"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะรอคุณอยู่ที่นี่!”***ในเวลานี้ครอบครัวของยูลและชาร์ลีเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ หลังจากนั้นยูลก็ลากชาร์ลีไปดื่มเหล้ากับเขา ก่อนจะกลับไปที่ห้องรับรองแขกที่ราเชลเตรียมไว้ให้ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเขาก็นอนลงบนเตียงเพื่อพักผ่อนตอนนี้นี่เองที่แคลร์โทรหาเขาและถามเขาว่า “สามี งานการในอีสต์คลิฟฟ์มีความคืบหน้าไหมคะ?”ชาร์ลียิ้มในขณะที่พูดว่า “ก็ไม่ได้แย่หรอกครับ ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ผมน่าจะทำทุกอย่างเสร็จภายในสามวัน”“ดีค่ะ” แคลร์ส่งเสียงพึมพำแล้วพูดด้วยความเป็นห่วง “คุณอยู่ข้างนอกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ เพราะคุณอยู่ไกลจากบ้านมาก”ชาร์ลีรู้สึกตื้นตันอยู่ในใจเล็กน้อย เขายิ้มในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับภรรยาที่รัก ตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมรู้จักวิธีดูแลตัวเอง ผมจะรีบกลับบ้านทันทีหลังจากทำงานที่นี่เสร็จนะ”“โอเคค่ะ” แคลร์ยิ้มก่อนจะพูดว่า “ว่าแต่สามีคะ ฉันขอให้คุณช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหมคะ?”ชาร์ลีรีบตอบว่า “ทำไมต้องเกรงใจผมด้วยครับภรรยา? บอกมาได้เลย อยากให้ผมทำอะไรล่ะ?”แคลร์ตอบว่า “คือวันนี้ฉันได้คุยกับลอรีนแล้วบังเอิญเธอก็เพิ่งกลับมาที่อีสต์คลิฟฟ์ด้ว
ในตอนค่ำที่อีสต์คลิฟฟ์ เคนเน็ธนั่งรถโรลส์-รอยซ์วิ่งฉิวอยู่บนถนนในตอนกลางคืนเขารู้สึกตื่นเต้นมากและอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่งในเวลานี้ท้ายที่สุดแล้วเขาได้รับคำเชิญจากโรแกนซึ่งเป็นลูกชายคนที่สามของตระกูลโกลดิ้งถึงแม้ว่าโรแกนจะอยู่อันดับสุดท้ายในตระกูลและไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริงมากนัก แต่เขาก็ยังเป็นทายาทโดยตรงของตระกูลโกลดิ้งอยู่ดี ทั้งสถานะทางสังคมและทรัพย์สินของโรแกนล้วนมีความแข็งแกร่งมากกว่า เมื่อเทียบกับเคนเน็ธดังนั้นเคนเน็ธจึงพยายามประจบประแจงเขาอย่างมาก โดยหวังว่าเขาจะได้รับความนิมยมชมชอบและใช้สายสัมพันธ์ที่มีกับเขาในการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับครอบครัวโกลดิ้งถึงแม้ว่าเคนเน็ธจะไม่รู้ว่าทำไมโรแกนถึงตามหาเขา แต่การที่โรแกนริเริ่มที่จะมองหาเขานั้น ถือเป็นพัฒนาการครั้งใหญ่ในสายสัมพันธ์นี้แล้วยี่สิบนาทีต่อมาเมื่อเคนเน็ธมาถึงโรงพยาบาลโกลดิ้งกรุ๊ป วิลเฮล์มลูกชายของโรแกนก็กำลังรอเขาอยู่ตรงทางเข้าทันทีที่เขาเห็นเคนเน็ธ วิลเฮล์มก็ก้าวออกไปข้างหน้าแล้วถามว่า “คุณคือลุงวิลสันใช่ไหมครับ?”เคนเน็ธรีบพยักหน้าก่อนที่จะยิ้มแล้วถามว่า “เธอคือลูกชายของคุณโกลดิ้งใช่ไหม?”“ใช่ครับ” วิลเฮล์มพ
โรแกนสบตากับเอเดรียนพี่ชายของเขา หลังจากนั้นเขารีบถามขึ้นว่า “เคนเน็ธ คุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณสูญเสียสมรรถภาพและกลายเป็นคนไร้น้ำยาได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”เคนเน็ธตอบอย่างเคอะเขินว่า “คุณโกลดิ้ง… คุณ… คุณ… ทำไมคุณถึงเป็นกังวลในเรื่องนี้จัง? บอกตามตรงนะครับ ไม่ว่าผมอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องนี้มันน่าละอายเกินกว่าจะมาถกเถียงกัน!”เอเดรียนซึ่งไม่ได้พูดอะไรเลย จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณวิลสัน ได้โปรดอย่ารู้สึกว่าเป็นภาระทางจิตใจเลย บอกตามตรงนะเหตุผลที่เราตามหาคุณในวันนี้ ก็เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ป่วยอย่างตรงไปตรงมา เราคงรวบรวมเงื่อนงำต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นและสะดวกกว่ากันมาก ถ้าเราได้แบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลของกันและกันใช่ไหม?” “ฮะ?!”เคนเน็ธนิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ป่วย?เขาหมายถึงอะไรกัน?เขากำลังบอกเป็นนัย ๆ ว่าพี่น้องสองคนนี้ต่างสูญเสียสมรรถภาพและกลายเป็นคนไร้น้ำยาไปแล้วเหรอ?ไม่มีทาง!สองคนนี้เป็นลูกชายของตระกูลโกลดิ้ง!ยิ่งไปกว่านั้นสองคนนี้ยังอายุน้อยกว่าเขาด้วย แล้วจะมีเรื่องผิดพลาดได้อย่างไรในเมื่ออา
