เขาพูดถึงทุนการศึกษาที่เธออยากได้ใจจะขาด ทุนที่มอบโดยรัฐบาลนี้จะเป็นตัวช่วยสนับสนุนทางการเงินและโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชนะ ทุนคือกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ รวมทั้งการใช้ชีวิตในเมืองหลวงฟิวเจอร์ริสติก เมโทรโพลิส ทั้งยังเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี การศึกษา และนวัตกรรม ประชากรส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกคนรวย เดลฟีอาจมีวิทยาลัยทางการแพทย์อันดับต้น ๆ แต่วิทยาลัยแพทย์ของมหาวิทยาลัยฟิวเจอร์ริสติกนั้นเป็นอันดับหนึ่ง หากให้อเล็กซิสเลือก เธอย่อมเลือกไปที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจบการศึกษา เธอยังสามารถเข้าทำงานในโรงพยาบาลใดก็ได้ในเมืองหลวง ซึ่งอุปกรณ์และระดับเงินเดือนสูงกว่ามาก มันเป็นหนทางที่จะลาออกจากการเป็นชนชั้นกลางไปเป็นชนชั้นกลางระดับบน หรืออาจไปถึงชนชั้นสูงเลยก็ว่าได้ เจสซี่กับไบรซ์เคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิสอบสัมภาษณ์เช่นกัน แต่ทั้งสองไปไม่ถึงจุดหมาย อเล็กซิสรู้ดีว่าเธอเป็นความหวังสุดท้าย หรือไม่อย่างนั้น ทั้งครอบครัวคงต้องรออีกสิบกว่าปีกว่าชาร์ลีจะโต
“ฉันก็พยายามไม่หวังนะ แต่คิดว่าน่าจะมีโอกาสสูงอยู่ พวกเขาดูสนใจฉันมากพอสมควร” เธอเล่า ดวงตาแสดงออกว่ามั่นใจมากกว่าที่พูด
คิ้วเจสซี่กระตุกทันที อยากรู้รายละเอียด “พวกเขาถามเรื่องรัฐบาล กฎหมาย หรือข้อวิพากษ์ทางสังคมหรือเปล่า”
“ต้องถามสิ มีคำถามหนึ่ง ถามเกี่ยวกับการจัดการทางการทหารเพื่อต่อต้านผู้ก่อการร้าย ฉันบอกว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการของรัฐบาล”
“หา?” เจสซี่ทำหน้าราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“รู้น่าว่ามันแปลก แต่ฉันไม่เห็นด้วยจริง ๆ นี่นา และคนปกติก็ต้องคิดแบบนี้หรือเปล่า มาตรการที่ว่าไม่นึกถึงพลเมืองที่อยู่แถวชายแดนเลยสักนิด มันเข้มงวดและไร้มนุษยธรรมเกินไป ฉันอาจไม่เห็นด้วยแต่แสดงทางเลือกให้ด้วย แน่นอนว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พวกเขาว่าไงรู้ไหม “เยี่ยมไปเลย คุณเดวิส คุณพูดในสิ่งที่เราคิดเลยทีเดียว แถมยังเสนอไอเดียที่เป็นประโยชน์มาก ไม่เลวเลย” เป็นไง เจ๋งใช่ไหมล่ะ พวกเขายังถามเกี่ยวกับเอชโอวันกับรัฐบัญญัตินี้ด้วย”
เอชโอวัน เป็นคำย่อที่ใช้อธิบายลักษณะอาการของผู้ที่มีความสามารถพิเศษที่รัฐบาลมองว่าผิดกฎหมายและถือว่าเป็นหายนะของชาติ เคสเอชโอวันยังเป็นที่มาของการร่างกฎหมายรัฐบัญญัติปี 2966 จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งความหวาดกลัวเมื่อหลายสิบปีก่อน
เจสซี่หัวเราะเสียงดัง “โอ๊ย ตาย ๆ พี่มั่นใจเลยว่า เธอต้องอธิบายเพราะอะไรถึงอยากให้มีการล้มเลิก แถมยังอธิบายวิธีจัดการกับกลุ่มเสี่ยงให้อีกด้วยแน่”
“แน่นอนสิ” เธอพยักหน้าราวกับไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
“ไม่ได้หรอก ไม่ได้แน่ ๆ หมดหวังเลย พี่หมายความอย่างที่พูดนะ ลองบอกไบรซ์สิว่าเธอตอบยังไง เดี๋ยวไบรซ์ก็บอกเหมือนพี่เองแหละ”
คำตอบของพี่ชายตีแสกหน้าเข้าอย่างจัง อเล็กซิสไม่เข้าใจ เธอจำได้ดีว่าพวกกรรมการมองเธอด้วยความชื่นชมมากขนาดไหน
“ไม่...หรอก...”
