ตู๊ด ตู๊ดผมรอสายอยู่ไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับเสียงเง้างอน[ไม่ทราบโทรมาหาใครคะ] นี่แหละคุณหญิงที่โทรมาเมื่อกี้‘คุณหญิง’ ที่มีศักดิ์เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดไอ้ซาดีนส์สุดหล่อคนนี้ไงครับ“โอ๋ๆ ไม่งอนน้า คุณหญิงโทรมาคิดถึงเขาล่ะสิ”ผมรีบออดอ้อนปลายสายออกไปแทบลนลานแม่ผมชอบให้ผมอ้อนท่านน่ะ และถ้าใช้ไม้นี้ไม่ว่าแม่จะอารมณ์ไม่ดีขนาดไหนก็จะกลายเป็นคนอารมณ์ดีทันที[ไม่ต้องมาอ้อนคุณหญิงเลย งอนแล้วนะ] [โทรไปตั้งหลายสายไม่ยอมรับ ทำไม! ควงสาวไหนอยู่ล่ะ]นี่ถ้าผมเปิดสปีกเกอร์คนอื่นๆ ที่ได้ยินคงคิดว่าผมกำลังคุยกับแฟนอยู่เป็นแน่“ที่ไหนล่ะคุณหญิง ซีนส์กำลังจะขึ้นเรียนต่างหากครับ” ใครจะกล้าบอกว่ากำลังจินตนาการเรื่องใต้สะดือให้แม่ตัวเองฟังล่ะครับท่านยิ่งเคี่ยวเรื่องผู้หญิงกับผมอยู่ด้วย มีหวังคอขาดอย่างเดียว[เสาร์นี้ทำตัวให้ว่าง แล้วกลับมาหาคุณหญิงที่บ้าน ห้ามมีข้อแม้!]ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่าเสาร์นี้มีนัดแล้ว แต่แม่ก็คือแม่ ทั้งเจ้าระเบียบ เผด็จการแถมยังใหญ่สุดในบ้านด้วย มีหรือว่าไอ้ซาดีนส์คนนี้จะกล้าหือ“แต่ซีนส์มีธุระนะครับคุณหญิง ขอเป็นวันหลังได้มั้ย”ออดอ้อนเข้าไว้ น้ำเสียงน่ะทำให้น่าสงสารที่สุด
“ไม่อะ ไม่อยากลบ อยากหาแนวร่วมมากกว่า” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธคำแนะนำยีนส์ที่พร่ำบอกฉันมาหลายรอบแล้วยัยนี่ไม่รู้อะไร กว่าฉันจะได้คลิปเด็ดนั่นมาฉันเหนื่อยแค่ไหน ต้องลงทุนลงแรงตามไอ้หัวขาวนั่นเกือบสี่วันได้ กว่าจะได้โอกาสที่พวกเขาทำอะไรอุบาดๆ สักที“ยัง ยังอีก!” เสียงแข็งๆ มาพร้อมกับเอฟเฟคสายตาที่คาดขึง“...” ฉันทำได้เพียงแค่เบ้ปากเล็กน้อย พร้อมกับถอนหายใจฟืดยาว“ดีนะที่แกยังฉลาดพอ ใช้แอคเคาต์ปลอมอัปคลิปนั่นลง”อย่างที่ยีนส์มันชมนั่นแหละ ฉันฉลาดพอ ถึงแม้อยากให้คนทั้งมหาลัยรู้ว่าคนที่ทำให้พวกหล่อนๆ ตาสว่างคือ น้องเพลย์เยอร์น้อยคนสวยนี้แค่ไหน แต่ฉันเป็นพวกชอบปิดทองหลังพระ เลยไม่อยากเปิดเผยตัวตน“ยีนส์จ๋า... นะๆ” ฉันเปลี่ยนเป็นลงไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับยีนส์พร้อมกับกอดเอวบาง เอาหน้าซบหน้าอกหน้าใจที่นุ่มนิ่มๆ ของเพื่อนรักเพื่อออดอ้อน“ไม่ มี ทาง” ยีนส์รู้ทัน เธอรีบปฏิเสธคำขอร้องฉันแทบไม่ต้องคิดโด่! ก็แค่จะให้ปลอมแอคเคาต์หลายๆ แอคเคาต์เพื่อที่จะไปปั่นเมนต์เห็นด้วยกับฉันแค่นั้นเอง ฉันสมัครเองมั่วจนเว็บบอร์ดจะบล็อกไอพีอยู่แล้ว“ชิ งอน” ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย ไปหาแนวร่วมคนใหม่ก็ได้Rrrrทว่าฉันที่กำล