เคนเน็ธรู้สึกตกใจและประหลาดใจมากเช่นกัน เขาอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่พูดว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ชาร์ลีนี่ช่างเป็นคนลึกลับจริง ๆ เขาแค่พึมพำอะไรแค่สองสามคำในวันนั้น แล้วผมก็งุนงงสับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น…”เมื่อพูดออกไปแล้วเคนเน็ธก็อดที่จะนึกถึงประสบการณ์อันน่าสลดใจของเขาในโอลรัสฮิลล์ไม่ได้อย่างแรกเลยคือเขาถูกชาร์ลีทำร้าย หลังจากนั้นเขาก็สูญเสียความเป็นชาย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต!สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อเขาหลงเชื่อชายชราที่มีนามสกุลวีเวอร์อย่างผิด ๆ แล้วกินยาวิเศษที่น่าจะผลิตขึ้นโดยตระกูลวีเวอร์ ยานั้นไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้เขาฟื้นคืนเกียรติภูมิในอดีตของเขาเท่านั้น แต่ยังทำให้อวัยวะเพศของเขาเริ่มเน่าเปื่อยด้วยในที่สุดเขาก็สามารถช่วยชีวิตอวัยวะเพศของตัวเองเอาไว้ได้ หลังจากได้รับการรักษาจากชาร์ลีสำหรับการปฏิบัติต่อชาร์ลีเพื่อให้เขาช่วยรักษาอวัยวะเพศของเขาเอาไว้ ก็เป็นความทุกข์ทรมานอีกแบบหนึ่งเช่นกันในเวลานั้นเขาต้องกินปัสสาวะหนึ่งลิตรผสมกับยาหนึ่งลิตรและประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดนั้นยังคงตามหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้ในขณะที่เขาครุ
เคนเน็ธตอบว่า “ผมได้ครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่าถึงแม้ทฤษฎีของสิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสอาจจะเป็นจริง แต่เป็นวิธีการแบบองค์รวมมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เรื่องเหนือธรรมชาตินี้อาจค่อย ๆ ส่งผลต่อโชคลาภของคนคนหนึ่ง แต่ไม่น่าจะส่งผลต่อสมรรถภาพของผู้คนในทันที ฉะนั้นผมจึงรู้สึกว่าไอ้เด็กนั่นจะต้องเล่ห์กลโจมตีพวกเราแน่ ๆ”เอเดรียนถามว่า “ใช้เล่ห์กลในการโจมตีเหรอ? คุณหมายความว่ายังไง? ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น?”เคนเน็ธอธิบายว่า “นี่ก็เหมือนกับกลลวงนั่นแหละ เมื่อนักมายากลทำการแสดงมายากล นอกเหนือจากวิธีการพรางตัวที่ใช้กันบ่อย ๆ แล้ว นักมายากลก็มักใช้กลลวงในการโจมตีผู้ชมด้วย ถ้าเขาชี้ไปที่มือขวาของเขา เพื่อแสดงอะไรบางอย่างให้คุณดู ก็แสดงว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในมือซ้าย ถ้าเขาชี้ไปที่หมวกเพื่อแสดงให้คุณเห็นว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ก็แสดงว่าเขามักจะซ่อนอะไรบางอย่างไว้ในแขนเสื้อ”เอเดรียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมในขณะที่พูดว่า “คุณพูดต่อได้”เคนเน็ธพูดต่อไปว่า “ดูสิ ดูเผิน ๆ ก็เหมือนชาร์ลีใช้สิ่งที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสในการโจมตีเรา แต่ผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าไอ้เด็กนั่นต้องแอบใช้กลลวงในการโจมตีเพื่อวางยาพิษพว
