ชาร์ลีมองไปที่เอเดรียนอีกครั้งแล้วถามพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้าย “จากที่ผมได้ยินมาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนคุณจะชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว แถมคุณยังเยาะเย้ยอายูลที่ไม่มีลูกชายด้วย สรุปแล้วลูกชายของคุณคือสิ่งจรรโลงชีวิตของคุณใช่ไหม?”เอเดรียนตีความตามคำพูดและน้ำเสียงของชาร์ลีแล้ว รู้สึกได้ว่าภัยกำลังมาถึงตัวแล้ว จึงถามอย่างกระวนกระวายใจว่า “อะไร… แกจะทำอะไร? ฉันขอเตือนแกนะ ถ้าแกทำร้ายลูกชายของฉันล่ะก็ ฉันจะฆ่าแก!”ชาร์ลียิ้ม “ไม่ ผมไม่ทำร้ายลูกของคุณหรอก ผมแค่จะทำร้ายหลายชายของคุณเท่านั้นเอง”“หลานชายของฉัน?” เอเดรียนงงยิ่งกว่าเดิม “ฉันยังไม่มีหลายชายเลย… แกหมายความว่ายังไง?”ชาร์ลีถามว่า “ว่าแต่แกรู้จักเคนเน็ธ วิลสัน ประธานอีสต์คลิฟฟ์ โมเดสท์เวย์กรุ๊ปไหมล่ะ?เอเดรียนขมวดคิ้วแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “รู้จักสิ ทำไมล่ะ?”ชาร์ลีถามอีกว่า “คุณรู้ไหมว่าเขามีความพิการบางอย่างซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง?”เอเดรียนส่ายหัว “หยุดพูดจาอ้อมค้อมได้แล้ว แกจะบอกอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ เถอะ!”ชาร์ลียิ้ม “เขามีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ พูดง่าย ๆ ก็คือจู๋ของเขาใช้การไม่ได้ แต่เขายังสามารถเจริญพันธุ์ได้ ซ
เอเดรียนและสมัครพรรคพวกต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกงุนงงสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดีชาร์ลีได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าให้พวกเขาแยกย้ายออกไปกันได้แล้วและพวกเขาก็อยากจะออกไปจากที่นี่ทันที แต่ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนเพราะรู้สึกว่าชาร์ลียังพูดไม่จบนั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าชาร์ลีหมายถึงอะไรในทางตรงกันข้าม ชาร์ลีก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาคิดออกเช่นกัน ก็เหมือนกับการที่กว่าเคนเน็ธจะคิดออกนั่นแหละ เขาจะต้องให้พวกนั้นเปิดประสบการณ์ด้วยตัวเองเสียก่อนเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น โดยมองไปรอบ ๆ เหมือนคนเซ่อซ่า ชาร์ลีก็ตวาดด้วยน้ำเสียงอันน่ากลัว “ผมให้เวลาสามวินาทีในการออกไปจากที่นี่ หรือไม่ก็อยู่ที่นี่ไปตลอดเลยก็ได้!”เอเดรียนโบกมือให้กับฝูงชนราวกับได้รับอภัยโทษ แล้วเร่งเร้าขึ้นมาว่า “ไปกันเถอะ!”ทุกคนเริ่มหันหลังกลับแต่จ้าวนักรบกับจ้าวดินแดนยังคงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพวกเขาอยากออกไปจากที่นี่ใจจะขาด แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวแม้แต่น้อยในช่วงแรก ๆ เขายังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ที่ขาบ้าง จึงทำให้สามารถยืนและเดินกระย่องกระแย่งไปข้างหน้าได้บ้าง แต่เนื่องจากเขาได้นั่งคุก
ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว พี่น้องสามคนนี้ถือหุ้นในบริษัท 51% ซึ่งสอดคล้องกับอัตราส่วนการถือครองโดยสมบูรณ์ ตราบใดที่สามพี่น้องยังทำงานร่วมกัน โกลดิ้งกรุ๊ปก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของครอบครัวอย่างครบถ้วนแต่เอเดรียนและโรแกนต้องการปล้นหุ้นของยูล เพราะเห็นว่าเขากำลังจะตายถึงแม้ว่าแผนการถือครองหุ้นของเอเดรียนในวันนี้จะล้มเหลว แต่เขาก็ได้เตรียมที่จะกดดันให้ยูลยอมสละหุ้นของเขาระหว่างการประชุมคณะกรรมการในวันพรุ่งนี้ถึงแม้ว่ายูลจะไม่ยอมรับเงื่อนไขของเขาในตอนนี้ แต่เขาจะบีบบังคับให้ยูลสละตำแหน่งประธานให้กับเขาในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน!ดังคำกล่าวที่ว่า… ประเทศจะขาดผู้ปกครองสูงสุดไม่ได้แม้แต่วันเดียวอาณาจักรธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และมีความหลากหลายอย่างโกลดิ้งกรุ๊ปจะขาดตำแหน่งประธานบริษัทไม่ได้ถึงแม้ว่ายูลจะยังมีชีวิตอยู่แต่เขาก็ป่วยมาก ถ้าเขาต้องเข้ารับการรักษาตัว เขาก็คงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดำเนินกิจการของบริษัท แต่ถ้าเขาไม่ยอมรักษาตัว เขาก็จะมีชีวิตอยู่อีกได้ไม่นานดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการสละตำแหน่งประธานบริษัทไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องใช้ยูลมอบอำนาจและตำแหน่งประธานบริษัท
