ตอนซุนเหยียนจับเงินห้าร้อยบาทที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเป็นครั้งแรก ก็ถึงกับน้ำตาซึม..เดิมคิดที่จะปฏิเสธ แต่คนเป็นลูกกับไม่ยินยอม'ทำงานต้องได้เงินซิม๊า..เงินรายเดือนคือสิทธิ์ที่ม๊าควรได้ อีกอย่างตอนแก่ไปจะได้มีเงินเก็บไม่ต้องไปง้อลูกหลาน'ประโยคหลังไอ้ต้าวตัวเล็กพึมพำกับตัวเอง...เธอไม่ใช่คนโลกสวย..คนแก่ที่มีเงิน..กับคนแก่ที่ไม่มีเงิน...การปฏิบัติที่ลูกหลานมีให้ย่อมต่างกันและเหตุผลที่จินเยว่อยากให้คนเป็นแม่เลี้ยงมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง...เพราะอยากเพิ่มความมั่นใจให้หญิงวัยสี่สิบกว่า..สำหรับหญิงสาววัยขึ้นต้นด้วยเลขสี่ในยุคสมัยที่เธอจากมานั้น ยังคงสวยพริ้งกันแทบทั้งนั้น..เธอนึกโกรธบ้านเดิมของแม่เลี้ยง และคนบ้านตั้ง..ที่ทำการด้อยค่าผู้หญิงดีๆ คนหนึ่ง ทั้งที่ซุนเหยียนในวัยสาวน้อยคงหน้าตาน่ารักหมดจด...และมีคุณค่าไม่ต่างจากผู้หญิงบ้านอื่น!!"จินจิน...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!!"เสียงอึ่มแชตะโกนก้อง หลังจากวิ่งเข้าบ้านร้านค้า ที่ปิดทำการเพราะขายของเช้าหมดตั้งแต่แปดโมงครึ่ง สายตาหลายคู่มองไปยังต้นเสียง"เกิดอะไรขึ้นหรือ อาแช"นายหญิงของบ้านสามตั้งคำถาม ก่อนที่หญิงวัยใกล้เกษียณจะรีบละล่ำละลั
"ใช่มั้ยละ กินคู่ปาท่องโก๋ด้วยนะเฮีย"เธอพูดพร้อมเลื่อนจานไปให้ ก่อนที่แม่ค้าคนสวยจะลุกหันกลับไปดูแลร้านต่อ ชายหนุ่มค่อยๆ ละเลียด...ดวงตาคมกริบไล่ตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่นไป วันนี้หญิงสาวใส่เสื้อคอกระเช้าสีชมพู กับผ้าซิ่นสีน้ำเงินเข้ม..ดูแปลกตาจากปกติไปบ้าง...ปากรูปกระจับสีแดงจัดตามธรรมชาติยังคงขายเมนูใหม่ให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง และน่าแปลกไม่ว่าเธอขายอะไร...ลูกค้าก็ดูสนใจไปหมดระหว่างที่มองมนุษย์เมียเพลินๆ เฟยเทียนก็เดินจูงมือหลงหลงกับลั่วลั่วเข้ามาหา..ทั้งสองพอเห็นอาเขยก็รีบยกมือไหว้อย่างเด็กที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี..ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มทอแสงอ่อนโยน และดูเหมือนเด็กทั้งคู่สัมผัสถึงมันได้ลั่วลั่ว..ยัยเด็กน้อยผู้อยู่เป็นรีบเดินเต๊าะแต๊ะเข้าไปหาคุณอาสุดหล่อ ก่อนขอให้อุ้มอย่างออดอ้อน..เจ้าก้อนน้อยที่ตัวเริ่มกลมจึงมานั่งอยู่บนตักคุณอาเขยโดยปริยายส่วนหลงหลงมองชายหนุ่มด้วยความนับถือ..เนื่องจากคนบ้านเดิมต่างก็ชื่นชมคุณอาเขย ผู้หล่อเหลา ทั้งร่ำรวย อีกทั้งมีอาชีพเป็นคุณหมออีก"วันนี้เฮียซานไม่ไปทำงานเหรอครับ"เสียงใสของเด็กชายเฟยเทียนตั้งคำถามก่อน"อื่ม วันนี้เฮียได้หยุดน่ะ แล้วนี่เด็กๆ กินอะไรกันห
