เธอไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ท่ามกลางความมืดมิดแต่ยังไม่มืดสนิท ไฟสีเขียวสีแดงประดับข้างเตียงส่งแสงริบหรี่เป็นจุดเล็กจุดน้อย เธอพลิกตัวหลายสิบรอบ พยายามข่มตาหลับ แต่หัวใจกลับเต้นระวิงรอเวลา หากเป็นคืนอื่น เทสซ่าคงแค่พลิกตัวไปมา ใจหนึ่งอยากนอน ใจหนึ่งกลัวฝัน รอจนกระทั่งร่างกายเหนื่อยล้าเอาชนะความคิดในสมองหลับไปเอง ปกตินอนวันละไม่กี่ชั่วโมงเพราะภาพโนเอลจมกองเลือดเล่นซ้ำอยู่ในหัว แม้อเล็กซิสบอกว่าเขาตายเพราะระเบิด
ในห้องเงียบสงบเพราะทุกคนตกอยู่ในห้วงนิทรา เทสซ่าไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนเธอหรือไม่ แต่ละคนมีภาพติดตาแบบไหนกันบ้าง ทว่าคืนนี้ค่อนข้างแปลกกว่าคืนอื่น ไม่ใช่ความกลัวแต่เป็นความตื่นเต้น
เป็นอะไรนะเรา
หญิงสาวเงี่ยหูฟังเสียงคร่ำครวญของมินนี่ แต่เมื่อผ่านมาหลายอาทิตย์ เสียงเงียบลง เธอไม่รู้ว่าน้องสาวหลับหรือตื่นอยู่ พลิกตัวไปมาจนกว่าสติจะล้าเหมือนเธอหรือไม่ แต่เธออยากให้มินนี่หลับ
มือขวาเขยิบหมอนแล้วซุกหน้าลงไป มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอหมกมุ่นกับภาพโนเอลหรือแม่และบ้านที่จากมา แม้ว่าเธอเกลียดบ้านหลังนั้น แต่ไม่เคยเกลียดสภาวะของการมีค
สักพักประตูดังกึกเลื่อนออก เทสซ่าอ้าปากเหวอ นายตาเดียวยืนยิ้มกริ่มเหมือนเห็นเทพีแห่งชัยชนะ มุมปากเชิดสูงขึ้นเมื่อเห็นอากัปกิริยาของเธอ“สายไปสิบห้านาที”เขาโค้งตัว ทันใดนั้นพุ่งตัวรวบเอวอุ้มขึ้น เทสซ่าเกือบร้องออกมาแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนต่างหลับอยู่จึงตีหลังแทนเมื่อพ้นอาณาเขตห้อง ประตูเลื่อนปิดอัตโนมัติเหมือนมันทำงานในเวลากลางวัน เทสซ่าสะบัดตัวจนเขาปล่อยลง แสงไฟและวิวภายนอกมืดสนิท“ทำไมเวลานายดับไฟ หน้าต่างถึงมืดล่ะ” เรื่องนี้คาในใจมานานแล้ว หลายคนสงสัยว่าวิวข้างนอกอาจเป็นของปลอม“มันเป็นกระจกพิเศษ ทำงานด้วยไฟฟ้า หากไฟดับมันจะเปลี่ยนเป็นกระจกฝ้า ฉันต้องทำนะ” โคดี้ชี้นิ้วขึ้นไปรอบเพดาน “ในนี้มีกล้องคอยจับตลอด”“แล้วนายทำได้ยังไง” ในใจอดทึ่งไม่ได้ คนไร้สาระอย่างหมอนี่จะสามารถปลดล็อกประตูได้อย่างง่ายดายเชียวหรือ พลังของเขาคืออะไรกันแน่ “ถ้าอย่างนั้น...นายพาทุกคนหนีออกจากที่นี่ได้สิ”เขาส่ายหน้า “ถ้าทำได้ เราคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ”เทสซ่ายืดคอข