“พี่รู้ว่าเธอฉลาดมาตลอด แต่บางครั้งเธอก็ติดนิสัยคิดบวกทำให้มองไม่เห็นความเป็นจริงตรงหน้า อ้อ แล้วไอ้นิสัยมั่นใจตัวเองเกินไปด้วย อเล็กซ์ ลองคิดดูดี ๆ สิ ทำไมเขาถึงอยากได้นักเรียนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายมาทำงานร่วมกับพวกเขาล่ะ”
“มันไม่ใช่การหาหุ่นเชิดสักหน่อย...แต่...แต่” ตอนนี้เองที่คำพูดของเธอกลับทำหน้าที่เปิดหูเปิดตาตัวเอง หลังจากจบการศึกษา นักเรียนทุนจะต้องเข้าทำงานกับองค์กรของรัฐบาล “อย่างงั้นเหรอ...เวรจริง ๆ” เธอสบถให้ตัวเองมากกว่าครั้งไหน ๆ เพราะอเล็กซิสอยากได้ทุนนี้มาก
“โธ่ อเล็กซ์เอ๊ย เธอมันไร้เดียงสาจริง ๆ” เจสซี่ขยี้หัวน้องสาว
อเล็กซิสปัดมือเขาออกไป “แล้วทำไมพี่ไม่ชนะ”
“อ้อ เพราะเมื่อก่อนพี่เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาเหมือนเธอไง แต่ตอนนี้โตพอเข้าใจอะไร ๆ แล้ว”
อเล็กซิสโขกหัวตัวเองกับอกของเขา “เจสซี่!”
เขาหัวเราะ “อะไรอีกเล่า พี่พูดความจริงนี่นา”
“ไม่มีทาง ฉันยังเชื่อมั่นในตัวเองอยู่ เรามารอดูประกาศผลในวันอาทิตย์หน้ากันดีกว่า” เธอยืนขึ้น จ้องหน้าพี่ชายเช่นคนดื้อดึงจากนั้นหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองออกจากเตียง “ซื้อขนมพื้นเมืองมาด้วยนะ อย่าลืมลองชิม”
เพราะห้องเธออยู่ชั้นล่าง แล้วยังต้องแชร์กับไบรซ์ ถ้าเกิดเธอไม่สามารถคว้าทุนได้ ทั้งสองก็ต้องแชร์ห้องอีกครั้งเมื่ออเล็กซิสไปเรียนที่เดลฟี พวกเธออาจมีทะเลาะกันบ้างเพื่อแย่งเขตแดนในห้อง แต่ไม่เคยทะเลาะกันอย่างจริงจังหรือรุนแรง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วัยรุ่นทุกคนอยากมีห้องนอนเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นนี่นา
“อเล็กซ์” พี่ชายเรียกชื่อ
“อะไรอีกล่ะ”
เขาทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่อเล็กซิสดูไม่ออกว่าคืออะไร เขาพูดขึ้นมาว่า “บางทีพี่อาจจะคิดผิดก็ได้ เธออาจจะมีความคิดต่อต้านอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่พวกหัวแข็งไม่เชื่อฟัง...ถ้าพวกเขาเห็นว่าเธอเป็นเด็กดีแบบนี้ ก็คงเลือกเธอมั้ง”
“พี่หมายความว่ายังไง”
เจสซี่ถอนหายใจ “ช่างเถอะ เอ้อ!” เขายังคงรั้งน้อง “อย่ากังวลกับเรื่องเงินมากนะ พี่มีงานทำแล้ว ถึงแม้เรียนปอโทควบไปด้วยจะเหนื่อยก็เถอะ แต่พี่พอมีเวลามากพอ แล้วเธอยังสามารถทำงานได้ช่วงเรียนปีหนึ่งกับปีสองเหมือนกับไบรซ์ หลังจากพี่กับไบรซ์เรียนจบ พวกเราก็จะทำงานกันเต็มเวลาแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง เชื่อพี่สิ” เขาจบประโยคด้วยการขยิบตาแบบที่เขาชอบทำเวลาหลอกโปรยเสน่ห์สาว ๆ
