กระสอบทรายหุ้มหนังสีดำแบบแขวนและตั้งพื้นตั้งเรียงกันเป็นระเบียบ แต่ละคนยืนประจำที่เพื่อเรียนรู้ท่ามวยพื้นฐานตามครูฝึก และคนที่ฝึกพวกเขาคือ ฟรอนแซล เคียนโต้ เมื่อถอดเสื้อคลุมเหลือเพียงเสื้อเทรนนิ่งแขนสั้นสีดำตัดน้ำเงินกับกางเกงขายาวกระชับสัดส่วน ตอนแรกที่ดูเหมือนจะท้วมกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวย แม้แต่โคดี้ยังพักเล่นชั่วคราว ไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวตัวเล็กอย่างเธอจะเป็นครูฝึก และที่สำคัญ เมื่อเคียนโต้ขอให้โคดี้มาสาธิตเป็นเพื่อน เด็กหนุ่มถึงกับลงไปกองกับพื้น จุก สิ้นฤทธิ์ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
“เมื่อออกหมัดแล้วอย่าลดมืออีกข้างลง อย่ากางแขนแบบนั้น มาร์โกต์อย่ายืนหันตรงเป็นอันขาด เธอกำลังเผยช่องว่างให้ศัตรูสวนเข้ามา นี่รอดกันมาได้ไงยะ ควินน์กับโธมัสคนน้องออกแรงอีกนิด นั่นแหละ ดีมาก คาร์เตอร์อย่ายืนแบบนั้น ฉันสอนแล้วนะ” เธอเดินตรวจไปเรื่อย ๆ “ดีมากโวลคอฟ เคยฝึกสินะ”
ความสนใจหันเห อเล็กซิสเสียสมาธิทันที
และสายตาเคียนโต้ไวดุจเหยี่ยว “เดวิส ตามองกระสอบ ไม่อย่างนั้นเธอนอนแอ้งแม้งเหมือนเฮซแน่ คิดเสียว่ามันคือศัตรู โอ้” ดวงตากลมสี
หลังจากฝึกจนหมดเวลา เคียนโต้ปล่อยให้พวกเราไปพักตามอัธยาศัย ฟรีไทม์มีถึงแค่สี่ทุ่มเท่านั้น หลังจากนั้นต้องเข้านอนกันทุกคน อเล็กซิสรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเรียนประจำอย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อรับประทานอาหารเย็น เธอต้องรีบไปหาเวด เด็กสาวไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวแม้เพียงวันเดียว เทสซ่ากับมินนี่แวะไปเยี่ยมทุกวันเช่นกัน แต่พวกเธอมักตามไปทีหลังด้วยเหตุผลที่ว่าเผื่อ อเล็กซิสกับเวดอยากคุยเป็นการส่วนตัว แต่มันก็ไม่เคยส่วนตัวเลยเพราะมีไมเคิลเป็นเงา เบ็กกี้กับเรมีสลับกันขึ้นมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่เรมีมาคนเดียวเพราะเด็กสาวพุ่งตัวเข้านอนตั้งแต่หกโมง นับว่าเวดยังโชคดีกว่าคนไข้ที่เหลือ เพราะถ้าไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน บางคนรอดมาคนเดียวจึงไม่มีเพื่อนมาเยี่ยม“ชั้นเจ็ดสิบสอง”“ชั้นเจ็ดสิบสอง”“ไมเคิล นายไม่เบื่อเหรอ เวลาฉันคุยกับเวด นายพูดได้นะ พอเขาชวนนายคุย นายก็เอาแต่เงียบ”หนุ่มผมเงินมองออกไปนอกลิฟต์ “ก็ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรด้วย ที่เก่ายังมีหนังให้ดู มีกีฬาให้เล่น หรือว่า...” เขาเว้นจังหวะ “เธอรำคาญ”“ไม่มีทาง” อเล็กซิสตอบทันที “ไม่ต้องทำตาแบบ