เขายกมือ “โอเค ๆ ไม่ขัดแล้ว แล้วเบลินดากับอเล็กซิสล่ะ เห็นว่ามาจากซานโบซ่าด้วยกันนี่”เธอกอดอกพร้อมกับตอบเลี่ยง ๆ “ฉันไม่เคยถามละเอียด ทั้งเวดและอเล็กซิสไม่คุยกับเบลินดา ยิ่งเวดนะ ตอนอยู่ด้วยกัน...” เทสซ่าจำได้ว่าเพื่อนผมบลอนด์สรรหาคำมาด่าเบลินดาจนเธอนึกสงสาร เทสซ่ากับเบลินดาเป็นมิตรกันดี เธอถูกอัธยาศัยเด็กสาวคนนี้ แม้จะทราบสาเหตุผิวเผิน เธอก็ไม่อยากพูดถึงในทางไม่ดี“เอาเถอะ เราพูดเรื่องของเรากันดีกว่า มานี่สิ” เขาดึงแขนเธอไปทางกล้องส่องทางไกลตัวหนึ่ง มีสี่ตัวตั้งอยู่ตามทิศสี่ทิศ “รู้ไหม แม้แต่กระจกใสยังไม่ใช่แค่กระจก มันมีระบบ มีแผนผังการทำงานซ่อนอยู่ ฉันใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะรู้ว่ากลไกในประตูทำงานอย่างไร”“แล้วนายทำได้ยังไง” เธอสงสัย “ประตูมันก็...ประตู” เธออยากจะอธิบายว่าไม่มีใครเห็นกลไกข้างในแต่พูดไม่ถูก “บาน...เปล่า ๆ นายเห็นกลไกได้ไง”เขายกมือขึ้น “พอฉันสัมผัสจะเห็นกลไกข้างใน ความสามารถนี้ได้มาหลังจากผ่านเช็กพ็อยต์วันมาแล้ว ฉันเคยนอนในห้องนั้นเหมือนเพื่อนเธอ...
“ที่นี่เหรอ” คำตอบนี้ดึงให้สติกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ “พวกเขาเอาลูกตานายออกไป? บ้าน่า”เขาก้มหน้าลงไม่ยอมสบตา “ประมาณนั้น”“นี่อย่ากั๊กได้ไหม” เธอซัก “พูดแล้วอย่าอมไว้ บอกฉันให้หมด”โคดี้ลังเล “สัญญาว่าห้ามบอกใครในนี้”เทสซ่าตอบทันที “สัญญา”“ฉันกับจีฮุน พวกเราเป็นเพื่อนกัน ถูกจับมาและรอดด้วยกัน แถมยังบาดเจ็บสาหัสทั้งคู่ พวกเรามีกันทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบก่อนเหลือไม่หลักสิบ รุ่นเธอถือว่ารอดเยอะกว่า อ้อ มีสามคนที่ไม่ได้บาดเจ็บหนักจะถูกฝึกซ้อมและปล่อยไปอยู่ในทอยซิตี้ เหมือนที่พวกเรากำลังทำ ตอนนั้นฉันเป็นกลุ่มตกค้างอยู่กับจีฮุน มีทั้งหมดแปดคนรวมอาคุสะและฟีบี้ รอเวลาหายดีและฝึกพร้อมกับกลุ่มพวกเธอ”ราวกับว่าอากาศภายในอันตรธานไปในพริบตา ประกายไฟในตัวเมื่อครู่ดับมอด “นายบอกว่ามีแปดคน แต่ฉันเห็นสาม”โคดี้กลืนน้ำลาย“อีกห้าคนไปไหน”เขาทำหน้าเหมือนกับว่าไม่น่าหลุดปากแต่แรก “เทสที่รัก ถ้าฉันรู้ก็คงดีน่ะสิ
“พวกเขาทำเรื่องไม่ดีมาแน่ ๆ”พอมองตามสายตาเบ็กกี้ อย่างที่เด็กสาวว่า ไม่รู้โคดี้กับเทสซ่าทำอะไรให้เคียนโต้ไม่พอใจถึงเอาแต่เรียกสลับสองคนนี้เป็นคู่ซ้อมทั้งวัน โคดี้น่วมไปทั้งตัว ส่วนเทสซ่าได้แผลฟกช้ำตามแรงปะทะ แต่ทั้งสองกอดคอกันบอกว่า “ไม่เป็นไร”เป็นสิ คงมีแต่ไมเคิลที่อยากประมือกับเคียนโต้ ครูฝึกสาวอาจไม่ใช่ผู้หญิงตัวใหญ่ แต่แรงดีเกินกว่าผู้หญิงทั่วไปแถมทักษะยังระดับครูฝึก