เหนื่อยชะมัดเลย วันนี้ฉันมีเรียนตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนนี่บ่ายสามแล้วเพิ่งเรียนเสร็จ วันนี้ช่างเป็นวันที่ตารางเรียนแน่นเอี๊ยดที่สุดในสัปดาห์จริงๆหมับ!“อ๊ะ! ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ฉันที่เอาแต่เดินก้มหน้าเปิดเสียงโทรศัพท์ก็ถูกมือหนาใหญ่ของใครบางคนกระชากต้นแขนให้เดินตาม“กลับ!” เพียงแค่ประโยคเดียวแต่บอกได้เลยว่าทำให้ฉันหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอไม่ใช่เพราะจู่ๆ เขามากระชากข้อมือฉันเพราะนั่นมันไม่ได้รุนแรงมากอะไรแต่ที่ฉันหงุดหงิดและหน้าบึ้งอยู่ตอนนี้เพราะน้ำเสียงห้วนๆ ของเขายังไงล่ะ“ปล่อยนะซาดีนส์ เป็นบ้าอะไรของนาย” ฉันขืนแรงดึงพร้อมกับสะบัดมือที่ถูกซาดีนส์จับกุมไว้ไปด้วยไม่เข้าใจหมอนี่จริงๆ จู่ๆ เกิดบ้าอะไรขึ้นมา เล่นมากระชากฉันต่อหน้าสาธารณะชนเพื่อนร่วมคลาสราวสามสิบชีวิตแบบนี้ แล้วไหนจะคนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่หยุดมองเราสองคนอีกล่ะ หน้าอายชะมัด!“ปล่อย เธอก็ตามเพื่อนทอมบอยกลับน่ะสิ”ทอมบอย? นี่ซาดีนส์มองยีนส์เป็นแบบนั้นเหรอ? แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะเพราะคำพูดเมื่อกี้ของซาดีนส์มันย้อนแย้งสุดๆ ปากบอกไม่ปล่อย แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือฉันอยู่ดี แถมเมื่อกี้เขายังเหล่ตามองข้อมือฉัน
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิ นายจะทำบ้าอะไรเนี่ย!”ฉันรีบหยุดมือซาดีนส์ที่กำลังจะเข้าเกียร์เพื่อออกรถทั้งๆ ที่เขาเพิ่งดับเครื่องยนต์ไปหมาดๆ“จะไปอำเภอ กลัวหมาคาบเมียไปแดก”โอ๊ย! เพลย์เยอร์จะเป็นบ้าตาย นี่ซาดีนส์เวอร์ชั่นหึงแรง หวงหนักใช่มั้ย?“นายพูดแบบนี้ดูถูกฉันเกินไปหน่อยมั้ย?” ฉันรีบเอามือกอดหน้าอกทำหน้าบึ้งหันหน้ามองกระจกรถฝั่งตัวเอง“เปล่า! ไม่ได้ดูถูก แต่ฉันไม่ไว้ใจมัน” ฉันมองเห็นความประหม่าในแววตาซาดีนส์ผ่านกระจกรถ“เฮียทีมเป็นคนดี”“เพลย์!” ฉันยังพูดไม่ทันจบซาดีนส์ก็เรียกชื่อฉันน้ำเสียงข่มต่ำไม่พอใจ“เงียบ! แล้วตั้งใจฟังห้ามพูดแทรก!” ฉันยกนิ้วชี้หน้าซาดีนส์เหมือนครูดุนักเรียนที่กำลังจะเถียง ซาดีนส์หุบปากลงทำท่าทางฟึดฟัดไม่พอใจที่ถูกฉันสั่งห้าม“ที่บอกว่าเฮียทีมเป็นคนดีน่ะ คือเรื่องจริง เขาไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวฉันเหมือนใครบางคน!” ท้ายประโยคแอบแขวะซาดีนส์เบาๆ ทำเอาคนที่ฉันสั่งห้ามพูดถึงกับทำแก้มป่องปากยื่นไม่พอใจ“แต่ต่อให้เฮียทีมจะดีแค่ไหน สุภาพบุรุษแค่ไหนตอนนี้ฉันคงรักใครไม่ได้แล้วล่ะ นอกจาก” ฉันหยุดคำพูดต่อไปไว้ พร้อมกับสูดลมเข้าปอดลึกๆ และ...ฟอดดดด “นอกจากเจ้าชายซาดีนส์คนนี้คนเดียว”ปึง