สองทุ่มกว่า เธอออกจากลิฟต์เพื่อเดินเล่นในชั้นที่พัก ตอนแรกคิดไปหาไมเคิลที่ห้องฝึก แต่ตัดสินใจอยู่คนเดียวบ้าง เธออยากดูดาว อันที่จริง ถ้าหากพวกเขาอนุญาตให้อยู่กับเวดได้ถึงสี่ทุ่มเธอคงอยู่ท้องฟ้าในยามนี้กระจ่างชัดจนสามารถเห็นดาวระยิบระยับมากมาย ไม่รู้ว่าครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง อเล็กซิสแนบฝ่ามือกับกระจก เมื่อไหร่เธอจะทำลายกำแพงที่ขวางกั้นนี้ออกไปได้ หรือไม่มีวันนั้นนาฬิกาข้อมือสีเงินประดับอยู่บนมือขวา เธอมองมันแล้วนึกถึงเบน ทั้งนาย ออสโล่ โนเอล ทุกคนเป็นอิสระแล้วนะทว่าเงาสะท้อนในกระจกไม่ได้มีแค่คนเดียว ใบหน้าอเล็กซ์ปรากฏอยู่ข้างตัว เธอหันไปมอง ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามายืนตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน“เวลาเธอหลอมรวมไปกับพวกมัน เธอจะไม่รู้สึกตัวแบบนี้ตลอดเลยงั้นสิ”แม้ไม่มีกัญชา แต่อเล็กซ์มักพกไอหมอกบางอย่างติดตัว ยิ่งช่วงนี้ ต่อให้เขาไม่สูบ เธอยังเห็นหมอกหนาห่อหุ้มรอบตัว เด็กสาวหันกลับไปมองดวงดารา หลายประโยคติดอยู่ในคอ แต่คำพูดที่ออกไปกลับเป็นแค่เพียง “มีอะไร”อเล็กซ์เงียบไปพักใหญ่ คงจับน้ำเสียงเย็นชานั้นได้ ฉับพลันเธอกลับร
“เบนไม่อยากเป็นเหมือนพวกซอมบี้” อเล็กซ์สรุปก่อนที่เธอจะพูดจบ “หมอนั่นไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับตัวเองหรอก แม้ตายแล้ว” เสียงหัวเราะแรกดังออกมา แต่มันเป็นเพียงเสียงที่ออกจากลำคอและความรู้สึกขมขื่นมากกว่าร่าเริง “แต่เขาไม่ควรตายแบบนั้น ในลาวา ให้ตายเถอะ” ชายหนุ่มทุบกระจกพร้อมกับที่ไฟดับลงแต่วิวข้างนอกยังปรากฏอยู่ก่อนที่ไฟจะกลับมา โคดี้คงเป็นโพลเตอร์ไกสท์อย่างที่เทสซ่าเปรียบ“พวกเขาทิ้งฉันไปหมด” เขารำพัน “ทั้งแม่และเบน” ก่อนเริ่มรัวกำปั้นกับกระจก“พอแล้ว” อเล็กซิสพยายามห้ามเมื่อเขาทุบกระจกไม่หยุด “ข้อร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้” กำปั้นของเขาแดงเถือก อเล็กซ์ยังคงทำร้ายตัวเองต่อไป “หยุด” เธอกระชากตัวเขาให้หันมาเผชิญหน้า“แล้วไง หมอนั่นคิดว่าจะได้ไปอยู่กับแม่ฉันใช่ไหม!” ทันใดนั้นอเล็กซ์หน้าเจื่อนเมื่อเห็นสีหน้าเธอ “ขอโทษ ขอโทษที่ตะโกนใส่หน้า ฉันหมายถึง แนท เขาเคยพูดถึงใช่ไหม”อเล็กซิสพยักหน้าใบหน้าชายหนุ่มบิดเบี้ยวเหมือนมีใครบีบอวัยวะภายใน “ห
เธอไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรท่ามกลางความมืดมิดแต่ยังไม่มืดสนิท ไฟสีเขียวสีแดงประดับข้างเตียงส่งแสงริบหรี่เป็นจุดเล็กจุดน้อย เธอพลิกตัวหลายสิบรอบ พยายามข่มตาหลับ แต่หัวใจกลับเต้นระวิงรอเวลา หากเป็นคืนอื่น เทสซ่าคงแค่พลิกตัวไปมา ใจหนึ่งอยากนอน ใจหนึ่งกลัวฝัน รอจนกระทั่งร่างกายเหนื่อยล้าเอาชนะความคิดในสมองหลับไปเอง ปกตินอนวันละไม่กี่ชั่วโมงเพราะภาพโนเอลจมกองเลือดเล่นซ้ำอยู่ในหัว แม้อเล็กซิสบอกว่าเขาตายเพราะระเบิดในห้องเงียบสงบเพราะทุกคนตกอยู่ในห้วงนิทรา เทสซ่าไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนเธอหรือไม่ แต่ละคนมีภาพติดตาแบบไหนกันบ้าง ทว่าคืนนี้ค่อนข้างแปลกกว่าคืนอื่น ไม่ใช่ความกลัวแต่เป็นความตื่นเต้นเป็นอะไรนะเราหญิงสาวเงี่ยหูฟังเสียงคร่ำครวญของมินนี่ แต่เมื่อผ่านมาหลายอาทิตย์ เสียงเงียบลง เธอไม่รู้ว่าน้องสาวหลับหรือตื่นอยู่ พลิกตัวไปมาจนกว่าสติจะล้าเหมือนเธอหรือไม่ แต่เธออยากให้มินนี่หลับมือขวาเขยิบหมอนแล้วซุกหน้าลงไป มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอหมกมุ่นกับภาพโนเอลหรือแม่และบ้านที่จากมา แม้ว่าเธอเกลียดบ้านหลังนั้น แต่ไม่เคยเกลียดสภาวะของการมีค
สักพักประตูดังกึกเลื่อนออก เทสซ่าอ้าปากเหวอ นายตาเดียวยืนยิ้มกริ่มเหมือนเห็นเทพีแห่งชัยชนะ มุมปากเชิดสูงขึ้นเมื่อเห็นอากัปกิริยาของเธอ“สายไปสิบห้านาที”เขาโค้งตัว ทันใดนั้นพุ่งตัวรวบเอวอุ้มขึ้น เทสซ่าเกือบร้องออกมาแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนต่างหลับอยู่จึงตีหลังแทนเมื่อพ้นอาณาเขตห้อง ประตูเลื่อนปิดอัตโนมัติเหมือนมันทำงานในเวลากลางวัน เทสซ่าสะบัดตัวจนเขาปล่อยลง แสงไฟและวิวภายนอกมืดสนิท“ทำไมเวลานายดับไฟ หน้าต่างถึงมืดล่ะ” เรื่องนี้คาในใจมานานแล้ว หลายคนสงสัยว่าวิวข้างนอกอาจเป็นของปลอม“มันเป็นกระจกพิเศษ ทำงานด้วยไฟฟ้า หากไฟดับมันจะเปลี่ยนเป็นกระจกฝ้า ฉันต้องทำนะ” โคดี้ชี้นิ้วขึ้นไปรอบเพดาน “ในนี้มีกล้องคอยจับตลอด”“แล้วนายทำได้ยังไง” ในใจอดทึ่งไม่ได้ คนไร้สาระอย่างหมอนี่จะสามารถปลดล็อกประตูได้อย่างง่ายดายเชียวหรือ พลังของเขาคืออะไรกันแน่ “ถ้าอย่างนั้น...นายพาทุกคนหนีออกจากที่นี่ได้สิ”เขาส่ายหน้า “ถ้าทำได้ เราคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ”เทสซ่ายืดคอข
เขายกมือ “โอเค ๆ ไม่ขัดแล้ว แล้วเบลินดากับอเล็กซิสล่ะ เห็นว่ามาจากซานโบซ่าด้วยกันนี่”เธอกอดอกพร้อมกับตอบเลี่ยง ๆ “ฉันไม่เคยถามละเอียด ทั้งเวดและอเล็กซิสไม่คุยกับเบลินดา ยิ่งเวดนะ ตอนอยู่ด้วยกัน...” เทสซ่าจำได้ว่าเพื่อนผมบลอนด์สรรหาคำมาด่าเบลินดาจนเธอนึกสงสาร เทสซ่ากับเบลินดาเป็นมิตรกันดี เธอถูกอัธยาศัยเด็กสาวคนนี้ แม้จะทราบสาเหตุผิวเผิน เธอก็ไม่อยากพูดถึงในทางไม่ดี“เอาเถอะ เราพูดเรื่องของเรากันดีกว่า มานี่สิ” เขาดึงแขนเธอไปทางกล้องส่องทางไกลตัวหนึ่ง มีสี่ตัวตั้งอยู่ตามทิศสี่ทิศ “รู้ไหม แม้แต่กระจกใสยังไม่ใช่แค่กระจก มันมีระบบ มีแผนผังการทำงานซ่อนอยู่ ฉันใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะรู้ว่ากลไกในประตูทำงานอย่างไร”“แล้วนายทำได้ยังไง” เธอสงสัย “ประตูมันก็...ประตู” เธออยากจะอธิบายว่าไม่มีใครเห็นกลไกข้างในแต่พูดไม่ถูก “บาน...เปล่า ๆ นายเห็นกลไกได้ไง”เขายกมือขึ้น “พอฉันสัมผัสจะเห็นกลไกข้างใน ความสามารถนี้ได้มาหลังจากผ่านเช็กพ็อยต์วันมาแล้ว ฉันเคยนอนในห้องนั้นเหมือนเพื่อนเธอ...
