หญิงสาวย้ายมาอยู่ที่บ้านของประธานหนุ่มตั้งแต่อายุครรภ์ได้แปดเดือนตามที่ได้ตกลงกับมารดาของประธานหนุ่มไว้ ว่าถ้าใกล้คลอดให้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านใหญ่ ชีวิตประจำวันก็ไม่ต่างจากตอนอยู่คอนโดเท่าไหร่ นั่งๆนอนๆมารดาของประธานหนุ่มแทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลยมีคนคอยทำให้ตลอด
ส่วนประธานหนุ่มก็ไปกลับบ้านกับที่ทำงานทุกวันซึ่งค่อนข้างไกลกันพอสมควรถึงแม้เธอจะบอกให้เขานอนที่คอนโดได้ถ้าเหนื่อยไม่อยากขับรถแต่ประธานหนุ่มก็ไม่ยอม เขาให้เหตุผลที่ไม่อยากนอนคอนโดซึ่งมันก็ทำให้เธอยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เฮียถ้ามันเหนื่อยก็นอนคอนโดได้นะคะ”
“ไม่เอาหรอก เฮียอยากกลับมานอนกอดลูกกอดเมีย”
“แต่บริษัทเฮียกับบ้านใหญ่ห่างกันมากเลยนะ”
“งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวเฮียให้คนขับรถที่บ้านไปส่งและเดี๋ยวตอนกลับก็ให้ไปรับดีไหม สบายใจขึ้นหรือยังคุณแม่”
“เอาอย
ทุกคนต่างให้ความสนใจสมาชิกใหม่ของบ้าน แต่คนที่ดูจะเห่อลูกชายเขามากที่สุดน่าจะเป็นคุณหญิงมณีรัตน์มารดาของประธานหนุ่ม เพราะข้าวของลูกชายเขาส่วนมากที่มีตอนนี้จนแทบจะล้นบ้านก็มาจากแม่เขาทั้งนั้น “ไหนดูสิหลานย่า น่าเกียจน่าชังจังเลยลูก ดูสิคะหน้าเหมือนตาวีร์ตอนเล็กๆเลย” ประธานหนุ่มยืนดูมารดาอุ้มลูกน้อยของเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประธานหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงขยับข้างเตียงก่อนจะหันไปดูก็เห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้ว ประธานหนุ่มช่วงพยุงหญิงสาวลุกขึ้นนั่งและหยิบน้ำมาให้หญิงสาวดื่ม “ดื่มน้ำก่อนครับ”ประธานหนุ่มยื่นแก้วน้ำไปให้หญิงสาวดื่ม “ขอบคุณค่ะ ดูคุณแม่จะเห่อหลานมาเลยนะคะ”หญิงสาวทักขึ้นยิ้มๆเธอดีใจที่ลูกชายของเธอเป็นที่รักของทุกคน “ใช่ครับ คุณแม่ท่านอยากได้หลานมาตั้งนานแล้วแต่เฮียไม่ยอมมีให้สักที”ประธานหนุ่มหันไปมองมารดาที่อุ้มหลานชายไปมารอบห้องด้วนรอยยิ้ม
1 เดือนต่อมา หลังหญิงสาวออกจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายตัวน้อย เธอจึงกลับมาพักที่บ้านใหญ่ตอนแรกประธานหนุ่มอยากเข้าไปอยู่บ้านที่เขาซื้อไว้แต่มารดาของสามีไม่ยอมบอกให้อยู่บ้านใหญ่สักเดือนสองเดือนก่อน ประธานหนุ่มที่ไม่เคยพูดชนะมารดาก็จำใจต้องยอมอยู่จนกว่าลูกชายจะสองเดือน แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้มีคนช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแอ้ๆแอ้ๆแอ้ๆ เสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้มาจากแปลเด็กในตอนเช้าเด็กน้อยจะตื่นแต่เช้าทุกวันพอตื่นมาก็จะส่งเสียงอ้อแอ้ให้ป๊ากับม๊าได้ยินจะเป็นแบบนี้ประจำทุกวันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ลูกน้อยของเธอถือว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายไม่งอแงจะมีร้องบ้างแค่ตอนหิวหรือรู้สึกไม่สบายตัวและตื่นบ่อยตามปกติของเด็กแรกเกิด “น้องปริ๊นตื่นแล้วเหรอคะ คนแก่งของม๊าไปปลุกป๊ากัน” น้องปริ๊นหรือด.