ผมนั่งมองคนตัวเล็กนอนต่อไปราวๆ ห้านาที เสียงข้อความมือถือเธอก็ดังขึ้นเรียกให้ผมสนใจมันมากกว่าคนที่หลับอยู่ตอนที่อยู่บนรถผมไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านข้อความของเธอ เห็นแค่หน้าจอโชว์ว่าใครแชทไลน์มาเท่านั้น เพราะตอนนั้นมันเป็นแค่สติ๊กเกอร์ถามว่าทำไรอยู่? ผมเลยไม่สนใจ แต่ตอนนี้ไม่สนใจคงไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าก่อนหน้าเพลย์คุยอะไรกับมันไว้บ้างเฮียทีม : พรุ่งนี้ว่างมั้ย? เฮียมีธุระสำคัญอยากคุยด้วยอื้ม! เอาไงดี ชู้หน้าด้านอยากคุยกับเมียชาวบ้านแบบนี้ จะบอกตรงๆ ไปเลยดีมั้ยว่าเพลย์มีคู่หมั้นแล้วกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ มันจะดูใจดำเกินไปหรือเปล่า?เพลย์เยอร์ : ที่ไหนคะ กี่โมง?โบราณบอกไว้ ข้าวของๆ เมียก็เหมือนของสามีเช่นกัน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวสามีคนนี้จะตอบข้อความพวกอยากตีท้ายครัวให้เองนะครับที่รักเฮียทีม : ร้านเน้นนมสด แถวมหาลัยเดิม เพลย์จำได้มั้ย?มีชื่อร้านนี้จริงๆ ในโลกเหรอวะ อ่านแล้วมันสยิวแปลกๆเพลย์เยอร์ : ร้านนี้ยังอยู่อีกเหรอคะเฮียทีม : ยังอยู่ครับ พี่ไปมาแล้ว ยังอยู่ที่เดิม xxxเฮียทีม : เจอกันพรุ่งนี้บ่ายโมงนะครับ ไว้พี่จะโทรหาเราเมื่อถึงร้านแล้วนี่มันวิธีเริ่มจีบสาวขั้นแรกนี่หว่า มีนัดไป
“คิดจะลักหลับเหรอเรา เดี๋ยวนี้กล้าหาญนะ”คำปรามาสถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มน่าสัมผัส ไหนจะมุมปากที่ยกยิ้มล้อเลียนนั่นอีก ทุกอย่างที่เป็นซาดีนส์ในตอนนี้มันทำให้หัวใจฉันสั่นระรัวยิ่งกว่าเดิม“บะ บ้า ลักหลับอะไร ไม่มี๊!” ก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่ทำไมฉันถึงได้ลนลานทำเสียงสูงให้เป็นพิรุธแบบนั้นกันนะ“หน้าแดงด้วย” คำแซ็วต่อมายิ่งทำให้ใบหน้าฉันเห่อร้อนยิ่งกว่าเก่า“ปะ ปล่อยเลย ปวดคอ” เพราะขืนแรงต้นคอไม่ให้ใกล้ชิดใบหน้าซาดีนส์มากไปกว่านี้เลยทำให้ส่วนต้นคอเกร็งและเริ่มจะชา“ไม่ปล่อย! จนกว่าจะตอบ เธอคิดจะลักหลับฉันจริงใช่ไหม?” บทจะดื้อรั้นเอาคำตอบก็ไม่ยอมจริงๆ นะหมอนี่!“เห็นฉันเป็นคนหื่นเหมือนนายหรือไง อย่าลืมว่าก่อนหน้าตัวเองก่อคดีอะไรเอาไว้?!” ฉันทำหน้าบึ้งปากยื่นใส่ซาดีนส์“ทำอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ซาดีนส์ยอมปล่อยฉันเป็นอิสระ ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงพิงโซฟาท่าทางสบายๆ“นายแอบเข้าห้องฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต” เมื่อร่างกายเป็นอิสระ ระยะห่างปลอดภัย ฉันก็รีบเปลี่ยนโทนเสียงเป็นเสียงเข้มและดุทันที“ไม่ได้แอบเหอะ! เรียกแล้วเรียกอีก แต่เธอไม่ตอบ คนมันเป็นห่วงก็เลยใช้กุญแจสำรองไข
