ตอนนี้ชาร์ลีถือว่าจัสมินเป็นเพื่อนสนิทของเขา และยินดีที่จะปกป้องเธออย่างสุดกำลังส่วนในดวงตาของไทเลอร์และรูเบนกลับร้อนผ่าวไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความรู้สึกอยากฆ่าคนพวกเขาเฝ้ารอคอยตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวมาหลายปี จึงไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าจัสมินได้รับตำแหน่งนี้ไปครองได้แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านแน่ ๆ ถ้าอยากจะได้ตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกนี้มาครองดังนั้นพวกเขาจึงต้องวางแผนกลยุทธ์อย่างชาญฉลาด พวกเขาตัดสินใจที่จะทำการเคลื่อนไหว และต้องแน่ใจว่าจะได้รับชัยชนะในงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ จัสมินเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยความรู้สึกจากก้นบึ้งของจิตใจจัสมินในตอนนี้คือ เธอรู้สึกรักและสำนึกในบุญคุณของชาร์ลีอย่างสูงสุดผู้หญิงที่ชาญฉลาดอย่างเธอจะไม่รู้ถึงความตั้งใจของเขา ในการให้อายุวัฒนะกับเธอได้อย่างไรกัน?ใครจะได้ประโยชน์จากอายุวัฒนะนี้มากที่สุดล่ะ? ก็ต้องเป็นคนแก่อย่างแน่นอน คนที่แก่มาก ๆเธอมีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้น จึงไม่ต้องการยาอายุวัฒนะนั่นเลย ดังนั้นจึงต้องใช้เป็นของขวัญเพื่อมอบให้คุณปู่ของเธออีกต่อหนึ่งคุณปู่ของเธ
ชาร์ลีกำลังจะตอบตกลงตามคำชวนของพอลอยู่แล้ว เมื่อจู่ ๆ จัสมินผู้งดงามก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา ใบหน้าของเธอดูเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูด้วยความเขินอายก่อนจะพูดว่า "ไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะ คุณพอล ฉันจะไปส่งปรมาจารย์เวดที่บ้านเองค่ะ"พอลเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าลึก ๆ แล้ว จัสมินจะต้องรู้สึกหลงรักชาร์ลีอย่างแน่นอนจัสมินในฐานะเจ้าของวันเกิดไม่ควรเสนอตัวไปส่งแขกด้วยตัวเอง แต่ไม่ใช่ในคืนนี้วันนี้เป็นวันเกิดของเธอและเป็นวันแรกที่เธอได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลมัวร์ แต่เธอกลับอาสาไปส่งแขกด้วยตัวเองหลังงานเลี้ยงเลิกรายิ่งไปกว่านั้น ยังมีแขกผู้มีเกียรติอีกมากมายอยู่ที่นี่ในวันนี้ แต่เธอเลือกที่จะไปส่งชาร์ลีกลับบ้านแค่คนเดียว เห็นได้ชัดว่าเธอให้คุณค่าและเอาอกเอาใจชาร์ลีมากเพียงใดพอลส่งเสียงกระแอมกระไอในลำคอ แล้วพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเหนียมอาย "โอ้ ใช่แล้ว จู่ ๆ ผมก็นึกได้ว่าผมมีภารกิจบางอย่างต้องทำ แล้วบ้านของปรมาจารย์เวดก็อยู่นอกเส้นทางซะด้วยสิ ต้องรบกวนคุณมัวร์ไปส่งปรมาจารย์เวดกลับบ้านแล้วล่ะครับ!”จัสมินพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเขินอาย "ไปทำธุระของคุณเถอะค่ะ ฉันจะดูแลปรมาจารย์เวดเอง"ชาร์ลียิ้มอย่างอ่อนโยน