อเล็กซิสยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้า ยิ่งเรียนสูง ค่าใช้จ่ายยิ่งเยอะ พวกเขาพยายามอย่างมากที่จะลดภาระของพ่อและแม่ ทุกคนต่างเติบโตขึ้น พ่อแม่ก็แก่ตัวลงเช่นกัน เด็กบ้านเดวิสทุกคนอยากให้คาเลบกับเบียนน่าลาออกจากงานมาพักผ่อนและอยู่อย่างสบายได้แล้ว
“เอาล่ะ เรื่องสุดท้ายแล้ว เพราะปิดเทอมฤดูร้อนนี้ พ่อกับแม่ยุ่งมาก บางทีพรุ่งนี้ พวกเราชวนไบรซ์ออกไปข้างนอกกันดีกว่า พาเจ้าชาร์ลีออกไปเที่ยว ทานข้าว เดินเล่นในสวน แล้วก็ทานไอศกรีม ไอ้เตี้ยชอบจะตาย เธอชวนจูน เดวี่ของเธอ กับเอดี้ด้วยสิ”
อเล็กซิสขำพรืด “จูนกับเอดี้อ่ะนะ เฮ้อ พี่อยากนั่งดูสองคนนั้นทะเลาะกันใช่ไหม”
“เออ ลืม เอดี้กับเดวี่ หรือ เดวี่กับจูน แต่พี่ชอบคุยกับเอดี้ งั้นเอดี้กับเดวี่” ชายหนุ่มถอนหายใจ “ไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลย เกลียดกันแต่ก็จับกลุ่มอยู่ด้วยกัน แล้วเธอก็บ้าพอที่จะนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนั้น ไม่ปวดหัวหรือไงนะ”
“ช่างเถอะ ไว้คุยทีหลัง ฉันอยากอาบน้ำแล้ว อยากเจอพ่อกับแม่ด้วย”
เจสซี่พยักหน้าแล้วกลับเข้าห้องตัวเอง ทันทีที่อเล็กซิสย่องเดินลงชั้นล่าง คาเลบและเบียนน่าเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อเห็นเธอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน
ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ หรอกนะ ที่ชอบซุบซิบนินทา
อเล็กซิสมัดผมตัวเองเป็นทรงหางม้า และไม่ลืมที่จะเติมมาสคาร่า ทาปากด้วยสิปสติกสีชมพูกุหลาบที่เธอมองว่าเข้ากันดีกับลุคแต่งตัวในฤดูร้อน เธอเช็กเสื้อผ้าและหน้าตาของตัวเองในกระจกให้แน่ใจ โอเค พอมั่นใจว่าสวยแล้วก็เช็กส่วนอื่นต่อ อเล็กซิสเลือกสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ๊คเกตหนังสีดำ กางเกงยีน (แน่นอนว่ายี่ห้อเล็กซี่) และรองเท้าผ้าใบสีแดง มันเป็นสไตล์เดิมๆที่เธอชอบแต่ง บางครั้งเธอใส่เดรสหวาน ๆ บ้าง แต่กางเกงยีนทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากกว่า“นี่มันหน้าร้อนนะจ๊ะ”เด็กสาวเม้มปากเมื่อพี่สาวทักพร้อมกับรอยยิ้มขบขัน “แดดร้อนกับเสื้อแจ๊คเกตเนี่ยนะ”“ก็ไม่ร้อนเท่าไรนี่” เธอโต้ แต่ถอดเสื้อแจ็คเกตออก ก่อนจะนำมันมาผูกไว้ที่เอวแทนในห้องนอนของสองสาวมีเตียงเดี่ยวสองหลัง ทั้งห้องถูกแบ่งออกเป็นสองเขตแดนนั่นคือ เขตแดนของไบรซ์และเขตแดนของอเล็กซิส ส่วนของไบรซ์จะมีเพียงโปสเตอร์วงดนตรีคันทรี่ใบเดียวแปะอยู่บนโต๊ะบวกกับกีตาร์โปร่งทำจากไม้มะฮอกกานี ไบรซ์มีเสียงที่ไพเราะมาก ทั้งยังเล่นกีตาร์เก่ง แต่เธอไม่ค่อยแสดงออกเท่าไรเพราะติดนิสัยขี้อายและเก็บตัว อเล็กซิสเล่นกีตาร์ได้เหมือนกัน แต่ไม่เก่งเท่าพี่สาว ข้าวของของ