เนื่องจากสภาพอากาศเย็นจัด อุณหภูมิในอีสต์คลิฟฟ์จึงลดลงอย่างมากในคืนนั้น หิมะยังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักชาร์ลีได้รับการแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือโดยมีข้อความว่าอีสต์คลิฟฟ์ได้ออกคำเตือนเรื่องพายุหิมะตั้งแต่คืนนี้ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ชาร์ลีสวมเสื้อเชิ้ตในขณะที่ก้าวออกไปยังระเบียงห้องพัก สิ่งที่เขาได้แต่คิดในตอนนี้ก็คือเรื่องพ่อแม่ของเขาเท่านั้นในที่สุดเขาก็กำลังจะได้ไปเยี่ยมหลุมฝังศพของพ่อกับแม่ในวันพรุ่งนี้แล้วเรื่องนี้กวนใจเขามาตลอดสิบแปดปีที่ผ่านมาในขณะที่เขากำลังจ่อมจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของควินน์พูดขึ้นมาว่า “พี่ชาร์ลีไม่รู้สึกหนาวเหรอคะ พี่ใส่เสื้อผ้าบางมากนะ?”ชาร์ลีหันกลับมาแล้วมองเห็นควินน์ เขาไม่รู้ว่าเธอเข้ามาในห้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วถึงเดินมาที่ระเบียงห้องควินน์รีบอธิบายว่า “ขอโทษค่ะพี่ชาร์ลี ฉันเคาะประตูแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบ ฉันก็เลยเปิดประตูเดินเข้ามาเลย”ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วถามว่า “ไม่เป็นไร ทำไมต้องเกรงใจกันด้วยล่ะ?”จู่ ๆ ควินน์ก็ปรากฏตัวขึ้นและใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยเธอเด
หลังจากที่เขาพบรองเท้าสีแดงของควินน์ เขาก็ช่วยสวมรองเท้าให้เธอ หลังจากนั้นภาพเหตุการณ์ก็เปลี่ยนเป็นภาพบรรยากาศงานแต่งงานทันทีงานแต่งงานในฝันนั้นมีความยิ่งใหญ่มากพ่อแม่ของชาร์ลีก็อยู่ที่นั่นด้วย ใบหน้าของพวกเขาดูมีความสุขมากและยิ้มแย้มอย่างคนใจดีเมื่อเพลงงานแต่งงานดังขึ้น ยูลก็จับมือควินน์เดินเข้าไปหาชาร์ลี หลังจากนั้นยูลก็ยิ้มก่อนจะยื่นมือของควินน์มาให้เขาทั้งคู่กล่าวคำสาบานแต่งงานและแลกแหวนแต่งงานกันก่อนจะจุมพิตกันและกันหลังจากนั้นพิธีกรขอให้ควินน์ยืนหันหลัง เพื่อโยนช่อดอกไม้แต่งงานให้กับเพื่อนเจ้าสาวแต่แคลร์… เป็นคนที่ได้รับช่อดอกไม้ช่อนั้น!หลังจากที่แคลร์รับช่อดอกไม้ได้ เธอก็ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย ในทางตรงกันข้ามเธอมีสีหน้าเศร้าโศกและดูอารมณ์เสียอย่างมาก… ชาร์ลีอดที่จะตัวสั่นไม่ได้เมื่อเขาสบตากับแคลร์ ในเวลานี้จู่ ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นเพียงเพื่อจะรู้ตัวว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝันเขารู้สึกตกใจกับความฝันอันไร้สาระของเขา เขานิ่งอึ้งไปสองสามนาทีก่อนจะค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงและฟื้นคืนสติเมื่อเห็นว่าท้องฟ้านอกหน้าต่างห้องนอนเริ่มสว่างขึ้นแล้ว ชาร์ลีก็ถอนหายใจในขณะที่ลุกข
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของยูลแล้ว ในที่สุดชาร์ลีก็เข้าใจถึงจุดประสงค์และเหตุผลอันแท้จริงของลูกชายคนที่สองและคนที่สามของตระกูลโกลดิ้งที่จะใช้สื่อในการเผยแพร่ข่าวแบบนี้นอกจากนี้เขายังตั้งหน้าตั้งตารอการเผชิญหน้าในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น เขาทนรอแทบไม่ไหวที่จะได้เห็นสีหน้าขันทีสองคน เมื่อพวกเขามาถึงยังโกลดิ้งกรุ๊ปหลังจากนี้อีกไม่นานในตอนนี้ควินน์เดินลงมายังชั้นล่าง เมื่อเธอเห็นชาร์ลีและพ่อของเธออ่านหนังสือพิมพ์ด้วยกัน เธอก็ถามด้วยความสงสัยว่า “พ่อกับพี่ชาร์ลีกำลังดูข่าวอะไรอยู่คะ? ทำไมทั้งสองคนถึงดูจดจ่อกับข่าวนี้จัง?”ยูลยิ้มในขณะที่พูดว่า “มีพาดหัวข่าวเกี่ยวกับพ่อของลูกในวันนี้น่ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ?” ควินน์รีบเดินเข้าไปหาทั้งสองคน หลังจากเหลือบดูข้อความแล้ว เธอก็ตอบอย่างโกรธ ๆ ว่า “นี่มันมากเกินไปไม่ใช่เหรอคะ?” ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้อาการของพ่อจะแย่ลงเล็กน้อยและต้องเข้าไปรับการรักษาในโรงพยาบาล แต่อาการของพ่อก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ! สื่อเสนอข่าวแบบไร้ความผิดชอบแบบนี้ได้ยังไง?”ยูลหัวเราะก่อนจะพูดว่า “ลูกก็ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนกัน ยังไม่เข้าใจในคุณงามความดีของสื่ออีกเหรอ? นี่เป็นการก