“ที่นี่เหรอ” คำตอบนี้ดึงให้สติกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ “พวกเขาเอาลูกตานายออกไป? บ้าน่า”เขาก้มหน้าลงไม่ยอมสบตา “ประมาณนั้น”“นี่อย่ากั๊กได้ไหม” เธอซัก “พูดแล้วอย่าอมไว้ บอกฉันให้หมด”โคดี้ลังเล “สัญญาว่าห้ามบอกใครในนี้”เทสซ่าตอบทันที “สัญญา”“ฉันกับจีฮุน พวกเราเป็นเพื่อนกัน ถูกจับมาและรอดด้วยกัน แถมยังบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ พวกเรามีกันทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบก่อนเหลือไม่หลักสิบ รุ่นเธอถือว่ารอดเยอะกว่า อ้อ มีสามคนที่ไม่ได้บาดเจ็บหนักจะถูกฝึกซ้อมและปล่อยไปอยู่ในทอยซิตี้ เหมือนที่พวกเรากำลังทำ ตอนนั้นฉันเป็นกลุ่มตกค้างอยู่กับจีฮุน มีทั้งหมดแปดคนรวมอาคุสะและฟีบี้ รอเวลาหายดีและฝึกพร้อมกับกลุ่มพวกเธอ”ราวกับว่าอากาศภายในอันตรธานไปในพริบตา ประกายไฟในตัวเมื่อครู่ดับมอด “นายบอกว่ามีแปดคน แต่ฉันเห็นสาม”โคดี้กลืนน้ำลาย“อีกห้าคนไปไหน”เขาทำหน้าเหมือนกับว่าไม่น่าหลุดปากแต่แรก “เทสที่รัก ถ้าฉันรู้ก็คงดีน่ะสิ
“พวกเขาทำเรื่องไม่ดีมาแน่ ๆ”พอมองตามสายตาเบ็กกี้ อย่างที่เด็กสาวว่า ไม่รู้โคดี้กับเทสซ่าทำอะไรให้เคียนโต้ไม่พอใจถึงเอาแต่เรียกสลับสองคนนี้เป็นคู่ซ้อมทั้งวัน โคดี้น่วมไปทั้งตัว ส่วนเทสซ่าได้แผลฟกช้ำตามแรงปะทะ แต่ทั้งสองกอดคอกันบอกว่า “ไม่เป็นไร”เป็นสิ คงมีแต่ไมเคิลที่อยากประมือกับเคียนโต้ ครูฝึกสาวอาจไม่ใช่ผู้หญิงตัวใหญ่ แต่แรงดีเกินกว่าผู้หญิงทั่วไปแถมทักษะยังระดับครูฝึก ถ้าเขาได้สู้กับเธอ หมายถึงเป็นคู่ซ้อมกับเธอต้องสนุกมากกว่าประมือกับเพื่อนอีกเรื่องที่น่าคิดคือโรคติดต่อที่ชื่อว่า ความรัก เมื่อสองอเล็กซ์กุ๊กกิ๊กกันจนเห็นชินตา ต่อมาจัสตินกับเอมมี่แสดงออกว่าคบกัน และต่อมาก็คือโคดี้กับเทสซ่าที่เอาชนะทุกคนด้วยการอวดความหวานไปทั่ว“เลิกมองคนอื่นแล้วพยายามชกฉันให้ได้ดีกว่า” เขาเตือนสติเบ็กกี้ เด็กสาวจึงเหวี่ยงหมัดเบาหวิวใส่ ไมเคิลขยับตัวนิดเดียวเพื่อหลบ สู้กับเบ็กกี้ไม่ต่างจากสู้กับลมให้มันได้อย่างนี้สิตาชำเลืองมองอเล็กซ์ฝึกคราฟมากากับเรมี พวกเขาสู้กันจริงจัง เห็นแล้วน่าอิจฉา เร
บลูหัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยออกมาดังลั่น “โธ่ ไอ้น้องชาย แกนึกภาพยัยเดสเป็นแม่ออกเหรอวะ วัน ๆ คงนั่งระแวงว่าชู้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เฮ้ย เดี๋ยวก่อน...แกคิดว่าเดสจะคิดอะไรแบบนี้นี่นะ นอกจากแรดไปทั่ว ยัยนั่นไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว”“บลู!” เอมอนชกแขนของเขาอย่างแรง “อย่าพูดแบบนี้” เขาส่ายหน้าเอือมระอา “นายก็ใกล้เลขสาม ส่วนฉันก็ตามนายติด ๆ ฉันอยากมีครอบครัว วันหนึ่งถ้านายเจอคนที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น...