คอนโดใหญ่“กลับมาละเหรอ?” ขุนเขาเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นฮาน่าเดินเข้ามาในห้อง“คามิลล่ะ?”“มันไปหาเธอนี่ ไม่เจอกันเหรอ?”“เฮ้อ...” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเหมือนคนหมดอารมณ์ในชีวิต“เป็นอะไรไป?”“เจอแล้วคามิลน่ะ ทะเลาะกันแล้วด้วย ฉัน...ตบหน้าเขา” ฮาน่าพูดเสียงแผ่ว พอคิดถึงตอนนั้นแล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นรุนแรงเกินไป ถ้าไม่ได้ลงไม้ลงมือกันมันน่าจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ก็ได้มาคิดได้ก็ตอนที่ทำลงไปแล้วนี่สิ“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ขุนเขารีบนั่งลงถามด้วยความอยากรู้ เพราะยังไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ทะเลาะกันจนถึงขั้นนั้นได้ เพราะทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกันแล้วเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง“ฉันพาคนรู้จักไปดูคอนโดน่ะ เขาเป็นเพื่อนสนิทตอนที่เรียนอยู่อเมริกาด้วยกัน เขาหนีพ่อแม่มาที่นี่ ยังไม่มีที่พักฉันก็เลยให้ไปอยู่ที่คอนโดของฉันก่อน แล้วก็กะจะขายขาดให้ไปเลย แต่คามิลก็ดันมาเจอซะก่อน...แล้วก็คิดว่าฉันกับเขา...มีอะไรกันแล้ว” พูดจบฮาน่าก็โน้มหน้าลงมองเท้าของตัวเอง ความรู้สึกมันแบบบอกไม่ถูกเลยจริงๆ ทั้งรู้สึกผิดที่ทำรุนแรงแบบนั้นไป และก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้อธิบายอะ
“เฮ้อ...~” เสียงถอนหายใจยาวๆ ที่ดังมาจากคนตัวเล็กที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา ทำให้ขุนเขาที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันมองอย่างหนักใจ เพราะนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ฮาน่าถอนหายใจยาวออกมาแบบนี้“ถอนหายใจกี่ครั้งแล้วเนี่ยเรา” ขุนเขาเดินเข้ามาหาฮาน่า พร้อมกับวางมือลงบนหัวไหล่เล็กอย่างอ่อนโยน อยากจะปลอบใจเธอให้มากกว่านี้ แต่ก็ทำได้แค่นี้เท่านั้นเอง“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้นับเลย” เธอตอบกลับเสียงแผ่ว“เลิกถอนหายใจแบบนี้ได้แล้วนะ กับข้าวเสร็จแล้วกินข้าวกันก่อน” มือหนาลูบที่ศีรษะของเธอด้วยความอ่อนโยน เพราะนี่ก็เป็นเพียงทางเดียวที่จะสามารถปลอบใจเธอได้“คามิลจะกลับมาตอนไหนเหรอ?”“ฉันก็ไม่รู้มันเหมือนกัน ไอ้นี่มันเดาใจยาก นึกอยากจะกลับมันก็กลับ นึกจะไม่อยากกลับมันก็หายไปดื้อๆ เลย”“มันปกติสำหรับนาย แต่มันไม่ใช่สำหรับฉันน่ะสิ” ฮาน่าพูดเสียงแผ่ว ตอนที่สองคนอยู่ด้วยกันก็กลับคอนโดบ้างไม่กลับบ้าง บางครั้งก็นอนค้างที่คลับกันเลย แต่สำหรับเธอมันไม่ปกติเพราะคามิลจะไม่ออกไปไหนเลยตั้งแต่มีเธอเข้ามา“งั้นกินข้าวกันก่อนนะ ฉันจะพาเธอไปหามันที่คลับเอง จะได้คุยกับมัน”“จริงนะ” พอได้ยินแบบนั้นแล้วเธอก็มีท่าทางดีใจขึ้นม