ถ้าเขาได้สู้กับเธอ หมายถึงเป็นคู่ซ้อมกับเธอต้องสนุกมากกว่าประมือกับเพื่อนอีกเรื่องที่น่าคิดคือโรคติดต่อที่ชื่อว่า ความรัก เมื่อสองอเล็กซ์กุ๊กกิ๊กกันจนเห็นชินตา ต่อมาจัสตินกับเอมมี่แสดงออกว่าคบกัน และต่อมาก็คือโคดี้กับเทสซ่าที่เอาชนะทุกคนด้วยการอวดความหวานไปทั่ว“เลิกมองคนอื่นแล้วพยายามชกฉันให้ได้ดีกว่า” เขาเตือนสติเบ็กกี้ เด็กสาวจึงเหวี่ยงหมัดเบาหวิวใส่ ไมเคิลขยับตัวนิดเดียวเพื่อหลบ สู้กับเบ็กกี้ไม่ต่างจากสู้กับลมให้มันได้อย่างนี้สิตาชำเลืองมองอเล็กซ์ฝึกคราฟมากากับเรมี พวกเขาสู้กันจริงจัง เห็นแล้วน่าอิจฉา เร
“อ้าว” เวดเงยหน้ามองคนทั้งสอง อเล็กซิสเดินกระย่องกระแย่งพร้อมกับไม้เท้าค้ำยันหนีบใต้รักแร้ เขามักเห็นเวดเล่นเกมบนจอสกรีนเสมอ ไมเคิลอยากลองเล่นเหมือนกัน เห็นว่าเป็นเกมแนววางแผน “แล้วหน้าโดนอะไรมา รอยข่วนนี่นา”“ข้อเท้าแพลงระหว่างซ้อม ส่วนตรงแก้มก็ระหว่างสู้” อเล็กซิสมองจอสกรีนในมือเวด “นายติดเกมมากเลยนะ”“ลองเล่นสิ” เขาเอื้อมตัวจะลากโต๊ะกินข้าว ไมเคิลอาสาเลื่อนให้เอง“นายนั่งลง” เขาแปะมือตรงที่ว่าง ไมเคิลจึงหย่อนก้นลงข้างเพื่อนสาว เวดหมุนจอมาทางอีกสองคนแล้ววนนิ้วตรงมุมขวาล่าง “ตรงนี้คือสถานะของเรา พอกดตรงนี้มันจะขึ้นภารกิจที่ต้องทำ อย่างอันนี้คือการตามหาสปายที่เข้ามาสอดแนมในเมือง”“เกมนี้เกี่ยวกับอะไร”“ปกป้องอาณาจักรจากกลุ่มผู้รุกราน” เวดเลื่อนหน้าจอกลับไปกลับมา คล่องมือ “มันจะมีสปายเข้ามาในอาณาจักรเพื่อหาข้อมูล จุดอ่อน อะไรพวกนี้ นี่คือสถานะของฉัน เห็นไหม คะแนนสูงสุดเลย” เขาหรี่เสียงลง “คนที่เหลือโคตรอ่อน”อเล็
“นายมีอะไรอยากบอกฉันหรือเปล่า”อเล็กซิสถามขึ้นมา เธอไม่ได้ถามไมเคิลแต่ถามอเล็กซ์ พวกเขายืนอยู่ในลิฟต์กันสามคนเพื่อลงไปรับประทานอาหาร ชายตัวสูงยกมือโอบไหล่แฟนสาว ไมเคิลมองออกไปนอกกระจก รู้สึกกดดัน“ไม่นี่ ทำไมเหรอ”“นายกับเทสซ่าดูตกใจมาก เหมือนกลัวว่าฉันต้องนอนห้องพยาบาล”ไมเคิลมองเงาทั้งสองผ่านกระจก อเล็กซ์หันมาจูบหน้าผากเธอแต่สายตาจ้องผ่านภาพสะท้อนในกระจกเหมือนต้องการบอกให้รู้ว่าไมเคิลเป็นส่วนเกิน “ถ้าเธอนอนห้องพยาบาลแปลว่าเธอเจ็บหนักไม่ใช่เหรอ”แม้แต่เวดยังไม่กันเขาออกไปขนาดนี้ ตรงกันข้าม นับวันหมอนั่นยิ่งเห็นเขาเป็นเพื่อนมากขึ้นทุกวันตลอดช่วงเย็น ทุกคนพูดคุยกันปกติ ยกเว้นเทสซ่ากับโคดี้ที่มักแลกเปลี่ยนความนัยผ่านสายตาเสมอ ซึ่งไม่ใช่สายตาน้ำเชื่อมแบบทุกที“ฉันใจไม่ดีเลย” อเล็กซิสพูดขึ้นเมื่ออเล็กซ์ลุกออกไปหยิบของหวานเพิ่ม “นายว่าไหมว่าตั้งแต่ฉันล้ม พวกเขาเอาแต่แสดงอาการแปลก ๆ มันแปลกไปหมดเลย”เขาพยักหน้าแล้วสะกิดให้เธอเห็นว่าแฟนตัวเองกำลังกลับมาที่โต๊ะ