ฮาร์วี่ย์รู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ ที่ได้เห็นชาร์ลี จึงวิ่งไปหาเขาอย่างกระตือรือร้น แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจาทักทายกับชาร์ลี เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาเป็นคนขับรถของทราวิสแล้ว ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ถือว่าหยาบคายและรับไม่ได้ เขาจึงรีบหยุดแสดงสีหน้าตื่นเต้น แล้วพูดขึ้นด้วยความเคารพว่า "สวัสดีครับคุณเลน!”ทราวิสตบไหล่เขาเบา ๆ พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า "หยุดวางตัวแบบนักการทูตได้แล้ว คุณเป็นเพื่อนรักของปรมาจารย์เวดนะ ซึ่งก็หมายความว่าคุณเป็นเพื่อนรักกับผมเหมือนกัน ถึงแม้ผมจะมีอายุแก่กว่าตั้งสิบปี แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนรักได้เหมือนกัน!”ฮาร์วี่ย์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว รู้สึกประหลาดใจและปลื้มใจในขณะนี้ชาร์ลีเดินเข้ามาหาเขา ส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น แล้วถามว่า "เป็นยังไงบ้างฮาร์วี่ย์ ทุกอย่างโอเคไหม? นายสบายดีไหม? แล้วงานใหม่เป็นยังไง?”ฮาร์วี่ย์ตอบด้วยความรู้สึกขอบคุณ "ชาร์ลีเพื่อนรัก ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลย! ถ้าไม่มีนายก็ไม่มีฉันในวันนี้! นายคือผู้ช่วยชีวิตของฉัน!”ชาร์ลียังคงยิ้มอย่างอบอุ่นในขณะที่พูดว่า "ใคร ๆ ต่างก็จะได้พบกับผู้ช่วยชีวิตในช่วงหนึ่งของชีวิตด้วยกันทุกคน นายคิดว่า ฉันป็นผู้ช่วยชีวิต
จัสมินพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลในตอนนี้ว่า "ปรมาจารย์เวดคะ ไปกันเถอะค่ะ"“โอเคครับ"***จัสมินขับรถเบนท์ลีย์สีแดงพาชาร์ลีออกจากคฤหาสน์มัวร์จัสมินเกิดอาการใจเต้นอย่างรุนแรง เธอไม่เคยรู้สึกประหม่าต่อหน้าชาร์ลีเช่นนี้มาก่อนเมื่อเกิดความเงียบที่ชวนให้รู้สึกอึดอัดขึ้นในรถ จัสมินก็ทำเสียงกระแอมกระไอในลำคอ พยายามหาหัวข้อในการสนทนา แล้วพูดว่า "ปรมาจารย์เวด ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ฉันไม่คิดว่าคุณจะให้ยาอายุวัฒนะนั้นกับฉัน นับเป็นของขวัญที่มีราคาแพงมาก! ฉันเป็นหนี้คุณอย่างมากเลยค่ะ"ชาร์ลียิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า "พูดตามตรงนะครับ เหตุผลที่ผมให้ยาอายุวัฒนะกับคุณก็เพื่อช่วยคุณปู่ของคุณด้วยค่าใช้จ่ายของผมเอง เมื่อใช้ยาเม็ดนี้แล้วนายท่านมัวร์จะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100 ปีเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องอยากได้ยาอายุวัฒนะที่ผมมอบให้คุณอย่างมาก แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนที่มีความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาจึงไม่แค่รับยาจากคุณเฉย ๆ แต่จะต้องมีสิ่งตอบแทนให้อย่างแน่นอน"จัสมินพยักหน้าอย่างสง่างาม "ปรมาจารย์เวดคะ ขอบคุณมากสำหรับการใช้ความคิดตรึกตรองของคุณ ฉันรู้สึกซาบซึ้งจริง ๆ ตั้งแต่นี้
จัสมินยิ้มเหมือนเด็ก ๆ ที่กำลังได้ขนมที่โปรดปราน เมื่อได้ยินว่าชารืลีต้องการจะทำเครื่องรางของขลังให้เธอเธอไม่รู้ว่าเครื่องรางของขลังนั้นมีหน้าตาเช่นไรหรือทำงานอย่างไร แต่เธอมีความสุขมากที่รู้ว่า ชาร์ลีอยากจะทำเครื่องรางของขลังให้เธอโดยเฉพาะด้วยมือของเขาเอง แค่เหตุผลนี้ก็เพียงพอจะทำให้เธอลอยขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดได้แล้วดวงตาของเธอแดงก่ำชุ่มไปด้วยน้ำตา เธอพูดขึ้นด้วยความซาบซึ้งใจว่า "ปรมาจารย์เวดคะ คุณใจดีกับฉันมากเกินไป ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดีเลยค่ะ!”ในขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นี้ ก็มีเสียงของเธอดังก้องขึ้นในหัวว่า 'ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากอุทิศชีวิตนี้ให้กับคุณ เพื่อตอบแทนความกรุณาของคุณ ฉันหวังว่าฉันจะสามารถอยู่กับคุณไปจนตลอดชีวิต และอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป'แต่อย่างไรก็ตาม นายหญิงที่มีความภาคภูมิใจแห่งตระกูลใหญ่จะพูดออกมาดัง ๆ อย่างนี้ได้อย่างไรกัน!ชาร์ลีไม่ค่อยให้ความสนใจตรงนี้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ความชอบธรรม และความรู้สึกสำนึกในบุญคุณจัสมินไม่ใช่ผู้มีพระคุณของเขา แต่เธอเป็นเพื่อน… เพื่อนที่มีความหนักแน่นและไว้ใจได้เขามีความบริสุทธิ์ใจเป็นอย่างมากที่มีเพื
ชาร์ลีพยักหน้าแล้วพูดว่า "โอเคครับ แต่บันไดค่อนข้างชัน เวลาเดินลงไปก็ระวังด้วยนะครับ"จัสมินยื่นมือที่แสนนุ่มนวลของเธอออกไปให้ชาร์ลีจับอย่างอาย ๆ แล้วพูดด้วยเสียงนุ่ม ๆ ว่า "ปรมาจารย์เวด คุณช่วยจับมือฉันหน่อยได้ไหมคะ? ฉันกลัวจะหกล้ม...”พูดตามตรง เธอไม่ได้กลัวล้มอะไรหรอก แต่ต้องการจะใช้โอกาสนี้เข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ชาร์ลีให้มากขึ้นต่างหากชาร์ลีเหลือบตามองไปที่บันไดหิน ซึ่งมีความสูงชันและทอดตัวยาวไปจนถึงริมฝั่งแม่น้ำ จัสมินเป็นเด็กสาวที่สวมชุดรัดรูป จึงเคลื่อนไหวได้ไม่ถนัดนัก และคงจะดูแย่มากถ้าเกิดเธอลื่นล้มลงไป เขาจึงจับมืออันบอบบางของเธอ แล้วพาเธอเดินลงบันไดหินไปอย่างระมัดระวังในขณะนี่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ บางเวลาก็มีเรือสองสามลำที่เปิดไฟแล่นผ่านไปตามแม่น้ำเป็นครั้งคราว เครื่องยนต์ดีเซลส่งเสียงดังจนหนวกหู แต่ก็ไม่ได้สร้างมลภาวะทางเสียงให้กับบริเวณริมฝั่งแม่น้ำที่ว่างเปล่าเลยชาร์ลีปล่อยมือจัสมินเมื่อเดินมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ เขายิ้มอย่างอบอุ่นในขณะที่มีสายลมเย็น ๆ พัดมาปะทะใบหน้าของเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า "โอ้โห ที่ตรงนี้ดีมากจริง ๆ ครับ"จัสมินยิ้มอย่างเขินอาย
ในขณะที่ชาร์ลีนึกถึงตอนที่เขาพบจัสมินครั้งแรกอยู่นั้น เขาก็ยังรู้สึกด้วยว่า นี่เป็นประสบการณ์ที่ชวนให้รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยในครั้งนั้น ถ้าเขาไม่ได้ไปที่ร้านขายของเก่า เดอลุคซ์กับพ่อตา เขาก็คงจะไม่มีโอกาสได้รับคัมภีร์เล่มนั้นถ้าไม่มีคัมภีร์เล่มนั้น เขาก็คงเป็นได้แค่นายเวด ไม่ใช่ปรมาจารย์เวดอย่างทุกวันนี้ถ้านำมาเปรียบเทียบกันแล้ว เขายังพอใจกับคำนำหน้าว่าปรามาจารย์เวด ซึ่งต้องแลกมาด้วยพละกำลังและความสามารถของเขา ส่วนคำว่านายเวดนั้น ไม่ได้บ่งบอกอะไรนอกจากนามสกุลของเขาเท่านั้น เบื้องหลังคำนำหน้าชื่อว่านายเวดนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถของตัวเองเลย มีแต่บ่งบอกถึงความสามารถของตระกูลเท่านั้นดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่ถูกลิขิตให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้วเขาถูกลิขิตให้รู้จักกับจัสมิน และยังถูกลิขิตให้ครอบครองคัมภีร์เล่มนั้นด้วยเขาหันไปหาจัสมิน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "พูดตามตรงนะครับ เวลาที่คนคนหนึ่งได้พบกับอีกคนหนึ่งนั้น เป็นการพบกันที่พรหมลิขิตได้กำหนดเอาไว้ บางทีหลายสิ่งหลายอย่างก็ถูกลิขิตให้เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้มาก่อน"จัสมินหน้าแดงด้วยความเ