พูดถึงผู้หญิงของเฮียทีมฉันยังระแวงไม่หาย เธอรักเฮียทีมออกขนาดนั้น ยอมทำเรื่องร้ายกาจเพื่อที่จะได้เขาไปครองตั้งมากมาย แล้วเธอจะยอมเลิกกับเฮียทีมได้ง่ายๆ เลยเหรอ?หมับ!“คิดอะไรอยู่เรา” แรงสัมผัสตรงหว่างคิ้วทำให้ฉันได้สติ“เปล่า จะฟังต่อมั้ย” ฉันปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทิ้งเรื่องผู้หญิงคนนั้นไว้ในอดีตตามเดิม“ไม่ล่ะ ขี้เกียจฟังเรื่องแฟนเก่าเธอ”“อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะ?”ฉันร้องประท้วงเมื่ออยู่ๆ ซาดีนส์ก็คว้าร่างฉันขึ้นมานั่งบนตักแกร่งเขา แผ่นหลังฉันแนบกับแผงอกแกร่ง ทำให้หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและตกใจ“ถ้าเธอไป ฉันจะงอน” ซาดีนส์ใช้คางวางเกยบนลาดไหล่ฉันตอนพูดประโยคนี้ ทำเอาไรขนอ่อนที่ต้นคอพากันรุกเกรียวอย่างห้ามไม่ได้“มันเสียมารยาทนะซาดีนส์” ฉันย่นคอห่อไหล่เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเรา แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะยิ่งพยายามดิ้นหนี ซาดีนส์ยิ่งทั้งกอดรั้งเอวและกดคางลงบนไหล่ฉันหนักหน่วงยิ่งขึ้น“งั้นฉันไปด้วย” ประโยคเอาแต่ใจมาอีกแล้ว“นายไม่เชื่อใจฉันเหรอ?” ฉันเลิกดิ้นรนขัดขืนการลวนลามของคนด้านหลัง เพิ่มระดับน้ำเสียงให้แข็งขึ้นหนึ่งระดับ“ฉันเชื่อใจเธอ แต่ไม่เชื่อใจมัน”ซาดีนส์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเพื
หลังจากนั้นเราก็คุยกันเล็กน้อยเพราะผมยังรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ บาดเจ็บก่อนจะรีบวิ่งมาหาเพลย์ แต่กลับพบเพียงแค่เพื่อนทอมบอยของเธอนั่งอยู่คนเดียว“เพลย์ไปไหน” ไม่รอช้ารีบเอ่ยหาบุคคลที่หายตัวไปทันที“ไปหาชู้” เป็นคำตอบที่ทำเอาผมเสยผมหน้าม้าอย่างแรงเข้าใจว่าอาจจะเป็นแค่คำพูดประชด เพราะยีนส์เป็นคนที่ไม่ค่อยจะเหมือนผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่ผมฟังแล้วมันไม่โอเคไง“เอาดีๆ”“ก็เรื่องจริง” ยีนส์ยังคงยืนยันคำตอบเดิมด้วยใบหน้านิ่งเฉยไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร แต่ผมกลับมองเห็นแววตาสนุกของเธอ“ไอ้ทีม!” ผมสบทชื่อบุคคลที่โคตรจะเกลียดเข้าเส้นทันทีที่สมองนึกออกยีนส์ทำเพียงแค่นยิ้มเหมือนพอใจคำอุทานของผม“ที่ไหน” ผมเป็นคนใจเย็นในบางครั้ง