เคนเน็ธรู้สึกตกใจและประหลาดใจมากเช่นกัน เขาอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่พูดว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ชาร์ลีนี่ช่างเป็นคนลึกลับจริง ๆ เขาแค่พึมพำอะไรแค่สองสามคำในวันนั้น แล้วผมก็งุนงงสับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น…”เมื่อพูดออกไปแล้วเคนเน็ธก็อดที่จะนึกถึงประสบการณ์อันน่าสลดใจของเขาในโอลรัสฮิลล์ไม่ได้อย่างแรกเลยคือเขาถูกชาร์ลีทำร้าย หลังจากนั้นเขาก็สูญเสียความเป็นชาย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต!สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อเขาหลงเชื่อชายชราที่มีนามสกุลวีเวอร์อย่างผิด ๆ แล้วกินยาวิเศษที่น่าจะผลิตขึ้นโดยตระกูลวีเวอร์ ยานั้นไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้เขาฟื้นคืนเกียรติภูมิในอดีตของเขาเท่านั้น แต่ยังทำให้อวัยวะเพศของเขาเริ่มเน่าเปื่อยด้วยในที่สุดเขาก็สามารถช่วยชีวิตอวัยวะเพศของตัวเองเอาไว้ได้ หลังจากได้รับการรักษาจากชาร์ลีสำหรับการปฏิบัติต่อชาร์ลีเพื่อให้เขาช่วยรักษาอวัยวะเพศของเขาเอาไว้ ก็เป็นความทุกข์ทรมานอีกแบบหนึ่งเช่นกันในเวลานั้นเขาต้องกินปัสสาวะหนึ่งลิตรผสมกับยาหนึ่งลิตรและประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดนั้นยังคงตามหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้ในขณะที่เขาครุ
เคนเน็ธตอบว่า “ผมได้ครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่าถึงแม้ทฤษฎีของสิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสอาจจะเป็นจริง แต่เป็นวิธีการแบบองค์รวมมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เรื่องเหนือธรรมชาตินี้อาจค่อย ๆ ส่งผลต่อโชคลาภของคนคนหนึ่ง แต่ไม่น่าจะส่งผลต่อสมรรถภาพของผู้คนในทันที ฉะนั้นผมจึงรู้สึกว่าไอ้เด็กนั่นจะต้องเล่ห์กลโจมตีพวกเราแน่ ๆ”เอเดรียนถามว่า “ใช้เล่ห์กลในการโจมตีเหรอ? คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?”เคนเน็ธอธิบายว่า “นี่ก็เหมือนกับกลลวงนั่นแหละ เมื่อนักมายากลทำการแสดงมายากล นอกเหนือจากวิธีการพรางตัวที่ใช้กันบ่อย ๆ แล้ว นักมายากลก็มักใช้กลลวงในการโจมตีผู้ชมด้วย ถ้าเขาชี้ไปที่มือขวาของเขา เพื่อแสดงอะไรบางอย่างให้คุณดู ก็แสดงว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในมือซ้าย ถ้าเขาชี้ไปที่หมวกเพื่อแสดงให้คุณเห็นว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ก็แสดงว่าเขามักจะซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในแขนเสื้อ”เอเดรียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมในขณะที่พูดว่า “คุณพูดต่อได้”เคนเน็ธพูดต่อไปว่า “ดูสิ ดูเผิน ๆ ก็เหมือนชาร์ลีใช้สิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสในการโจมตีเรา แต่ผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าไอ้เด็กนั่นต้องแอบใช้กลลวงในการโจมตีเพื่อวางยาพิษพว
เนื่องจากสภาพอากาศเย็นจัด อุณหภูมิในอีสต์คลิฟฟ์จึงลดลงอย่างมากในคืนนั้น หิมะยังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักชาร์ลีได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือโดยมีข้อความว่าอีสต์คลิฟฟ์ได้ออกคำเตือนเรื่องพายุหิมะตั้งแต่คืนนี้ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ชาร์ลีสวมเสื้อเชิ้ตในขณะที่ก้าวออกไปยังระเบียงห้องพัก สิ่งที่เขาได้แต่คิดในตอนนี้ก็คือเรื่องพ่อแม่ของเขาเท่านั้นในที่สุดเขาก็กำลังจะได้ไปเยี่ยมหลุมฝังศพของพ่อกับแม่ในวันพรุ่งนี้แล้วเรื่องนี้กวนใจเขามาตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมาในขณะที่เขากำลังจ่อมจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของควินน์พูดขึ้นมาว่า “พี่ชาร์ลีไม่รู้สึกหนาวเหรอคะ พี่ใส่เสื้อผ้าบางมากนะ?”ชาร์ลีหันกลับมาแล้วมองเห็นควินน์ เขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาในห้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วถึงเดินมาที่ระเบียงห้องควินน์รีบอธิบายว่า “ขอโทษค่ะพี่ชาร์ลี ฉันเคาะประตูแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบ ฉันก็เลยเปิดประตูเดินเข้ามาเลย”ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามว่า “ไม่เป็นไร ทำไมต้องเกรงใจกันด้วยล่ะ?”จู่ ๆ ควินน์ก็ปรากฏตัวขึ้นและใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยเธอเด
หลังจากที่เขาพบรองเท้าสีแดงของควินน์ เขาก็ช่วยสวมรองเท้าให้เธอ หลังจากนั้นภาพเหตุการณ์ก็เปลี่ยนเป็นภาพบรรยากาศงานแต่งงานทันทีงานแต่งงานในฝันนั้นมีความยิ่งใหญ่มากพ่อแม่ของชาร์ลีก็อยู่ที่นั่นด้วย ใบหน้าของพวกเขาดูมีความสุขมากและยิ้มแย้มอย่างคนใจดีเมื่อเพลงงานแต่งงานดังขึ้น ยูลก็จับมือควินน์เดินเข้าไปหาชาร์ลี หลังจากนั้นยูลก็ยิ้มก่อนจะยื่นมือของควินน์มาให้เขาทั้งคู่กล่าวคำสาบานแต่งงานและแลกแหวนแต่งงานกันก่อนจะจุมพิตกันและกันหลังจากนั้นพิธีกรขอให้ควินน์ยืนหันหลัง เพื่อโยนช่อดอกไม้แต่งงานให้กับเพื่อนเจ้าสาวแต่แคลร์… เป็นคนที่ได้รับช่อดอกไม้ช่อนั้น!หลังจากที่แคลร์รับช่อดอกไม้ได้ เธอก็ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในทางตรงกันข้ามเธอมีสีหน้าเศร้าโศกและดูอารมณ์เสียอย่างมาก… ชาร์ลีอดที่จะตัวสั่นไม่ได้เมื่อเขาสบตากับแคลร์ ในเวลานี้จู่ ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นเพียงเพื่อจะรู้ตัวว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันเขารู้สึกตกใจกับความฝันอันไร้สาระของเขา เขานิ่งอึ้งไปสองสามนาทีก่อนจะค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงและฟื้นคืนสติเมื่อเห็นว่าท้องฟ้านอกหน้าต่างห้องนอนเริ่มสว่างขึ้นแล้ว ชาร์ลีก็ถอนหายใจในขณะที่ลุกข
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของยูลแล้ว ในที่สุดชาร์ลีก็เข้าใจถึงจุดประสงค์และเหตุผลอันแท้จริงของลูกชายคนที่สองและคนที่สามของตระกูลโกลดิ้งที่จะใช้สื่อในการเผยแพร่ข่าวแบบนี้นอกจากนี้เขายังตั้งหน้าตั้งตารอการเผชิญหน้าในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น เขาทนรอแทบไม่ไหวที่จะได้เห็นสีหน้าขันทีสองคน เมื่อพวกเขามาถึงยังโกลดิ้งกรุ๊ปหลังจากนี้อีกไม่นานในตอนนี้ควินน์เดินลงมายังชั้นล่าง เมื่อเธอเห็นชาร์ลีและพ่อของเธออ่านหนังสือพิมพ์ด้วยกัน เธอก็ถามด้วยความสงสัยว่า “พ่อกับพี่ชาร์ลีกำลังดูข่าวอะไรอยู่คะ? ทำไมทั้งสองคนถึงดูจดจ่อกับข่าวนี้จัง?”ยูลยิ้มในขณะที่พูดว่า “มีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับพ่อของลูกในวันนี้น่ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ?” ควินน์รีบเดินเข้าไปหาทั้งสองคน หลังจากเหลือบดูข้อความแล้ว เธอก็ตอบอย่างโกรธ ๆ ว่า “นี่มันมากเกินไปไม่ใช่เหรอคะ?” ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้อาการของพ่อจะแย่ลงเล็กน้อยและต้องเข้าไปรับการรักษาในโรงพยาบาล แต่อาการของพ่อก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ! สื่อเสนอข่าวแบบไร้ความผิดชอบแบบนี้ได้ยังไง?”ยูลหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ลูกก็ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน ยังไม่เข้าใจในคุณงามความดีของสื่ออีกเหรอ? นี่เป็นการก
พื้นที่นี้มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณหนึ่งพันตารางเมตร ซึ่งรวมถึงห้องทำงานของประธานบริษัท ห้องรับรอง ห้องประชุมส่วนตัว ตลอดจนห้องฟิตเนส และห้องสันทนาการด้วยไม่มีคนธรรมดาทั่วไปที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่นี้ได้เลยพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ… นับจากช่วงเวลาที่ยูลเข้าไปในโรงจอดรถที่ปิดสนิทในบริเวณลานจอดรถใต้ดิน เขาก็ได้เข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครสามารถรบกวนเขาได้เลย ผู้คนที่สามารถเข้าไปในสถานที่แห่งนี้กับเขาได้ มีเพียงเหล่าคนสนิทของเขาเท่านั้นหลังจากยูลพาชาร์ลีและกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาที่ห้องทำงานแล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดว่า “บอกให้ลูเซียสมาที่นี่หน่อย”ในไม่ช้าชายวัยกลางคนที่มีอายุสี่สิบกว่า ๆ ก็เคาะประตู ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องทำงานเมื่อผู้ชายคนนั้นเห็นยูลก็ตกตะลึงและต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่ชายคนนั้นจะได้สติ แล้วโพล่งออกมาว่า “ท่านประธาน ท่านดูดีกว่าที่ผ่านมามากเลยครับ! แถมผมยังรู้สึกว่าท่านดูดีกว่าช่วงก่อนเจ็บไข้ได้ป่วยซะอีกด้วยนะครับ…”ยูลพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “หมอบอกว่าเนื้องอกในร่างกายของฉันหายไปหมดแล้ว”ลูเซียสถามด้วยควา
ในขณะที่เอเดรียนกำลังปล่อยใจไปกับความคิดที่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง ประตูห้องประชุมก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงทันใดนั้นยูลก็เดินก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามาในห้องประชุม เขาดูเปล่งปลั่งแบบคนมีสุขภาพดี ส่วนแก้มก็ดูแดงระเรื่อแบบคนมีเลือดฝาด เขามีออร่าที่ดูน่าเกรงขามเปล่งประกายอยู่รอบตัวชาร์ลีเดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิด ในขณะที่เดินเข้าห้องประชุมไปพร้อมกับยูลทุกคนในห้องประชุมรวมทั้งเอเดรียนและโรแกนต่างก็ตกตะลึงและนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นยูลผู้มีท่าทีฮึกเหิมและดูมีสุขภาพดีเอเดรียนสบตากับโรแกนทันที ถึงแม้ว่าโดยปกติพี่น้องสองคนนี้จะไม่ค่อยได้สื่อสารอะไรกันมากนัก แต่ในเวลานี้คนทั้งสองกำลังคิดในเรื่องเดียวกัน ‘เมื่อวานนี้พี่ชายคนโตของเราป่วยหนักมาก แล้วทำไมวันนี้เขาถึงได้ดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีถึงขนาดนี้? แค่คืนเดียวเองนะ ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ล่ะ?’นอกจากนี้สมาชิกคณะกรรมการคนอื่น ๆ ไม่ได้เห็นยูลมาเป็นเวลานาน หลังจากดูรายงานข่าวในวันนี้แล้ว พวกเขาต่างคิดว่ายูลคงอยู่ในสภาพป่วยหนักและใกล้จะตายแล้วพวกเขาถึงขั้นเตรียมใจเอาไว้แล้ว เพราะรู้สึกว่ามีโอกาสสูงมากที่ยูลจะถูกเข็นเข้ามาในห้องประชุมโดยนั่งอย
ชาร์ลีซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ยูลอดที่จะรู้สึกชื่นชมและให้ความเคารพเขาอย่างมากไม่ได้หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นคำพูดของยูลอาจดูเหมือนแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเขา แต่จริง ๆ แล้วนั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงอำนาจของเขาต่อหน้าคณะกรรมการเขาจงใจพูดถึงวิธีที่เขานำพาบริษัทให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างก้าวกระโดดตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา ฟังผิวเผินอาจดูเหมือนเขาต้องการให้ทุกคนหวนนึกถึงอดีตและความรู้สึกเก่า ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขาแค่เตือนคนกลุ่มนี้ว่า… เขาคือคนที่นำพาบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังจะเป็นผู้ที่ช่วยให้บริษัทนี้เติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วต่อไปอีกยี่สิบปีข้างหน้าด้วยถ้าคนกลุ่มนี้ต้องการกีดกันเขาและถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง พวกเขาก็จะต้องพิจารณาการพัฒนาที่แท้จริงของบริษัทในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพื่อที่พวกเขาจะคิดหาคนที่สามารถทำงานได้ดีกว่ายูลซึ่งพวกเขาก็ตระหนักได้ในทันทีเดิมทีพวกเขาวางแผนจะให้การสนับสนุนเพื่อช่วยให้เอเดรียนผู้เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลโกลดิ้งได้รับเลือกให้เป็นประธานบริษัทแต่หลังจากได้ยินคำเตือนของยูลแล้ว พวกเขาก็อดที่จะทบทวนแผนใหม
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