บ่ายวันนั้นภรรยาคนสวย กับคุณสามีสุดหล่อ จึงได้เปิดบัญชีคู่ร่วมกันเป็นครั้งแรก...จินเยว่ลูบตัวอักษรที่อยู่บนบัญชีด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...จริงอยู่...เธอกับเขานั่นแต่งงานกันร่วมปีแล้ว...แต่นั่นแหละ มันคือการ 'รับรู้' ว่าแต่ง...แต่มันก็แค่การรับรู้...เหมือนรับรู้ว่าอากาศนั่นมีอยู่จริง..แต่สัมผัสมันไม่ได้...เพียงแต่วันนี้ ที่ชื่อเธอกับเขามาอยู่ติดกัน..และมีของบางสิ่งที่เป็น 'จุดเชื่อมกัน' ไอ้ที่ว่าแค่รับรู้...ราวกับไม่ใช่แค่รับรู้ศีรษะเล็กๆ ถูกสะบัดไปมาเพื่อเรียกสติตัวเอง...ไม่...เธอไม่อยาก 'ผูกพัน' เพราะถ้าเป็นแบบนี้ตอนขอเขา 'หย่า' จะเป็นเรื่องยุ่งยากมาก ที่สำคัญลึกๆ เธอยังมีความหวังที่อยากกลับไปยังภพปัจจุบัน...เธอคิดถึงม๊ะม๊า คิดถึงป๊ะป๋า คิดถึงยายยาย คิดถึงเจ้าก้อนส้ม...และยังห่วงกังวลว่าคู่หมั้นจะยังอยู่รอดปลอดภัยสบายดีมั้ยอารมณ์ความรู้สึกตอนนี้จึงตีกันยุ่งเหยิง เมื่อคุณหมอหนุ่มเห็นภรรยาคนสวยเงียบไป จึงเอ่ยถามขึ้น“หิวหรือยัง”“…”“จินจิน”เสียงคนโตดังขึ้น เล่นเอาคนตัวเล็กที่เดินเหม่อสะดุ้ง“หืม เฮียว่าอะไรนะคะ?”“เฮียถามเธอว่าหิวหรือยัง”เสียงทุ่มสุภาพถามขึ้น มือใหญ่เรียวสวยเกินช
หลังจากที่นั่งคุยกันไปสักพัก...หญิงสาวต่างภพก็เข้าเรื่อง“อาปาคะ...พอดีจินจินรู้มาว่าตึกแถวที่ติดกับเรือนหอเป็นของอาปา”น้ำเสียงหวานใส..ของคนตัวเล็ก เรียกความสนใจของชายทั้งสองวัย..ดวงตาคมกริบของคุณสามีเต็มไปด้วยไม่เข้าใจเจือผิดหวัง...เพราะตึกแถวสองล็อตที่อยู่ปัจจุบันก็มาจากของขวัญวันแต่งงานที่อาปายกให้ ทำไมเธอต้อง ‘โลภ’ ‘ขอ’ ในสิ่งของที่ไม่ใช่ของของตัวเองด้วยเล่า..ความรู้สึกดีๆ ของไอ้ต้าวตัวโตที่พึ่งก่อตัวขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ชักลดน้อยถอยลง ในขณะที่สายตาคนเป็นพ่อเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะรับคำ “อื่ม ของอาปาเอง”แต่ไม่ทันที่ลูกคนสุดท้องจะขัด..ด้วยกลัวว่าภรรยาไร้ยางอายจะเอ่ยปากขอตึกแถว..ไอ้ต้าวคนสวยรีบบอกวัตถุประสงค์ทันที“ดีจังเลยค่ะ แล้วอาปามีแพลนจะขายมั้ยคะ”“….”“…”“เอ่อ จินจินหมายถึงว่า อาปามีความตั้งใจจะขายมันมั้ย?”หญิงสาวต่างภพรีบแก้คำ..ดวงตาคมคู่สวยพราวระยับเต็มไปด้วยความคาดหวัง“อื่ม...จะว่ายังไงดี ตึกแถวสองล็อตนั้น..มีญาติด้วยกันนี้แหละมาขายต่อ ทำไมรึ...ลื้อจะทำอะไร?”“คือ ถ้าจินจินจะซื้อต่อ..อาปาจะขายเท่าไรคะ”คำตอบของคนอายุน้อยกว่า พาทำชายหนุ่มสองวัยตกใจ..ก่อนจะหันมา
ส่วนช่วงบ่ายร่างเพรียวระหงมักจะลากเฟยเทียนออกจากบ้านไปด้วย...โดยมีเฟยหลงผู้ซึ่งตอนนี้ใช้ชีวิตตามติดอาโกวคนสวยร้องขอตามไปด้วยทุกวัน..แต่เนื่องเพราะหลงหลงยังเด็กเกินไป จินเยว่จึงไม่ได้ตามใจซึ่งทุกวันนี้สิ่งที่เฟยเทียนสังเกตเห็น..ในมือของหญิงสาวมักมีสมุดหนึ่งเล่ม..กับดินสอหนึ่งแท่ง ที่แต่เดิมเด็กชายไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเจ่เจ้คนสวยตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ช่วงวันแรกท่ามกลางอากาศร้อนๆ ร่างเพรียวระหงพาเขาเดินตั้งแต่หน้าบ้าน ลัดเลาะออกตามตรอกซอกซอยต่างๆ ก่อนจะหยุดพักขีดเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดและในวันถัดๆ มา ก็พาเขาขึ้นรถรางที่ไม่เคยขึ้นไปตามเส้นทางต่างๆ ดวงตาชั้นเดียวชี้ขึ้นของคนเป็นน้องมองพฤติกรรมคนเป็นพี่ด้วยสายตา 'ว่างเปล่า' จินเยว่ยังคงทำแบบเดิมซ้ำๆ จวบจนเวลาผ่านไปเป็นเดือน...บริเวณรอบๆ ถิ่นที่อยู่จึงถูกเจ้าหล่อนสำรวจจนทั่วถึง ส่วนทางด้านร้านขายอาหารเช้านั้นยังคงดำเนินการกิจการได้ราบรื่น..มีครั้งหนึ่งเด็กชายเฟยเทียนได้ตั้งคำถามกับพี่สาว เรื่อง 'คู่แข่ง' อย่างคนตระกูลเดิม...เขาไม่เข้าใจพฤติกรรมคนเป็นพี่แม้แต่นิด...เพราะถ้าเป็นจินเยว่ในอดีต...เจ่เจ้คนสวยต้องตามไปหาเรื่องถึงบ้านเป็นแน่..ห
"อาเทียน...นายรู้มั้ย สองสิ่งนั้นอาจทำให้ร้านมีปัญหาก็จริง...แต่สิ่งที่เป็น pain point จริงๆ ที่ทำให้ธุรกิจเจ๊งเร็วขึ้นก็เพราะทำเลยังไงล่ะ""ทำเล?""ใช่...บ้านอาม่าตั้งอยู่ในซอกหลืบท้ายซอยขนาดนั้น มันไม่เหมาะจะเปิดร้านอาหารตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..จริงอยู่การลดราคาช่วงแรกอาจช่วยดึงคนเข้าร้านได้ แต่นานๆ เข้าคนย่อมจะเลือกร้านที่อยู่ใกล้เป็นธรรมดา""อ๋อ อั๊วพอเข้าใจแล้ว"เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก ดวงตาเฉลียวฉลาดเหมือนเห็นแสงสว่าง...คนเป็นพี่สาวถึงกับยิ้มกว้าง ก่อนจะโยนคำถามง่ายๆ ไปว่า"แล้วถ้า...นายยังอยู่ที่บ้านตั้ง...นายจะแก้ปัญหานี้ยังไง?" เฟยเทียนนิ่งคิดไปสักครู่..ดวงตาชั้นเดียวคมกริบหลุบลง เต็มไปด้วยความคิด"ถ้า...ปัญหาเกิดจากทำเล..ถ้าเป็นอั๊วจะแก้ด้วยการเปลี่ยนทำเล"คำตอบของน้องชายส่งผลให้คนเป็นพี่พอใจ...ไม่เสียแรงที่เธอพร่ำสอน"เออ...ว่าแต่เจ่เจ้จินจิน อั๊วถามต่อได้มั้ย?""อื่อ ถามมาซิ""วอ..บัฟเฟต...อะไรนะ ที่เจ้พูดเมื่อกี้...กับเพนพอยด์ มันคืออะไรเหรอ?"คำถามที่คาดไม่ถึง ส่งผลให้คนเป็นพี่ชะงักไป..เหงื่อเริ่มตก..เพราะนักลงทุนที่เป็นไอดอลในใจของเธอนั่น...ในปีพศ.นี้ เจ้าตัวยังไม่ได้จัดตั้ง
"เฮียหมายความว่า..หนูอยากได้เงินอีกเท่าไร เอาจากเฮียได้นะ"เสียงกระซิบข้างหู พร้อมอ้อมกอดแน่น เล่นเอาคนตัวเล็กไปไม่ถูก...แต่คนไม่ชอบเอาเปรียบใครเลือกจะตั้งคำถามขึ้นว่า"จินจินต้องเซ็นสัญญากู้ยืมมั้ย?""เซ็นทำไม...เธอเป็นเมียเฮียนะ ลืมแล้วเหรอ?""...""ว่าไงคะ?""งั้นถือว่า...เราร่วมลงทุนแทนได้มั้ยคะ ออกเงินคนละครึ่ง...จินจินไม่อยากเอาเปรียบเฮีย"เสียงหวานกระซิบ ดวงตาคู่สวยที่ช้อนมองเขาพราวระยับจับจิต..อ้อมกอดถูกกระชับแนบแน่นขึ้น..ลมหายใจที่อยู่ใกล้ร้อนผ่าว..สำหรับชายหนุ่มแล้วไม่ว่าอดีตเวลาทะเลาะกันรุนแรง หรือแม้แต่ปัจจุบันที่ใช้ชีวิตคู่แบบมีระยะห่าง...สิ่งหนึ่งที่เขาชอบคือแววตาของเธอเวลาที่ใช้ในการออดอ้อนนี้แหละ มันทำให้เขาเผลอใจอ่อนทุกครั้ง"อื่ม ตกลงก็ได้ค่ะ ตามใจหนู""ตามใจแน่นะ""อื่ม""ใจดีจัง...เฮียซานใจดีแบบนี้กับทุกคนมั้ยคะ?"หญิงสาวต่างภพเริ่มกระเซ้าเย้าแหย่...แต่แล้วภาพแบบอย่างที่คล้ายๆ กับเหตุการณ์นี้กับวูบขึ้นมา..ในอ้อมกอดอบอุ่นของเขา..กับคำถามที่เธอตั้งขึ้น'เฮียซานใจดีแบบนี้กับทุกคนมั้ยคะ?'ทำไมเธอถึงรู้สึกราวกับเหตุการณ์นี้ เหมือนจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วนะ?"จินจิน หนูเป็นอะไร"
ณ ตึกแถวซอยสอง เขตบ้านตระกูลหลี่ทุกวันพุธอาทิตย์สุดท้ายของเดือน...คนในบ้านตระกูลหลี่จะมีนัดกินข้าวมื้อเย็นทั้งครอบครัว..และเช่นเคยวันนี้ ลูกชายคนสุดท้องพาภรรยาสาวคนสวยมาด้วย...ถ้าจะมีเพิ่มเติมก็คือ กระเป๋าผ้าของเธอนั้นมีเงินสดร่วมหกหมื่นบาท และมีเอกสารสัญญาซื้อขายบางอย่างที่เธอร่างขึ้นมา...ในยุคสมัยที่จากมาการสร้างธุรกิจ ต้องใช้ทักษะหลากหลาย...แต่สิ่งที่จินเยว่สัมผัสบ่อยสุด คือบรรดาพวกสัญญาต่างๆ ในการทำค้านี้แหละ ตอนที่ลี่ซานรู้ว่าภรรยาตัวน้อยยังไม่ตัดใจจากห้องแถวที่อยู่ติดกัน..กล่องใส่เงินมูลค่าเกือบสี่หมื่นบาทจึงถูกยื่นให้เธอโดยไร้คำพูดแม้แต่ครึ่งคำจินเยว่รับมันมาอย่างซึ้งใจ ณ เวลานั้นดวงตาสองคู่สบกัน..ก่อนที่สายตาคมกริบจะเสมองไปทางอื่น เธอไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเรียกว่าอะไร..ปากอยากเอ่ยถาม..ทำไมเขาถึงให้เงินเธอง่ายๆ ทำไมถึงมั่นใจว่าเธอจะไม่ทำมันพัง...เพราะเงินจำนวนนี้ในยุคสมัยนี้ถือว่าเป็นเงินจำนวนที่หาน้อยไม่ไอ้ต้าวผู้ชายใจดีของเธอกับเลือกเดินหนีไปเสียก่อนวันนี้บนโต๊ะอาหารนอกจากอาปา อาม๊า และโกวหมวย ยังมีพี่ชายคนโต กับพี่ชายคนรอง ที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน พี่ชายคนโต
ณ มหาวิทยาลัย J ชื่อดังระดับต้นๆ ของประเทศหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ...หญิงสาวในชุดนักศึกษากำลังยืนรอชายหนุ่มทายาทของตระกูลดังอย่างใจจดใจจ่อ...ท่าทางกระสับกระส่ายพาลให้เพื่อนสาวที่มาด้วยสองคนหัวเราะคึกคัก "ยัยซีลีนเธอจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นยะ ทำเหมือนไม่เคยอ่อยผู้ไปได้"เพื่อนที่มาด้วยกันแซวเมื่อเห็นดาวคณะนิเทศกระสับกระส่ายใบหน้าสวยเฉี่ยวตามสมัยนิยมถูกแต่งแต้มเป๊ะปัง จนหนุ่มๆ พากันเหลียวหลังมองด้วยความชื่นชม...นอกจากหน้าตาที่ดีเลิศ โปรไฟล์เจ้าหล่อนก็แสนจะไม่ธรรมดา..เพราะเป็นถึงลูกสาวบริษัทรับเหมารายใหญ่ระดับประเทศ คนที่มาจีบมีตั้งแต่ลูกเศรษฐีด้วยกัน ไปจนนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง...แต่ชายที่หญิงสาวตกหลุมรักดันเป็นชายหนุ่มสุดหล่อแสนเย็นชาของคณะบริหาร"คีรีมาทางนั้นแล้วยัยซีลีน"เพื่อนอีกคนรีบสะกิด เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าราวกับหลุดมาจากนิยายจีน..ที่ตอนนี้มีสีหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเล็กน้อย..ยิ่งสายตาคมกริบที่กวาดมองยิ่งพาให้หัวใจไฮโซสาวหวั่นไหวร่างอวบอิ่มรีบเดินเข้าไปตรงหน้าตามแรงผลักของคนเป็นเพื่อน"สวัสดีคีรี"เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น พร้อมช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง...ชายหนุ่มเพียงหรี่ต