แต่เรื่องนี้ผมเย็นไม่ไหวจริงๆใครจะเย็นลง เมียทั้งคนแต่ตอดไปหาไอ้แฟนเก่า สามีดีๆ ที่ไหนจะไม่หวงครับ“ไม่รู้สิ” ยีนส์หยักไหล่ส่ายหัวหน่อยๆ สำทับคำตอบ“ยีนส์ เฮียขอร้อง” ผมใช้น้ำเสียงอ่อนลง เมื่อรู้แล้วว่ายีนส์กำลังแกล้งผม เธอเหมือนไม่พอใจอะไรในตัวผมสักอย่าง ประมาณว่าไม่พอใจแทนเพื่อนเธอน่ะ“ม่อสาวเสร็จก็รีบถามหาคู่หมั้น มันน่ามั้ย?” ยีนส์มองบนใส่ผมแรงมาก ทั้งคำพูดคำจาที
“มีอะไรกันเหรอคะ” เสียงหวานใส ที่ฉันฟังแล้วถึงกับยืนตัวแข็งทื่อไม่จริง! ไหนเฮียทีมบอกว่าเลิกกันแล้วไง ทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ แถมยังยืนอยู่ตรงหน้าฉันระยะแทบจะประชิดตัวถ้าหากไม่มีซาดีนส์ยืนขวางอยู่แบบนี้อีก“เธอ!”“อ้าว! ซาดีนส์นั่นเอง นึกว่าใคร แล้วทำไมถึง...” เสียงหวานใสยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้สติฉันมันกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้วซาดีนส์รู้จักผู้หญิงคนนี้ ได้ยังไงกัน? ตอนไหน หรือว่า...ฉันเริ่มมีสติขึ้นมาจึงพอประติดประต่อเรื่องราวได้รางๆ เสื้อผ้าชุดนี้ ผมปล่อยยาวสลวยถึงกลางหลัง หุ่นผอมบางแบบนี้ คือคนเดียวกับที่ฉันเจอเธออยู่กับซาดีนส์ที่มหาวิทยาลัยทำไมล่ะ? ผู้หญิงของเขา ทำไมถึงรู้จัก ผู้ชายของฉัน!“โมนาร์” เฮียทีมเอ่ยชื่อผู้มาใหม่‘โมนาร์’ อดีตพี่รหัสที่มหาลัยเก่าฉัน และพ่วงตำแหน่งแฟนของเฮียทีม ต้นเหตุที่ทำให้ฉันกับเฮียทีมเลิกกัน“แล้วนั่น ใช่เพลย์เยอร์หรือเปล่าจ๊ะ!” เสียงหวานเอ่ยถามฉัน เธอทำสีหน้าคล้ายไม่แน่ใจว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือฉันจริงๆ หรือแค่คนหน้าเหมือน“นี่รู้จักกัน?”‘เสียงซาดีนส์สินะ’ ตอนนี้สติฉันมันเริ่มจะเบลอๆ จนแทบฟังบทสนทนาตรงนี้ไม่รู้เรื่องแล้ว เพราะสมองเอาแต่คิ
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ตอนที่ฉันอยู่ปีหนึ่งเทอมสอง วันที่ฉันเจอกับเฮียทีมครั้งแรก เพราะเรื่องบังเอิญที่ฉันดันวิ่งไปชนเข้ากับรุ่นพี่ตอนจะล้มมือดันไปคว้าเข้ากับคอเสื้อและทำเสื้อนักศึกษาเขาขาดตอนนั้นฉันทั้งอายและขายขี้หน้าสุดๆ แต่เฮียทีมเป็นคนน่ารัก พูดเพราะและเหมือนเราจะเข้ากันได้ดีเลยทำให้เริ่มคบหากันตั้งแต่นั้นมาแต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปได้เกือบสี่เดือน โมนาร์ที่เป็นพี่รหัสฉันก็เข้ามาคุยเรื่องเธอกับเฮียทีม เธอบอกฉันว่าเฮียทีมกับเธอเป็นคู่หมั้นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เธอไม่เคยแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเฮียทีมเลยสักครั้งเพราะเฮียทีมขอร้องไว้ และเธอเองก็รักผู้ชายคนนี้มากเลยไม่อยากมีปากเสียงและทะเลาะกันตอนนั้นทำเอาฉันถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นมือที่สามเข้าไปสอดแทรกระหว่างความรักของคนสองคน แต่ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรฝ่ายเดียวเลยไปถามเฮียทีมตรงๆ ในวันนั้น และคำตอบของเฮียทีมที่ตอบกลับมามันต่างกับสิ่งที่โมนาร์บอกอย่างสิ้นเชิง‘พี่ไม่เคยมีคู่หมั้น พี่กับโมนาร์เป็นแค่ญาติห่างๆ กัน เธออาจจะแค่ลองใจเพลย์ดูว่ารักพี่จริงหรือเปล่า’ตอนได้ฟังคำตอบจากเฮียทีมฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื
“อ๊ะ เจ็บ” ซาดีนส์ใช้ปากปลดกระดุมนักศึกษาเม็ดบนฉันออกได้สำเร็จพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงบนเนื้ออ่อนตรงนั้น เขาทั้งดูดดุนขบกัดจนคิดว่าตรงนั้นต้องเป็นรอยแดงช้ำแน่ๆ“ซะ ซีนส์ อื้อ” ตอนนี้ร่างกายฉันกำลังถูกรุกรานทั้งบนและล่างจากฝีมือผู้ชายคนเดียวกัน ปากหนาปลดกระดุมเสื้อฉันออกครบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความเย็นวาบของแอร์ตกกระทบกับร่างกายชวนให้เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม แต่ใช่ว่าความเย็นจากแอร์จะดับความกรุ่นร้อนของร่างกายซาดีนส์และฉันได้“เพลย์ อื้อ” เรียกทำไม ฉันอยากถาม แต่ตอนนี้สมองมันไม่ยอมสั่งการให้พูดความกรุ่นร้อนของลมหายใจคนบนร่างกำลังต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่ท้องน้อยพร้อมกับลิ้นสากร้อนลากผ่านเป็นแนวตามลำตัวฉันลงไปยังขอบกระโปรง“ซะ ซีนส์ ไม่” ปากห้ามแต่มือไม้กลับทำได้แค่กำผ้าปูเตียงเท่านั้น“ไม่ทันแล้วเพลย์” ซาดีนส์เงยหน้ามาสบตากันแวบหนึ่งฉันมองเห็นความโหยหาและต้องการจากนัตย์ตาคู่สวยนั้น“วันนี้ฉันจะเอารางวัลจากเธอจนขาสั่นเลยล่ะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ซาดีนส์ค่อยๆ ละเลียดเรียวลิ้นชื้นลงยังใจกลางร่างกายส่วนล่างของฉัน “อ๊ะ ซีนส์ อย่า!”ปากสั่งห้าม แต่ร่างกายกับเคลื่อนไหวไปตามสัมผัสร้อนชื้น สะโพกงอนงามแ