แต่พออเล็กซิสเดินออกมาจากห้อง กลับเห็นเอโลดี้กำลังนั่งหัวเราะร่วนอยู่กับเจสซี่และชาร์ลี พวกเขาควรออกไปได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าคงคุยติดลมกันสนุก บางครั้งอเล็กซิสอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเจสซี่ชอบผู้หญิง เอโลดี้คงเป็นคนแรกที่เขาชอบ เพราะว่าทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก เจสซี่ชอบและเอ็นดูเอโลดี้ไม่ต่างจากน้องสาวอีกคนเลยทีเดียวแต่ว่า ก็แค่น้องสาวอีกคน“โทษทีที่ให้รอนะ” อเล็กซิสแทรกชาร์ลีกระโดดลิงโลดเหมือนรอโอกาสนี้มานานแล้ว “เย่ เราออกไปได้แล้วใช่ไหมครับ แล้วพี่ไบรซ์ล่ะครับ”อเล็กซิสทำหน้าเศร้า “ไบรซ์ไม่ยอมพักอ่านหนังสือเลยอะเจ้าลิง เหลือแต่พวกเรานี่แหละ และอาจจะมีเดวี่อีกคนแทนนะ แต่ว่าทำไมถึงยังนั่งกันอยู่ล่ะ”เอโลดี้ลุกขึ้น “อ้อ ฉันลืมบอกเธอไปว่า ฉันไปกับเธอนะอเล็กซ์”เด็กสาวในเสื้อยืดสีขาวจ้องเขม็งไปที่เพื่อน ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เพราะเธออยากไปหาเดวี่ที่บ้านเพียงลำพังมากกว่ามีเพื่อนติดสอยห้อยตามไปด้วยไม่ได้ตกลงกันไว้อย่างนี้นี่นา เอโลดี้จ้องกลับด้วยดวงตาสีน้ำตาลเข้มแฝงข้อความเป็นนัยว่า “เออออกับฉันเหอะน่า”เจสซี่มองสลับระหว่างอเล็กซิสกับเอโลดี้ ไม่เข้าใจว่าพวกผู้หญิงเล่นอะไรกัน“สรุปแล้วยังไงครั
“อเล็กซ์-ฟะ-ฟัง-ฉะ-ฉันนะ” เดวี่รีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ดังนั้นจูนจึงต้องรีบกระโจนไปที่เสื้อผ้าของเธอเพื่อปกปิดร่างกายตัวเอง ดวงตาสีฮาเซลที่แสนหวานซึ้งของเดวี่คลอไปด้วยน้ำตาที่ออกมาจากความรู้สึกผิดเมื่อโดนจับได้ “ฉะ-ฉัน อธิบายได้” เสียงแหบเสน่ห์ของเขาตอนนี้กลับฟังแล้วเหมือนมีเสลดติดคอ ปากของเขาสั่นราวกับเป็นอาชญากรที่ถูกตำรวจอย่างอเล็กซิสบุกเข้าจับกุม ท่อนอกแน่นเปลือยเปล่ากลับเต็มไปด้วยรอยลิปสติกสีแดงของจูน แล้วยังมีรอยช้ำมากมาย อเล็กซิสพอจินตนาการออกว่าเขาได้มาอย่างไร เธอมองรอยลิปสติกบนใบหน้าของเขา พยายามยึดมือตัวเองไว้กับตัวเพื่อไม่ให้มันฝากรอยมือไว้บนหน้าหล่อ ๆ นั้นน้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้ม เหมือนทุกอย่างช้าลงแม้แต่ระบบความคิดในหัว อเล็กซิสพยายามไม่ร้องไห้ออกมา แต่ดูเหมือนเขื่อนในลูกตาจะแตกออกเสียแล้ว พวกเขาทำแบบนี้ได้ยังไง แล้วทำไมมันเจ็บปวดถึงขนาดนี้ อเล็กซิสเคยคิดว่าชีวิตของเธอมาถึงจุดสูงสุด และจะดีกว่านี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดวี่ทำลายความรู้สึกนั้นลงอย่างย่อยยับชีวิตที่เกือบสมบูรณ์ ใช่สิ มันแค่เกือบนี่นา ตาของอเล็กซิสกับจูนสบกันจนได้ ไม่มีน้ำตา ไม่มีความรู้สึกผิด ไม่มีคำขอโทษอย