ชายหนุ่มกดหยุดลิฟต์ทันที ก่อนจะหันมามองเขาด้วยแววตาหาเรื่อง “นายรู้ได้ไง”“ไม่สำคัญหรอก ทำไมนายไม่บอกคนอื่น ไม่สิ ทำไมนายไม่บอกอเล็กซิส”ดวงตาสีเข้มส่งไอเย็นยะเยือก พวกเขาไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่พอคุ้นหน้าตากันพอสมควรเพราะเป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาอยู่ในโปรแกรม และที่สำคัญ ชื่อของเขาอยู่ในลำดับถัดจากทายาทโวลคอฟ ก่อนหน้านี้อเล็กซ์ไม่ได้มีทีท่าเป็นปฏิปักษ์ถึงขนาดนี้ ออกจะตรงกันข้าม“นายห้ามบอกเธอเด็ดขาด” ชายหนุ่มย้ำ“ไม่ได้ อเล็กซิสต้องรู้” ไมเคิลไม่ยอม“ห้ามบอกสกาย*”เขามองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ฉุกใจว่าสกายน่าจะมาจากชื่อคน “ฉันพูดถึงอเล็กซิสต่างหาก”รอยยิ้มเช่นคนเหนือกว่าปรากฏบนใบหน้าเจ้าตัว ไมเคิลค่อนข้างสับสนกับอารมณ์คนคนนี้ ตอนนี้เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้อเล็กซิสแทบไม่มีสมาธิ ยิ่งเธอชอบเขาด้วย เซลล์สมองคงทำงานหนัก“ใช่ คนเดียวกัน”อ้อ เพื่อนตัวเองเรียกแบมบี้ ตัวเองเลยเรียกสกายสินะ เขาพอเห็นความเหมือนระหว่างเบน
“อเล็กซิส เดวิส เบ็กกี้ ควินน์”ไมเคิลหันมายิ้มพลางขยับปากบอกว่า “แล้วเจอกัน”“แล้วเจอกัน” เธอกระซิบตอบ หากแต่สายตาชำเลืองมองอเล็กซ์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ระหว่างอาคุสะและจัสติน พวกเขาสบตากันเพียงชั่วครู่ อีกฝ่ายก้มหน้าลง เหมือนดวงใจในอกหล่นหายไปในหลุมดำ ทำไม เหตุใดใจมนุษย์ถึงแปรเปลี่ยนภายในชั่วข้ามคืน ทำไมความรู้สึกของเขาจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้“เดวิส?”เธอก้าวขายืนเคียงข้างเบ็กกี้ สองคนแรกที่จะได้เข้าไปในทอยซิตี้“พวกเธอสองคนเดินเข้าไปในอุโมงค์ตรวจร่างกาย เดินไปไม่ต้องหยุด ระบบจะสแกนเพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมเข้าไปอยู่ในทอยซิตี้ จากนั้นรับกระเป๋าและบรรจุชิปลงในนาฬิกาข้อมือ รับทราบนะ”“รับทราบค่ะ” ทั้งสองตอบพร้อมกัน“เอาละ ถึงเวลาแล้ว เพื่อนคนอื่นจะได้ตามเข้าไป พร้อมนะ”เคียนโต้ยื่นมือทั้งสองข้างมาเช็กแฮนด์กับเด็กทั้งสอง อีกไม่กี่นาที พวกเธอจะได้เห็นท้องฟ้าของจริงก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน“ทองคำจริง