เมื่อเขาจับมือเธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและเบิกบานใจอย่างแท้จริงด้วยความที่บันไดหินนั้นสูงชัน ชาร์ลีจึงยื่นมือออกมาโดยสมัครใจ แล้วพูดว่า "ให้ผมจับมือคุณไว้ตอนเดินขึ้นไปดีกว่าครับ"ในหัวใจของจัสมินเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและเขินอายแบบเด็กสาว ที่กำลังมีความรักครั้งแรก เธอยื่นมือออกไปอย่างยินดี แล้วปล่อยให้เขาจับมือของเธอไว้เธอเดินตามหลังเขาเหมือนลูกแกะขี้อาย แล้วเดินขึ้นไปทีละขั้นช้า ๆเมื่อพวกเขากลับเข้าไปในรถ ใบหน้าสวย ๆ ของจัสมินยังคงมีสีชมพูเรื่อด้วยความเขินอาย หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติเพราะความประหม่าและเขินอายเธอสตาร์ทรถอย่างลนลาน แล้วพูดว่า "ฉันจะพาคุณกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ปรมาจารย์เวด"ชาร์ลีพยักหน้า จากนั้นจัสมินก็ขับรถกลับไปที่ถนนใหญ่รถแล่นข้ามสะพานมาถึงบริเวณทางเข้าวิลล่าธอมป์สันเฟิร์สเมื่อรถจอดสนิทดีแล้ว ชาร์ลีก็พูดว่า "ขอบคุณที่ขับมาส่งนะครับ"จัสมินรีบพูดว่า "ด้วยความยินดีค่ะปรมาจารย์เวด"ชาร์ลีกล่าวลาว่า "ขับรถกลับดี ๆ นะครับ"“ขอบคุณค่ะ" จัสมินพยักหน้าอย่างฝืน ๆ เมื่อชาร์ลีกำลังจะเปิดประตูรถออกไป จัสมินก็เกิดอาการลุกลี้ลุกลน แล้วพูดด้วยความตื่นตร
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
ชาร์ลีหยิบภาพวาดที่ยูลมอบให้เขาจากมือของดีแลน ก่อนจะยื่นให้กับยายของลอรีนด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณยายโธมัสครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผมครับ ผมหวังว่าคุณยายจะรับมันไว้ และผมอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเมื่อกี้นี้ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณยาย ผมหวังว่าคุณยายคงจะให้อภัยผมนะครับ”คุณท่านโธมัสรู้สึกปลื้มใจแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณเวด ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เป็นเพราะหลานชายของฉันทำอะไรผิดไป ฉันมาคิดดูแล้ว… ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเราละเลยในการอบรมสั่งสอนหลานของเรา จึงทำให้คุณเวดต้องเดือดร้อน”ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็มองดูภาพวาดก่อนจะพูดว่า “คุณเวดคะ ภาพวาดนี้มีมูลค่ามากเหลือเกิน ฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “คุณยายโธมัสครับ ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแคลร์และผม มูลค่าของของขวัญชิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย คุณยายไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ พูดตามตรงนะครับ ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงินกับของขวัญชิ้นนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณโกลดิ้งจากโกลดิ้งกรุ๊ปมอบภาพวาดนี้ให้ผม แล้วผมก็นำมา