“อิจฉาฉันเหรอ” อเล็กซิสแทบไม่อยากเชื่อ ก็ในเมื่อเพื่อนของเธอเกิดมาพร้อมกับรูปลักษณ์และฐานะที่ดีโดยไม่ต้องพยายามเลย“ฉันไม่ได้อิจฉา” จูนระเบิดออกมา “อเล็กซ์ เธอแยกตัวออกจากฉันเอง เธอเลือกนังนั่น ครอบครัวของเธอก็รักเอดี้มากกว่าฉัน เธอไม่ใช่เพื่อนของฉันอีกต่อไปแล้ว”“ฉันไม่เคยเลือกเพื่อนเลยสักคน พวกเธอคือเพื่อนของฉัน ฉันรักพวกเธอเหมือนกัน จูน ทำไมเธอไม่พูดกับฉันตรง ๆ ล่ะ ทำไม ฉันทำผิดขนาดนั้นเลยเหรอ” อเล็กซิสถาม แต่เสียงของเธอกลับเหมือนตะโกนดังขึ้นเรื่อย ๆ “เพราะว่าไอ้มงกุฎพลาสติกนั่นใช่ไหม ตอบเซ่!”“ไม่เกี่ยวกับงานพรอม เธอทิ้งฉันและได้ทุกอย่างไปเลยนี่นา!” จูนตะโกนกลับ“ฉันไม่เคยทิ้งเธอเลย!” อเล็กซิสโยนขวดน้ำหอมลงบนเตียงเดวี่ “นี่ใช่น้ำหอมที่เธออยากได้หรือเปล่า แล้วอะไรอีก อะไรที่ฉันเอาไป นี่คือวิธีแก้แค้นของเธอเหรอ ด้วยการนอนกับเขา นี่คือวิธีการเอาคืนสิ่งที่เธออ้างว่าฉันขโมยมางั้นสิ พูดสิ!”“อย่าคาดคั้นอีกเลยอเล็กซ์ ก็แค่คนขี้อิจฉา เธอควรจะโทษไอ้นิสัยหยิ่งยโสคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นมากกว่าโทษอเล็กซ์นะ นังบ้า เพราะอย่างงี้ไง เธอถึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน” เอโลดี้แทรกบทสนทนาอันดุเดือดระหว่างอ
บ้านคงจะกลายเป็นบ้านที่เงียบผิดปกติจากทุกวัน ถ้าหากโทรทัศน์ที่ปราศจากคนดูเครื่องนี้ไม่ได้ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ เจ้าชาร์ลีถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว และตอนนี้เขากำลังนั่งสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่บนผนังบ้านที่คาเลบเพิ่งทาสีขาวไปเมื่อเดือนก่อน ชาร์ลีอาจคิดว่ากำแพงโล่งเกินไป เขาจึงวาดลายใหม่เพื่อความสมบูรณ์ ซึ่งรูปที่เขาวาดนั้นดูเหมือนกับยีราฟที่มีขาเป็นงู บนโต๊ะอาหารมีไอศกรีมของป๊อปปี้ เจลาโต้ จำนวนหกควอทซ์ถูกวางทิ้งละลายไว้อยู่ เมื่อคาเลบเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นว่ารสเชอร์เบทหมดเกลี้ยงกล่องแล้ว ส่วนรสช็อกโกแลตมิ้นต์สี่ที่ รวมถึงรสช็อกโกแลตคาราเมลมาคาเดเมียยังเหลืออยู่เต็มและกำลังแข่งกันละลายเป็นน้ำ ในห้องครัว หม้อต้มบนเตาเดือดปุด ๆ จนเกือบจะไหม้ ชาร์ลีวิ่งมาหาพวกเขาทันทีที่เบียนน่าปิดประตู คราบไอศกรีมเชอร์เบทยังติดอยู่ที่แก้มและริมฝีปาก“ทำไมทิ้งน้องไว้คนเดียวอีกแล้ว” เขาพูดกับตัวเอง เจ้าชาร์ลีวิ่งเล่นเกี่ยวพันรอบขาผู้เป็นพ่ออย่างอารมณ์ดี“ไอศกรีมละลายแล้วนะที่รัก” เบียนน่าเก็บไอศกรีมเข้าตู้เย็นและเดินไปปิดเตาอย่างใจเย็นชาร์ลียังคงเล่นกับพ่อ ปากพูดเจื้อยแจ้วว่า “วันนี้เจสซี่กับอเล็กซ์พาผมไปเที่
คาเลบรู้สึกเหมือนกับทั้งเดวี่และจูนเอามีดมาแทงหลังของเขาด้วย ความเจ็บปวดของอเล็กซิสเป็นความเจ็บปวดของผู้เป็นพ่อด้วย เดวี่อาจเป็นเด็กดีก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลง และมีเหตุผลอยู่สองอย่างที่ทำให้คนคนนั้นเปลี่ยนไป หนึ่ง เวลาทำให้คนเปลี่ยน และสอง เราอาจไม่เคยทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้นจนวันที่แสดงออกมา