ฮาน่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นพร้อมกับกลิ่นเหม็นอบอวลของยาในโรงพยาบาล สายน้ำเกลือ ชุด และสภาพร่างกายของตัวเองที่เหมือนกำลังถูกพันธนาการอยู่ตอนนี้มันทำให้เธอมั่นใจได้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน“ขุนเขา...” เสียงแหบแห้งเอ่ยเรียกบุคคลที่กำลังยืนหันหลังให้กับเตียงพักฟื้นของเธออยู่ แม้จะมองเห็นแค่ด้านหลังแต่เธอก็รู้ดีว่าคือใครเพราะคามิลคงไม่มาหาเธอที่นี่ง่ายๆ หรอก“ฮาน่า!”“ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เมื่อคืนน่ะ เธออ้วกแล้วก็นิ่งไปเลย ฉันก็เลยรีบพาเธอมาโรงพยาบาล”“ขอโทษนะ เพราะฉันแท้ๆ ทำนายลำบากเลย”“ลำบากที่ไหนกัน ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อยนะฮาน่า”“ฉันเป็นอะไรเหรอ?”“หมอบอกว่าเธอเกิดภาวะเครียดสะสมน่ะ ถ้าวันนี้ไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”“อืม...เรื่องนี้รู้แค่เราสองคนนะ”“ฉันส่งข้อความไปบอกคามิลเมื่อคืนแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมาหรือเปล่า”“ฉันหมายถึง อย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ฉัน ฉันไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ”“ได้สิ” ขุนเขาตอบกลับ เพราะถึงยังไงเรื่องนี้เธอก็มีสิทธิ์ตัดสินใจอยู่แล้ว แต่ที่เมื่อคืนส่งข้อความไปบอกคามิลก็เพราะอยากให้คามิลตระหนักได้ถึงการกระทำของตัวเอง ว่ามันทำให้คนคนนึง
เวลาผ่านไปก๊อก ก๊อก ก๊อก~เสียงเคาะประตูทางด้านนอกทำให้ฮาน่าที่กำลังนั่งทำงานอยู่ถึงกับหันมองด้วยความสงสัย เพราะถ้าไม่รู้ว่าใครเธอก็ไม่ปลดล็อคประตูง่ายๆ หรอก“ใคร?”“ฉันเองฮาน่า” เสียงของขุนเขาเธอรีบปลดล็อคและเปิดประตูทันทีเมื่อได้ยินเสียงของคนที่มาเคาะประตูแกร๊ก~“เอาข้าวมาให้”“ตายจริง! ฉันมัวแต่ทำงานอ่ะ ลืมเลยว่าต้องลงไปกินข้าว”“ไม่ต้องลงไปแล้ว ฉันเอาขึ้นมาให้แล้ว”“เข้ามาก่อนสิ” ฮาน่าเดินหันหลังกลับเข้าไป ตามด้วยขุนเขาที่เดินตามเข้ามาพร้อมกับข้าวกลางวัน ก่อนที่จะวางจานข้าวไว้บนโต๊ะในห้องของเธอ สายตามองไปรอบๆ ห้องของเธอตามประสาคนช่างสังเกตุ โต๊ะทำงานของเธอนั้นเต็มไปด้วยเอกสารกองหนาเตอะ หน้าจอโน๊ตบุ๊คที่ยังคงเปิดสว่างจ้าอยู่ก็รู้แล้วว่าเธอนั้นยุ่งมากขนาดไหน“พักงานสักครึ่งชั่วโมง แล้วมากินข้าวกินปลาก่อน ทำงานได้แต่ไม่ใช่โหมงานหนักอย่างเดียวนะฮาน่า”“รู้แล้ว ฉันเคลียร์งานน่ะ มันไม่ได้ยากอะไรหรอก ฉันแค่ยังไม่ได้เก็บ”“ไปกินข้าวไป”ฮาน่านั่งลงกินข้าวตามที่ขุนเขาบอก ส่วนเขานั้นก็เดินไปเก็บเอกสารที่โต๊ะทำงานของเธอให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่านี้“ทำไมกลับเร็ว?”“ไม่กลับมาแล้วใครจะเอ
บ้านเกริกวิทย์“ตายแล้ว นี่ฝนจะตกหรือเปล่าเนี่ย ลูกสาวแม่กลับบ้านถูกแล้ว” คุณหญิงเกวลินเอ่ยแซวลูกสาวอย่างฮาน่าที่กำลังนั่งหน้าหงอยอยู่โซฟาตรงห้องโถงรับแขก หลังจากที่แม่บ้านขึ้นไปบอกว่าเธอมาหาที่บ้านก็รีบลงมาทันที“อย่าแซวกันสิคะคุณแม่”“ว่ายังไงลูกสาว ทำไมถึงมาปุบปับแบบนี้ล่ะหืม ปกติจะโทรบอกก่อนนี่” คุณหญิงเกวลินเอ่ยถาม พร้อมกับนั่งลงไขว่ห้างข้างๆ ลูกสาวของตัวเอง“มีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณแม่ค่ะ”“ไหนว่ามาสิลูก อะไรที่มันทำให้ลูกสาวของแม่หนักใจได้ถึงขนาดนี้”“คุณแม่กับคุณพ่อเคยทะเลาะกันไหมคะ?”