ชาร์ลีหยิบภาพวาดที่ยูลมอบให้เขาจากมือของดีแลน ก่อนจะยื่นให้กับยายของลอรีนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณยายโธมัสครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผมครับ ผมหวังว่าคุณยายจะรับมันไว้ และผมอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเมื่อกี้นี้ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยาย ผมหวังว่าคุณยายคงจะให้อภัยผมนะครับ”คุณท่านโธมัสรู้สึกปลื้มใจแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณเวด ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพราะหลานชายของฉันทำอะไรผิดไป ฉันมาคิดดูแล้ว… ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราละเลยในการอบรมสั่งสอนหลานของเรา จึงทำให้คุณเวดต้องเดือดร้อน”ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็มองดูภาพวาดก่อนจะพูดว่า “คุณเวดคะ ภาพวาดนี้มีมูลค่ามากเหลือเกิน ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “คุณยายโธมัสครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผม มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย คุณยายไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงินกับของขวัญชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณโกลดิ้งจากโกลดิ้งกรุ๊ปมอบภาพวาดนี้ให้ผม แล้วผมก็นำมา
เมื่อได้ยินว่าเขาจะต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง ดีแลนก็ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งทันที!เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานและรู้สึกคับข้องใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด โดยมีค่าครองชีพเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเขาต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก และต้องเจอะเจอความยากลำบากมากมายในไซต์ก่อสร้างแห่งนั้นเขาจึงพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรทันที “คุณเวดครับ ผมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของคุณแล้ว ผมจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณแล้วครับ! ขอแค่อย่าส่งผมไปไซต์ก่อสร้างนั้นเลยนะครับ…”ชาร์ลีรู้สึกพอใจมากแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีหลังจากนายไปถึงที่โอลรัสฮิลล์แล้ว อย่าสร้างปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ ถ้านายยังคงอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่อไป ทายาทที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างนาย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ในสักวันหนึ่ง นายอาจเข้าไปพัวพันและทำให้ให้ตระกูลโธมัสและตระกูลโคชต้องเดือดร้อนได้!”ในเวลานี้สองพี่น้องอย่างเจริลและจาเวีย์ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ดูเหมือนคำพูดของชาร์ลีจะทำให้คนทั้งคู่
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานอย่างยากลำบากจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังพอรับได้ การที่ต้องปั่นจักรยานเป็นเวลาครึ่งเดือน ก็ยังดีเสียกว่าการนอนบนเตียงอยู่ครึ่งเดือนหลังผ่าตัดนอกจากนี้เขายังรู้สึกคับข้องใจอย่างมากในระหว่างการผ่าตัดครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเดิมอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เขาก็จะต้องได้รับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์ก็เพื่อให้นายได้ไปปรับปรุงตัวและกลับเนื้อกลับตัวใหม่ นายคิดว่า การที่ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์เพื่อให้ไปสนุกสนานกับชีวิตที่นั่นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ นายจะต้องปั่นจักรยานธรรมดา ๆ อย่าง Phoenix 28 เท่านั้น ใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย! ไม่งั้นฉันจะให้นายปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์พร้อมกับเกวียนที่บรรทุกก้อนอิฐไปจนเต็มคัน!”“แล้วหลังจากนายไปถึงโอลรัสฮิลล์ นอกจากนายจะต้องคอยขับรถรับส่งให้กับลอรีนแล้ว นายต้องเช่าห้องเดี่ยวในชุมชนแออัดคลิฟฟ์คูลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าเช่าบ้านของนายจะต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท!”
เมื่อเขาได้ยินว่า จะต้องขี่จักรยานจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์ตลอดทาง และต้องอยู่ในโอลรัสฮิลล์ในฐานะคนขับรถเป็นเวลาหนึ่งปี ดีแลนก็รู้เหมือนกำลังจะตายไปแล้วจริง ๆ ประเด็นก็คือระยะทางจากอีสต์คลิฟฟ์ไปโอลรัสฮิลล์นั้น มีระยะทางมากกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะไม่ตายเพราะหมดแรงถ้าต้องปั่นจักรยานไปตลอดทางจริง ๆ เหรอ?แล้วตอนนี้ก็อยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เขาจะต้องขี่จักรยานตลอดทางไปจนถึงภาคใต้ แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้พักในโรงแรมเลยด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้รุนแรงเกินไปไม่ใช่เหรอ?ดีแลนรู้สึกเสียใจมากและน้ำตาก็เริ่มไหลอาบใบหน้านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย… เขาเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลโคช แต่จะต้องขี่จักรยานไปจนถึงโอลรัสฮิลล์? เขาจะไม่ล้มตายไปในระหว่างทางหรอกเหรอ?คงจะน่าทึ่งมากถ้าเขาสามารถปั่นจักรยานได้วันละห้าสิบ หรือหกสิบกิโลเมตรระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะต้องปั่นจักรยานไปประมาณยี่สิบวัน!แต่นี่มันเดือนธันวาคมแล้วนะ!เขาสะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “คุณเวดครับ ถ้าผมเริ่มปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงเป็นเดือนมกราคมแล้ว น้องสาวผมจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่
ลอรีนดีใจมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณมากนะคะชาร์ลี!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไม่บังคับให้เขากลืนจี้หยกเข้าไป แต่ยังต้องลงโทษเขาด้วยวิธีอื่น ไม่งั้นเขาคงไม่จดจำไว้เป็นบทเรียน”ลอรีนรีบถามว่า “คุณจะลงโทษเขาด้วยวิธีไหนคะ ชาร์ลี? คงไม่ร้ายแรงไปกว่าการกลืนจี้หยกเข้าไปแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่หรอกครับ ชาร์ลียิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลยว่า การลงโทษครั้งนี้จะส่งผลดีกับตัวเขาอย่างแน่นอน”ในที่สุดลอรีนก็รู้สึกสบายใจในขณะที่พูดอย่างเสน่หาว่า “ขอบคุณนะคะชาร์ลี ขอบคุณที่ให้อภัยพี่ชายของฉัน และปล่อยเขาไปเพราะเห็นแก่ฉัน ถ้าอย่างนั้น คุณให้โอกาสฉันได้ตอบแทนคุณดีไหมคะ…”ชาร์ลีถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะตอบแทนผมยังไงเหรอ?”ลอรีนกะพริบตาในขณะที่ยิ้มและพูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ และให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน ๆ เพื่อคุณ! คุณคิดว่ายังไงคะ?”ชาร์ลีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นสามีของเพื่อนสนิทของคุณนะ!”ลอรีนพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่คุณทั้งคู่แต่งงานกันแบบปลอม ๆ นี่! ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานกันอย่างแท้จริง! จริง ๆ แล