นแล้วว่าฮ่องเต้ของพวกเขานั้นปลอดภัยจึงได้แต่ปลื้มใจ จากนั้นฮ่องเต้และเหอซือเหวินต่างก็บอกแผนการฝ่ายตน และยังนัดแนะอีกว่าให้ทุกคนปิดจวนคล้ายกับไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดเนื่องจากไม่เกินสิบวันหลังจากนี้ ทัพเฟยหลงที่นำทัพโดยองค์รัชทายาทหวงเฟยหลงจะบุกมาประชิดเมืองหลวงเพื่อจัดการยึดอำนาจคืนและเก็บกวาดพวกกบฏเมื่อนัดแนะทุกอย่างเรียบร้อย เหอซือเหวินจึงให้คนพาใต้เท้าทั้งหมดเดินออกด้านหลังเหมือนกับตอนมา เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกสงสัย และยังบอกอีกว่าหากมีเรื่องด่วนหรือต้องการส่งข่าว ให้เข้ามาที่หอมู่ตานหรือร้านค้าสาขาต่าง ๆ โดยทำทีเป็นลูกค้ามาซื้อของ จะได้ไม่เป็นที่สงสัยของบุคคลอื่นเช่นกันหลังจากที่ทุกคนกลับออกไปหมดแล้ว เหอซือเหวินสนทนาอีกพักใหญ่กับฮ่องเต้ ก่อนจะแยกจากมาเพื่อส่งข่าวไปให้กับน้องเขยอย่างเว่ยเฟยหลง“พวกเจ้าเอาจดหมายฉบับนี้ส่งให้ถึงมือนายท่านของพวกเจ้า เขารู้ว่าจะต้องทำเช่นไร”เหอซือเหวินแยกจดหมายเป็นสามฉบับ ต่อให้หวั่นเกรงว่าจะมีคนดักชิงจดหมายระหว่างทาง ทว่าเขาใช้น้ำยาพิเศษเขียนขึ้น ซึ่งมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้วิธีอ่านตัวอักษรในจดหมาย
บทที่ 58 อยู่ในเงามืดเวลานี้ครรภ์ของเหอหลันฮวาเข้าเดือนที่ห้าแล้ว ทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าเดินทางมาที่ชายแดน คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะถึงเหอหลันฮวารับทราบว่าภายในเมืองหลวงแคว้นหลานเริ่มตึงเครียด เนื่องจากฝ่าบาทเกิดล้มป่วยอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเพราะเป็นแผนการของพระองค์ที่ต้องการให้ลูก ๆ เผยธาตุแท้กันออกมาทว่าเรื่องนี้นางไม่อยากรับรู้ ดั่งเช่นองค์ชายสามที่ทิ้งบรรดาศักดิ์เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มของนาง แต่มู่เสียนเฟยเมื่อทราบเรื่องยังนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะมีความกังวลหรือเป็นห่วงชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีตลอดระยะการเดินทาง ทุกคนยังรับรู้ข่าวสารไม่หยุดหย่อน นับวันยิ่งหนักเข้า ทางด้านองค์ชายใหญ่จับตัวคนตระกูลหยางไว้แล้วหาข้ออ้างว่าก่อกบฏ เพื่อบีบให้หยางซูเฟยและองค์ชายรองก่อกบฏจริง ๆทว่าทั้งสองไม่ได้เดินตามแผนการ แต่กลับหาหลักฐานการติดต่อสกุลกุ้ยและองค์ชายของแคว้นเว่ยไว้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบว่าทั้งสองนำหลักฐานมาได้อย่างไร มีเพียงฟ่านเทียนเผยและเหอหลันฮวาเท่านั้นครั้นจะไม่ให้น้องสาวที่กำลังตั้งครรภ์รับรู้เรื่องราวภายนอกคงไม่ได้ บางอย่าง นางมีความสามารถและความคิดมากกว่า
บทที่ 57 เตรียมทำศึกแม่ทัพหม่าได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขามืดครึ้มอย่างไม่พอใจ ทว่างานในวันนั้นไม่อาจจะผิดพลาดได้ จึงปล่อยผ่านคำกล่าวของจงลี่เฉียว“ข้ายินดีทำตามคำขอของท่าน”“รองแม่ทัพหม่ากล่าวผิดแล้ว ข้ามิได้ขอ เพียงแต่ยื่นข้อเสนอเท่านั้น หากท่านคิดว่ารับผิดชอบกับความเสียหายของข้าและหอมู่ตานได้หลังจากนั้ ข้าก็ยินดีเปิดทางให้ท่านและคนของท่านเข้ามาตรวจค้นสถานที่ของข้า”เหอซือเหวินกล่าวขึ้นมา ทว่าทั้งสองฝ่ายยังมิทันได้ทำสิ่งใด กลับมีรถม้าของจวนสกุลไช่จอดด้านหน้าเสียก่อน“เกิดเรื่องอันใดขึ้นอย่างนั้นหรือ” รองเสนาบดีไช่ลงจากรถม้าแล้วกล่าวขึ้น โดยมีบุตรสาวอย่างไช่จินเย่วเดินตามมาด้วยรองแม่ทัพหม่าจึงเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง ไช่เชี่ยนสงจึงมองไปทางเหอซือเหวินด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจบอกได้ว่าเขานั้นกำลังคิดอันใดอยู่“เช่นนั้นคุณชายให้คนงานของท่านตามทหารเข้าไปด้วยก็แล้วกัน นี่เป็นการดีทั้งสองฝ่าย ข้าเพียงแต่ได้รับคำสั่งจากองค์ชายสามให้ตรวจสอบและสืบหานักฆ่าที่กล้าวางยาพิษพระสนมก็เท่านั้นเอง ข้าและองค์ชายสามมิได้อยากมีปัญหากับหอมู่ตาน ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจละเลยได้เช่นกัน”“เช่นนั้นพ