เมื่อได้ยินว่าเขาจะต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง ดีแลนก็ส่ายหัวอย่างบ้าคลั่งทันที!เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงต้องทนทุกข์ทรมานและรู้สึกคับข้องใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเขาต้องอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด โดยมีค่าครองชีพเดือนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ถ้าเขาต้องไปขนปูนซีเมนต์ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก และต้องเจอะเจอความยากลำบากมากมายในไซต์ก่อสร้างแห่งนั้นเขาจึงพยักหน้าแบบไม่คิดอะไรทันที “คุณเวดครับ ผมยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดของคุณแล้ว ผมจะไม่ต่อรองอะไรกับคุณแล้วครับ! ขอแค่อย่าส่งผมไปไซต์ก่อสร้างนั้นเลยนะครับ…”ชาร์ลีรู้สึกพอใจมากแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าลืมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีหลังจากนายไปถึงที่โอลรัสฮิลล์แล้ว อย่าสร้างปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ ถ้านายยังคงอยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่อไป ทายาทที่ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างนาย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่ร้ายแรงกว่านี้ได้ในสักวันหนึ่ง นายอาจเข้าไปพัวพันและทำให้ให้ตระกูลโธมัสและตระกูลโคชต้องเดือดร้อนได้!”ในเวลานี้สองพี่น้องอย่างเจริลและจาเวีย์ก็อดที่จะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ดูเหมือนคำพูดของชาร์ลีจะทำให้คนทั้งคู่
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ การปั่นจักรยานอย่างยากลำบากจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังพอรับได้ การที่ต้องปั่นจักรยานเป็นเวลาครึ่งเดือน ก็ยังดีเสียกว่าการนอนบนเตียงอยู่ครึ่งเดือนหลังผ่าตัดนอกจากนี้เขายังรู้สึกคับข้องใจอย่างมากในระหว่างการผ่าตัดครั้งล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังไม่หายดีเลย ถ้าเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบเดิมอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ เขาก็จะต้องได้รับความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างแน่นอนในเวลานี้ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์ก็เพื่อให้นายได้ไปปรับปรุงตัวและกลับเนื้อกลับตัวใหม่ นายคิดว่า การที่ฉันให้นายไปที่โอลรัสฮิลล์เพื่อให้ไปสนุกสนานกับชีวิตที่นั่นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะ นายจะต้องปั่นจักรยานธรรมดา ๆ อย่าง Phoenix 28 เท่านั้น ใช้อย่างอื่นไม่ได้เลย! ไม่งั้นฉันจะให้นายปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์พร้อมกับเกวียนที่บรรทุกก้อนอิฐไปจนเต็มคัน!”“แล้วหลังจากนายไปถึงโอลรัสฮิลล์ นอกจากนายจะต้องคอยขับรถรับส่งให้กับลอรีนแล้ว นายต้องเช่าห้องเดี่ยวในชุมชนแออัดคลิฟฟ์คูลส์ด้วย ค่าใช้จ่ายรายเดือนรวมถึงค่าเช่าบ้านของนายจะต้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท!”