‘แม่เล็กสุดเยิฟ’ชื่อแม่อีกคนของฉันขึ้นโชว์เด่นหลา ไม่ต้องปล่อยให้ปลายสายรอนาน นิ้วเรียวสวยรีบสไลด์หน้าจอเพื่อรับทันที“สวัสดีค่ะแม่เล็ก คิดถึงน้องเพลย์ล่ะซี้~” ทักทายปลายสายเสียงอ้อนๆ แต่สายตาฉันกลับมองยีนส์ด้วยความแง่งอน[คิดถึงสิคะ แม่เล็กกลัวน้องเพลย์จะไปเที่ยวทำใครเขาเดือดร้อน]แม่นมาก! เหมือนแม่ฉันรู้เห็นสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้เลยอะ“โธ่! แม่เล็กอะ!” น้ำเสียงฉันเศร้าสลดลงทันทีที่ถูกจี้ใจดำฉันได้ยินเสียงยีนส์หัวเราะเยาะฉันเบาๆ พร้อมกับทำปากขมุบขมิบ‘สมน้ำหน้า โดนด่าใช่ม๊า~’ดูเพื่อนฉันสิ! ช่างแดกดัน[วันศุกร์นี้น้องเพลย์ไม่มีเรียนใช่ไหมคะ แม่เล็กโทรถามยีนส์มาค่ะ] ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าแม่ฉันรู้ได้ยังไง ท่านก็พูดเองตอบเองเฉยเลย“ทำไมต้องโทรถามยีนส์ด้วยคะ?” น้อยใจของแท้เลยอะทำไมมีอะไร ทั้งป๊าและแม่เล็กต้องโทรหาเพื่อนฉันก่อนทุกทีเลย[โอ๋ๆ ไม่น้อยใจนะคะคนสวยของแม่เล็ก] เนี่ย! ก็เป็นเสียแบบเนี๊ย!“แล้วตกลงวันศุกร์มีอะไรเหรอคะ” เพราะแค่แกล้งงอนไม่ได้งอนจริงเลยปรับเสียงให้เป็นโทนปกติแล้วถามท่านไป[แม่เล็กกับคุณพ่อมีเรื่องจะปรึกษาน่ะ ข่าวดีมากๆ ด้วย]หืม! ข่าวดีด้วยเหรอ? ชักอย่างรู้แฮ
แปะ~จบคำแซวฉัน เสียงฝ่ามือน้อยๆ ของแม่เล็กที่ตีเบาๆ ที่ต้นแขนฉันเป็นเชิงปรามสิ่งที่ทำลงไปก่อนหน้า ท่านจ้องฉันเขม็งบอกทางสายตาว่า‘นิสัยไม่ดีเลยค่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมย้อนคุณพ่อแบบนั้น’ ฉันคิดว่านะ“แฮร่ๆ” ยกมือลูบต้นแขนจุดที่แม่เล็กตีเบาๆ เหมือนมันเจ็บมากมายแก้อายที่ตัวเองเผลอทำนิสัยไม่ดีออกไปจริงๆ“ช่างลูกเถอะ!” คุณพ่อพูดกับแม่เล็กปนยิ้มขำให้กับความเจ้าระเบียบของแม่เล็กน้อยๆ“ค่ะคุณ” แม่เล็กยิ้มกลับให้คุณพ่อ พร้อมกับเขยิบเข้ามาใกล้ฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่าน“ตอนนี้น้องเพลย์ยังตามหาเจ้าชายในฝันคนนั้นอยู่มั้ยคะ?” แม่เล็กเล่นเปิดด้วยคำถามที่รู้ทั้งรู้ว่าฉันจะตอบอะไรออกไปแบบนี้เลยเหรอ“แน่นอนสิคะ เพลย์ไม่มีทางลืมเจ้าชายคนนั้นได้หรอกค่ะ” เสียงจริงจังของฉันทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมองหน้าพร้อมกับยิ้มให้กันเหมือนถูกอกถูกใจอะไรสักอย่าง“มีอะไรเหรอคะ” ฉันขมวดคิ้วแบบงงงวยถามออกไป“แม่เล็กจะบอกว่าคุณพ่อเราหาเจ้าชายน้องเพลย์เจอแล้วไงคะ”คำบอกเล่าของแม่เล็กทำให้ฉันสตั้นไปหลายวินาทีเหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งแล้วคิดว่าฝันไปน่ะ เคยเป็นกันมั้ย?