“ปะ ปล่อยก่อน ซาดีนส์ มัน...”มันเสียว แต่ฉันไม่กล้าพูดออกไป “มันอะไร?” ยังจะแกล้งแหย่ฉันอีก“ไม่หยุด เพลย์จะโกรธแล้วนะ” ฉันรวบรวมลมหายใจเข้าเต็มปอดทำเสียงโหดใส่ซาดีนส์เพื่อกลั้นความสยิวที่ร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา“โกรธไปสิ เดี๋ยวง้อบนเตียง โอ๊ย!”สมน้ำหน้า! ไม่รอช้าฉันกระชากผมหมอนั้นเต็มกำมือเพื่อหยุดริมฝีปากหนาที่กำลังซุกซนมายังคอเสื้อนักศึกษาที่แหวกออก“ง้อบนเตียงเหรอ?” ฉันยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากการขยุ้มผมเขา“จะ เจ็บนะเว้ย!” เออ! ก็ทำให้เจ็บไงจะได้หยุดลวนลามฉันสักที“เจ็บแบบนี้ยังจะอยากง้อบนเตียงอีกมั้ย!” ฉันกระชากเสียงต่ำใส่“ง้อ... อะ โอ๊ย! ไม่ง้อแล้วๆ” ชิ! ฉันจิ๊ปากทำหน้าจิกกัดใส่ซาดีนส์“ไปนั่งตรงนู้นเลย ให้ห่างๆ ด้วย” ปล่อยมือที่ขยุ้มผมออก สั่งให้ซาดีนส์กลับไปนั่งที่เดิม แต่รู้อะไรไหม เขาทำท่าเหมือนจะเดินไปตามคำสั่งฉันในทีแรก แต่หลังจากนั้นไม่ทันชั่วพริบตาเขาก็...“ว๊าย! ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ฉันแหวใส่ด้วยความตกใจเมื่อซาดีนส์หันกลับมาแล้วช้อนร่างฉันขึ้นอุ้ม ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปตามสัญชาตยานเมื่อกลัวว่าจะตกจากที่สูงเลยสวมกอดเข้ารอบคอของซาดีนส์ทันที“เมื่อกี้ทำแสบนักนะ ไม่ยอ
“เพราะคนเรามีหัวใจแค่หนึ่งดวง และฉันก็ฝากมันไว้ที่ผู้หญิงที่ชื่อเพลย์เยอร์ไปชั่วนิรันดร์” คำพูดสารภาพรักของซาดีนส์ที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในรูปประโยคแต่กลับทำให้ฉันใจชื้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “ได้คำตอบแล้ว งั้นกลับกัน”“อ๊ะ! เฮียทีม” โมนาร์สะดุ้งร้องเมื่อเฮียทีมกระชากต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นตาม“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้แทนโมนาร์ด้วย และขอบคุณที่ช่วยปกป้องเพลย์”ประโยคแรกเฮียทีมเอ่ยกับฉัน ส่วนตอนท้ายเขาพูดกับซาดีนส์พร้อมกับโน้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ“นี่ปล่อยโมนะ เฮียทีม!” ฉันไม่ได้มองตามหลังสองคนนั้น แต่ได้ยินเสียงโมนาร์แหวใส่เฮียทีมจนกระทั่งประตูร้านปิดไป“เอ่อ ซาดีนส์” เมื่อภายในโต๊ะตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับซาดีนส์สองคนฉันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนเลยได้แต่เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ“กลับคอนโดกัน” แต่ซาดีนส์กลับฉวยกระเป๋าฉันไปถือแล้วเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย เมื่อกี้ถ้าตาไม่ฟาด ฉันเห็นหน้าเขาแดงๆ ด้วยล่ะอย่าบอกนะที่รีบชิ่งนี่คือเขินกับคำพูดตัวเอง?คนอะไรไม่รู้ จะทำให้ฉันหลงเสน่ห์เขาไปถึงไหนกันนะ แค่นี้ฉันก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเหอะ!หลังจากออกจากร้านกาแฟซาดีนส์ก็พาฉันตรงกลับมายังคอนโดทั