ย้อนไปเมื่อสิบปีก่อนณ MMMO international schoolเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปีศึกษาปีที่สี่ผู้มีฐานะเป็นหลานของเจ้าของโรงเรียนเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศ..ซึ่งเวลานี้กำลังนั่งอารมณ์ไม่ดีอยู่บริเวณหน้าโถงประชุมของโรงเรียน ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มบูดบึ้ง..นัยน์ตาคมกริบกวาดมองหมู่คนที่ผ่านไปผ่านมา..คล้ายกับกำลังใครสักคนอยู่...รุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงเมื่อสบสายตาเข้าก็แทบเป็นลม..บรรยากาศเย็นชาน่าหลงใหลไม่ได้ทำให้ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มน้อยลงเลยไม่ถ้าในโรงเรียนหรือมหาลัยวิทยาลัยมีเดือนคณะ นายคีรี สิริวงษ์ชัย ย่อมเหนือเมนขึ้นไปอีกขั้นแน่ละ ทั้งรูปร่างหน้าตา..รวมถึงฐานะวงศ์ตระกูลที่จัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มลูกหลานผู้มีอิทธิพลระดับประเทศ...รวมถึงผลการเรียนอันดับหนึ่งของสายชั้น เมื่อขึ้นเวทีร้องเพลงเสียงก็เพราะเป็นหนักหนา..ต้องเรียกว่า hot ยิ่งกว่า hotดังนั้นตั้งแต่เกิดมาใครๆ ล้วนต่างประจบสอพลอ เชิดชูบูชา ถ้าจะมีคนหนึ่งที่ปฏิเสธมัน ก็คงไม่พ้นนางสาวดาริน กิตติวรชัยกุล เจ้าหล่อนอย่าว่าแต่ประจบเอาใจเขาเลย วันๆ มีแต่ไล่เขาไปให้พ้นๆ หน้าอีกทั้งวันนี้ยัยตัวร้ายยังหลอกให้เขามารอหน้าโถงประชุมใหญ่ได้ครึ่งค่อนชั่วโมง ทั้งๆ
รถสปอร์ตคันหรูยังวิ่งไปตามทางที่คุ้นเคย..เพียงแต่รอบนี้หญิงสาวสายซิ่งกับขับรถด้วยความไวที่ช้าลงกว่าปกติ หลังคารถเปิดประทุนถูกเปิดออก..สายลมยามดึกปะทะหน้าพาให้อารมณ์ดีไม่น้อย..ผมดำสลวยที่เริ่มยาวถูกมัดรวบง่ายๆ ไว้ด้านหลัง น่าแปลกปกติอดีตคู่หมั้นคนสวยจะตัดมันเสียสั้นกุด เพราะเจ้าหล่อนติดนิสัยขี้รำคาญจวบจนรถหรูจอดสนิทตรงลานจอดรถสะพานขึ้น p มันคือสถานที่...ที่หญิงสาวมาทุกครั้งเวลาไม่สบายใจ หรือเวลาที่เขารู้สึกแย่..เธอจะยืนอยู่บนข้างๆ หันมามองหน้าเขา พร้อมเอียงหัวรับฟังเล็กน้อย..แล้วก็ปล่อยเขาพูดไป..แม้จะไม่มีคำแนะนำดีๆ แต่แค่เธอยืนอยู่ตรงนั้น แค่รับฟัง..มันก็ทำให้เขามีความสุข เวลานี้ก็เช่นกัน..ร่างเพรียวระหงยังยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ดวงตาคู่สวยที่เขานึกรักเหม่อมองออกไปยังแม่น้ำสายใหญ่ประจำประเทศ ใบหน้าด้านข้างของเธอยังงดงามราวกับรูปสลัก..ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยสีแดงจัดเหมือนสีเสื้อผยอเล็กน้อย..ก่อนที่เธอจะตัดสินใจผินตากลับมามองเขา..เราต่างก็รู้ถึงนัยยะเดียวกัน..เขารู้ว่าเธอจดจำได้..และอะไรบางอย่างในดวงตาเขาก็บ่งบอกว่าเขาจดจำได้เช่นกัน“นายคีรี”“ว่ายังไงนางสาวดาริน”คำเรียกขานที่ชอบใช้แท