ช. ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและหลานสุดรักสุดหวงของคุณหญิงมณีรัตน์และคุณเอกภพ ชื่อนี้ประธานหนุ่มเป็นคนคิดตั้งแต่เจ้าลูกชายแปดเดือนช่วงนั้นสามีของเธอเคร
6 เดือนต่อมา หญิงสาวย้ายออกมาจากบ้านใหญ่เข้ามาอยู่บ้านที่ประธานหนุ่มซื้อไว้ตั้งแต่ลูกชายอยู่ในท้องยังไม่คลอดด้วยซ้ำ เป็นบ้านที่ประธานหนุ่มสั่งให้ทำห้องเด็กเพิ่มเพราะตัวบ้านเดิมไม่มีห้องของเด็ก บ้านหลังนี้จะมีห้าห้องนอน หกห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว ที่จอดรถ สนามหญ้าหน้าบ้านและก็สระว่ายน้ำส่วนแม่บ้านตอนแรกประธานหนุ่มจะจ้างคนใหม่แต่มารดาไม่ไว้ใจกลัวมาทำร้ายหลานเธอตามที่ข่าวออกเธอจึงส่งคนที่บ้านใหญ่มาสองคนซึ่งเป็นแม่บ้านที่ทำงานมานานและไว้ใจได้ ตอนนี้ลูกชายเธอน้องปริ๊นอายุเจ็บเดือนแล้วกำลังเริ่มหัดคลานคุณปู่คุณย่าก็แวะมาหาหลานเกือบทุกวัน ส่วนกิตต์คนนั้นต้องเรียกได้ว่าหลงหลานตามใจหลานทุกอย่างไม่เคยขัดจนหญิงสาวต้องคอยห้ามไว้เพราะกลัวลูกชายจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจพูดไม่ฟังตึงๆตึงๆ “น้องปริ๊นอย่าคลานเร็วนักสิลูก แหะๆ”หญิงสาวร้องเรียกตามลูกชายที่กำลังจะคลานไปหน้าบ้าน เผลอไม่ได้เลยลูกคนนี้ “คุณปรางมีอะไรให้สายใจช่วยไหมคะ”สายใจสา
“พี่ปริ๊นครับลูก ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกหนูจำไม่ได้เหรอลูก” คุณม๊าคนสวยเดินขึ้นมาปลุกลูกชายวัยสองขวบที่วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกของเธอต้องไปเรียนวันแรกตอนบอกเรื่องโรงเรียนลูกชายของเธอดีใจกระโดดโลดเต้นยกใหญ่ แต่ทำไมคนที่ดีอกดีใจที่จะได้ไปเรียนถึงกลับไม่ยอมตื่นเสียที “พี่ปริ้นครับ ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”คุณม๊าคนสวยไม่ลดความพยายามที่จะปลุกลูกชาย “ม๊าครับ พี่ปริ๊นยังอยากนอนอยู่เลย”เด็กชายงอแงไม่อยากตื่นและซุกหน้าลงหมอนหลับต่อแอดดดด “เอ้า ทำไมพี่ปริ๊นยังนอนอยู่ล่ะครับ ไหนว่าไปเรียนวันแรกไง”ประธานหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชายก็เห็นเมียนั่งมองลูกชายนอนหลับไหนว่าขึ้นมาปลุกแต่ทำไมเจ้าตัวแสบยังนอนอุตุอยู่ “ม๊าปลุกแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นบอกว่ายังอยากนอนอยู่เลย สงสัยอาหารเช้าของโปรดคงต้องเททิ้งแล้วสิ”หญิงสาวทำทีพูดว่าจะเอาของโปรดที่ลู