แต่นายต้องแก้นิสัยนั้นก่อนนะ บอกไว้เลย วันนั้นนายจะเข้าใจฉัน ใครจะรู้ วันหนึ่งเดสอาจใจอ่อน และถ้าถึงวันนั้น...พวกเราอยากสร้างครอบครัวในสถานที่แบบนี้เหรอวะ”บลูเงียบลง เอมอนถูกพาออกไปจากแดนปีศาจก่อนที่ความชั่วร้ายจะแทรกซึมไปจนถึงอณูผิว เขาอยู่กับทัศนคติคิดบวก แม้ผ่านเรื่องร้ายแรงมาเท่าใดยังมีกะใจคิดถึงวันข้างหน้า คิดถึงอนาคตที่สวยงามใสปิ๊ง “แกก็รู้ว่าพวกเรามีลูกไม่ได้” เขาเตือนสติน้องชาย “พวกเราถูกฉีดยาคุมกำเนิดทุกปี ไม่อย่างนั้นแกกับเดสคงมีลูกเป็นโขยง ไม่สิ...ฉันกับแก และเดส จะดูออกไหมว่าลูกใคร” ชายหนุ่มเข
บลูแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “แกจะบ้าเหรอ พวกเราเป็นเจ้าของห้องพัก ไม่ใช่ทหาร มันเป็นหน้าที่ของทางการที่จะจัดการเรื่องนี้”แต่เอมอนใช่ว่าจะฟังง่าย ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่มีใครฟังบลูเลย ทั้งที่ทุกคนเลือกให้เขาเป็นหัวหน้าแท้ ๆ “บ้าน่า ถ้าเขาต้องการคนก็แสดงว่าคนไม่พอ อะไรที่พวกเราช่วยได้ก็ควรทำไม่ใช่หรือ บลู พวกเราทำเควสมากี่ปีแล้ว มันกลายเป็นกิจกรรมประจำวันไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักหน่อย พวกเราสู้เป็น”“เด็กนั่นบอกว่าพวกมันมีหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ใช่แก๊งธรรมดา ไม่อย่างนั้นทหารก็คงจัดการไปหมดแล้ว แค่สู้ในเควสก็พอแล้วน่า”“ฉันไม่สนว่ามันเป็นแก๊งธรรมดาหรือตัวอะไร แต่ฉันไม่ชอบอยู่เฉย ๆ” เอมอนเถียง ทำไมน้องชายของเขาถึงดื้อดึงขนาดนี้ "นายจะไม่ไปก็แล้วแต่ แต่ฉันจะไปลงชื่อ” เขาว่า หันไปมองหน้าเพื่อนที่เหลือ “ใครไม่ไปฉันไม่สนใจ” แล้วย่ำเท้าแรง ๆ ออกไป“เอมอน เอมอน” เขาตะโกนตามหลัง แต่น้องชายไม่ฟังเลย “แกโง่หรือไงวะ” เขาหันกลับมาหาเพื่อนที่เหลือ เดสซิเรมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ไม่เอาน่า
เขายังคงเงียบ อเล็กซิสรู้ว่าตัวการจริง ๆ คือใคร แต่เขาไม่คิดขอโทษ เธอจึงถอนหายใจ“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่โดนลงโทษ แต่ก็ไม่คิดจะท้วงติงให้เขาลงโทษหรอกนะ ส่วนเรื่องรับอาสาสมัครเพิ่ม กลุ่มที่ลักพาตัวเพื่อนฉันไปไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ทุจริตหรือให้ความร่วมมือกับแก๊งโจร พวกนั้นมีหุ่นพิฆาตในครอบครอง นั่นหมายความว่าพวกมันมีเทคโนโลยีไว้ต้านกองกำลัง ทหารมีจำนวนไม่พอ และทางการไม่อนุมัติกองกำลังเพิ่ม ถ้าอยากจะช่วยตัวประกัน พวกเราต้องช่วยพวกเขา ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันรู้ เอาละ ที่นี่พวกนายก็ไปได้แล้ว” เด็กสาวเปิดบานประตูค้างไว้ให้พวกเขาเดินออกทว่าบลูไม่ขยับ ถ้าไม่นับสีหน้านิ่งเฉยและใบหน้าเปื้อนน้ำตาแล้ว เขาไม่เคยเห็นเธอแสดงอารมณ์อื่นจนวันนี้ “เธอควรบอกพวกเราตั้งแต่แรก”คิ้วได้รูปสองข้างขมวดเป็นปม “ทำไมฉันต้องบอกพวกนายเรื่องนี้”“เรื่องยาที่อยู่ในตัวเธอ” เขาชี้นิ้ว “บางทีเราอาจจะหาทางช่วยได้”อเล็กซิสส่ายหน้า “ไม่พูดออกไปก็ถือว่าช่วย ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอบคุณมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก
“บลู เราไม่ควรเข้ามาแบบนี้”ไม่สนใจเสียงริงโก้ เขาปีนข้ามระเบียงกำแพงบันไดหนีไฟแล้วกระโดดลงระเบียงห้องลูกบ้านรายหนึ่ง จากนั้นปีนข้ามไปอีกห้อง ไต่ไปตามทางชันขนาดคืบหนึ่งไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย ทักษะโจรย่องเบายังอาย ในเมื่อการเข้าห้องลูกบ้านโดยพลการต้องได้รับเสียงโหวตอนุมัติจากหุ้นส่วนทั้งหก แต่เพราะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเขากับริงโก้ มิหนำซ้ำได้เห็นประกาศรับอาสาสมัครที่ทางการติดไว้เมื่อเช้า ดังนั้น บลูจำเป็นต้องรู้ว่าเด็กคนนี้ซ่อนอะไรไว้อีก และความอยากรู้เร่งให้เขาต้องค้นหาความจริงเดี๋ยวนี้“แม่งเอ๊ย ไอ้บลู ฟังบ้างสิวะ”เขาปีนข้ามถึงระเบียงห้องอเล็กซิสได้สำเร็จ ปากตะโกนบอก “แกไปรอหน้าห้อง” เพื่อนตัวโตส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ใครเล่าจะรั้งคนอย่างบลูได้ เขายื่นมือเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ประมาณสิบเซนติเมตร ปลดล็อก จากนั้นเลื่อนบานขึ้นจนสุด เพียงแค่นี้ เขาก็ปีนเข้าห้องเด็กคนนั้นได้สบายห้องของอเล็กซิสค่อนข้างโล่ง เห็นแล้วสะอาดตาปนน่าสงสาร ข้าวของน้อยชิ้นวางไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก แต่เพราะมันไม่เยอะจึงไม่รก บลูเห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าเธอมีไว้ซุกหัวนอนมากกว่าเห็นเป็นบ้าน เพราะลักษณะการจั
“หยุด ๆ” เขาดันตัวเธอออกอย่างง่ายดาย แรงของไมเคิลนั้นขัดกับรูปร่างเสมอ “บอกแล้วไง ว่าถ้าไม่อยากให้บอก”อเล็กซิสย้อนคำถาม “นายอยากจูบฉันจริงเหรอ” แววตาไมเคิลนั้นแสดงออกชัดว่าลังเล เขาหลบตา “นายอยากจูบฉันเพื่อให้แน่ใจแค่นั้น ถ้าแค่นั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เวลาจะตอบเอง”ไมเคิลนิ่วหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่...”“นั่นไง” เธอชี้ให้เห็น “นายไม่เคยอยากจูบฉัน เพราะถ้านายอยาก นายจะไม่ลังเลหรอก แค่นี้ก็ตอบได้แล้วว่านายไม่ได้ชอบฉันแบบนั้น บางคนอาจคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แบบ...เพื่อนสนิท แต่ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายตั้งสองคน ไม่สิ ตอนนี้สาม” น้ำเสียงเธออ่อนลงเมื่อนึกถึงออสโล่กับเวด “โลกเราก็แบบนี้แหละ”เขาพยักหน้า แต่กลับยังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีหรือไม่ “อย่างงี้แปลว่า เธออยากจูบอเล็กซ์ตลอดเวลาเลยงั้นสิ”“ไมเคิล!” เธอร้อง แอบไขว้นิ้วไว้ข้างหลัง “นายสงสัยจริง ๆ หรืออยากแกล้งฉันกันแน่”“ถามจริง ๆ สิ&