เบียนน่ามองหน้าสามี เร่งให้เขาพูดอะไรก็ได้กับลูก เพราะว่าเธอกลับร้องไห้เสียเอง เมื่อเป็นเรื่องของลูก เบียนน่ากลับอ่อนไหวโดยเฉพาะเวลาที่ลูกของเธอเป็นทุกข์ ผู้เป็นแม่ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ นอกจากแบ่งปันความเจ็บปวดของลูกสาวแทน“นั่นก็เป็นเพราะว่าลูกสาวของพ่อเป็นเด็กดี ลูกจึงสมควรมีเพื่อนที่ดีกว่านี้ และมีแฟนที่ดีกว่าเขาด้วย พ่อตอบไม่ได้หรอกนะ ว่าทำไมพวกเขาถึงทำร้ายลูกสาวของพ่อ แต่พ่อรู้ว่าชีวิตของลูกต้องดำเนินต่อไป ความรักบางอย่างอาจมีวันหมดอายุ แต่ความรักของพ่อไม่เคยหมด ความรักของครอบครัวก็เช่นกัน พ่อไม่อยากให้ลูกร้องไห้คร่ำครวญที่พวกเขาทรยศลูก แต่ร้องเพื่อระบายมันออกมา การร้องไห้ช่วยบรรเทาความเศร้าได้ เชื่อพ่อสิ พ่ออยากให้ลูกเข้าใ
“บอกแล้วไงเอดี้ ฉันไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ไม่มีอารมณ์ ไม่เข้าใจหรือไง” อเล็กซิสโต้ตอบกับเพื่อนสนิทผ่านโทรศัพท์บ้าน“ไปเถอะนะ เธอต้องเจอเพื่อนบ้างนะอเล็กซ์ จะเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่กับบ้านไม่ได้เด็ดขาด นะ ๆ ฉันไปด้วยเหมือนกัน” เพื่อนสาวขอร้องมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาชนะนิสัยช่างตื๊อของเอโลดี้ อเล็กซิสจึงจำเป็นต้องตอบตกลงไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของเวด มิลเลอร์ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจอยากไป เพื่อนกับเหล้า อันไหนจะช่วยให้ฉันเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ ในหัวได้ดีกว่ากันนะหลังจากวันนั้น วันที่อเล็กซิสจับได้ว่าเดวี่นอกใจเธอ เขาคอยโทรมาหาเธอเกือบทุกชั่วโมง ในวันถัดมา เดวี่มาหาที่บ้านอีกครั้ง อเล็กซิสจึงตัดสินใจบอกเลิกอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยอมฟังคำขอโทษเพื่อจบทุกอย่างให้สมบูรณ์ แม้ยังรักเดวี่มากอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ไม่เหลือความไว้วางใจในตัวเขาแล้ว หนำซ้ำอาการช้ำในยังสาหัสอยู่มาก เธอทำใจคบต่อกับเขาไม่ได้ ทว่าทั้งที่บอกเลิกเดวี่ไปแล้ว เขากลับยังปรากฏตัวในความฝันของเธอเสมอ มันน่าสมเพชที่เธอยังอยากที่จะฝันถึงเขา เพราะในความฝัน เธอลืมไปว่าทั้งสองเลิกกันไปแล้ว เธอชอบฝันเรื่องคืนงานพรอมที่ผ่านมา อเล็กซิสคิดว่ามันอาจจะ
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเลย อย่าซีเรียสดิ” อเล็กซิสรีบบอกทันที รู้สึกผิด เพราะเดวี่เป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เจ้าเล่ห์ “จริง ๆ ชวนแล้ว แต่สองคนนั้นไม่มาเอง จูนน่ะไม่แปลกหรอก ยัยนี่แทบไม่อยากจะไปบ้านใคร แต่ตอนแรกเดวี่ก็ว่าจะมา แต่พอรู้ว่าทุกคนรู้เรื่องแล้ว เขาก็เลยเปลี่ยนใจ”เขาอวดรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ถ้าหากว่าเดวี่ไม่ได้ยิงประตูแห่งชัยชนะจนทำให้ทีมฟุตบอลคว้าถ้วยรางวัลไป เวดอาจจะได้เป็นราชางานพรอมก็ได้ เวด มิลเลอร์เป็นกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียน แล้วยังเป็นคู่แข่งชิงทุนรัฐบาลกับเธอด้วย เขามีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับเดวี่ ทั้งส่วนสูง ผมสีบลอนด์ หุ่นล่ำแบบนักกีฬา บวกกับรอยยิ้มที่น่าหลงใหล แต่เวดไม่ใช่เด็กหนุ่มขี้อายเหมือนเดวี่ ตรงกันข้าม เขาเป็นคนพูดเก่ง พูดเสียงดังฟังชัด ชอบเข้าสังคม ส่วนเดวี่ชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า เวดมักจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านของตัวเองเป็นประจำ“นายนี่มัน...” “เอ้า เข้าไปได้แล้ว เร็ว ๆ” เขาเร่งเธอเมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เด
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย
กำแพงสูงราวตึกสามชั้นคือตัวแบ่งเขต อากาศในเครสเตอร์อาจร้อนระอุแต่สิ่งก่อสร้างภายในเว้นระยะห่างมากพอไม่ให้เกิดความรู้สึกคับแคบเบียดเสียดเหมือนในเดอะวาล ขณะที่นอร์ธร่มรื่นกว่ามาก แต่ตัวอาคารสร้างติดกันไม่ต่างจากในเดอะวาล เธอผ่านช่องสแกนตรงประตูทางเข้าโดยพยายามไม่เหลือบมองสิ่งรอบข้างเพราะกำแพงทำให้เธอนึกถึงด่านสุดท้าย และเพราะเหตุนั้น เธอจะเห็นภาพออสโล่ตกลงไปด้วย“คนสวยจ๊ะ” เทสซ่าทำเป็นไม่ได้ยินแก๊งข้างถนน “อย่าเดินหนีสิ” และสะเหล่อ“มาด้วยกันไหม ฉันมีชิปเยอะนะ เลี้ยงข้าวเธอได้หลายมือเลย”เธอหันไปเผชิญหน้า ชายผมยาวสวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมยืนยิ้มยิงฟัน พอกลุ่มเพื่อนที่ส่งเสียงเชียร์เขาทำท่าแอ่นอยากอวดของลับใต้กางเกง เทสซ่าปรายตามอง ยิ้มน้อย ๆ “ถามแม่แกสิว่าถ้าให้ล้านชิปแล้วเธอยอมให้แกดูดหัวนม ฉันจะให้แกดูดนิ้วเท้าฟรี ๆ เลย”“อ้าว อีเวร”เธอสะบัดหน้าไม่ฟังมันพล่ามต่อ หากเพื่อนของชายคนดังกล่าวไม่ดึงไว้ เขาคงได้ชิมคลื่นเสียงของเธอแน่ อันที่จริงเทสซ่าไม่ได้อยากใช้พลังต่อหน้าคน เพราะเธอก็ไม่รู้ว
แสตนเนอร์ส่ายหัว “เรากำลังสืบสวนอยู่ ผมพอจะบอกพวกคุณได้คร่าว ๆ ว่าทั้งสองถูกลักพาตัวโดยกลุ่มขบวนการที่เรายังจับไม่ได้ และต้องใช้เวลาสืบสวนพอสมควรเพราะข้อมูลถูกลบไปหมด...”“ถูกลบไปหมด” เรมีโพล่งขึ้นมา “แสดงว่าพวกคุณอยู่เบื้องหลัง...”“พวกคุณ?” ชายผมสกินเฮดถอนหายใจ “มีคนในกลุ่มพวกเราอยู่เบื้องหลัง ถูกต้อง แต่ไม่ใช่พวกเราทั้งหมด ผมขอแก้ตัวหน่อยก็แล้วกัน คิดดูสิ ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนเปลี่ยนยกหน่วยถูกไหม คำกล่าวหาแบบนี้ระวังนิดนึงนะพ่อหนุ่ม” เขาแตะมือตัวเอง “เอาล่ะ ตอนนี้เบ็กกี้ ควินน์อาจยังอยู่ในเงื้อมมือพวกมันหรือหลบอยู่สักที่ ยังไงพวกเราจะพยายามหาเพื่อนพวกเธอให้เจอ”เทสซ่ากัดปาก เธอควรบอกเรื่องความฝันของมินนี่ดีหรือไม่ไม่ทันได้ตัดสินใจ เรมีเป็นฝ่ายเผย “เบ็กกี้มีพลังเกี่ยวกับความฝัน” แสตนเนอร์เลิกคิ้วรอฟัง “เธอส่งภาพบางอย่างผ่านความฝัน พวกเราเห็นดวงไฟ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เธอดูเหมือนจะขยับตัวไม่ได้”“พวกเรา?” เขากวาดตามองทุกคน“เป