“ป๊า/ม๊าครับ พี่ปริ๊นมาแล้ว”เสียงเด็กชายเรียกพ่อกับแม่เข้าดังขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเดินมาในโรงเรียน ประธานหนุ่มและหญิงสาวขับรถมารับลูกชายหลังเลิกงานทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงเจ้าแสบดังมาแต่ไกลเรียกพวกเขาทำให้ประธานหนุ่มและหญิงสาวหันหน้ามองกันและยิ้มให้กับความน่ารักของลูกชาย “เป็นไงครับ มาเรียนวันแรกมีเพื่อนหรือยังครับ แล้วนี่ดื้อกับคุณครูหรือเปล่า”หญิงสาวย่อตัวตัวลงให้เสมอกับลูกชายและยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู “วันนี้พี่ปริ๊นไม่ดื้อครับ ไม่เชื่อถามคุณครูได้เลย”เด็กชายพยายามหาพยานเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ดื้อ “พี่ปริ๊นดื้อไหมคะ คุณครู”หญิงสาวลุกขึ้นและส่งลูกชายไปให้สามีก่อนจะเอ่ยถามว่าวันนี้ลูกของเธออยู่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง “พี่ปริ๊นไม่ดื้อเลยค่ะ เข้ากับเพื่อนในห้องได้ทุกคน โดยเฉพาะน้องเกลค่ะพี่ปริ๊นชอ
1 เดือนผ่านไปอ๊วกๆ อ๊วกๆ อ๊วกๆ เสียงโก่งคออาเจียนของประธานหนุ่มดังขึ้นอย่างนี้มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วหญิงสาวบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไปบอกแต่ว่าไม่เป็นอะไรอาจจะเป็นผลมาจากการทำงาน “เฮียไหวไหมคะ ไปหาหมดเถอะนะ”หญิงสาวคะยั้นคะยอให้สามีไปหาหมอเพราะเป็นห่วงกลัวว่าสามีจะเป็นโรคร้ายแรง “เฮียไม่เป็นอะไรจริงๆครับ”ประธานหนุ่มพูดแล้วเอามือลูบหัวหญิงสาวให้คลายกังวล “ตะ...” “ป๊าม๊าเสร็จยังครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นไปเรียนสายนะ”ลูกชายตัวแสบเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู “พี่ปริ๊นครับ ไม่เสียงดังนะครับป๊าไม่สบายอยู่นะ”หญิงสาวบอกลูกชายให้เบาเสียงลง “ป๊าไม่สบายเหรอครับ งั้นม๊าอยู่ดูแลป๊านะครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นให้อากิตต์ไปส่ง”เด็กชายที่มีความคิดโตเกินเด็กวัยเดียวกันหันไปมองหน้าพ่อและพูดบอ
20 ปีผ่านไป ตอนนี้ลูกของประธานหนุ่มและภรรยาโตเป็นหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดทุกคนแล้ว ปริ๊น หรือ ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายคนโตของปวีร์และปรางทิพย์ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสี่ ปริ๊นเริ่มเข้ามาช่วยงานพ่อตั้งแต่ขึ้นมหาลัยเพราะอยากช่วยงานพ่อแต่ช่วงนี้ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำมากขึ้นส่วนเด็กแฝดทั้งสองคนก็เรียนมหาลัยที่เดียวกับพี่ชายท้องที่สองเธอได้แฝดชายหญิงซึ่งสมใจพ่อเขานั้นแหละ “หนูวันนี้โทรบอกลูกๆแล้วใช่ไหมว่าให้เข้ามาทานข้าวที่บ้าน” ท่านประธานวัย54แต่ยังดูดีเหมือนคนวัย30ต้นๆ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเอ่ยถามภรรยาที่ยังสวยไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันถึงแม้จะอายุเลขสี่แล้วก็ตาม “โทรบอกแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงจะมากัน” “ครับ แล้วนี่หนูทำอะไรอยู่ครับ”ปวีร์เดินมานั่งข้างภรรยาโอบเอวไว้หลวมและเอ่ยถาม “ นั่งดูอะไรไปเรื่อยค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ”
เช้าวันใหม่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของสองสามีภรรยาที่นอนกอดกันไม่ยอมตื่นลมแอร์ปะทะร่างกายทำให้ต้องกระชับกอดกันให้แน่นขึ้นเพราะความเย็นของแอร์ ปวีร์ขยับเปลือกตาค่อยๆลืมตาปรับแสงที่มากระทบตาเมื่อปรับได้แล้วก็หันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความสวยไม่เคยเลือนหายเขายังคงหลงใหลร่างกายนี้ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อได้สัมผัสก็ต้องการที่จะสัมผัสมากขึ้นทุกครั้งตอนนี้ก็เช่นกัน ปรางทิพย์ที่อยู่ในชุดนอนเดรสสายเดี่ยวเนื้อผ้าซาตินลื่นมือทำให้เมียของเขาน่าสัมผัสมากขึ้นอีกเท่าตัวปวีร์จับตัวภรรยาคนสวยให้นอนราบกับที่นอนและเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่เลียระดมจูบไปตามซอกคอทำให้เกิดเป็นรอยจ้ำแดงระเรื่อที่คอ มือหนาเลื่อนไปบีบขย้ำหนาอกอวบนิ้วแกร่งสะกิดยอกประทุมถันที่ชูชันอีกข้างก็เลื่อนลงไปที่กลีบกุหลาบงาม ปวีร์พรมจูบไล่ลงมาจนถึงกลีบกุหลาบงามมือหนาถอดกางเกงในของปรางทิพย์ออกและเลิกชายกระโปรงขึ้นลิ้นร้อนไล่เลียไปตามรอยแยกนิ้วแกร่งสอดเขาไปในร่
ช่วงเที่ยงของวันปรางทิพย์นั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพังเพราะสามีและลูกคนโตออกไปทำงานกันส่วนสองแฝดก็ไปเรียน เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวอย่างเหงาๆเพราะตั้งแต่มีลูกเธอก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย “ม๊าขา อยู่ไหมคะ”ปริมลูกสาวคนเดียวของบ้านตะโกนเรียกมารดามาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านจนกระทั่งเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน “ม๊าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นลูก”ปรางทิพย์ขานตอบลูกสาวปริมเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังมาจากห้องนั่งเล่นก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาทันทีปรางทิพย์เห็นว่าลูกสาววิ่งหน้าตั้งตาตื่นก็ตกใจนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น “ปริมมีอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่ทำไมกลับมาเร็วไม่มีเรียนเหรอคะ”ปรางทิพย์รัวคำถามใส่ลูกสาวที่วันนี้บอกว่ามีเรียนเลิกสี่โมงเย็นแต่นี่พึ่งบ่ายสองทำไมกลับมาเร็ว “อาจารย์ยกคลาสค่ะ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เพราะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอีกค่ะ”ปริมพูดด้วยความตื่นตระหนกราวกับเ
เช้าวันใหม่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของสองสามีภรรยาที่นอนกอดกันไม่ยอมตื่นลมแอร์ปะทะร่างกายทำให้ต้องกระชับกอดกันให้แน่นขึ้นเพราะความเย็นของแอร์ ปวีร์ขยับเปลือกตาค่อยๆลืมตาปรับแสงที่มากระทบตาเมื่อปรับได้แล้วก็หันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความสวยไม่เคยเลือนหายเขายังคงหลงใหลร่างกายนี้ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อได้สัมผัสก็ต้องการที่จะสัมผัสมากขึ้นทุกครั้งตอนนี้ก็เช่นกัน ปรางทิพย์ที่อยู่ในชุดนอนเดรสสายเดี่ยวเนื้อผ้าซาตินลื่นมือทำให้เมียของเขาน่าสัมผัสมากขึ้นอีกเท่าตัวปวีร์จับตัวภรรยาคนสวยให้นอนราบกับที่นอนและเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่เลียระดมจูบไปตามซอกคอทำให้เกิดเป็นรอยจ้ำแดงระเรื่อที่คอ มือหนาเลื่อนไปบีบขย้ำหนาอกอวบนิ้วแกร่งสะกิดยอกประทุมถันที่ชูชันอีกข้างก็เลื่อนลงไปที่กลีบกุหลาบงาม ปวีร์พรมจูบไล่ลงมาจนถึงกลีบกุหลาบงามมือหนาถอดกางเกงในของปรางทิพย์ออกและเลิกชายกระโปรงขึ้นลิ้นร้อนไล่เลียไปตามรอยแยกนิ้วแกร่งสอดเขาไปในร่
20 ปีผ่านไป ตอนนี้ลูกของประธานหนุ่มและภรรยาโตเป็นหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดทุกคนแล้ว ปริ๊น หรือ ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายคนโตของปวีร์และปรางทิพย์ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสี่ ปริ๊นเริ่มเข้ามาช่วยงานพ่อตั้งแต่ขึ้นมหาลัยเพราะอยากช่วยงานพ่อแต่ช่วงนี้ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำมากขึ้นส่วนเด็กแฝดทั้งสองคนก็เรียนมหาลัยที่เดียวกับพี่ชายท้องที่สองเธอได้แฝดชายหญิงซึ่งสมใจพ่อเขานั้นแหละ “หนูวันนี้โทรบอกลูกๆแล้วใช่ไหมว่าให้เข้ามาทานข้าวที่บ้าน” ท่านประธานวัย54แต่ยังดูดีเหมือนคนวัย30ต้นๆ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเอ่ยถามภรรยาที่ยังสวยไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันถึงแม้จะอายุเลขสี่แล้วก็ตาม “โทรบอกแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงจะมากัน” “ครับ แล้วนี่หนูทำอะไรอยู่ครับ”ปวีร์เดินมานั่งข้างภรรยาโอบเอวไว้หลวมและเอ่ยถาม “ นั่งดูอะไรไปเรื่อยค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ”
1 เดือนผ่านไปอ๊วกๆ อ๊วกๆ อ๊วกๆ เสียงโก่งคออาเจียนของประธานหนุ่มดังขึ้นอย่างนี้มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วหญิงสาวบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไปบอกแต่ว่าไม่เป็นอะไรอาจจะเป็นผลมาจากการทำงาน “เฮียไหวไหมคะ ไปหาหมดเถอะนะ”หญิงสาวคะยั้นคะยอให้สามีไปหาหมอเพราะเป็นห่วงกลัวว่าสามีจะเป็นโรคร้ายแรง “เฮียไม่เป็นอะไรจริงๆครับ”ประธานหนุ่มพูดแล้วเอามือลูบหัวหญิงสาวให้คลายกังวล “ตะ...” “ป๊าม๊าเสร็จยังครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นไปเรียนสายนะ”ลูกชายตัวแสบเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู “พี่ปริ๊นครับ ไม่เสียงดังนะครับป๊าไม่สบายอยู่นะ”หญิงสาวบอกลูกชายให้เบาเสียงลง “ป๊าไม่สบายเหรอครับ งั้นม๊าอยู่ดูแลป๊านะครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นให้อากิตต์ไปส่ง”เด็กชายที่มีความคิดโตเกินเด็กวัยเดียวกันหันไปมองหน้าพ่อและพูดบอ
“ป๊า/ม๊าครับ พี่ปริ๊นมาแล้ว”เสียงเด็กชายเรียกพ่อกับแม่เข้าดังขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเดินมาในโรงเรียน ประธานหนุ่มและหญิงสาวขับรถมารับลูกชายหลังเลิกงานทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงเจ้าแสบดังมาแต่ไกลเรียกพวกเขาทำให้ประธานหนุ่มและหญิงสาวหันหน้ามองกันและยิ้มให้กับความน่ารักของลูกชาย “เป็นไงครับ มาเรียนวันแรกมีเพื่อนหรือยังครับ แล้วนี่ดื้อกับคุณครูหรือเปล่า”หญิงสาวย่อตัวตัวลงให้เสมอกับลูกชายและยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู “วันนี้พี่ปริ๊นไม่ดื้อครับ ไม่เชื่อถามคุณครูได้เลย”เด็กชายพยายามหาพยานเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ดื้อ “พี่ปริ๊นดื้อไหมคะ คุณครู”หญิงสาวลุกขึ้นและส่งลูกชายไปให้สามีก่อนจะเอ่ยถามว่าวันนี้ลูกของเธออยู่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง “พี่ปริ๊นไม่ดื้อเลยค่ะ เข้ากับเพื่อนในห้องได้ทุกคน โดยเฉพาะน้องเกลค่ะพี่ปริ๊นชอ
“พี่ปริ๊นครับลูก ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกหนูจำไม่ได้เหรอลูก” คุณม๊าคนสวยเดินขึ้นมาปลุกลูกชายวัยสองขวบที่วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกของเธอต้องไปเรียนวันแรกตอนบอกเรื่องโรงเรียนลูกชายของเธอดีใจกระโดดโลดเต้นยกใหญ่ แต่ทำไมคนที่ดีอกดีใจที่จะได้ไปเรียนถึงกลับไม่ยอมตื่นเสียที “พี่ปริ้นครับ ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”คุณม๊าคนสวยไม่ลดความพยายามที่จะปลุกลูกชาย “ม๊าครับ พี่ปริ๊นยังอยากนอนอยู่เลย”เด็กชายงอแงไม่อยากตื่นและซุกหน้าลงหมอนหลับต่อแอดดดด “เอ้า ทำไมพี่ปริ๊นยังนอนอยู่ล่ะครับ ไหนว่าไปเรียนวันแรกไง”ประธานหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชายก็เห็นเมียนั่งมองลูกชายนอนหลับไหนว่าขึ้นมาปลุกแต่ทำไมเจ้าตัวแสบยังนอนอุตุอยู่ “ม๊าปลุกแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นบอกว่ายังอยากนอนอยู่เลย สงสัยอาหารเช้าของโปรดคงต้องเททิ้งแล้วสิ”หญิงสาวทำทีพูดว่าจะเอาของโปรดที่ลู
6 เดือนต่อมา หญิงสาวย้ายออกมาจากบ้านใหญ่เข้ามาอยู่บ้านที่ประธานหนุ่มซื้อไว้ตั้งแต่ลูกชายอยู่ในท้องยังไม่คลอดด้วยซ้ำ เป็นบ้านที่ประธานหนุ่มสั่งให้ทำห้องเด็กเพิ่มเพราะตัวบ้านเดิมไม่มีห้องของเด็ก บ้านหลังนี้จะมีห้าห้องนอน หกห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว ที่จอดรถ สนามหญ้าหน้าบ้านและก็สระว่ายน้ำส่วนแม่บ้านตอนแรกประธานหนุ่มจะจ้างคนใหม่แต่มารดาไม่ไว้ใจกลัวมาทำร้ายหลานเธอตามที่ข่าวออกเธอจึงส่งคนที่บ้านใหญ่มาสองคนซึ่งเป็นแม่บ้านที่ทำงานมานานและไว้ใจได้ ตอนนี้ลูกชายเธอน้องปริ๊นอายุเจ็บเดือนแล้วกำลังเริ่มหัดคลานคุณปู่คุณย่าก็แวะมาหาหลานเกือบทุกวัน ส่วนกิตต์คนนั้นต้องเรียกได้ว่าหลงหลานตามใจหลานทุกอย่างไม่เคยขัดจนหญิงสาวต้องคอยห้ามไว้เพราะกลัวลูกชายจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจพูดไม่ฟังตึงๆตึงๆ “น้องปริ๊นอย่าคลานเร็วนักสิลูก แหะๆ”หญิงสาวร้องเรียกตามลูกชายที่กำลังจะคลานไปหน้าบ้าน เผลอไม่ได้เลยลูกคนนี้ “คุณปรางมีอะไรให้สายใจช่วยไหมคะ”สายใจสา
1 เดือนต่อมา หลังหญิงสาวออกจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายตัวน้อย เธอจึงกลับมาพักที่บ้านใหญ่ตอนแรกประธานหนุ่มอยากเข้าไปอยู่บ้านที่เขาซื้อไว้แต่มารดาของสามีไม่ยอมบอกให้อยู่บ้านใหญ่สักเดือนสองเดือนก่อน ประธานหนุ่มที่ไม่เคยพูดชนะมารดาก็จำใจต้องยอมอยู่จนกว่าลูกชายจะสองเดือน แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้มีคนช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแอ้ๆแอ้ๆแอ้ๆ เสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้มาจากแปลเด็กในตอนเช้าเด็กน้อยจะตื่นแต่เช้าทุกวันพอตื่นมาก็จะส่งเสียงอ้อแอ้ให้ป๊ากับม๊าได้ยินจะเป็นแบบนี้ประจำทุกวันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ลูกน้อยของเธอถือว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายไม่งอแงจะมีร้องบ้างแค่ตอนหิวหรือรู้สึกไม่สบายตัวและตื่นบ่อยตามปกติของเด็กแรกเกิด “น้องปริ๊นตื่นแล้วเหรอคะ คนแก่งของม๊าไปปลุกป๊ากัน” น้องปริ๊นหรือด.ช. ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและหลานสุดรักสุดหวงของคุณหญิงมณีรัตน์และคุณเอกภพ ชื่อนี้ประธานหนุ่มเป็นคนคิดตั้งแต่เจ้าลูกชายแปดเดือนช่วงนั้นสามีของเธอเคร
ทุกคนต่างให้ความสนใจสมาชิกใหม่ของบ้าน แต่คนที่ดูจะเห่อลูกชายเขามากที่สุดน่าจะเป็นคุณหญิงมณีรัตน์มารดาของประธานหนุ่ม เพราะข้าวของลูกชายเขาส่วนมากที่มีตอนนี้จนแทบจะล้นบ้านก็มาจากแม่เขาทั้งนั้น “ไหนดูสิหลานย่า น่าเกียจน่าชังจังเลยลูก ดูสิคะหน้าเหมือนตาวีร์ตอนเล็กๆเลย” ประธานหนุ่มยืนดูมารดาอุ้มลูกน้อยของเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประธานหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงขยับข้างเตียงก่อนจะหันไปดูก็เห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้ว ประธานหนุ่มช่วงพยุงหญิงสาวลุกขึ้นนั่งและหยิบน้ำมาให้หญิงสาวดื่ม “ดื่มน้ำก่อนครับ”ประธานหนุ่มยื่นแก้วน้ำไปให้หญิงสาวดื่ม “ขอบคุณค่ะ ดูคุณแม่จะเห่อหลานมาเลยนะคะ”หญิงสาวทักขึ้นยิ้มๆเธอดีใจที่ลูกชายของเธอเป็นที่รักของทุกคน “ใช่ครับ คุณแม่ท่านอยากได้หลานมาตั้งนานแล้วแต่เฮียไม่ยอมมีให้สักที”ประธานหนุ่มหันไปมองมารดาที่อุ้มหลานชายไปมารอบห้องด้วนรอยยิ้ม