“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ อย่าบอกนะว่า...”“คุณแม่ตอบหนูก่อนสิคะ” สีหน้าที่แสดงถึงความตึงเครียดทำให้คุณหญิงเกวลินเลือกที่จะไม่ซักไซ้ถามต่อ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย มองหน้าลูกสาวที่กำลังรอคำตอบอยู่“ผัวเมียกันมันก็เหมือนลิ้นกับฟันนะลูก ทะเลาะกัน มีปัญหากัน มันก็เป็นเรื่องปกติของชีวิตคู่นะ”“แรงหรือเปล่าคะ?”“หือ??” ดูเหมือนว่าคุณหญิงเกวลินยังไม่ค่อยเข้าใจกับคำถามของลูกสาวเท่าไหร่“หมายถึง..ทะเลาะกันแรงไหมคะ แบบว่าถึงขั้นลงไม้ลงมือกันหรือเปล่า?”“ถามแบบนี้ หนูโดนทำร้ายมาหรือเปล่าลูก?” ผู้เป็นแม่ถามด้วยคว
คอนโดใหญ่“ฮาน่าว่ายังไงบ้าง?” คามิลเอ่ยถาม เพราะเธอโทรกลับมาหาขุนเขาหลังจากที่ทั้งสองนั้นพยายามโทรหาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว“จะนอนที่บ้านน่ะ ไม่กลับคอนโด อาจจะอยู่ที่บ้านวันสองวัน เดี๋ยวกลับมาเองไม่ต้องห่วง” ขุนเขาตอบ“อืม...” คามิลพยักหน้าตอบรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขามองที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง เพราะเขาเองก็ทั้งโทรหาเธอและส่งข้อความหาเธอเช่นกัน แต่เธอไม่แม้แต่จะอ่านหรือโทรกลับมาหาเขาเลยพอมาไล่อ่านข้อความยาวเหยียดที่เธอส่งหาเขาก่อนหน้านั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านั้นเธอเองก็พยายามที่จะติดต่อหาเขาเหมือนกัน แต่มันเป็นเพราะเขาเองที่โกรธและหึงจนไม่สนใจความรู้สึกใคร จนเรื่องทุกอย่างมันแย่ลงแบบนี้“ตอนที่มึงไม่กลับ เธอเอาแต่นั่งรอจนครึ่งคืน ถ้ากูไม่ตามเธอก็ไม่กลับขึ้นไปนอนหรอก”“ก็เลยเกิดอาการเครียด สะสมเข้ามากๆ เธอก็เลยเป็นแบบนั้น” คามิลพูดต่อ และเริ่มที่จะโทษตัวเองที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนั้น“.....”“กูแม่ง! แย่ฉิบหายเลยว่ะ” คามิลพูดกับตัวเอง พร้อมกับก้มหน้าต่ำลงเพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไป ฮาน่าทั้งใส่ใจ และแคร์ความรู้สึกของเขาขนาดนั้นและเขากลับทำร้ายความรู้สึกของ
บ้านเกริกวิทย์“จะกลับแล้วเหรอลูก อยู่กับพ่อแม่ไม่กี่วันเอง ยังไม่หายคิดถึงเลย” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าฮาน่านั้นกำลังเตรียมตัวจะกลับไป หลังจากที่เพิ่งจะกินข้าวอิ่มลูกสาวก็เตรียมที่จะออกไปแล้ว“ค่ะ หนูยังมีงานอีกเพียบเลยนะคะ”“ช่วงนี้พ่อไม่ได้เข้าบริษัทเลย เป็นยังไงบ้างเอ่ย”“ก็ดีค่ะคุณพ่อ จะมีช่วงที่หนีเที่ยวพักร้อนครั้งนั้นค่ะ ที่งานจะมากองเยอะหน่อย แต่ตอนนี้ก็เคลียร์หมดเรียบร้อยแล้วค่ะ”“ดีมากครับลูกสาว มีอะไรให้พ่อช่วยก็บอกได้เลยนะ”“ขอบคุณค่ะ”เธอพูดคุยอยู่กับพ่อแม่ได้อีกสักพักก็ต้องขอตัวกลับก่อน ขับรถไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงคอนโดของสองหนุ่มที่เธอย้ายมาอยู่ด้วยติ๊ด~“ฮาน่า!”“ฉันนึกว่าไปทำงานกันซะอีก” ฮาน่าทักทายกลับด้วยท่าทางและสีหน้าที่เรียบนิ่ง ก่อนจะเดินผ่านทั้งสองเข้าไปด้านใน ขณะที่ทั้งสองกำลังตื่นเต้นนั้นแต่เธอกลับไม่ได้มีท่าทางดีใจอะไรขนาดนั้นเลยกับการได้เจอทั้งสอง“หิวหรือเปล่า?”“ฉันกินข้าวมาจากบ้านแล้ว”“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” คามิลเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ สายตานั้นกำลังจ้องมองอย่างอ้อนวอน ประหนึ่งกำลังขอร้องให้เธอหยุดและยอมคุยด้วยกันเขาสักหน่อย“ฉันต้องทำงา