เมื่อเขาได้ยินว่า จะต้องขี่จักรยานจากอีสต์คลิฟฟ์ไปยังโอลรัสฮิลล์ตลอดทาง และต้องอยู่ในโอลรัสฮิลล์ในฐานะคนขับรถเป็นเวลาหนึ่งปี ดีแลนก็รู้เหมือนกำลังจะตายไปแล้วจริง ๆ ประเด็นก็คือระยะทางจากอีสต์คลิฟฟ์ไปโอลรัสฮิลล์นั้น มีระยะทางมากกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะไม่ตายเพราะหมดแรงถ้าต้องปั่นจักรยานไปตลอดทางจริง ๆ เหรอ?แล้วตอนนี้ก็อยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เขาจะต้องขี่จักรยานตลอดทางไปจนถึงภาคใต้ แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้พักในโรงแรมเลยด้วย ข้อกำหนดเหล่านี้รุนแรงเกินไปไม่ใช่เหรอ?ดีแลนรู้สึกเสียใจมากและน้ำตาก็เริ่มไหลอาบใบหน้านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย… เขาเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลโคช แต่จะต้องขี่จักรยานไปจนถึงโอลรัสฮิลล์? เขาจะไม่ล้มตายไปในระหว่างทางหรอกเหรอ?คงจะน่าทึ่งมากถ้าเขาสามารถปั่นจักรยานได้วันละห้าสิบ หรือหกสิบกิโลเมตรระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตร เขาจะต้องปั่นจักรยานไปประมาณยี่สิบวัน!แต่นี่มันเดือนธันวาคมแล้วนะ!เขาสะอึกสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “คุณเวดครับ ถ้าผมเริ่มปั่นจักรยานไปโอลรัสฮิลล์ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงเป็นเดือนมกราคมแล้ว น้องสาวผมจะต้องกลับมาฉลองปีใหม่ที่
ลอรีนดีใจมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณมากนะคะชาร์ลี!”ชาร์ลีรีบพูดว่า “รอเดี๋ยวนะ ผมจะไม่บังคับให้เขากลืนจี้หยกเข้าไป แต่ยังต้องลงโทษเขาด้วยวิธีอื่น ไม่งั้นเขาคงไม่จดจำไว้เป็นบทเรียน”ลอรีนรีบถามว่า “คุณจะลงโทษเขาด้วยวิธีไหนคะ ชาร์ลี? คงไม่ร้ายแรงไปกว่าการกลืนจี้หยกเข้าไปแล้วใช่ไหมคะ?”“ไม่หรอกครับ ชาร์ลียิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “คุณมั่นใจได้เลยว่า การลงโทษครั้งนี้จะส่งผลดีกับตัวเขาอย่างแน่นอน”ในที่สุดลอรีนก็รู้สึกสบายใจในขณะที่พูดอย่างเสน่หาว่า “ขอบคุณนะคะชาร์ลี ขอบคุณที่ให้อภัยพี่ชายของฉัน และปล่อยเขาไปเพราะเห็นแก่ฉัน ถ้าอย่างนั้น คุณให้โอกาสฉันได้ตอบแทนคุณดีไหมคะ…”ชาร์ลีถามด้วยความประหลาดใจ “คุณจะตอบแทนผมยังไงเหรอ?”ลอรีนกะพริบตาในขณะที่ยิ้มและพูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ และให้กำเนิดลูกชายตัวอ้วน ๆ เพื่อคุณ! คุณคิดว่ายังไงคะ?”ชาร์ลีตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ผมเป็นสามีของเพื่อนสนิทของคุณนะ!”ลอรีนพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้ค่ะ แต่คุณทั้งคู่แต่งงานกันแบบปลอม ๆ นี่! ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการแต่งงานกันอย่างแท้จริง! จริง ๆ แล