“เออฉันนี่...” เขาหันไปยิงอีกตัว ปืนในมือแสตนเนอร์อานุภาพร้ายแรงกว่าปืนปกติ เพียงนัดเดียวก็เป่าหัวหุ่นเหล็กกระจุย รอบตัวเริ่มชุลมุนหนักขึ้นทุกที เขารู้สึกเหมือนทุกคนเบียดเป็นวงล้อม กลุ่มทหารเปิดวงจรอะไรบางอย่างที่คล้ายกับสร้างเกราะที่มองไม่เห็นขึ้นมากันไม่ให้เขากับอเล็กซิสเป็นลูกหลง (แม้จะแส่หาเรื่องเข้ามาเอง) เมื่อพวกเขาทำลายบานเหล็กได้สำเร็จก็รีบพากันออกมาทั้งหมด“บ้าชะมัด ฉันบอกให้พวกเธอรอ แล้วเข้ามาได้ไง” แสตนเนอร์ตามมาเอ็ด ทั้งเขาและอเล็กซิสคล้องแขนแล้วก้มหน้า ทหารคนหนึ่งรีบดึงดาบในมือออกไปด้วยโดยไม่หันมามองว่าสีหน้าไมเคิลอาลัยมันแค่ไหน ดูเหมือนว่าหุ่นยนต์มีหน้าที่ปกป้องตึก เมื่อผู้บุกรุกออกไป มันกลับไม่ตาม ทั้งหมดมองกลับไปเห็นหุ่นเหล็กยืนสงบ ดวงตาสีแดงอับแสงลง“คุณจะโกรธพวกเราไม่ได้” เพื่อนสาวดูท่าจะรวบรวมความกล้าได้ก่อน “พวกคุณไม่บอกอะไรเราเลย ฉันอยากจะช่วยเบ็กกี้” อเล็กซิสระเบิดออกมาได้แป๊บเดียวเท่านั้น ท่าทางดั่งสิงโตเมื่อกี้หายกลายเป็นลูกแมวเมื่อเธอมองสภาพทหารบางคนที่รอดออกมา ร่างพวกเขาโชกเลือด ไมเคิลรู้ดี
กลุ่มทหารยกพลกันมาสองคันรถ ตัวรถถังกึ่งรถบรรทุกจุคนได้ราวยี่สิบ เขานับเมื่อทั้งหมดออกมาจากรถ บวกกับพลเดินเท้าอีกหยิบมือก็ได้สี่สิบกว่า ทั้งหมดสวมชุดป้องกันและอาวุธพร้อม ไมเคิลตัดสินใจดูเชิงอยู่ห่าง ๆ พวกเขากำลังจะบุกเข้าไปในตึกสูงเจ็ดชั้นซึ่งเมื่อก่อนน่าจะเป็นศูนย์บังคับการกลางของเขตราซา ตัวตึกเป็นทรงห้าเหลี่ยมขนาดกว้างพอดู ไมเคิลกับอเล็กซิสเล็งไว้ว่าจะเข้าไปหลังจากพักเหนื่อยแต่ถูกตัดหน้าเสียก่อน เจ้าหน้าที่รายหนึ่งถือแผ่นจอสกรีนแบบที่พวกเขาชอบพกกัน (มีไว้ครอบครองเพียงแค่ข้าราชการ) กดอะไรบางอย่างแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่อีกคน สักพัก คนที่สองยกมือหมุนรอบหนึ่ง ทหารทุกนายหันหน้ามาพร้อมเพรียง“ระวังตัวให้มากที่สุด และพยายามหาตัวประกันให้เจอ ผู้ต้องสงสัยทุกรายขอให้จับเป็น แต่หากขัดขืน สังหารทิ้งได้ทันที เราจะไม่เสียกำลังพลของเราเพื่อแลกกับพวกมัน นอกจากปกป้องตัวประกัน คำสั่งของท่านซีโนฮอฟเป็นอันว่าที่สุด”ทั้งหมดยกมือขวาทาบอกตอบพร้อมกันว่า “ขอรับ!”เขามองหน้าอเล็กซิส “ซีโนฮอฟ เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”เพื่อนข้างตัวส่ายหน้า &ldqu
รสช็อกโกแลตในปากออกขมมากกว่าหวาน เขาคลี่ซองดูเห็นว่ามันเป็นรสดาร์ก หยิบผิดหรือนี่ อันที่จริงเขาน่าจะพอเดาที่มาอารมณ์หดหู่ของเธอได้ “มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ”อเล็กซิสยังคงไม่สบตา เขามองเธออย่างเข้าใจ เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ช่วยลบรอยแผลทุกอย่างออกจากตัวเธอ เขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าเธอถูกกระทำอะไรบ้าง มีเพียงรอยหมัดของหนุ่มผิวแทนคนนั้นที่ฝากไว้บนหน้า สิ่งเดียวที่เขาสังเกตเห็นคือเธอผอมลงและเงียบผิดปกติ มันมีบางอย่างในใจที่เธอเก็บไว้แล้วไม่บอกใคร เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะท่าทางของเธอเหมือนกับแม่ยามคิดถึงพ่อ เอาแต่โทษตัวเอง หมกมุ่นกับความคิดร้ายต่าง ๆ นานา และแม้ปาสคาลจะปลอบเธอเท่าไร แม่ก็ไม่เคยสดใสขึ้นอีกเลยเขานั่งลง เผชิญหน้ากับอเล็กซิส “เธออยากมาที่นี่ ส่วนหนึ่งเพื่อหาร่องรอยเบ็กกี้ และอีกส่วนคือเธอไม่อยากเจอคนอื่นใช่ไหม”อเล็กซิสไม่ตอบ เขาไม่ชอบเวลาเธอเงียบแบบนี้เลย ปกติแล้ว มันควรเป็นตัวเขาสิ แต่ตั้งแต่เวดถูกพาตัวไปไหนก็ไม่รู้ จนอเล็กซ์งี่เง่าแล้วพวกเขาเลิกกัน แล้วมาเรื่องนี้เอง ไมเคิลไม่คิดว่าอเล็กซิสคนเดิมจะกล
ฝนตกเหมือนไม่มีวันหยุด แม้ไมเคิลสวมชุดกันฝนไว้แต่มันไม่ได้สบายตัวเท่าไรนัก เพราะเมื่อขยับจะเกิดเสียงเสียดสี ทำไมตกกระหน่ำอย่างนี้วะ มันเหมือนกับไม่ใช่ฝน แต่เป็นมวลน้ำเทโครมลงบนหัว แถมยังรู้สึกว่าน้ำซึมผ่านเสื้อข้างใน เขาไม่ชอบให้ตัวเปียกเหนอะหนะ“ตกหนักชะมัด ตกหนักที่สุดเท่าที่เคยอยู่มาแล้ว” เรมีกอดอก ส่วนอเล็กซิสยืนรอเงียบ ๆ คนอื่นอาจหาว่าบ้าที่พวกเขาตัดสินใจลักลอบเข้าเขตราซาโดยใช้เวลาไตร่ตรองไม่ถึงนาทีดี ในเมื่อมีกฎห้ามไม่ให้เข้า แต่ใช่ว่าไม่มีคนทำ ตรงกันข้าม มีคนลักลอบเข้าไปเยอะแยะ เมื่อวานก่อน ไมเคิลกับเรมีเข้าไปในตลาดมือสองแล้วพบว่าพวกพ่อค้านำสินค้าราคาถูกมาจากเขตนี้ พวกเขาลักลอบเข้าไปหยิบของเหลือทิ้งมาขายต่อหรือใช้เองบ่อยครั้ง สบู่แชมพูอายุสองปี เศษเสื้อผ้า ทุกอย่างที่ยังไม่หมดอายุ ราคาของในตลาดจึงถูกกว่าในซูเปอร์ และเมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับอเล็กซิส เธอต้องการตามหาเบ็กกี้ที่นี่เรมีมองนาฬิกาแล้วก้มตัวลงหยิบอิฐออกทีละก้อน ปากบ่นไป “เทสซ่าจะยอมให้หมอนั่นมาหรือเปล่า พักหลังทำตัวเป็นคุณแม่ขี้บ่นอยู่”ไมเคิลไม่คิดว่าเธอทำตัวเป็นคุณแม่หรอก เทสซ่าห่างไกลจากคำนี้มาก แต่เพราะเธอต้องทำหน้า
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย