หญิงสาวกลอกตาเมื่อเขาพูดคำว่า ‘พระเจ้า’ ออกมา ราวกับแสลงหูมากเมื่อได้ยินคำนี้ “คุณเลี้ยงดูพวกเขามาดีต่างหาก ทั้งคุณและเบียนน่า ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าอเล็กซิสได้รับจดหมายตอบรับจากวิทยาลัยการแพทย์มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คาเลบ คุณเก่งมาก ๆ เลยนะคะ พวกเขาช่างน่าทึ่งจริง ๆ คุณก็ด้วย ลูก ๆ ของพวกคุณเป็นเด็กดีและฉลาด เพราะคุณนั่นแหละ อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย บอกฉันทีสิ สรุปแล้วอเล็กซิสเลือกเส้นทางไหนกันแน่ จะเป็นหมอหรือจะเป็นนางแบบ” เธอไม่ใช่แค่ใช้ปากพูด แต่ยังเอาเท้าตัวเองถูเท้าของเขา
คุณหมอค่อย ๆ ดึงเท้าตัวเองออกมาจากจุดอันตรายอย่างนิ่มนวล หัวใจของเขาเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่ใช่เพราะเกิดอารมณ์ตามที่ถูกหญิงสาวยั่วยวน แต่เป็นเพราะกลัวความไวของผู้หญิงคนนี้ต่างหาก คาเลบไม่เคยคิดที่จะกระโดดลงไปในหลุมกับดัก ไม่แม้แต่กระหายใคร่รู้ที่จะลิ้มลองเสน่ห์ของเธอ แต่เขากลัวว่าหากใครมาเห็นเข้าแบบนี้จะเข้าใจผิดเอาได้ สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงคือภรรยาและลูกเท่านั้น พวกเขาเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าที่เขาไม่มีวันยอมให้อะไรก็ตามมาพรากไปเด็ดขาด
“ผมแต่งงานแล้ว และผมรักเธอมาก ต้องบอกคุณกี่ครั้งว่าอย่าทำแบบนี้ ผมไม่ชอบเล่นเกมกับคุณนะ ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็ต้องบอกว่าเกลียด ได้โปรดลบชื่อผมออกจากรายชื่อหนุ่ม ๆ ของคุณทีเถอะ”
“ไม่เอาน่า ใจเย็น ๆ นะคะ” เธอยักไหล่ บ่งบอกว่าไม่เข้าใจเลยสักนิด “สรุปว่า อเล็กซิสเลือกอะไรล่ะคะ”
คาเลบกลั้นหายใจพยายามอดทน “อเล็กซิสอยากทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน แต่เป็นเรื่องยากที่จะเรียนและทำงานไปด้วย เพราะเธอกำลังจะเป็นนักเรียนแพทย์แล้ว ลูกสาวของผมจะโฟกัสแต่เรื่องเรียนเท่านั้น ส่วนงานถ่ายแบบพวกนี้...” เขาจิ้มนิ้วไปที่รูปในนิตยสาร “...ก็แค่งานพาร์ทไทม์ ลูกผมได้เงินดีอยู่หรอก แต่เธอรู้ว่าต้องทำอะไรก่อน”
หญิงสาวยิ้มเยาะ “ฟังดูเหมือนคำตอบคุณมากกว่าของเธอเลยนะ แล้วเรื่องทุนการศึกษาล่ะ ฉันได้ยินว่าเธอมีโอกาสจะชนะสูงมาก แล้วมันก็หมายถึงเงินก้อนใหญ่เชียว ครอบครัวของคุณอาจต้องย้ายบ้านด้วยนี่สิ”
เธอกำลังพูดถึงทุนรัฐบาลที่จะมอบให้กับนักเรียนเพียงห้าคนเท่านั้นในแต่ละปี ซึ่งนักเรียนที่ได้ต้องมีผลการเรียนดีเลิศ และอาศัยอยู่ในรัฐใดรัฐหนึ่งในสิบสี่รัฐ ทุนที่ว่าหมายถึงส้มหล่นชิ้นใหญ่สำหรับผู้ได้รับการคัดเลือก นักเรียนทุนทุกคนจะเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาเอกชน ฟิวเจอร์ริสติก เมโทรโพลิส ชื่อเดียวกับเมืองหลวง มหาลัยแห่งนี้เป็นสถานศึกษาที่เหล่าคนร่ำรวยเรียนกัน รวมทั้งยังมีโปรแกรมการศึกษาที่ดีที่สุดอีกด้วย หลังจากเรียนจบ นักเรียนทุนจะเข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลตามสาขาที่เรียนจบมา การได้รับทุนไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงอนาคตที่สดใสรออยู่
“กว่าจะประกาศผลก็ตั้งอาทิตย์หน้า มีคู่แข่งตั้งร้อยกว่าคนจากทั่วประเทศ บอกตรง ๆ แม้พวกเราแอบหวังว่าอเล็กซิสจะชนะก็จริง แต่เด็กคนอื่นก็เป็นพวกหัวกะทิทั้งนั้น อีกอย่าง เจสซี่กับไบรซ์ยังไม่ชนะเลย พวกเราเลยไม่ตั้งความหวังไว้สูงมาก ไม่อยากกดดันลูกด้วย แค่เห็นชื่อพวกเขาในรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าชิงทุน แค่นี้พวกเราก็ภูมิใจแล้ว”
“นั่นสินะคะ”
คาเลบลุกขึ้นจัดกระเป๋า ตอนนี้สองทุ่มแล้ว ภรรยาของเขาคงหมดกะพอดี และคงกำลังนั่งคุยกับเพื่อนร่วมงานเพื่อรอเขาอยู่ เขาจะไม่เสี่ยงให้เธอเดินขึ้นมาเห็นสามีตัวเองนั่งอยู่กับผู้หญิงคนนี้สองต่อสองแน่ ผู้หญิงมักมีเซนส์ที่ดีกว่าผู้ชายเสมอ และเบียนน่าก็เป็นผู้หญิง แถมยังรู้ข่าวคาวของพยาบาลคนนี้ดี เธอคงไม่คิดแบบโลกสวยว่าเขากับนางพยาบาลนั่งคุยกันเฉย ๆ แน่นอน
“คุณอยู่ในเวลางานหรือเปล่า กะดึกใช่ไหม” เขาถาม
“ใช่ค่ะ กะดึก ไม่ต้องรวบรัดบทสนทนาหรอกนะคุณหมอ ฉันรู้ค่ะ ว่าคุณรักเธอ แต่ขอแค่พูดคุยกันไม่กี่นาทีจะเป็นอะไรไป ให้เวลาฉันบ้างไม่ได้เหรอคะ”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง “คิดว่าไม่มีใครรู้ว่าคุณชอบเล่นเกมหักอกคนอื่นเหรอ อย่างเดือนก่อน ฟิลเอาแต่เก็บตัว ไม่พูดไม่จากับใคร ปีก่อนโน้นคุณหักอกนาธานเป็นเสี่ยง ๆ จนเขาขอย้ายโรงพยาบาลหนีไปอีกเมือง อ้อ ยังมีพวกผู้ชายคนอื่นอีก พวกเราอายุมากขึ้นกันเรื่อย ๆ แล้วนะ ทำไมไม่เลิกเล่นแล้วหาคนที่จริงจังสักคนเล่า อย่างพี่สาวคุณไง หาคนที่ใช่น่ะ” น้ำเสียงของคาเล็บทำให้คนฟังรู้สึกราวกับกำลังนั่งฟังบาทหลวงเทศนา
เธอเกือบจะอ้าปากเถียง แต่ถูกเขาพูดแทรกขึ้นก่อน
“อย่า” เขาจ้องตาเธอเขม็ง “อย่าเถียง และอย่าเข้ามาในห้องทำงานของผมแบบนี้อีก หากยังมีครั้งหน้า ผมรายงานอีรินแน่ ผมทำจริง ๆ นะ”
อีรินก็คือนางพยาบาลสาวที่กำลังจะออกเดตในรอบสี่สิบปี เธอเป็นหัวหน้าพยาบาลของที่นี่ เขาหวังว่าจะเห็นความกลัวอยู่ในดวงตาสีเขียวใสคู่นั้น แต่เปล่าเลย ความตั้งใจล้มเหลว
หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมกับรอยยิ้มหยัน “คำพูดของคุณเจ็บดีจัง คาเลบคะ คุณนี่ช่างใจแข็งอะไรอย่างนี้” เธอทำเสียงสูงล้อเลียนเขา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้อง คาเลบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทิ้งคำพูดสุดท้ายเพื่อทำลายความดื้อด้านของเธอ และครั้งนี้คำพูดของคุณหมอเย็นชากว่าครั้งไหน “ผมพูดจริงนะ แมรี่ ได้โปรดเข้าใจอะไรง่าย ๆ เถอะ คุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วนะ”
ครอบครัวของคาเลบอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ห่างจากสวนสาธารณะประจำเมืองอยู่เพียงสองช่วงตึก ทั้งหลังทาสีขาวละมุนคล้ายสีเปลือกไข่ ที่แห่งนี้เป็นสวรรค์บนดินของคาเลบ ตรงสวนหน้าบ้านจะมีโรงไม้เล็กตั้งแอบอยู่ เป็นที่ประดิษฐ์ของเล่นชิ้นเล็กหรือของใช้ที่ทำจากไม้โดยฝีมือคาเลบเอง ซึ่งผลงานของเขาสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ มันเป็นไอเดียของลูกคนที่สาม อเล็กซิสได้ถ่ายรูปชิ้นงานของพ่อ แล้วอัปโหลดลงอินเทอร์เน็ต เธอยังพิมพ์ใบโฆษณาขายงานไม้ของเขาแล้วเอาไปแปะบนกระดานประกาศอีกด้วย อเล็กซิสไม่ได้หิวเงินขนาดนั้นหรอก แต่เธอทำไปเพื่อให้เขาภูมิใจในตัวเอง แน่นอนว่าคาเลบภูมิใจทั้งตัวเขาและไอเดียของลูกสาวมากคาเลบจอดรถไว้ในโรงจอด รถตู้สีเทาคันนี้รับใช้ครอบครัวเดวิสมาประมาณสิบสองปีแล้ว คาเลบยังครองตัวเป็นสุภาพบุรุษอยู่เสมอ ด้วยการประคองเบียนน่าลงจากรถ เขาปฏิบัติกับภรรยาเช่นนี้เรื่อยมาตั้งแต่ออกเดตครั้งแรก เบียนน่ามีดวงตาโตสีน้ำตาลเข้มแสนอบอุ่นไปถึงหัวใจ ผิวสีทองแดงเข้มคล้ายกับผิวของเขาแต่เนียนและมีสุขภาพดีกว่า เบียนน่าเป็นผู้หญิงร่างอวบ ผู้มีรอยยิ้มสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น พวกเขาคบหากันราวสองปี จากนั้นคาเลบขอเธอแต่งงา
คาเลบและเบียนน่าเป็นพ่อแม่จำพวกที่ไม่ออกจากบ้านเลยหากไม่มีภาระจากหน้าที่การงานที่ทำอยู่ พวกเขาเลือกใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากกว่าเรื่องอื่น ยกเว้นเสียแต่ว่าภาระงานในบางครั้งที่ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่ซื้ออาหารสำเร็จนอกบ้าน เด็ก ๆ จึงใจดีอุ่นอาหารไว้ให้เมื่อชาร์ลีเห็นว่าพ่อและแม่ง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะอาหาร เขาจึงเดินกลับไปนั่งหน้าทีวีเพื่อดูการ์ตูนต่อ คาเลบเหลือบมองแล้วถอนหายใจพลางคิดว่าตนเองควรใช้เวลาอยู่กับลูกชายคนเล็กมากกว่านี้ อีกทั้งยังสงสัยด้วยว่าทำไมเจสซี่กับอเล็กซิสยังเอาแต่อยู่ข้างบน ไม่ลงมาเล่นกับน้องข้างล่าง“พวกเขาคงกำลังคุยอะไรกันอยู่แน่ ๆ บางทีอาจเป็นเรื่องสำคัญนะ” เขาบอกกับเบียนน่า คาเลบมักสนใจใคร่รู้เรื่องราวของลูกเสมอ เขาจึงเปรียบเสมือนกับคุณพ่อที่ค่อนข้างจู้จี้ แต่คาเลบถือว่าเขามีข้ออ้างที่น่าฟังอยู่ เพราะเจสซี่กับอเล็กซิสไม่เหมือนกับไบรซ์ ทั้งสองจะเป็นพวกเฮฮาขี้เล่น ปกติแล้วจะไม่ทิ้งชาร์ลีให้อยู่คนเดียวแบบนี้ พวกวัยรุ่นชอบเก็บความลับไว้กับตัว ไม่ยอมให้พ่อแม่รู้ และคาเลบก็ไม่ใช่พวกพ่อแม่ที่เข้าใจวัยรุ่นเสียด้วยภรรยาของเขาไม่ค่อยสนใจเหมือนที่คาเลบรู้สึก เธอเป็นคุณแม่
เขาหายตัวไปอย่างปริศนา ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อเล็กซิสตกใจและรับรู้ถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเมื่อสื่อทุกแขนงลงข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของจอห์น ลีลอยด์ดังนี้“...แซลลี่ มัมฟอร์ด วัย 19 ปี พักอาศัยอยู่ในรีสอร์ตพร้อมกับครอบครัวในวันเดียวกับที่ลีลอยด์และเพื่อนอีกสามคนอาศัยในบ้านพักตากอากาศข้างเคียง พยานสาวเล่าว่า ลีลอยด์และกลุ่มเพื่อนจัดงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงในคืนก่อนที่ทั้งหมดหายตัวไป ตำรวจพบยาเสพติดและเครื่องดื่มมึนเมาที่ผสมสารผิดกฎหมายในที่พัก ลีลอยด์หายตัวไปนานกว่าสองสัปดาห์แล้ว ทางครอบครัวของเขาให้การว่า ผู้จัดการของลีลอยด์แจ้งว่า นักแสดงหนุ่มติดงานจนไม่มีเวลากลับบ้าน พวกเขาจึงไม่เอะใจว่าเขาหายตัวไปเพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับอาชีพการงานของนักแสดงหนุ่ม จากการสอบสวนเบื้องต้น ตำรวจตั้งข้อสงสัยกับ ทิม ยัง ผู้จัดการของลีลอยด์ที่พยายามปกปิดข่าวการหายตัวไปเพื่อหาทางทำลายหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งอาจเชื่อมโยงนักแสดงหนุ่มกับยาเสพติด อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของผู้จัดการคนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าต้องการปกปิดเรื่องยาเสพติดเพียงอย่างเดียว หรือมีเหตุผลอื่นกันแน่ หรืออาจจะโยงไ
เด็กสาวสั่นหัว ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักกฎหมายแต่หมายถึงปฏิเสธข้อสันนิษฐานของพี่ต่างหาก “เขาเป็นภูมิแพ้”“ไม่เกี่ยว ถ้าเขาทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ทางการเห็นชัดว่าเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มต้องสงสัย เขาก็ไม่มีทางรอดข้อหานี้ จริง ๆ นะ แม้ว่าจอห์นจะป่วยเป็นโรคร้ายแรงทุกโรคเลยก็ตามเถอะ แต่มันไม่มีทางช่วยเขาให้หลุดพ้นจากกฎหมายนี้ได้หรอก” เจสซี่โยนเอกสารชุดหนึ่งลงบนตักของเธอ “อ่านสิ”‘...มาตราที่ 1 ย่อหน้าที่ 4 ผู้ที่มีความสามารถพิเศษอันแปลกประหลาดจากความสามารถของมนุษย์ที่พึงมี ผู้นั้นต้องลงทะเบียนว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ณ สถานที่ราชการแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือ สถานีตำรวจ...มาตราที่ 2 ย่อหน้าที่ 1 พลเมืองทุกคนมีสิทธิที่จะรายงานตำรวจเกี่ยวกับเบาะแส ร่องรอย ข้อค้นพบ หรือ ข้อสงสัย ว่าคนคนนั้นจะเข้าข่าย หรือมีแนวโน้มเป็นกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มต้องสงสัยว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง สำหรับกรณีเอชโอวัน การกระทำเพื่อปกป้องสหพันธรัฐไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล...’“นี่มัน...”“ข้อกฎหมายในรัฐบัญญัติเฝ้าระวังและควบคุมกลุ่มเสี่ยงภัยต่อมนุษยชาติ ปี 2966” เจสซี่ตอบ เขาเอานิ้วมือหวีผมหยิกหย็อยของตัวเอง มันไม่เคยเรียบเลย“พี่
เขาพูดถึงทุนการศึกษาที่เธออยากได้ใจจะขาด ทุนที่มอบโดยรัฐบาลนี้จะเป็นตัวช่วยสนับสนุนทางการเงินและโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชนะ ทุนคือกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ รวมทั้งการใช้ชีวิตในเมืองหลวงฟิวเจอร์ริสติก เมโทรโพลิส ทั้งยังเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี การศึกษา และนวัตกรรม ประชากรส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกคนรวย เดลฟีอาจมีวิทยาลัยทางการแพทย์อันดับต้น ๆ แต่วิทยาลัยแพทย์ของมหาวิทยาลัยฟิวเจอร์ริสติกนั้นเป็นอันดับหนึ่ง หากให้อเล็กซิสเลือก เธอย่อมเลือกไปที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจบการศึกษา เธอยังสามารถเข้าทำงานในโรงพยาบาลใดก็ได้ในเมืองหลวง ซึ่งอุปกรณ์และระดับเงินเดือนสูงกว่ามาก มันเป็นหนทางที่จะลาออกจากการเป็นชนชั้นกลางไปเป็นชนชั้นกลางระดับบน หรืออาจไปถึงชนชั้นสูงเลยก็ว่าได้ เจสซี่กับไบรซ์เคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้มีสิทธิสอบสัมภาษณ์เช่นกัน แต่ทั้งสองไปไม่ถึงจุดหมาย อเล็กซิสรู้ดีว่าเธอเป็นความหวังสุดท้าย หรือไม่อย่างนั้น ทั้งครอบครัวคงต้องรออีกสิบกว่าปีกว่าชาร์ลีจะโต“ฉันก็พยายามไม่หวังนะ แต่คิดว่าน่าจะมีโอกาสสูงอยู่ พวกเขาดูสนใจฉันมากพอสมควร” เธอเล่า ดวงตาแสดงออกว่ามั่นใจมากกว่าที่พูดคิ้วเจสซี่กระต
อเล็กซิสมัดผมตัวเองเป็นทรงหางม้า และไม่ลืมที่จะเติมมาสคาร่า ทาปากด้วยสิปสติกสีชมพูกุหลาบที่เธอมองว่าเข้ากันดีกับลุคแต่งตัวในฤดูร้อน เธอเช็กเสื้อผ้าและหน้าตาของตัวเองในกระจกให้แน่ใจ โอเค พอมั่นใจว่าสวยแล้วก็เช็กส่วนอื่นต่อ อเล็กซิสเลือกสวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ๊คเกตหนังสีดำ กางเกงยีน (แน่นอนว่ายี่ห้อเล็กซี่) และรองเท้าผ้าใบสีแดง มันเป็นสไตล์เดิมๆที่เธอชอบแต่ง บางครั้งเธอใส่เดรสหวาน ๆ บ้าง แต่กางเกงยีนทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากกว่า“นี่มันหน้าร้อนนะจ๊ะ”เด็กสาวเม้มปากเมื่อพี่สาวทักพร้อมกับรอยยิ้มขบขัน “แดดร้อนกับเสื้อแจ๊คเกตเนี่ยนะ”“ก็ไม่ร้อนเท่าไรนี่” เธอโต้ แต่ถอดเสื้อแจ็คเกตออก ก่อนจะนำมันมาผูกไว้ที่เอวแทนในห้องนอนของสองสาวมีเตียงเดี่ยวสองหลัง ทั้งห้องถูกแบ่งออกเป็นสองเขตแดนนั่นคือ เขตแดนของไบรซ์และเขตแดนของอเล็กซิส ส่วนของไบรซ์จะมีเพียงโปสเตอร์วงดนตรีคันทรี่ใบเดียวแปะอยู่บนโต๊ะบวกกับกีตาร์โปร่งทำจากไม้มะฮอกกานี ไบรซ์มีเสียงที่ไพเราะมาก ทั้งยังเล่นกีตาร์เก่ง แต่เธอไม่ค่อยแสดงออกเท่าไรเพราะติดนิสัยขี้อายและเก็บตัว อเล็กซิสเล่นกีตาร์ได้เหมือนกัน แต่ไม่เก่งเท่าพี่สาว ข้าวของของ
แต่พออเล็กซิสเดินออกมาจากห้อง กลับเห็นเอโลดี้กำลังนั่งหัวเราะร่วนอยู่กับเจสซี่และชาร์ลี พวกเขาควรออกไปได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าคงคุยติดลมกันสนุก บางครั้งอเล็กซิสอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเจสซี่ชอบผู้หญิง เอโลดี้คงเป็นคนแรกที่เขาชอบ เพราะว่าทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก เจสซี่ชอบและเอ็นดูเอโลดี้ไม่ต่างจากน้องสาวอีกคนเลยทีเดียวแต่ว่า ก็แค่น้องสาวอีกคน“โทษทีที่ให้รอนะ” อเล็กซิสแทรกชาร์ลีกระโดดลิงโลดเหมือนรอโอกาสนี้มานานแล้ว “เย่ เราออกไปได้แล้วใช่ไหมครับ แล้วพี่ไบรซ์ล่ะครับ”อเล็กซิสทำหน้าเศร้า “ไบรซ์ไม่ยอมพักอ่านหนังสือเลยอะเจ้าลิง เหลือแต่พวกเรานี่แหละ และอาจจะมีเดวี่อีกคนแทนนะ แต่ว่าทำไมถึงยังนั่งกันอยู่ล่ะ”เอโลดี้ลุกขึ้น “อ้อ ฉันลืมบอกเธอไปว่า ฉันไปกับเธอนะอเล็กซ์”เด็กสาวในเสื้อยืดสีขาวจ้องเขม็งไปที่เพื่อน ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เพราะเธออยากไปหาเดวี่ที่บ้านเพียงลำพังมากกว่ามีเพื่อนติดสอยห้อยตามไปด้วยไม่ได้ตกลงกันไว้อย่างนี้นี่นา เอโลดี้จ้องกลับด้วยดวงตาสีน้ำตาลเข้มแฝงข้อความเป็นนัยว่า “เออออกับฉันเหอะน่า”เจสซี่มองสลับระหว่างอเล็กซิสกับเอโลดี้ ไม่เข้าใจว่าพวกผู้หญิงเล่นอะไรกัน“สรุปแล้วยังไงครั
“อเล็กซ์-ฟะ-ฟัง-ฉะ-ฉันนะ” เดวี่รีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ดังนั้นจูนจึงต้องรีบกระโจนไปที่เสื้อผ้าของเธอเพื่อปกปิดร่างกายตัวเอง ดวงตาสีฮาเซลที่แสนหวานซึ้งของเดวี่คลอไปด้วยน้ำตาที่ออกมาจากความรู้สึกผิดเมื่อโดนจับได้ “ฉะ-ฉัน อธิบายได้” เสียงแหบเสน่ห์ของเขาตอนนี้กลับฟังแล้วเหมือนมีเสลดติดคอ ปากของเขาสั่นราวกับเป็นอาชญากรที่ถูกตำรวจอย่างอเล็กซิสบุกเข้าจับกุม ท่อนอกแน่นเปลือยเปล่ากลับเต็มไปด้วยรอยลิปสติกสีแดงของจูน แล้วยังมีรอยช้ำมากมาย อเล็กซิสพอจินตนาการออกว่าเขาได้มาอย่างไร เธอมองรอยลิปสติกบนใบหน้าของเขา พยายามยึดมือตัวเองไว้กับตัวเพื่อไม่ให้มันฝากรอยมือไว้บนหน้าหล่อ ๆ นั้นน้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้ม เหมือนทุกอย่างช้าลงแม้แต่ระบบความคิดในหัว อเล็กซิสพยายามไม่ร้องไห้ออกมา แต่ดูเหมือนเขื่อนในลูกตาจะแตกออกเสียแล้ว พวกเขาทำแบบนี้ได้ยังไง แล้วทำไมมันเจ็บปวดถึงขนาดนี้ อเล็กซิสเคยคิดว่าชีวิตของเธอมาถึงจุดสูงสุด และจะดีกว่านี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดวี่ทำลายความรู้สึกนั้นลงอย่างย่อยยับชีวิตที่เกือบสมบูรณ์ ใช่สิ มันแค่เกือบนี่นา ตาของอเล็กซิสกับจูนสบกันจนได้ ไม่มีน้ำตา ไม่มีความรู้สึกผิด ไม่มีคำขอโทษอย
เธอกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง อเล็กซิสพยายามปลุกสติตัวเอง เล็บของเบ็กกี้จิกลึกมากขึ้นทุกที เลือดไหลทะลักจากใต้ผิว ทุกอย่างช้าลงตรงข้ามกับความรู้สึกที่ทวีคูณ เล็บค่อย ๆ ฉีกออกจากกัน บางนิ้วฝังแล้วกรีดลงบนเนื้อเธอ หนังค่อย ๆ ปริแยกออกพร้อมลาวาสีเลือดเอ่อล้น กล้ามเนื้อขึ้นเป็นเส้นหนาเกร็งไปจนถึงขมับ ตัวเธอถูกยกขึ้นสูงแล้วดิ่งลงปะทะกับพื้น ริมฝีปากชิมน้ำสกปรกและคราบเลือด ใบหน้าถูไถลไป...ตื่น!เธอลืมตาโพล่ง ความทรงจำชัดขึ้นทุกทีจนอเล็กซิสแทบไม่อยากนอน แต่แล้วจำต้องหลับตาอีกรอบเพราะเจ็บเบ้าตาก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดก่อนไอสำลักออกมา มือใครสักคนแปะอยู่บนศีรษะแล้วเลื่อนมาจับไหล่เธอไว้ อเล็กซิสลุกขึ้นนั่งทันที ตกใจ พอมองเต็มตาจึงเห็นดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องกลับมา“ไมเคิล...”คงเรียกว่าเป็นเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้แล้ว เพราะเฉดผมสีน้ำตาลเริ่มโผล่ออกมามากขึ้น มุมปากของเขาเชิดขึ้น อมยิ้มบาง ๆ “เธอผอมไปนะ”ทันใดนั้น อเล็กซิสโผเข้ากอดเขา เธอไม่ได้ฝันไป และข้างหลังไมเคิลคือเรมีที่นั่งมองพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น เธอกวาดตามอง
เธอนิ่งคิดเมื่อเดสซิเรถามคำถามนี้ เพราะเหตุนี้วันนี้เธอจึงตัดสินใจจะพบไมเคิล แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเอง “ก็...”ข้างหลังตึกมีพื้นที่โล่ง ๆ ขนาดเท่าครึ่งสนามบาสเกตบอล เอมอนสวมเสื้อกล้ามเผยผิวแทนแกว่งแขนไปมา เขาพยักหน้าให้หญิงสาวข้างอเล็กซิสแต่นัยน์ตานั้นเป็นประกายปิดบังความสนใจของตัวเองไม่อยู่ แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะอธิบายเป็นคำพูดยาก สิ่งหนึ่งที่อเล็กซิสมั่นใจคือ เอมอนหลงรักเดสซิเร เขาไม่ได้มองเธอเป็นเพื่อน-กิน-กัน-มัน-ดีแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงคิดอย่างไร เธอเดาไม่ออกเด็กสาวกวาดตามองโดยรอบแต่ไม่เห็นอุปกรณ์ใด ๆ เลยนอกจากนวมสีน้ำเงิน“นายนี่นะ จะฝึกสาว” เดสซิเรกอดอก ทำเสียงดูแคลน “แน่ใจรึ”ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็...ฉันทำร้ายผู้หญิงไม่ลงเธอก็รู้” เขาโยนนวมชกให้อเล็กซิส “ดังนั้น เริ่มบทเรียนด้วยการโดนตัวฉันให้ได้ดีกว่า”เดสซิเรผิวปาก ทึ่ง “เข้าใจคิดนี่”ทว่าคนที่ถูกฝึกกลับผิดหวัง อเล็กซิสอยากให้เขาทำให้เธอแข็งแกร่ง“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเสียใจสิ จ
ผ้าห่มสีขาวสะอาดส่งกลิ่นหอมจากการอบความร้อนฆ่าเชื้อ เธอพยายามลุกขึ้นแต่เหมือนติดอยู่ในร่างนี้ เสียงกรีดร้องของเอเลน่าดังเข้าโสตประสาทประหนึ่งมีพลังสั่นคลอนสะเทือนไปจนถึงแกนหูข้างใน อเล็กซิสหันไปเห็นเธออยู่ในสภาพมัดติดกับเตียง เธอร้องระบายความเจ็บปวดข้างในจนขากรรไกรแทบฉีกออกจากกัน “ฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันซะ” ราวเหล็กบนเตียงกระตุกรัว อเล็กซิสมองดูเหมือนเตียงจะถล่มตามแรงเคลื่อนไหว เสียงหวีดร้องกรีดหัวใจจนอยากตะโกนบอกให้พวกเขา...ฆ่าเธอซะ ทำตามที่เธออ้อนวอน“เราจะทำอย่างไรดีคะคุณหมอ” “ทำตามที่เธอปรารถนา เราช่วยเธอไม่ได้แล้ว” อเล็กซิสมองทรอย เห็นแต่เพียงแผ่นหลังและผมสีเทา พวกเขาเข็นเตียงเธอออกไปตามคำสั่ง ไม่นานเสียงเอเลน่าสงบลง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นเด็กสาว“มันอยู่ในตัวเธอด้วย”เธอส่ายหน้า “ฉันกำลังจะตายเหมือนเธอเหรอคะ”ทรอยไม่ตอบ“มันอยู่ในตัวเธอ”“มันอยู่ในตัวเธอ”อเล
“อย่าปล่อยเด็ดขาด”น้ำตาเด็กสาวไหลรินหยดลงบนแขน ความเค็มของน้ำตาทำให้แผลแสบร้อนนิด ๆ นิ้วของเบ็กกี้จิกลึกลงบนแขนจนเลือดไหลซิบ อเล็กซิสกัดฟันทนความเจ็บปวดทุกอย่าง ขืนตัวรั้งเพื่อนไว้ไม่ให้พวกมันเอาตัวไปได้ ชายสองคนต่างพยายามแยกพวกเธอออกจากกันราวกับเล่นชักเย่อ “ใช้มันซะ เบ็กกี้ ได้โปรด” เธอขอร้อง “ได้โปรด...” เด็กสาวหวีดร้อง เล็บที่จิกอยู่กับเนื้อฉีกขาดฝังอยู่ข้างในเนื้อของเธอ บางนิ้วมีเล็บแข็งเกินจึงเฉือนฉวัดขูดผิวเป็นรอยยาว เสียงดังตุบกลางหลังเด็กสาว เบ็กกี้ล้มฟุบลงกับพื้น ยูฟุนแบกร่างเธอออกไปพร้อมกับเด็กอีกคน“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” เกรกอรี่พึมพำแล้วเหวี่ยงตัวอเล็กซิสลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำโสโครกผสมเลือดเจิ่งนอง เธอตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นไม่ทันไรก็ล้มลง เด็กแฝดที่ยังเหลืออีกคนถูกโขกกับกำแพงดังจนคล้ายกับกะโหลกแตก ร่างอ่อนปวกเปียกไถลครูดลงเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิต อเล็กซิสปากสั่น เกรกอรี่ย่างสามขุมแล้วกดหน้าเธอลงกับพื้นก่อนจะมัดมือไพล่หลัง เธอดิ้นจนแขนเสียดสีกับเชือก รอยแผลที่เบ็กก
อาคุสะนอนอยู่บนเตียงนิ่งเหมือนไม่ได้ยินใครทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอตะลึงมากที่สุดคือออร่าหลากสีที่ล้อมเป็นรัศมีรอบตัวเขา พอเธอเขยิบเข้าไป อเล็กซ์ดึงแขนรั้งไว้ทันที “อย่า มันอันตราย”ชายหนุ่มเกาแก้มตัวเอง “ฉันโดนแล้ว มันเหมือนกับพลังของเขากระจายรอบตัว ถ้าเธอเข้าไปในรัศมีนั้นจะเหมือนคนบ้า ทั้งร้องไห้ หัวเราะ ด่าทุกสิ่ง ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะสงบลงได้”หญิงสาวเขยิบถอยหลังทันที ออร่าที่พุ่งออกมาทำให้อาคุสะเหมือนกับเจ้าชายนิทราต้องสาปประมาณนั้น “มันเกิดอะไรขึ้น เพราะแบบนี้ใช่ไหม พวกนายถึงไม่ส่งข่าวมา”เขาพยักหน้า ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้เธอหาที่นั่งเอง ส่วนเขาเดินเก็บของผ่านหน้าไปมา ปากเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเราชนะเควสทั้งสองระดับ วันต่อมาระดับสามเปิด พวกเราก็เลยลอง”“บ้าไปแล้ว” เทสซ่าร้อง“ก็จริง” เขาหัวเราะ เธอไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะของเขามานานแล้วตั้งแต่เบนจากไป หนุ่มผมดำผู้นี้มีลักษณะเหมือนคนหลายบุคลิก บางครั้งยียวน บางครั้งเงียบขรึม บางครั้งกราดเกรี้ยว “อาคุสะเกือบตาย
กำแพงสูงราวตึกสามชั้นคือตัวแบ่งเขต อากาศในเครสเตอร์อาจร้อนระอุแต่สิ่งก่อสร้างภายในเว้นระยะห่างมากพอไม่ให้เกิดความรู้สึกคับแคบเบียดเสียดเหมือนในเดอะวาล ขณะที่นอร์ธร่มรื่นกว่ามาก แต่ตัวอาคารสร้างติดกันไม่ต่างจากในเดอะวาล เธอผ่านช่องสแกนตรงประตูทางเข้าโดยพยายามไม่เหลือบมองสิ่งรอบข้างเพราะกำแพงทำให้เธอนึกถึงด่านสุดท้าย และเพราะเหตุนั้น เธอจะเห็นภาพออสโล่ตกลงไปด้วย“คนสวยจ๊ะ” เทสซ่าทำเป็นไม่ได้ยินแก๊งข้างถนน “อย่าเดินหนีสิ” และสะเหล่อ“มาด้วยกันไหม ฉันมีชิปเยอะนะ เลี้ยงข้าวเธอได้หลายมือเลย”เธอหันไปเผชิญหน้า ชายผมยาวสวมเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมยืนยิ้มยิงฟัน พอกลุ่มเพื่อนที่ส่งเสียงเชียร์เขาทำท่าแอ่นอยากอวดของลับใต้กางเกง เทสซ่าปรายตามอง ยิ้มน้อย ๆ “ถามแม่แกสิว่าถ้าให้ล้านชิปแล้วเธอยอมให้แกดูดหัวนม ฉันจะให้แกดูดนิ้วเท้าฟรี ๆ เลย”“อ้าว อีเวร”เธอสะบัดหน้าไม่ฟังมันพล่ามต่อ หากเพื่อนของชายคนดังกล่าวไม่ดึงไว้ เขาคงได้ชิมคลื่นเสียงของเธอแน่ อันที่จริงเทสซ่าไม่ได้อยากใช้พลังต่อหน้าคน เพราะเธอก็ไม่รู้ว
แสตนเนอร์ส่ายหัว “เรากำลังสืบสวนอยู่ ผมพอจะบอกพวกคุณได้คร่าว ๆ ว่าทั้งสองถูกลักพาตัวโดยกลุ่มขบวนการที่เรายังจับไม่ได้ และต้องใช้เวลาสืบสวนพอสมควรเพราะข้อมูลถูกลบไปหมด...”“ถูกลบไปหมด” เรมีโพล่งขึ้นมา “แสดงว่าพวกคุณอยู่เบื้องหลัง...”“พวกคุณ?” ชายผมสกินเฮดถอนหายใจ “มีคนในกลุ่มพวกเราอยู่เบื้องหลัง ถูกต้อง แต่ไม่ใช่พวกเราทั้งหมด ผมขอแก้ตัวหน่อยก็แล้วกัน คิดดูสิ ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนเปลี่ยนยกหน่วยถูกไหม คำกล่าวหาแบบนี้ระวังนิดนึงนะพ่อหนุ่ม” เขาแตะมือตัวเอง “เอาล่ะ ตอนนี้เบ็กกี้ ควินน์อาจยังอยู่ในเงื้อมมือพวกมันหรือหลบอยู่สักที่ ยังไงพวกเราจะพยายามหาเพื่อนพวกเธอให้เจอ”เทสซ่ากัดปาก เธอควรบอกเรื่องความฝันของมินนี่ดีหรือไม่ไม่ทันได้ตัดสินใจ เรมีเป็นฝ่ายเผย “เบ็กกี้มีพลังเกี่ยวกับความฝัน” แสตนเนอร์เลิกคิ้วรอฟัง “เธอส่งภาพบางอย่างผ่านความฝัน พวกเราเห็นดวงไฟ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เธอดูเหมือนจะขยับตัวไม่ได้”“พวกเรา?” เขากวาดตามองทุกคน“เป
เทสซ่าส่ายหัวแล้วไล่เดินเก็บกล่องอาหารทิ้งขยะ ตั้งแต่เบลินดาพบคนหน้าเหมือนอเล็กซิสในสถานพยาบาลเขตเดอะวาล ไมเคิลกับเรมีก็ยังหาอเล็กซิสไม่เจออยู่ดี ดูเหมือนมินนี่จะเป็นคนเดียวที่มีปัญหากับความฝันเสียด้วย เพราะถ้าไม่อย่างนั้นสองหนุ่มน่าจะพูดกับเธอเรื่องนี้บ้าง แต่ดูเหมือนพวกเขาแค่ฝันเห็นเท่านั้น มันก็แค่ฝันร้ายหรือภาพนิมิตที่เบ็กกี้ส่งมาให้แบบสัญญาณติด ๆ ดับ ๆ ในขณะที่น้องสาวของเธอรับข้อความเต็ม ๆ และทรมานราวกับอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เธออดโกรธเบ็กกี้ไม่ได้และมันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่อยากยอมรับ ไม่กล้าแม้แต่เผยมันให้ใครรู้ทำไมเบ็กกี้ ทำไมเธอต้องทรมานมินนี่ของฉันด้วย เธอเตะถังขยะดังปัง เทสซ่าไม่สนว่าใครจะมองอย่างไร แต่เธอสบายใจที่ได้ระบาย“เทส ฉันกับเรมีกลับก่อนนะ”เทสซ่าพยักหน้า คาดไว้แล้วว่าอีกเดี๋ยวไมเคิลต้องพูดคำนี้ “เธออาจไปอยู่เขตอื่น หรือไป ๆ มา ๆ ก็ได้ พวกนายเลยไม่เจอ”ไมเคิลพยักหน้า “เพราะอย่างนี้พวกเราถึงกระจายกันอยู่ทั้งสามเขตไม่ใช่หรือ”“หรือไม่ เบลินดาอาจตาฝาด” ฟีบี้แทรกขึ้นมา เทสซ่าส่
“เธอร้องทั้งคืน เทส ฉันไม่ได้นอนเลย ไม่ไหวจริง ๆ” คำพูดของเบลินดาวนเวียนอยู่ในหัว จนกระทั่ง “เทสซ่า” ไมเคิลปลุกเธอตื่นจากภวังค์สถานการณ์ตรงหน้าตอนนี้สาหัส หุ่นยนต์สามตัวยืนจังก้าขวางทางราวกับเป็นผู้พิทักษ์สมบัติ มีสติสิยัยบ้า หญิงสาวด่าตัวเอง พยายามอย่างยิ่งที่จะเพ่งสายตาไปยังส่วนหัว มวลพลังก่อตัวภายในเหมือนพายุในทะเล เทสซ่าปลดปล่อยมันออกไป เสียงสร้างแรงสะเทือนเคลื่อนตัวเป็นเส้นคล้ายใบมีดตัดศีรษะหุ่นเหล็กขาดออกจากกัน รอยยิ้มปรากฏเพียงครู่เดียว เพราะภาพโนเอลฉายขึ้นมา...หากฉันทำได้มากกว่านี้ หากตอนนั้นควบคุมมันได้ดีกว่านี้ เธอถอนหายใจ เทสซ่าถือว่าตัวเองพัฒนาไปมากหากเทียบกับแบนชีที่เบนชอบล้อเลียน ทว่าดีใจได้ไม่ทันไร กระสุนปริศนาเกือบแฉลบบาดกระพุ้งแก้ม โชคดีสองชั้นเมื่อเรมีไหวตัวทัน ทำตัวเป็นเกราะคุ้มกันห่ากระสุนจากอีกทีม ไมเคิลเหวี่ยงหุ่นที่ยังทำงานอยู่ใส่กลุ่มนั้นเป็นการเอาคืน หางตาของเธอเหลือบเห็นโคดี้วิ่งจ้ำอ้าวใกล้ถึงธง“นายไม่เป็นไรนะ” เธอถามเพื่อนหัวโมฮอว์กเขาส่ายหัว “อย่าเหม่อสิ” ออกปากเตือนแล้วรีบวิ่งตามโคดี้ไปทั้งที่เสื้อขาด เทสซ่าหงุดหงิดที่ตัวเองคงสมาธิไว้ไม่ได้ คิดได้เช่นน