“วะ ว่าไงนะคะ... แม่เล็กหาเขาเจอแล้วเหรอ? เรื่อง
[Sadins’s part]เครียด! เซงค์! หงุดหงิด!อารมณ์ผมตอนนี้แม่งหลากหลายบอกเลย มันบอกไม่ถูกทำไมชีวิตอิสระของหนุ่มโสดของไอ้ซาดีนส์ที่ได้ฉายาว่าเสือร้อยรักต้องมาเจอเรื่องคลุมถุงชนแบบนี้ด้วย นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ทำไมต้องเอาชีวิตอิสระอันมีค่าของผมมาล้อเล่นแบบนี้“ว่าไงตาซีนส์ ตกลงลูกจะไปดูตัวน้องกับคุณหญิงมั้ย?” คำถามที่ร้อยได้แล้วมั้ง ตั้งแต่ที่แม่เรียกผมกลับมาบ้านเมื่อเช้านี้ ท่านก็เอาแต่พร่ำถามว่าผมจะไปดูตัวกับว่าที่คู่หมั้นมั้ย ถ้าไม่ไปท่านจะยึดบัตรทุกอย่างที่เป็นของผม จะกักขังผมไม่ให้ออกไปหาผู้หญิงที่ไหนสามเดือนให้ตายเถอะ! ขาดเงินไอ้ซาดีนส์คนนี้ไม่ตายครับ (มีเพื่อนให้เกาะ)แต่ถ้าให้ผมขาดนารีถึงสามเดือนมีหวังซีนส์น้อยผมเป็นหมันแน่นอน“คุณหญิง~” ผมเรียกชื่อแม่ตัวเองเสียงลากยาว ทำตาเหมือนแมวขี้อ้อน“ไม่ค่ะ!” นั่นคือการบอกว่า ‘ไม่สงสาร’ ของแม่ผมครับเอาไงดีวะ! จังหวะที่ผมกำลังระดมสมองอันชาญฉลาดหาทางเอาตัวรอดในนาทีฉุกระหุกแบบนี้ ความคิดดีๆ ก็แวบขึ้นมาหึ! เอาสิ ได้เลย! ถ้าแม่อยากให้ผมไปดูตัวว่าที่คู่หมั้นนักผมก็จะไป“โอเค ผมไปก็ได้ แต่...”“ไม่มีข้อแม้ค่ะ” ผมยังพูดไม่ทันจบเลย ยังไม่ได้บอกเล
ก๊อก ก๊อกฉันที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีคนมาเคาะประตูห้อง ทำให้ฉันรู้ทันทีว่าได้เวลาที่จะต้องไปเจอกับเจ้าชายในวัยเด็กแล้ว“สวยมากค่ะน้องเพลย์” แม่เล็กคือคนที่เคาะประตูห้องฉันก่อนหน้า ท่านเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังจากที่เห็นชุดที่อยู่บนตัวฉัน“เพลย์ว่ามันดูเวอร์ไปไหมคะแม่เล็ก” ฉันก้มมองสำรวจตัวเองตั้งแต่ช่วงอกลงไปยันเท้าน้อยๆเดรสสีขาวลายลูกไม้ กระโปรงด้านหน้าสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ปล่อยชายด้านหลังยาวลากดิน ช่วงบนเป็นเสื้อแขนยาวปักลายฉลุที่ดูเรียบแต่หรูหรา ชุดที่ส่งตรงจากแม่เล็กแน่นอนล้านเปอร์เซนต์ เพราะนี่ไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ของฉันแม้แต่น้อย“แม่เล็กว่าเข้ากับน้องเพลย์ออก หรือว่าน้องเพลย์ไม่ชอบที่แม่เล็กยุ่งย่ามเรื่องชุดกัน แม่เล็กขะ...” ดราม่ามาอีกแล้วแม่เล็กของฉัน“โอ๋ๆ แม่เล็กอย่าน้อยใจสิคะ เพลย์ชอบค่ะ สวยดี แต่แบบว่ามันจะไม่ดูเวอร์ไปหน่อยเหรอคะ”“ไม่เลยค่ะ ชุดนี้เหมาะกับน้องเพลย์คนสวยของแม่เล็กที่สุด ใส่แล้วดูเป็นเด็กเรียบร้อย น่ารัก” แม่เล็กพูดแล้วก็ทำหน้าล้อเลียนฉันเบาๆท่านคงจะกำลังบอกฉันมันเป็นพวกแก่นแก้วหรือเปล่านะหลังจากที่เสียเวลากับเรื่องชุดฉันไม่นาน ตอนนี้พวกเราสามคนก็มารอฝ
“นี่! จะพาฉันไปไหน นิสัยไม่ดี ฉันเป็นผู้หญิงนะเว้ย!” เมื่อถูกลากเข้ามาในลิฟต์ได้สำเร็จ ฉันก็ทั้งดิ้นทั้งยกเท้าเตะไอ้สายเหลืองทันที“เลิกดิ้น! แล้วก็เลิกมโนว่าฉันจะลากเธอไปทำไม่ดี ฉันไม่พิศวาสผู้หญิงแก่นๆ แบบเธอ” วาจาร้ายกาจไม่พอ แต่ดูปากที่เบ้เหมือนกับรังเกียจฉันสิ“คิดว่าฉันอยากให้ไอ้สายเหลืองล่อลวงเพศเดียวกันแบบนายมาถึงเนื้อถึงตัวเหรอยะ เสนียดน่ะรู้จักเปล่า!” ด่ามาด่ากลับไม่โกง คอนเซ็ปเพลย์เยอร์เองค่ะ“เธอนี่มัน!” นึกคำด่าฉันไม่ทันล่ะสิ ถึงได้ทำท่าทางฟึดฟัดหัวเสียแบบนั้นสมน้ำหน้า!อยากเล่นกับเพลย์เยอร์ดีนัก มวยคนละชั้นเหอะ ไปเรียนมาใหม่ไป!หลังจากที่ลิฟต์พาฉันกับไอ้หัวขาวขึ้นมาถึงฉันสามสิบแปดชั้นบนสุดของโรงแรมนี้ ไอ้หัวขาวก็ลากฉันออกมาและเดินขึ้นบันไดมาอีกสิบกว่าขึ้นเพื่อมายังชั้นดาดฟ้า“พาฉันมาที่นี่ทำไม คิดจะผลักฉันตกตึกงั้นหรอ?” ฉันทำท่าทางหวาดระแวงเมื่อสมองมันคิดได้แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว“นี่จะมโนไปถึงไหน ใครจะไปฆ่าแกงกันได้ง่ายๆ” ผู้ชายตรงหน้าที่สวมชุดสูทสีขาวมีเสื้อคลุมปลายแหลมสีดำทับข้างนอกอีกชั้นพูดขึ้น“ถ้าจะคุยเฉยๆ จำเป็นมั้ยที่จะลากขึ้นมาดาดฟ้าขนาดนี้” ปากน่ะต่อปากต่อคำ
วูบ~และสักพักไอ้หัวใจบ้าก็เกือบจะหยุดเต้นลงซะงั้น“ก็ฉันเป็นคนแบบนี้ ตกลงแผนนายคืออะไร รีบๆ พูดจะได้รีบกลับ” น้ำเสียงหงุดหงิดนี่หวังว่าเขาคงไม่เอะใจกับมันหรอกนะ“ฉันตกลงกับคุณหญิง เอ่อ แม่ฉันน่ะ” หมอนี่คงชินกับการเรียกแม่ตัวเองแบบนั้น พอเห็นฉันทำคิ้วขมวดเพราะงงในชื่อที่เรียกเลยรีบเฉลย“แล้ว?” เพราะเขาไม่ยอมพูดต่อฉันเลยเร่งเร้า“ฉันตกลงกับแม่ฉันไว้ ว่าจะทดสอบเธอนิดหน่อย ถ้าเธอแกล้งทนฉันไม่ได้สักสองเดือนเรื่องงานหมั้นเราก็จะไม่เกิดขึ้น”แปร๊บ!ทำไมพอได้ยินคำว่า ‘งานหมั้นจะไม่เกิดขึ้น’ ฉันถึงรู้สึกเจ็บปวดที่อกข้างซ้ายแปลกๆ สรุปเขาคือเจ้าชายในวัยเด็กของฉันจริงหรือเปล่า?“ถามไรอย่างสิ!” บอกแล้วฉันเป็นคนตรงๆ ถ้าอยากรู้อะไรจะถามเลย แต่พอคนที่ฉันกำลังจะตั้งคำถามหันมามอง ปากมันก็หยุดทำงานซะงั้น“ว่า?” ไอ้หัวขาวเอียงคอหน่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นเหมือนเร่งเร้ารอฟังคำถาม“ที่นายไม่อยากหมั้นเพราะว่า... เพราะ เอ่อ” ทำไมกลับกรอกแบบนี้เพลย์เยอร์ ความตรงไปตรงมาของแกไปไหนหมด เปลี่ยนคำถามซะงั้น!“เพราะอะไร?” คนรอฟังยังคงเร่งเร้าสิ่งที่ฉันยังถามไม่จบ“นายมีคนที่ชอบแล้วเหรอ?” ฉันตัดสินใจถามออกไป แต่กลับไม่มองหน้
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื
“อ๊ะ เจ็บ” ซาดีนส์ใช้ปากปลดกระดุมนักศึกษาเม็ดบนฉันออกได้สำเร็จพร้อมกับฝังคมเขี้ยวลงบนเนื้ออ่อนตรงนั้น เขาทั้งดูดดุนขบกัดจนคิดว่าตรงนั้นต้องเป็นรอยแดงช้ำแน่ๆ“ซะ ซีนส์ อื้อ” ตอนนี้ร่างกายฉันกำลังถูกรุกรานทั้งบนและล่างจากฝีมือผู้ชายคนเดียวกัน ปากหนาปลดกระดุมเสื้อฉันออกครบตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ความเย็นวาบของแอร์ตกกระทบกับร่างกายชวนให้เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม แต่ใช่ว่าความเย็นจากแอร์จะดับความกรุ่นร้อนของร่างกายซาดีนส์และฉันได้“เพลย์ อื้อ” เรียกทำไม ฉันอยากถาม แต่ตอนนี้สมองมันไม่ยอมสั่งการให้พูดความกรุ่นร้อนของลมหายใจคนบนร่างกำลังต่ำลงเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่ท้องน้อยพร้อมกับลิ้นสากร้อนลากผ่านเป็นแนวตามลำตัวฉันลงไปยังขอบกระโปรง“ซะ ซีนส์ ไม่” ปากห้ามแต่มือไม้กลับทำได้แค่กำผ้าปูเตียงเท่านั้น“ไม่ทันแล้วเพลย์” ซาดีนส์เงยหน้ามาสบตากันแวบหนึ่งฉันมองเห็นความโหยหาและต้องการจากนัตย์ตาคู่สวยนั้น“วันนี้ฉันจะเอารางวัลจากเธอจนขาสั่นเลยล่ะ” ไม่ว่าเปล่าแต่ซาดีนส์ค่อยๆ ละเลียดเรียวลิ้นชื้นลงยังใจกลางร่างกายส่วนล่างของฉัน “อ๊ะ ซีนส์ อย่า!”ปากสั่งห้าม แต่ร่างกายกับเคลื่อนไหวไปตามสัมผัสร้อนชื้น สะโพกงอนงามแ
“ปะ ปล่อยก่อน ซาดีนส์ มัน...”มันเสียว แต่ฉันไม่กล้าพูดออกไป “มันอะไร?” ยังจะแกล้งแหย่ฉันอีก“ไม่หยุด เพลย์จะโกรธแล้วนะ” ฉันรวบรวมลมหายใจเข้าเต็มปอดทำเสียงโหดใส่ซาดีนส์เพื่อกลั้นความสยิวที่ร่างกายกำลังจะระเบิดออกมา“โกรธไปสิ เดี๋ยวง้อบนเตียง โอ๊ย!”สมน้ำหน้า! ไม่รอช้าฉันกระชากผมหมอนั้นเต็มกำมือเพื่อหยุดริมฝีปากหนาที่กำลังซุกซนมายังคอเสื้อนักศึกษาที่แหวกออก“ง้อบนเตียงเหรอ?” ฉันยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากการขยุ้มผมเขา“จะ เจ็บนะเว้ย!” เออ! ก็ทำให้เจ็บไงจะได้หยุดลวนลามฉันสักที“เจ็บแบบนี้ยังจะอยากง้อบนเตียงอีกมั้ย!” ฉันกระชากเสียงต่ำใส่“ง้อ... อะ โอ๊ย! ไม่ง้อแล้วๆ” ชิ! ฉันจิ๊ปากทำหน้าจิกกัดใส่ซาดีนส์“ไปนั่งตรงนู้นเลย ให้ห่างๆ ด้วย” ปล่อยมือที่ขยุ้มผมออก สั่งให้ซาดีนส์กลับไปนั่งที่เดิม แต่รู้อะไรไหม เขาทำท่าเหมือนจะเดินไปตามคำสั่งฉันในทีแรก แต่หลังจากนั้นไม่ทันชั่วพริบตาเขาก็...“ว๊าย! ทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!” ฉันแหวใส่ด้วยความตกใจเมื่อซาดีนส์หันกลับมาแล้วช้อนร่างฉันขึ้นอุ้ม ปฏิกิริยาของร่างกายเป็นไปตามสัญชาตยานเมื่อกลัวว่าจะตกจากที่สูงเลยสวมกอดเข้ารอบคอของซาดีนส์ทันที“เมื่อกี้ทำแสบนักนะ ไม่ยอ
“เพราะคนเรามีหัวใจแค่หนึ่งดวง และฉันก็ฝากมันไว้ที่ผู้หญิงที่ชื่อเพลย์เยอร์ไปชั่วนิรันดร์” คำพูดสารภาพรักของซาดีนส์ที่ไม่มีคำว่ารักอยู่ในรูปประโยคแต่กลับทำให้ฉันใจชื้นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก “ได้คำตอบแล้ว งั้นกลับกัน”“อ๊ะ! เฮียทีม” โมนาร์สะดุ้งร้องเมื่อเฮียทีมกระชากต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นตาม“พี่ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้แทนโมนาร์ด้วย และขอบคุณที่ช่วยปกป้องเพลย์”ประโยคแรกเฮียทีมเอ่ยกับฉัน ส่วนตอนท้ายเขาพูดกับซาดีนส์พร้อมกับโน้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ“นี่ปล่อยโมนะ เฮียทีม!” ฉันไม่ได้มองตามหลังสองคนนั้น แต่ได้ยินเสียงโมนาร์แหวใส่เฮียทีมจนกระทั่งประตูร้านปิดไป“เอ่อ ซาดีนส์” เมื่อภายในโต๊ะตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับซาดีนส์สองคนฉันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนเลยได้แต่เอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ“กลับคอนโดกัน” แต่ซาดีนส์กลับฉวยกระเป๋าฉันไปถือแล้วเดินออกจากร้านไปหน้าตาเฉย เมื่อกี้ถ้าตาไม่ฟาด ฉันเห็นหน้าเขาแดงๆ ด้วยล่ะอย่าบอกนะที่รีบชิ่งนี่คือเขินกับคำพูดตัวเอง?คนอะไรไม่รู้ จะทำให้ฉันหลงเสน่ห์เขาไปถึงไหนกันนะ แค่นี้ฉันก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเหอะ!หลังจากออกจากร้านกาแฟซาดีนส์ก็พาฉันตรงกลับมายังคอนโดทั