เทสซ่าส่ายหัวแล้วไล่เดินเก็บกล่องอาหารทิ้งขยะ ตั้งแต่เบลินดาพบคนหน้าเหมือนอเล็กซิสในสถานพยาบาลเขตเดอะวาล ไมเคิลกับเรมีก็ยังหาอเล็กซิสไม่เจออยู่ดี ดูเหมือนมินนี่จะเป็นคนเดียวที่มีปัญหากับความฝันเสียด้วย เพราะถ้าไม่อย่างนั้นสองหนุ่มน่าจะพูดกับเธอเรื่องนี้บ้าง แต่ดูเหมือนพวกเขาแค่ฝันเห็นเท่านั้น มันก็แค่ฝันร้ายหรือภาพนิมิตที่เบ็กกี้ส่งมาให้แบบสัญญาณติด ๆ ดับ ๆ ในขณะที่น้องสาวของเธอรับข้อความเต็ม ๆ และทรมานราวกับอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เธออดโกรธเบ็กกี้ไม่ได้และมันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่อยากยอมรับ ไม่กล้าแม้แต่เผยมันให้ใครรู้ทำไมเบ็กกี้ ทำไมเธอต้องทรมานมินนี่ของฉันด้วย เธอเตะถังขยะดังปัง เทสซ่าไม่สนว่าใครจะมองอย่างไร แต่เธอสบายใจที่ได้ระบาย“เทส ฉันกับเรมีกลับก่อนนะ”เทสซ่าพยักหน้า คาดไว้แล้วว่าอีกเดี๋ยวไมเคิลต้องพูดคำนี้ “เธออาจไปอยู่เขตอื่น หรือไป ๆ มา ๆ ก็ได้ พวกนายเลยไม่เจอ”ไมเคิลพยักหน้า “เพราะอย่างนี้พวกเราถึงกระจายกันอยู่ทั้งสามเขตไม่ใช่หรือ”“หรือไม่ เบลินดาอาจตาฝาด” ฟีบี้แทรกขึ้นมา เทสซ่าส่
“เธอร้องทั้งคืน เทส ฉันไม่ได้นอนเลย ไม่ไหวจริง ๆ” คำพูดของเบลินดาวนเวียนอยู่ในหัว จนกระทั่ง “เทสซ่า” ไมเคิลปลุกเธอตื่นจากภวังค์สถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้สาหัส หุ่นยนต์สามตัวยืนจังก้าขวางทางราวกับเป็นผู้พิทักษ์สมบัติ มีสติสิยัยบ้า หญิงสาวด่าตัวเอง พยายามอย่างยิ่งที่จะเพ่งสายตาไปยังส่วนหัว มวลพลังก่อตัวภายในเหมือนพายุในทะเล เทสซ่าปลดปล่อยมันออกไป เสียงสร้างแรงสะเทือนเคลื่อนตัวเป็นเส้นคล้ายใบมีดตัดศีรษะหุ่นเหล็กขาดออกจากกัน รอยยิ้มปรากฏเพียงครู่เดียว เพราะภาพโนเอลฉายขึ้นมา...หากฉันทำได้มากกว่านี้ หากตอนนั้นควบคุมมันได้ดีกว่านี้ เธอถอนหายใจ เทสซ่าถือว่าตัวเองพัฒนาไปมากหากเทียบกับแบนชีที่เบนชอบล้อเลียน ทว่าดีใจได้ไม่ทันไร กระสุนปริศนาเกือบแฉลบบาดกระพุ้งแก้ม โชคดีสองชั้นเมื่อเรมีไหวตัวทัน ทำตัวเป็นเกราะคุ้มกันห่ากระสุนจากอีกทีม ไมเคิลเหวี่ยงหุ่นที่ยังทำงานอยู่ใส่กลุ่มนั้นเป็นการเอาคืน หางตาของเธอเหลือบเห็นโคดี้วิ่งจ้ำอ้าวใกล้ถึงธง“นายไม่เป็นไรนะ” เธอถามเพื่อนหัวโมฮอว์กเขาส่ายหัว “อย่าเหม่อสิ” ออกปากเตือนแล้วรีบวิ่งตามโคดี้ไปทั้งที่เสื้อขาด เทสซ่าหงุดหงิดที่ตัวเองคงสมาธิไว้ไม่ได้ คิดได้เช่นน