"หมายความว่ายังไงคะ!!!"คำตอบของคนเป็นพ่อ ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ...หัวใจดวงน้อยเต้นช้าลง..ความรู้สึกสูญเสียบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว"ป๊ะป๋าก็หมายความตามนั้น ป๊ะป๋าเป็นคนขอถอนหมั้นเอง""อ้าว ได้ยังไงคะ แล้วแบบนี้นายคีรีไม่เสียใจแย่เหรอ""ถ้านายคีรีจะเสียใจก็เป็นปัญหาของนายคีรีซิ เกี่ยวอะไรกับบ้านเราด้วยล่ะแค่วันนั้นขับรถพาอายไปลงเขา...ป๋าก็แทบจะฆ่ามันทิ้งแล้ว..ถอนหมั้นๆ ไปก็ดีแล้ว อีกอย่างหนูก็ไม่เคยชอบพันธะนี้อยู่แล้วนี่""ป๊ะป๋า!!! มันไม่ใช่ความผิดของนายคีรี วันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ..นายคีรีเขาปกป้องอายด้วยซ้ำ""ไม่รู้ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น อย่าไปพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกเลย"คนเป็นพ่อผู้หวงลูกสาวรีบตัดจบอารมณ์ดี ก่อนจะหยิบมือถือมาไล่อ่านข่าว ไม่สังเกตสีหน้าซีดเซียวของคนเป็นลูกแม้แต่นิด'เผด็จการชะมัด..เผด็จการเหมือนใครกันนะ ก็เหมือนตัวเธอนะซิ!!'เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้สองอาทิตย์คนป่วยเริ่มอาการดีขึ้น...อีกทั้งได้สรุปในใจอีกหลายอย่าง ดังนั้นไอ้คนที่ไม่ชอบออกงานเลี้ยงสังคมหรูหราก็กลับมาออก...เพื่อจะเห็นหน้าใครบางคนและยังสามารถใช้เหตุผลประมาณว่า 'บังเอิญเจอกัน เลยไ
เมื่อคนเป็นพี่กลับบ้านมาแล้วพบน้องชายทำหน้าเครียด ในมือของเขามีสมุดเบิกถอนสมุนไพร ส่งผลให้คนมีชนักติดหลังเสียววาบในใจ...ดวงตาคมกริบหรี่มอง พร้อมโยนสมุดในมือลงบนโต๊ะ"มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?""...""ทำไมเจ้ทำแบบนี้ เจ้ทำมันลงไปได้ยังไง""ลื้อมันบ้าอาซาน อีฮวงนั้งไม่สมควรให้กำเนิดลูกหลานตระกูลหลี่!!""คนที่ไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกหลานตระกูลหลี่คือเจ้ต่างหาก ส่วนจินจินเธอดีเกินกว่าผู้หญิงหลงท่ก สันดานเลวอย่างเจ้มาก""อาซาน นี้ลื้อ นี้ลื้อด่าอั๊ว""เออ อั๊วด่าเจ้นี้แหละ เรื่องนี้มันไม่จบแน่ เจ้เตรียมใจไว้ได้เลย"คนเป็นน้องพูดพร้อมกับเก็บสมุดเบิกจ่ายสมุนไพรติดมือไปด้วย เล่นเอาพี่สาวเหงื่อตก แต่หล่อนรู้น้องชายนั้นแสนดีขี้ใจอ่อนมากแค่ไหน...อีกอย่างจินเยว่ก็เสียไปหลายปีแล้ว...ไหนเลยจะมาเอาผิดเธอได้แต่ไอ้คนใจดีมาตลอดชีวิต กับเลือกนำเรื่องไปฟ้องอาปามู่เฉิน กับอาม๊าด้วยรู้ว่าท่านทั้งสองเป็นคนยุติธรรม...เมื่อบุพการีรับรู้เรื่องทุกอย่างก็ถึงกับตกใจ...เพราะสิ่งที่ลูกสาวคนเดียวกระทำเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก มันไม่ต่างทำจากการทำร้ายสายเลือดครอบครัวตระกูลหลี่ดังนั้นตอนหลี่หนิงเกอเดินเข้าห้องทำงานของอาปามู่เฉิน
ระหว่างที่ชายหนุ่มลงมือทำความสะอาดหลุมศพของภรรยา...หลี่มู่เฉินที่เดาไว้แล้วว่าลูกชายจะมาที่นี้ ก็เดินเข้ามาหาทันที หลังจากที่ยัยหนูจินเยว่เสียไปได้สองเดือน..ลูกชายของเขามักมาทำความสะอาด เอาดอกไม้มาวาง “อาซาน”“อ้าว อาปา มาได้ยังไงครับ”เสียงแห้งถามกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มเศร้าหมองไปให้..ใบหน้าภายใต้หมวกสานกันแดด แดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอยู่ด้านนอกเป็นระยะเวลานาน“อื่ม อาปามีเรื่องจะคุยกับลื้อ”หลังจบคำผู้ชายสองวัยจึงเดินไปนั่งใต้ร่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพจินเยว่นัก“ลื้อแน่ใจแล้วรึ ที่จะลาออกจากโรงพยาบาล”“ครับ”“เห้อ อาซาน..ฟังอาปานะ จินจินอีตายไปแล้ว แต่ลื้อยังมีชีวิตอยู่”“อื่ม ผมรู้..ผมเองก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ไง”“แบบที่ลื้อทำอยู่ เขาไม่ได้เรียกว่าการใช้ชีวิตนะอาซาน”เสียงอาปาอ่อนล้า มือหนาหยาบตบหลังลูกชายเบาๆ เพื่อปลอบประโลม“อาปารู้ว่าลื้อรักจินจินมาก”“...”“ไม่งั้นอาปาคงไม่หมั้นหมายลื้อให้จินจินหรอก”“ทำไม...อาปารู้ละครับว่าผมรักจินจิน”น้ำเสียงลูกชายโตเริ่มพร่า..เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวเลยว่ารักเธอตั้งแต่เมื่อไร“จำได้มั้ย ว่าปีหลังๆ มานี้ ลื้อชอบบ่นว่าน้อง..แต่พอกลับมาทีไ
ชาตินี้น้องตามพี่มา ชาติหน้าพี่ยาตามน้องไปความรู้สึกเจ็บปวดเกาะกินทั้งแก่นกระดูก ลามไปยังเนื้อหนังมังสาทุกส่วนก่อนสติสุดท้ายจบลง..ร่างเพรียวระหงสะดุ้งตกใจตื่น..น้ำตาหยดใสไหลลงจากหางตาทั้งสองข้าง..เสียงสะอื้นไห้เจ็บปวด..ก่อนดวงตาดำคู่สวยจะจับโฟกัสทุกอย่างได้..มือเรียวเล็กข้างซ้ายร้อนชื้น..คนที่กุมมือไว้ไม่ปล่อย...ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนายคีรี ผู้ที่ทั้งชีวิตไม่เคยปล่อยมือเธอเลยสักครั้งในอดีตวันที่เธอตื่นฟื้นจากอุบัติเหตุครั้งแรก...ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากตอนนี้แม้แต่น้อย..แต่สิ่งที่ต่างมีเพียงแค่ว่า..เธอจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้...มีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดเคียดแค้นที่เกาะกินจิตวิญญาณ.. เธอเกลียดผู้ชายคนนั้นจับใจแต่ครั้งนี้นั้นแตกต่าง..ดารินในวัยสิบสามขวบ ยังคงไร้เดียงสาในเรื่องความรัก กับนางสาวจินเยว่ในวัยยี่สิบผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างปล่อยปละละเลย และยึดติด รวมถึงดารินหรือจินเยว่ในปัจจุบันที่ทะลุเข้าไปในอดีตเหตุการณ์เดียวกัน...แต่ความเข้าใจต่างกันในครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแค่ว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อทุ่มเทไป ย่อมสมควรได้คืนกลับมา..มีแต่คำถามว่าทำไมเขาไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่ตามใจเธอ...เธอเป็นเม
ร่างเพรียวระหงซุกตัวกอดสามีตัวโตไว้แน่น..หลี่ลี่ซานเองก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ..เลือกทางไหนก็ผิดทั้งนั้น..มือเรียวได้รูปปัดลูกผมที่ระหน้าด้วยความทะนุถนอม“จินจินแน่ใจนะคะ ที่ทำแบบนี้”“ค่ะ มันเป็นทางเลือกเดียวที่เรามี...ถ้าสมมติวันนี้เฮียซานไม่ไปช่วยเจ้เซียงเซียง.. ถ้าเกิดเจ่เจ้แกเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เราคงเหมือนมีตราบาปไปตลอดชีวิต อีกอย่างจินจินมีเรื่องจะสารภาพค่ะ”ปลายเสียงเธอแผ่วเบา..ริมฝีปากรูปกระจับถูกกัด“สารภาพเรื่องอะไรครับ”“ผู้ชายคนนั้น...เจ้าน้อยแสนอะไรนั้น...จินจินเป็นคนแนะนำให้ไปจีบเจ่เจ้เซียงเซียงเองค่ะ”“…”“แต่จินจินไม่รู้หรอกนะคะ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพวกชอบทุบตีผู้หญิง”น้ำเสียงคนตัวเล็กติดประหม่า ดวงตาคู่สวยช้อนมองสำรวจนึกกลัวว่าเขาจะรังเกียจ..เพียงแต่แววตาใสกระจ่างที่มองมาเต็มไปด้วยความเข้าใจ“จินจินอย่าคิดมากเลยนะคะ เซียงเซียงเลือกของตัวเธอเอง ไม่เกี่ยวกับจินจินเลย”“แล้วเฮียไม่คิดว่าจินจินร้ายเหรอคะ”“อื่อ ร้ายแต่น่ารัก เฮียชอบ”เขาพึมพำตอบ ก่อนจมูกโด่งสวยจะฝังลงไปตรงซอกคอภรรยาตัวน้อยอย่างหลงใหล..ในชีวิตเขาล้วนต้องการเพียงเธอ...แค่เธอก็พอแล้วเช้าวันต่อมาคุณหมอหนุ่มจำต้
ตกเย็นวันนี้โชคดีที่เคลียงานได้เร็ว หญิงสาวจึงได้กลับบ้านก่อน เธอลงมือเข้าครัวทำอาหารเย็นเอง เมนูวันนี้เป็นอาหารไทยง่ายๆ อย่างต้มยำกุ้งน้ำข้น ผัดโป้ยเซียง และไก่กรอบชุบแป้งทอด โดยไม่คิดว่าจะมีแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ บุกขึ้นมาถึงบ้าน...คุณนายเหวินผู้เป็นแม่สามี จูงลูกสาวคนเดียวเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน ด้านหลังเองมีเด็กในบ้านเดินตามมาด้วย“สวัสดีค่ะ ม๊า มาได้ยังไงคะ”“จินจิน อาซานกลับมาหรือยัง อั๊วมีเรื่องจะคุยกับอี”แม่สามีตั้งคำถามขึ้นมาแทน“น่าจะใกล้แล้วนะคะ ม๊านั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวจินจินชงชามาให้”เจ้าของบ้านเชื้อเชิญ ก่อนจะหายเข้าไปในครัว ชงชารสโปรดให้ด้วยความใส่ใจ แต่พอออกมาต้องประหลาดใจ นอกจากแม่สามีที่นั่งรอ ยังมีซุนเหยียนแม่เลี้ยงที่นั่งงงๆ อยู่ด้านข้าง ซึ่งเวลานี้ส่วนใหญ่ม๊ามักจะดูแลอาบน้ำ ป้อนข้าวหลานอยู่ตึกด้านข้าง“อ้าว ม๊าใหญ่ มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”“พอดีหนิงเกอไปตามม๊ามา..ม๊าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเรื่องอะไร” คำตอบของคนเป็นแม่เลี้ยง คล้ายสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างที่ ‘ผิดปกติ’ดวงตาคมคู่สวยหลุบลง ก่อนจะเลือกเก้าอี้ตัวข้างๆ แม่สามี..บุคลิกหลังตรง งามสง่า..บรรยากาศสงบนิ่งเป็นนักหนา