เอเดรียนและโรแกนรีบวิ่งหนีออกไปจากบ้านของยูลพร้อมกับเหล่าลูกน้องในเวลานี้สาวใช้วิ่งเข้ามาแล้วพูดว่า "ท่านคะ พนักงานรักษาความปลอดภัยของเราบาดเจ็บไปหลายคนเลยค่ะ ฉันควร...”ยูลรีบพูดสวนขึ้นมาด้วยท่าทีเร่งเร้า "รีบโทรหา 911 เลย! ส่งพวกเขาไปรักษาตัวที่แฟร์วิว ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง รวมทั้งให้ค่ารักษาพยาบาลคนละสองล้านด้วย เดี๋ยวฉันจะให้เลขาของฉันไปจัดการเรื่องนี้เอง"สาวใช้พยักหน้าทันที หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา แล้วโทรไปที่ 911จากนั้นพวกเขาก็ไปดูอาการของเหล่าพนักงานรักษาความปลอดภัย พวกนั้นมีสภาพที่น่าเวทนา แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตคนพวกนี้รู้สึกละอายใจตัวเองมาก ถึงขนาดบางคนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองยูลด้วยซ้ำไป พวกเขาเอาแต่ก่นด่าตัวเองที่อ่อนแอและทำให้ยูลต้องผิดหวังอยู่ตลอดเวลายูลไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เลย เขาปลอบโยนพวกนั้นทีละคนว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นอุบัติเหตุ พวกนั้นวางแผนกันมาก่อนและพวกยอดฝีมือมากับพวกเขาด้วย การที่พวกนายสู้พวกนั้นไม่ได้ก็ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้"จากนั้นเขาก็สั่งว่า "ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก รีบไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใ
ชาร์ลีสูดหายใจเข้าไปจนเต็มปอดและชำเลืองมองพ่อแม่ลูกสามคน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "อาโกลดิ้ง น้าโกลดิ้ง นานา ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจอยู่ ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนผมก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกพวกคุณได้"จากนั้นเข้าก็หันไปหายูลแล้วพูดว่า "อาโกลดิ้งครับ ผมมีวิธีรักษาอาการป่วยให้ลุง ซึ่งจะช่วยให้ลุงกลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง!”ถ้าชาร์ลีพูดแบบนี้ในช่วงทานอาหารค่ำด้วยกัน ยูลก็คงไม่เชื่อเพราะเขารู้ดีว่าอาการป่วยของเขานั้นรักษาไม่หายแต่หลังจากที่ได้เห็นชาร์ลีใช้ความแข็งแกร่งเอาชนะจ้าวนักรบและจ้าวดินแดนได้นั้น เขาก็มีความศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวชาร์ลีขึ้นมาอย่างมากในทันใด เขารู้สึกว่าชาร์ลีจะต้องเชื่อมั่นในอะไรบางอย่างถึงได้ทำให้เขาพูดออกมาเช่นนั้นเขาถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า "ชาร์ลี… เธอแน่ใจเหรอว่าจะรักษาฉันได้?”ราเชลก็พูดขึ้นพร้อมกับดวงตาสีแดงและบวมเป่ง "ชาร์ลี ตอนนี้อาการของยูลร้ายแรงมาก เราปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดทางด้านนี้แล้ว แต่พวกเขา...”ราเชลไม่อาจฝืนพูดจนจบประโยคได้พวกเขาได้ยินได้ฟังเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้วไม่ว่าพวกเขาจะไปพบผู้เชี่ยวชาญคนไหน ทุกคนต่างก็บอกว่าไม่มีทางรักษาโรคมะเ