ฮาน่า Talkฉันนั่งทำงานจนกระทั่งตอนบ่าย น่าแปลกที่ขุนเขาไม่ได้เข้ามาหาฉันเลย เพราะปกติรายนั้นจะเข้ามาหาฉัน ยิ่งเห็นฉันไม่ได้กินข้าวกลางวันอีกจะยิ่งเข้ามาวอแว แต่น่าแปลกที่วันนี้หายไปทั้งสองคนเลย หายแบบเงียบกริบฉันเดินลงมาด้านล่าง ในห้องนั่งเล่นเงียบกริบ ไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว แต่โทรศัพท์ของสองคนนั้นยังวางอยู่บนโต๊ะนั่นก็แปลว่าสองคนนั้นไม่ได้หายไปไหนแต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงแว่วดังมาจากในห้องครัว ป้าแม่บ้านเขามาทำอาหารแล้วงั้นเหรอ แต่พอหันมองนาฬิกาแขวนผนังมันก็เพิ่งจะบ่ายเองนี่นา ป้าแม่บ้านไม่ได้มาเวลานี้สักหน่อยแบบนั้นแล้วฉันก็ค่อยๆ เดินเข้าไปดู เพราะอยากรู้ว่าใครอยู่ในครัวพอเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูเท่านั้นแหละ ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาฉันยืนนิ่งอ้าปากค้างเลย และก็เผลออุทานออกมาจนได้“อะไรเนี่ย!”“ฮาน่า...”“ละ ลงมาตอนไหน?”“พะ พวกนาย ทำอะไรกันเนี่ย”ที่ตกใจก็เพราะสภาพห้องครัวมันเละเทะไปหมดเลย แถมสองคนนั้นก็เละเทะไม่ต่างกันเลยด้วย นี่กำลังทำอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้“อ๋อ...กำลังทำอาหารน่ะ”“ห๊ะ?” ฉันทำหน้าตกใจกับคำตอบของคามิล สองคนนี้กำลังทำอาหารกันงั้นเหรอ หน
หลังจากที่กลับมาจากฝรั่งเศสจนถึงตอนนี้ก็ร่วมหลายเดือนได้แล้ว ชีวิตของฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากทำงานและกลับมาอยู่กับสามีทั้งสองคนของเธอจากคนที่ไม่อยากมีลูก ไม่อยากเลี้ยงเด็ก ตอนนี้ความคิดของเธอมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว เธออยากมีลูก อยากมีเด็กสักคนสองคนเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเธอและทั้งสองมีชีวิตชีวามากกว่านี้ถึงตอนนี้จะมีความสุขดี แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมีลูกไม่ใช่เหรอหลายครั้งที่เธอต้องผิดหวังเพราะทุกครั้งที่คิดว่ามีอาการและคิดว่าตัวเองท้องหรือเปล่า ผลตรวจมันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจหวังเลยสักนิดเดียวร่างกายของเธอนั้นแข็งแรงดี พร้อมที่จะมีลูกได้ แต่เพราะฮอร์โมนที่ไม่คงที่ จึงทำให้ประจำเดือนคาดเคลื่อนและก็ไม่มีลูกสักที...............บริษัทเกริกวิทย์“กาแฟค่ะคุณฮาน่า”“หือ...เอากลับไปได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากกินเลย รู้สึกเบื่อไปหมด” เธอนั่งเท้าคางมองดูแก้วกาแฟดำที่เลขาเอามาให้อย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกเบื่อชนิดที่ว่าไม่อยากจะกินอะไรเลยสักอย่าง“คุณฮาน่าเหม็นเหรอคะ?”“ไม่เหม็นหรอกค่ะ แค่ไม่อยากกิน”“คุณฮาน่ามีน้องหรือเปล่าคะ?”“เฮ้อ....” พอได้ยินอย่างนั้นแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่
หลายเดือนต่อมาฮาน่าขับรถไปที่บริษัทของสองหนุ่มเพื่อที่จะบอกข่าวดี โดยที่ไม่ได้บอกทั้งสองคนนั้นก่อนว่าจะไปหาเมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปในบริษัท ทุกช่วงจังหวะการสับเท้าเดินเธอถูกคนในบริษัทของคามิลนั้นจ้องมองไม่วางตา และก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร“อย่างสวยเลย นั่นใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ?” เสียงหนึ่งพึมพำออกมาท่ามกลางพนักงานคนอื่นไปที่กำลังมองไปที่หญิงสาว“ไอ้บ้า นั่นเมียประธานอยากโดนไล่ออกไง!”“หะ-ห๊ะ!”“คุณฮาน่า ภรรยาของประธานขุนเขาและประธานคามิล” เพราะทุกคนต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์นี้ของทั้งสาม และคนที่รู้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไรเลย จะมีก็แต่คนที่ยังไม่เคยรู้จักหรือพนักงานใหม่ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะคุณฮาน่า”“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายกลับด้วยรอยยิ้มที่สดใส“มาหาท่านประธานทั้งสองเหรอคะ?”“ใช่ค่ะ อยู่ใช่ไหมคะ เพราะเห็นรถจอดอยู่”“ค่ะอยู่ ให้แจ้งขึ้นไปไหมคะว่าคุณฮาน่ามา”“ไม่เป็นอะไรค่ะ พวกเขาไม่ได้ประชุมกันใช่ไหมคะ?”“ไม่มีค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะ”ฮาน่าเข้าไปในลิฟท์และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะส่วนใหญ่ห้องทำงานของเจ้าของ หรือประธานบริษัทจะอยู่ด้านบน รวมถึงบริษัทของเธอด้วยเมื่อกี้เธอแอบเขิ
คนตัวเล็กยกสะโพกตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับแก่นกายใหญ่ของคนใต้ร่างนั้นจ่อเข้าไปที่ปากทางร่องรักของตนเอง ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นกำลังถูกโลมเลียอยู่จากฝีมือของขุนเขาสวบ!ร่างบางกดตัวเองให้นั่งทับท่อนเนื้อใหญ่ลงมาอย่างไม่ทันได้ระวัง และลืมตัวไปว่ามันอาจจะทำให้เธอเจ็บได้“อ๊ะ...อ๊า...จะ จุก!!” เธอร้องครางเสียงหลง เพราะความจุกมันแล่นเข้ามาภายในชั่วพริบตา ก่อนที่มือเล็กรีบดันหน้าอกแกร่งตรงหน้าไว้พร้อมกับลมภายใจพะงาบๆ “อะ...อึก แฮ่ก แฮ่ก!”“ทำไมนั่งลงมาแบบนั้นล่ะ เจ็บไหม?” ขุนเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาตอนนี้แล้ว“จะ จุกนะ มันเข้ามา...” คำพูดขาดหายไป เพราะเธออธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย ของใหญ่นั้นมันคับแน่นอยู่ในท้องน้อยของเธอจนอึดอัดไปหมด“อยู่เฉยๆ ก่อนนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” คามิลพูดเสียงแผ่ว มือของเขานั้นก็ยังจับเอวเล็กของเธอไว้แน่นเหมือนกันขุนเขาเริ่มโลมเลียหน้าอกของเธอต่อ ลิ้นร้อนตวัดเลียยอดถันที่แข็งตึงขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้เธอนั้นค่อยๆ โยกสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้าเมื่ออาการจุกเสียดมันเริ่มจะบรรเทาลงเอวบางก็เริ่มโยกขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบนาบ“อึกอ๊ะ...อื้ม...
“คะ คุณภรรยา!”“ฮะ ฮาน่า...”สองหนุ่มร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นภรรยาสาวเดินเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ชุดนอนลูกไม้สีดำ มันตัดกับสีผิวที่ขาวสะอาดของเธอ ทำให้เธอนั้นดูสวยเปล่งปลั่งขึ้นมาไม่น้อยเลยและก็ไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว เธอนั้นทั้งเซ็กซี่ จนน่าจับลงมารังแกเสียให้เข็ด“สวยไหมคะคุณสามีทั้งสอง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาสามีทั้งสองที่เตียงอย่างช้าๆ เพราะความสวยเซ็กซี่ทำเอาทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่ท่อนเนื้อส่วนล่างก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาทันทีร่างบางคลานขึ้นเตียงอย่างเชื่องช้า ก้นงอนสวยกำลังบิดส่ายไปมาเมื่อก้าวเข่าคลานเข้าหาคนตรงหน้ามือเล็กค่อยๆ วางลงจับเป้าตุงพร้อมกับลูบสัมผัสไปมาจนกระทั่งเสียงร้องซี๊ดดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม“เสียวเหรอคะ คุณสามี...” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้งอย่างยั่วยวน ก่อนที่เธอจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย“อะ-อะไรวะเนี่ย!” เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยา คามิลได้แต่ร้องอุทานออกมาเพราะความเสียวที่ได้รับจากเธอมันแปลกตั้งแต่ที่เธอเป็นฝ่ายร้องขอให้มีเซ็กซ์ด้วยกันแล้ว“ฮาน่า...ธะ เธอ..”พรึ่บ!~“อึก!” ขุนเขาที่กระเถิบเข้า
ตู๊ด ตู๊ด~ยังไม่ทันที่ตู๊ดที่สองจะสิ้นสุดปลายสายก็กดรับอย่างทันใจ( ค้าบที่รัก )“เสียงหวานเชียวนะ”( ก็ภรรยาโทรมาทั้งทีจะให้พูดห้วนๆ ได้ไงล่ะ )“นายทำอะไรอยู่?”( ทำงานครับ )“ฉันจะออกไปเอาของที่คอนโดเก่านะ ลูคานโทรมาบอกว่าจะมาแฟนมาอยู่ด้วย ฉันก็เลยจะไปเอาของที่เหลือกลับมาให้หมดน่ะ”( ...... ) ปลายสายเงียบไป ไม่มีการตอบกลับ นั่นจึงทำให้เธอเงียบเหมือนกัน เพราะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า แต่ครั้งนี้เธอเลือกที่จะบอกเลยเพื่อตัดปัญหา และถ้าคามิลอยากจะไปด้วยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ“ถ้านายไม่..”( เอาสิ เดี๋ยวไปรับนะ ยังเหลือของอีกเยอะเลยนี่ ขนลงมาคนเดียวเหนื่อยแย่ ) พอปลายสายตอบกลับมาแบบนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากันอีก ต่อให้เธอจะไม่ได้คิดอะไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าคามิลหรือขุนเขาจะไม่คิดอะไรเลยพอตกบ่ายคามิลก็ขับรถมารับเธอที่บริษัทเพราะต้องไปเก็บของที่คอนโดเก่าของเธอด้วยกัน ส่วนขุนเขานั้นก็อยู่อีกบริษัทนึงและก็เลยมาด้วยไม่ได้“ยังเหลือเยอะไหม?” ขณะที่กำลังขับรถอยู่คามิลก็หันไปถามภรรยาคนสวยที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ
หลายเดือนต่อมางานแต่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหลังจากวันที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันและสู่ขอฮาน่าได้ไม่นาน จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยและได้กลับมาอยู่ที่คอนโดกันตามเดิมแล้ว และก็ตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่คอนโดกันแบบนี้ เพราะมันก็ค่อนข้างกว้าง มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ต่างจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนได้มีลูกก็คงต้องพิจารณากันอีกทีเพราะต้องมีพื้นที่ให้ลูกได้วิ่งเล่น“จะไปทำงานแล้วเหรอฮาน่า?” คามิลเดินเข้ามาถาม ขณะที่ภรรยาคนสวยของตัวเองนั้นกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่“ใช่ๆ วันนี้มีประชุมกับพนักงานด้วยน่ะ”“ขยันจริงๆ เลยนะ”“ไม่ได้ขยัน แต่กลัวไม่มีกินว้อย!”“จะกลัวอะไร ผัวอยู่ตรงนี้ตั้งสองคน” คามิลยืนเท้าเอวมองหน้าของภรรยาผ่านกระจกที่เธอนั่งหันหน้าเข้าหา“จะเลี้ยงเหรอ ฉันกินเยอะนะ ชอบช็อปปิ้งด้วย ชอบซื้อแต่ของแพงๆ” เธอแกล้งพูดเล่น แต่ก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอก แม้จะได้เงินเดือนจากสามีสองคนแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้หยุดทำงาน“ถ้าเลี้ยงเธอไม่ได้ฉันจะแต่งงานกับเธอทำไมล่ะฮาน่า”“ใช่ๆ พูดถูกไอ้ขุน”“ไม่เอาหรอก ฉันชอบพึ่งพาตัวเอง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อยู่บ้านก็ทำงานบ้านไม่เป็น ออกไปทำงานที่ตัวเองถนัดจะดีกว่า” เธอ
หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆ นั้นมาได้ ฮาน่าเองก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติของเธอ แม้จะมีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและสองคนนั้นมากขึ้นเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรส่วนเรื่องคนปล่อยข่าวก็จับตัวได้หลังจากที่ผ่านพ้นวันที่เกิดเรื่องไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์เขาคือคนที่เคยมีปัญหากับฮาน่าสมัยเรียน เป็นอดีตเพื่อนที่จบความสัมพันธ์แบบเพื่อนไม่สวยเท่าไหร่ และเธอคนนั้นก็เคยแอบชอบคามิลมาก่อน แต่พอไม่ถูกรักกลับก็คิดว่าฮาน่าเป็นคนพูดใส่ร้ายให้เธอดูไม่ดีในสายตาของคามิลแม้จะเคลียร์กันลงตัว แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกอย่างคามิลและขุนเขาก็ไม่ยอมง่ายๆ แน่ เพราะเธอคนนั้นตั้งใจลงข่าวให้ฮาน่าเสียหายและถูกโจมตีอย่างหนัก ต่อให้ฮาน่าจะให้อภัยแต่พวกเขาไม่มีวัน“ขุนเขา คามิล มาช่วยเลือกชุดหน่อยสิ” เสียงหวานๆ ดังออกมาจากห้องแต่งตัว ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวอยู่พากันเดินตามเสียงมาทันที“ชุดนี้กับชุดนี้ อันไหนสวย?” ฮาน่าถือชุดเดรสกระโปรงสีขาวและสีโอรสชูให้กับสองหนุ่มได้ดู เพราะเธอยังเลือกชุดไม่ได้สักทีเลย จึงอยากให้สองคนนี้ช่วยเลือกคามิลและขุนเขามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองฮาน่าที่กำลังถือชุดอ
สองวันถัดมาหลังจากที่ปล่อยให้ข่าวมันถูกพูดถึงแบบผิดๆ ไปอยู่นับสองวัน ก็ถึงเวลาที่จะต้องแก้ให้มันกระจ่างสักทีแล้วสินะฮาน่ากำลังแต่งตัวเตรียมที่จะเข้าไปที่บริษัทของเธอตอนนี้ เพราะเธอคือคนที่ถูกโจมตีหนักที่สุด และบริษัทของเธอนั้นก็ได้รับผลกระทบมากที่สุดด้วยฟึ่บ~มือหนาจับที่ไหล่เล็กนั้นเบาๆ เมื่อเห็นเธอกำลังยืนก้มหน้าอยู่หน้ากระจก ทั้งที่ปกติเธอเป็นคนที่ชอบมองดูตัวเองผ่านกระจก ขยับซ้ายขวามองดูชุดที่ใส่ในแต่ละวัน แต่วันนี้นั้นมันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เธอไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย” คามิลปลอบโยนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฝ่ามืออุ่นนั้นโอบไหล่สองข้างของเธอไว้และออกแรงบีบเล็กน้อยเพื่อให้เธอได้รู้สึกถึงกำลังใจ“ฉันไม่มั่นใจเลย...กลัวว่า...” เสียงนั้นขาดหายไป ทิ้งไว้เพียงสีหน้าที่กำลังแบกความทุกข์ไว้หนักอึ้ง“ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น พวกฉันจะจับมือเธอเดินต่อเอง จะไม่มีวันทิ้งเธอ และทุกอย่างที่เธอพยายามรักษาไว้แน่นอน” ขุนเขาพูด“ขอบใจพวกนายมากนะ ขุนเขา คามิล”“เราไปกันได้แล้วนะ รถมารอแล้วล่ะ”“อื้ม...”ทั้งสามนั่งรถตู้ไปที่บริษัทของฮาน่าด้วยกัน และไม่นานก็มา
หลังจากที่ผ่านพ้นเวลานั้นมาร่วมสองเดือน ทั้งสองก็กลับมาอยู่กันแบบเดิม ความสัมพันธ์แบบเดิม เพิ่มเติมคือผู้ใหญ่ทุกคนรับรู้หมดแล้ว และก็ไม่ได้กีดกันอะไร เพราะแบบนั้นจึงทำให้ฮาน่ารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยเลย ต่างฝ่ายต่างก็รู้จักนิสัยกันเป็นอย่างดีแล้วจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ฮาน่าจะไม่ไปทำงาน และจะนอนพักผ่อนอยู่ที่ห้องของตัวเอง ส่วนทั้งสองคนนั้นก็เดาไม่ได้เลยว่าจะไปทำงานหรือจะอยู่พักผ่อนกับเธอที่คอนโดครืด~ ครืด~ ครืด~โทรศัพท์ของเธอนั้นสั่นไม่หยุด เพราะปิดเสียงไว้และเปิดการสั่นเตือน จึงทำให้ฮาน่าที่กำลังนอนหลับสบายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่มือเล็กนั้นจะเอื้อมออกมาจากผ้าห่มและคว้าเอาโทรศัพท์มือถือตรงหัวเตียงไปกดรับสาย“อือ...ใครคะ?”( คุณฮาน่าคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ! ) เสียงปลายสายนั้นพูดอย่างร้อนรน ทำให้ฮาน่าตาสว่างขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอนั้นจะรีบลุกขึ้นนั่ง“เกิดอะไรขึ้นคะ?!”( จู่ๆ ก็มีคนปล่อยข่าว หาว่าคุณฮาน่ากับคุณคามิลคุณขุนเขา เป็นรักสามเส้ากันค่ะ )“อะไรนะ!!”( ตอนนี้นักข่าวเต็มหน้าบริษัทเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ )“บอกให้ทุกคนใจเย็นๆ นะคะ ไม่ต้องสนใจตรงนี้ ทำงานของ