เคนเน็ธรู้สึกตกใจและประหลาดใจมากเช่นกัน เขาอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่พูดว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ชาร์ลีนี่ช่างเป็นคนลึกลับจริง ๆ เขาแค่พึมพำอะไรแค่สองสามคำในวันนั้น แล้วผมก็งุนงงสับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น…”เมื่อพูดออกไปแล้วเคนเน็ธก็อดที่จะนึกถึงประสบการณ์อันน่าสลดใจของเขาในโอลรัสฮิลล์ไม่ได้อย่างแรกเลยคือเขาถูกชาร์ลีทำร้าย หลังจากนั้นเขาก็สูญเสียความเป็นชาย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต!สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อเขาหลงเชื่อชายชราที่มีนามสกุลวีเวอร์อย่างผิด ๆ แล้วกินยาวิเศษที่น่าจะผลิตขึ้นโดยตระกูลวีเวอร์ ยานั้นไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้เขาฟื้นคืนเกียรติภูมิในอดีตของเขาเท่านั้น แต่ยังทำให้อวัยวะเพศของเขาเริ่มเน่าเปื่อยด้วยในที่สุดเขาก็สามารถช่วยชีวิตอวัยวะเพศของตัวเองเอาไว้ได้ หลังจากได้รับการรักษาจากชาร์ลีสำหรับการปฏิบัติต่อชาร์ลีเพื่อให้เขาช่วยรักษาอวัยวะเพศของเขาเอาไว้ ก็เป็นความทุกข์ทรมานอีกแบบหนึ่งเช่นกันในเวลานั้นเขาต้องกินปัสสาวะหนึ่งลิตรผสมกับยาหนึ่งลิตรและประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดนั้นยังคงตามหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้ในขณะที่เขาครุ
เคนเน็ธตอบว่า “ผมได้ครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่าถึงแม้ทฤษฎีของสิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสอาจจะเป็นจริง แต่เป็นวิธีการแบบองค์รวมมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เรื่องเหนือธรรมชาตินี้อาจค่อย ๆ ส่งผลต่อโชคลาภของคนคนหนึ่ง แต่ไม่น่าจะส่งผลต่อสมรรถภาพของผู้คนในทันที ฉะนั้นผมจึงรู้สึกว่าไอ้เด็กนั่นจะต้องเล่ห์กลโจมตีพวกเราแน่ ๆ”เอเดรียนถามว่า “ใช้เล่ห์กลในการโจมตีเหรอ? คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?”เคนเน็ธอธิบายว่า “นี่ก็เหมือนกับกลลวงนั่นแหละ เมื่อนักมายากลทำการแสดงมายากล นอกเหนือจากวิธีการพรางตัวที่ใช้กันบ่อย ๆ แล้ว นักมายากลก็มักใช้กลลวงในการโจมตีผู้ชมด้วย ถ้าเขาชี้ไปที่มือขวาของเขา เพื่อแสดงอะไรบางอย่างให้คุณดู ก็แสดงว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในมือซ้าย ถ้าเขาชี้ไปที่หมวกเพื่อแสดงให้คุณเห็นว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ก็แสดงว่าเขามักจะซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในแขนเสื้อ”เอเดรียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมในขณะที่พูดว่า “คุณพูดต่อได้”เคนเน็ธพูดต่อไปว่า “ดูสิ ดูเผิน ๆ ก็เหมือนชาร์ลีใช้สิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสในการโจมตีเรา แต่ผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าไอ้เด็กนั่นต้องแอบใช้กลลวงในการโจมตีเพื่อวางยาพิษพว
เนื่องจากสภาพอากาศเย็นจัด อุณหภูมิในอีสต์คลิฟฟ์จึงลดลงอย่างมากในคืนนั้น หิมะยังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักชาร์ลีได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือโดยมีข้อความว่าอีสต์คลิฟฟ์ได้ออกคำเตือนเรื่องพายุหิมะตั้งแต่คืนนี้ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ชาร์ลีสวมเสื้อเชิ้ตในขณะที่ก้าวออกไปยังระเบียงห้องพัก สิ่งที่เขาได้แต่คิดในตอนนี้ก็คือเรื่องพ่อแม่ของเขาเท่านั้นในที่สุดเขาก็กำลังจะได้ไปเยี่ยมหลุมฝังศพของพ่อกับแม่ในวันพรุ่งนี้แล้วเรื่องนี้กวนใจเขามาตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมาในขณะที่เขากำลังจ่อมจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของควินน์พูดขึ้นมาว่า “พี่ชาร์ลีไม่รู้สึกหนาวเหรอคะ พี่ใส่เสื้อผ้าบางมากนะ?”ชาร์ลีหันกลับมาแล้วมองเห็นควินน์ เขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาในห้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วถึงเดินมาที่ระเบียงห้องควินน์รีบอธิบายว่า “ขอโทษค่ะพี่ชาร์ลี ฉันเคาะประตูแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบ ฉันก็เลยเปิดประตูเดินเข้ามาเลย”ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามว่า “ไม่เป็นไร ทำไมต้องเกรงใจกันด้วยล่ะ?”จู่ ๆ ควินน์ก็ปรากฏตัวขึ้นและใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยเธอเด
หลังจากที่เขาพบรองเท้าสีแดงของควินน์ เขาก็ช่วยสวมรองเท้าให้เธอ หลังจากนั้นภาพเหตุการณ์ก็เปลี่ยนเป็นภาพบรรยากาศงานแต่งงานทันทีงานแต่งงานในฝันนั้นมีความยิ่งใหญ่มากพ่อแม่ของชาร์ลีก็อยู่ที่นั่นด้วย ใบหน้าของพวกเขาดูมีความสุขมากและยิ้มแย้มอย่างคนใจดีเมื่อเพลงงานแต่งงานดังขึ้น ยูลก็จับมือควินน์เดินเข้าไปหาชาร์ลี หลังจากนั้นยูลก็ยิ้มก่อนจะยื่นมือของควินน์มาให้เขาทั้งคู่กล่าวคำสาบานแต่งงานและแลกแหวนแต่งงานกันก่อนจะจุมพิตกันและกันหลังจากนั้นพิธีกรขอให้ควินน์ยืนหันหลัง เพื่อโยนช่อดอกไม้แต่งงานให้กับเพื่อนเจ้าสาวแต่แคลร์… เป็นคนที่ได้รับช่อดอกไม้ช่อนั้น!หลังจากที่แคลร์รับช่อดอกไม้ได้ เธอก็ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในทางตรงกันข้ามเธอมีสีหน้าเศร้าโศกและดูอารมณ์เสียอย่างมาก… ชาร์ลีอดที่จะตัวสั่นไม่ได้เมื่อเขาสบตากับแคลร์ ในเวลานี้จู่ ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นเพียงเพื่อจะรู้ตัวว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันเขารู้สึกตกใจกับความฝันอันไร้สาระของเขา เขานิ่งอึ้งไปสองสามนาทีก่อนจะค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงและฟื้นคืนสติเมื่อเห็นว่าท้องฟ้านอกหน้าต่างห้องนอนเริ่มสว่างขึ้นแล้ว ชาร์ลีก็ถอนหายใจในขณะที่ลุกข
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของยูลแล้ว ในที่สุดชาร์ลีก็เข้าใจถึงจุดประสงค์และเหตุผลอันแท้จริงของลูกชายคนที่สองและคนที่สามของตระกูลโกลดิ้งที่จะใช้สื่อในการเผยแพร่ข่าวแบบนี้นอกจากนี้เขายังตั้งหน้าตั้งตารอการเผชิญหน้าในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น เขาทนรอแทบไม่ไหวที่จะได้เห็นสีหน้าขันทีสองคน เมื่อพวกเขามาถึงยังโกลดิ้งกรุ๊ปหลังจากนี้อีกไม่นานในตอนนี้ควินน์เดินลงมายังชั้นล่าง เมื่อเธอเห็นชาร์ลีและพ่อของเธออ่านหนังสือพิมพ์ด้วยกัน เธอก็ถามด้วยความสงสัยว่า “พ่อกับพี่ชาร์ลีกำลังดูข่าวอะไรอยู่คะ? ทำไมทั้งสองคนถึงดูจดจ่อกับข่าวนี้จัง?”ยูลยิ้มในขณะที่พูดว่า “มีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับพ่อของลูกในวันนี้น่ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ?” ควินน์รีบเดินเข้าไปหาทั้งสองคน หลังจากเหลือบดูข้อความแล้ว เธอก็ตอบอย่างโกรธ ๆ ว่า “นี่มันมากเกินไปไม่ใช่เหรอคะ?” ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้อาการของพ่อจะแย่ลงเล็กน้อยและต้องเข้าไปรับการรักษาในโรงพยาบาล แต่อาการของพ่อก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ! สื่อเสนอข่าวแบบไร้ความผิดชอบแบบนี้ได้ยังไง?”ยูลหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ลูกก็ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน ยังไม่เข้าใจในคุณงามความดีของสื่ออีกเหรอ? นี่เป็นการก
พื้นที่นี้มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณหนึ่งพันตารางเมตร ซึ่งรวมถึงห้องทำงานของประธานบริษัท ห้องรับรอง ห้องประชุมส่วนตัว ตลอดจนห้องฟิตเนส และห้องสันทนาการด้วยไม่มีคนธรรมดาทั่วไปที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่นี้ได้เลยพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ… นับจากช่วงเวลาที่ยูลเข้าไปในโรงจอดรถที่ปิดสนิทในบริเวณลานจอดรถใต้ดิน เขาก็ได้เข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครสามารถรบกวนเขาได้เลย ผู้คนที่สามารถเข้าไปในสถานที่แห่งนี้กับเขาได้ มีเพียงเหล่าคนสนิทของเขาเท่านั้นหลังจากยูลพาชาร์ลีและกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาที่ห้องทำงานแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดว่า “บอกให้ลูเซียสมาที่นี่หน่อย”ในไม่ช้าชายวัยกลางคนที่มีอายุสี่สิบกว่า ๆ ก็เคาะประตู ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องทำงานเมื่อผู้ชายคนนั้นเห็นยูลก็ตกตะลึงและต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่ชายคนนั้นจะได้สติ แล้วโพล่งออกมาว่า “ท่านประธาน ท่านดูดีกว่าที่ผ่านมามากเลยครับ! แถมผมยังรู้สึกว่าท่านดูดีกว่าช่วงก่อนเจ็บไข้ได้ป่วยซะอีกด้วยนะครับ…”ยูลพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “หมอบอกว่าเนื้องอกในร่างกายของฉันหายไปหมดแล้ว”ลูเซียสถามด้วยควา
ในขณะที่เอเดรียนกำลังปล่อยใจไปกับความคิดที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง ประตูห้องประชุมก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงทันใดนั้นยูลก็เดินก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามาในห้องประชุม เขาดูเปล่งปลั่งแบบคนมีสุขภาพดี ส่วนแก้มก็ดูแดงระเรื่อแบบคนมีเลือดฝาด เขามีออร่าที่ดูน่าเกรงขามเปล่งประกายอยู่รอบตัวชาร์ลีเดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิด ในขณะที่เดินเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับยูลทุกคนในห้องประชุมรวมทั้งเอเดรียนและโรแกนต่างก็ตกตะลึงและนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นยูลผู้มีท่าทีฮึกเหิมและดูมีสุขภาพดีเอเดรียนสบตากับโรแกนทันที ถึงแม้ว่าโดยปกติพี่น้องสองคนนี้จะไม่ค่อยได้สื่อสารอะไรกันมากนัก แต่ในเวลานี้คนทั้งสองกำลังคิดในเรื่องเดียวกัน ‘เมื่อวานนี้พี่ชายคนโตของเราป่วยหนักมาก แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้ดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีถึงขนาดนี้? แค่คืนเดียวเองนะ ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ล่ะ?’นอกจากนี้สมาชิกคณะกรรมการคนอื่น ๆ ไม่ได้เห็นยูลมาเป็นเวลานาน หลังจากดูรายงานข่าวในวันนี้แล้ว พวกเขาต่างคิดว่ายูลคงอยู่ในสภาพป่วยหนักและใกล้จะตายแล้วพวกเขาถึงขั้นเตรียมใจเอาไว้แล้ว เพราะรู้สึกว่ามีโอกาสสูงมากที่ยูลจะถูกเข็นเข้ามาในห้องประชุมโดยนั่งอย
ชาร์ลีซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ยูลอดที่จะรู้สึกชื่นชมและให้ความเคารพเขาอย่างมากไม่ได้หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นคำพูดของยูลอาจดูเหมือนแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเขา แต่จริง ๆ แล้วนั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงอำนาจของเขาต่อหน้าคณะกรรมการเขาจงใจพูดถึงวิธีที่เขานำพาบริษัทให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างก้าวกระโดดตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา ฟังผิวเผินอาจดูเหมือนเขาต้องการให้ทุกคนหวนนึกถึงอดีตและความรู้สึกเก่า ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขาแค่เตือนคนกลุ่มนี้ว่า… เขาคือคนที่นำพาบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังจะเป็นผู้ที่ช่วยให้บริษัทนี้เติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วต่อไปอีกยี่สิบปีข้างหน้าด้วยถ้าคนกลุ่มนี้ต้องการกีดกันเขาและถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง พวกเขาก็จะต้องพิจารณาการพัฒนาที่แท้จริงของบริษัทในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพื่อที่พวกเขาจะคิดหาคนที่สามารถทำงานได้ดีกว่ายูลซึ่งพวกเขาก็ตระหนักได้ในทันทีเดิมทีพวกเขาวางแผนจะให้การสนับสนุนเพื่อช่วยให้เอเดรียนผู้เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลโกลดิ้งได้รับเลือกให้เป็นประธานบริษัทแต่หลังจากได้ยินคำเตือนของยูลแล้ว พวกเขาก็อดที่จะทบทวนแผนใหม