ไมเคิลกับเทสซ่าเข้าใจว่าเธอเป็นลมแดดเท่านั้น อเล็กซิสนึกขอบคุณริงโก้ แต่ขณะเดียวกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะปิดบังเรื่องนี้กับเพื่อนตัวเองหรอก ตลอดทางกลับ เทสซ่าเอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตอาการเพื่อนจนเธอต้องยืนกรานว่ามันเป็นความผิดของเธอต่างหากที่ไม่ประมาณตนเพื่อให้หญิงสาวสบายใจขึ้นปาร์ตี้ฉลองวันเกิดย้อนหลังของไมเคิลผ่านไปด้วยดี ถึงแม้จัดเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่มีดนตรี เกม และอุปกรณ์อำนวยสิ่งบันเทิง แต่ยังคงประเพณีร้องเพลงให้เจ้าของงาน แถมยังเอาใจด้วยอาหารเน้นโปรตีนกับขนมหวานมากมาย เขาชอบสเต๊กสูตรคาเลบมากจนขอให้เธอจดไว้เผื่อทำเอง อเล็กซิสยอมรับว่าเห็นไมเคิลไม่ต่างจากเจ้าลิงน้อยชาร์ลีเลย คู่เทสซ่ากับโคดี้ยังทำให้เธออิจฉาตาร้อน เพราะพอพวกเขาร้องเพลงจบ โคดี้นึกสนุกร้องเพลงต่อแล้วดึงเทสซ่าขึ้นมาเต้นรำ สายตาที่เขามองหญิงสาวแทบทำให้อเล็กซิสละลายลงไปกับพื้น แววตาที่แสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย และมันทำให้อเล็กซิสว้าเหว่ที่สุด เสียงหัวเราะของทุกคนกลับเพิ่มดีกรีหดหู่ไปจนสุดเพดาน แต่ต้องซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนี้ถ้าหาก อเล็กซ์ เบ็กกี้ เบน เวด ออสโล่ โนเอล และ ซาร่าห์อ
ตุ๊กตาหญิงชายยืนคู่กันในชุดแปลกตา ดวงตาโตสองข้างวาดด้วยเส้นสีดำหนาและทั้งสองหันศีรษะไปทางซ้ายของเธอ อเล็กซิสคุ้นตาเหมือนเคยเห็นในหนังหรือไม่ก็หนังสือสารคดีเกี่ยวกับงานศิลปะสมัยอารยธรรมโบราณ ผู้ชายถือตะขอและไม้หวด ส่วนผู้หญิงถือไม้เท้า เธอยื่นหน้ามองชั้นหนังสือที่อยู่ข้างหลังโต๊ะ หากไม่นับรวมหนังสือแพทย์ที่มีคำศัพท์ยากเกินกว่าสมองจะเข้าใจ ยังมีหนังสืองานศิลปะและประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงหกพันปีก่อนเวลาปัจจุบัน เธอนึกอยากเปิดอ่านบ้าง ช่วงเวลาก่อนยุคหายนะดูไกลตัวมาก หนังสือบอกเล่าประวัติศาสตร์อันน่าพิศวงล้วนดึงดูดอเล็กซิสเสมอ“อยากอ่านหรือ”ทรอยถือแฟ้มสีเขียวเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นผลตรวจของเธอ อเล็กซิสสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทำใจก่อนรับฟังความจริง แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าริงโก้เป็นคนพาเธอมาจึงมองหาเขา“กลับไปแล้ว กระชากคอเสื้อฉันแบบที่เพื่อนเขาทำไม่มีผิด พวกพ้องเทอร์นเนอร์หัวรุนแรงทุกคน” คนเป็นหมอบ่น พลางส่ายศีรษะระอาอเล็กซิสเงียบ จำได้ว่าบลูเคยเล่าเรื่องทรอยให้ฟัง น่าแปลกนัก เขากลับไม่มีทีท่าเย็นชาต่อเธอดังที่ถูกกล่าวหาว่าบ้าคลั่งกลุ่มเสี่
“โอ๊ย”แรงปะทะทำให้เธอหงายหลังล้ม ริงโก้ยืนมองด้วยสีหน้าถมึงทึงแบบทุกที “ขอโทษ” พูดแล้วดึงเธอลุกขึ้นฉับพลันข้างในร่างกายร้อนวูบเหมือนเปลวเทียนแล่นผ่านร่าง อเล็กซิสดึงมือออก แล้วรีบวิ่งหาที่เหมาะ ๆ มือสาละวนควานหายาในกระเป๋ากางเกง สุดท้ายวิ่งเข้าตรอกแคบร้างผู้คน มือดึงมันออก หลอดยาขนาดยาวกว่านิ้วก้อยนิดเดียว มือทั้งสองข้างสั่นระริกพยายามแกะบรรจุภัณฑ์ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีคนหมุนปุ่มเตาแก๊ส จนเธอเริ่มทนไม่ไหว อเล็กซิสพยายามสะกดความแสบร้อนไว้ภายใน แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ มือทั้งสองข้างเกร็ง ร่างทรุดลงกับพื้น น้ำตาซึมออกมาเมื่อรู้สึกว่าผิวหนังหดตัวเพราะความร้อน หยุดเถอะ เด็กสาวร้องโอดโอยไม่อาจถือของในมือให้มั่น หลอดยาหล่นลงพื้นพร้อมกับที่เธอยืนไม่ไหวอเล็กซิสพลิกตัวไปมาบนพื้น “ฉีดเข้าเส้นเลือด” เสียงทรอยดังในหัว เธอกรีดร้องคำสบถออกมามากมาย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเอเลน่าจึงขอให้พวกเขายื่นความตายให้ ราวกับว่าอุณหภูมิภายในสูงขึ้นเฉียบพลัน เข็มล่องหนนับพันเล่มทิ่มแทงร่างกายไปจนถึงกระดูก เธอร้องจนสุดเสี
อีกอย่างคำว่า มื้อเย็น เป็นคำวิเศษสำหรับไมเคิล เขาหันขวับทันที ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับราวกับผิวน้ำในมหาสมุทร “ฉลองเหรอ จัดปาร์ตี้กันในห้องนี้ก็ได้นะ”เขากะพริบตาถี่ ๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่โหยหามานาน ไมเคิลเคยตามดูชีวิตเธอเพียงเพราะอยากมีครอบครัวแบบเด็กทั่วไป เด็กสาวคิดดังนั้นแล้วพยักหน้า “เอาสิ เรมี นายเป็นเจ้าของห้องอีกคน โอเคหรือเปล่า”“สบาย ใคร ๆ ก็ชอบปาร์ตี้ทั้งนั้น” หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยิ้มแป้น “แต่คงไม่สุดเหวี่ยงเหมือนตอนโน้นนะ”อเล็กซิสมองคนอื่น ทั้งหมดยินดี โดยเฉพาะเทสซ่าแทบจะเต้นอยู่แล้ว เธอเริ่มลิสต์รายการว่าต้องซื้ออะไรบ้าง พวกเขาสรุปกันว่าจะซื้อขนมและน้ำ แต่อาหารบางอย่างอาจต้องทำเองเพื่อประหยัดงบ เจ้าของไอเดียเลยอาสา “ซื้อเนื้อสเต๊กเกรดพรีเมี่ยมก็แล้วกัน ฉันเลี้ยงเอง บ้านฉันมีสูตรเฉพาะ รับรองว่าทุกคนต้องติดใจแน่” อเล็กซิสถูมือทำเหมือนตัวเองช่ำชอง ลึก ๆ แล้ว โหยหาอาหารฝีมือคาเลบ แต่ในเมื่อมันเป็นไม่ได้ ก็ทำมันซะเลยสิ ถึงแม้ฝีมือเธอจะอ่อนกว่าไบรซ์ แต่เรื่องจำสูตรนั้นแม่นแน่นอน ส