ประสิทธิภาพของยาอายุวัฒนะนั้นไม่มีอะไรต้องคลางแคลงใจเลยนี่คือสาระสำคัญที่บันทึกไว้ในคัมภีร์วันสิ้นโลก ซึ่งสามารถทำให้ต้นไม้ที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนแก่ชรากลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้งและทำให้คนที่กำลังจะตายกลับมามีสุขภาพดีได้ในเวลานั้นผู้คุ้มกันของตระกูลเว็บบ์ทำให้อัลเบิร์ตได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาเกือบจะสิ้นลมหายใจอยู่แล้ว แต่รอดมาได้เพียงแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้นในสถานการณ์แบบนั้น ถึงแม้ว่าแพทย์ที่เก่งที่สุดในโลกจะช่วยชีวิตเขาได้ แต่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตสมองของเขาได้ ส่งผลให้เขาอยู่ในสภาพที่ไม่ผิดอะไรกับพืชผักแต่หลังจากกินยาอายุวัฒนะเข้าไปแล้ว อัลเบิร์ตไม่เพียงแต่กลับมาแข็งแร็งอย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ร่างกายของเขายังอยู่ในสภาพที่อ่อนเยาว์กว่าเดิมอย่างน้อย ๆ ก็สิบปีเลยด้วยนี่แสดงให้เห็นว่ายาอายุวัฒนะนี้มีมนต์ขลังเพียงใดดังนั้นชาร์ลีจึงเชื่อว่ายาอายุวัฒนะนี้จะช่วยรักษายูลได้ในเวลานี้ยูลได้กินยาอายุวัฒนะต่อหน้าภรรยาของเขา แล้วทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสบายตัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อยาเม็ดนั้นได้ละลายอยู่ในท้องของเขาก่อนหน้านี้ร่างกายของเขาเป็
หลังจากล้มป่วยยูลก็คิดถึงตัวเองในอดีตบ่อย ๆในเวลานั้นเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ ! ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุถึงสี่สิบห้าปีแล้ว แต่เขาก็ยังอยากเป็นเหมือนชายหนุ่มในวัยสามสิบปีในความเป็นจริง… ร่างกายของเขาในเวลานั้นมีรูปร่างที่ดีกว่าคนทั่วไปในวัยเดียวกันอันเนื่องมาจากการเลี้ยงดูที่ดี ถึงแม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในการแบกโลงศพ แต่เขาก็ทำได้สำเร็จ!ในเวลานี้ช่วงเวลาที่แข็งแรงสุด ๆ ของเขาได้กลับมาแล้ว!ยูลนั่งบนเก้าอี้แล้วปล่อยโฮออกมาทันที!เขารู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นของขวัญจากพระเจ้า! ตอนที่เขาป่วยหนักนั้น เขาหวังเพียงให้ตัวเองมีชีวิตรอด เขาไม่เคยคิดที่จะกลับมามีความแข็งแรงสุด ๆ แบบนี้ได้อีกในชีวิตนี้!แต่ตอนนี้เรื่องราวมหัศจรรย์กำลังเกิดขึ้นกับเขา! ในขณะนี้ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับร่างกายของยูลเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาราเชลและควินน์ด้วย!พวกเขามองเห็นใบหน้าที่ดูดซีดเซียวของยูลเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว ชนิดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเบ้าตาที่กลวงโบ๋และรอยคล้ำรอบดวงตาที่มักเกิดกับผู้ป่วยระยะสุดท้ายก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว ผมขาว ๆ ของเขาก็เปลี่ย
ในเวลานี้ราเชลและควินน์ต่างก็ร้องไห้อย่างหนักจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งสองคน… คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกคนอยู่ทางขวา… ต่างกุมมืออันอบอุ่นของยูลเอาไว้ พวกเขารู้สึกตื้นตันมากจนถึงขั้นพูดอะไรไม่ออกยูลไม่เคยทำการทดสอบทางการแพทย์ใด ๆ นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่ได้รับรายงานใด ๆ ที่เชื่อถือได้ว่าจะสามารถรักษายูลได้ แต่ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันเหล่านี้ พวกเขาก็ยังคงเชื่อสายตาและวิจารณญาณของตนเองว่ายูลได้หายเป็นปกติแล้ว!ในฐานะที่เคยสัมผัสกับประสิทธิภาพของยาอายุวัฒนะมาด้วยตัวเอง ยูลจึงรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี เขามีความแน่ใจถึงหนึ่งหมื่นเปอร์เซ็นต์ว่าเขาไม่เพียงแต่หายเป็นปกติแล้วเท่านั้น แต่สภาพร่างกายของเขายังย้อนกลับไปตอนที่เขามีอายุสี่สิบปีด้วย ซึ่งก็ประมาณสิบปีมาแล้วนั่นเองนี่ทำให้เขาปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่งเขาใช้เวลาอยู่นานในการระงับอารมณ์ความรู้สึกของเขาเอาไว้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองชาร์ลีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ผลักภรรยาและลูกสาวออกไปอย่างนุ่มนวล เขางอขาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าชาร์ลี ชาร์ลีไม่เคยคิดเลยว่ายูลจะนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา