ประธานหนุ่มอุ้มหญิงไปวางไว้บนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะตามไปคร่อมร่างหญิงสาวเอาไว้ สายตาโลมเลียเรือนร่างนุ่มนิ่มบ่งบอกถึงความต้องการผ่านทางสายตา หญิงสาวเมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาก็มองหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ตรงหน้า
“ฮะ...เฮียจะทำอะไรคะ” หญิงสาวถามขึ้นเสียงสั่น
“ก็ทำต่อจากตอนก่อนลงไปทานข้าวไงครับเมีย” ประธานหนุ่มพูดจบก้มหน้าลงที่ซอกคอซุกไซ้จนหญิงสาวเกิดความเสียวซ่าน
“อื้อ...แต่ว่าหนูท้องอยู่” หญิงสาวพูดเสียงไม่เต็มเสียงนัก
“ก็นี่ไง เฮียกำลังจะเข้าไปทักทายลูก และก็ลงโทษที่ปิดบังผัวเรื่องลูกด้วย สัญญาจะทำเบาๆ” ประธานหนุ่มพูดถึงเรื่องที่เธอปิดเขาเรื่องลูกก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ก้มลงไปขบเม้มต้นคอจนเกิดเป็นรอยจ้ำสีแดงระเรื่อ
“อ๊ะ เฮียเจ็บนะ เป็นรอยแน่เลย” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อรับรู้ถึงแรงขบเม้นบริเวณซอกคอที่รุนแรงและน่าจะทำให้เกิดรอยได้ไม่ยาก<
แสงแดดเวลาหกโมงเช้าสาดส่องรอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องนอนกว้าง สองร่างนอนกอดกันหลับตาพริ้มวงแขนแกร่งกระชับอ้อมกอดเมียเด็กเข้าหาตนมากขึ้น หญิงสาวเมื่อโดยกระชับกอดก็ซุกหน้าเข้าหาลงอกแกร่ง หากเป็นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้หญิงสาวคงจะรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงาน และเตรียมอาหารเช้าให้ประธานหนุ่มทานก่อนไปทำงาน ซึ่งมันเป็นกิจวัตที่หญิงสาวทำเป็นประจำทุกวัน แม้ว่าประธานหนุ่มบอกไม่ให้ทำก็ตามแต่เธอแค่อยากทำอะไรให้เขาบ้างถึงจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ประธานหนุ่มปากจะบอกห้ามไม่ให้ทำแต่ทุกที่หญิงสาวทำให้ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมชุดไปทำงาน ทำอาหารเช้าหรือบางวันก็ทำอาหารเย็นให้เขาทาน มันทำให้ประธานหนุ่มรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้รับการกระทำต่างๆ ที่หญิงสาวทำให้เขา มันบ่งบอกว่าหญิงสาวใส่ใจเขามากแค่ไหน ยิ่งได้รับมากเท่าไหร่หัวใจแกร่งลิงโลดดีใจ พรางคิดว่าเขาเลือกคนที่จะมาเป็นเมียและแม่ของลูกไม่ผิดคนจริงๆ เพราะตั้งแต่เด็กประธานหนุ่มทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอดถึงแม้จะมีคนคอย
ประธานหนุ่มขยับตัวตื่นแล้วก้มมองเมียเด็กที่ยังซุกอกเขานอนหลับอุตุไม่ยอมตื่น ประธานหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียง กดเปิดหน้าจอเพื่อดูเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว “อื้ม บ่ายแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำของประธานหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆหลังจากเห็นเวลาที่โชว์บนหน้าจอมือถือ “เดี๋ยวโทรนัดไอ้หมอก่อนดีกว่า” ประธานหนุ่มนึกได้อย่างนั้นก็เลื่อนหาเบอร์เพื่อนนิ้วยาวกำลังจะกดโทรออกก็ชะงักเล็กน้อยแล้วเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เดิม ประธานหนุ่มค่อยๆ ดึงแขนที่สอดอยู่ตรงท้ายทอยเมียเด็กออกเพราะกลัวว่าจะรบกวนการนอนของเธอ เมื่อเอาออกมาได้ก็จับหัวเมียไปนอนที่หมอนดีๆ พร้อมจัดท่านอนและดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมให้จนถึงอก หญิงสาวขยับตัวน้อยๆ แล้วนอนต่อ ประธานหนุ่มพยายามลุกขึ้นจากเตียงให้เบาที่สุด ขาแกร่งลงมายืนเต็มความสูงที่ข้างเตียงและมองหญิงสาวอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมา มองหญิงสาวและก้มลงไปหอมแก้มนวลก่อนจะเด
หลังกลับมาจากฝากครรภ์ก่อนเข้าบ้านประธานหนุ่มได้พาหญิงสาวแวะทานข้าวมาจากข้างนอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนท้องที่มักจะนอนเยอะเป็นพิเศษเพราะหลังจากที่ประธานหนุ่มได้แวะทานข้าวเสร็จหญิงสาวขึ้นมาบนรถนั่งไปยังไม่ถึงห้านาที เขาหันมาอีกทีเมียเขาก็หลังไปแล้วนี่ขนาดพึ่งตื่นเมื่อช่วงบ่ายยังหลับลึกแม้กระทั่งตอนนี้รถแล่นเข้ามาจอดสนิทที่บ้านแล้วเมียตัวน้อยเขายังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ปกติก็ขี้เซาอยู่แล้วพอท้องยิ่งขี้เซาหนักกว่าเดิมอีก “หนูๆครับ ที่รัก ตื่นได้แล้วครับ ถึงบ้านแล้วนะ” ประธานหนุ่มยื่นมือไปสะกิดที่หัวไหล่บางครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่ตื่น “เห้อ ขี้เซาจริงๆเลยทั้งแม่ทั้งลูก คงต้องอุ้มขึ้นบ้านอีกตามเคย ” ประธานหนุ่มถอนหายใจออกมายาวๆกับความขี้เซาของคุณแม่ อุ้มกันขึ้นคอนโดตั้งแต่ครั้งแรกจนตอนนี้มีลูกด้วยกันแล้วก็ยังต้องอุ้มกันขึ้นบ้านเพราะเมียนอนไม่ยอมตื่น แต่ต่อให้อุ้มทั้งชีวิตเขาก็ยอมรักไปแล้วให้ทำไงได้
ประธานหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องขายาวก้าวตรงไปหาเมียรักที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่บนที่นอน ประธานหนุ่มเข้าไปใกล้หญิงสาวเรื่อยๆจนมาถึงตัวหญิงสาวแต่เธอก็ยังไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา จนทำให้ประธานหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่านี่เมียเขาง่วงถึงขั้นมานั่งหลับในเลยหรือถ้าง่วงขนาดนั้นจะตื่นขึ้นมาทำไมกัน ถึงจะคิดอย่างงั้นแต่สายตาที่เขาใช้มองหญิงสาวในตอนนี้มันช่างอ่อนโยนและเอ็นดูผู้หญิงตรงหน้าอย่างหาทางกลับไม่ได้พรึ่บ ประธานหนุ่มยื่นมองการกระทำหญิงสาวอยู่นานหลายนาทีสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อหน้าเมียเขาทิ่มลงไปด้านหน้าแต่ดีที่ประธานหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปหาถึงตัวก่อนแล้วเอามือรองไว้ทันไม่งั้นคงได้หน้าทิ่มลงไปกับที่นอนแน่ อะไรมันจะง่วงขนาดนั้นเชียว แต่แบบนี้ก็น่ารักดีเป็นธรรมชาติที่ไม่จำเป็นต้องเติมแต่ง แต่กลับน่ามองยิ่งอยากอยู่ใกล้เพียงแค่เธออยู่เฉยๆก็ทำให้เขาหลงจนไปไหนไม่รอด “หนูครับ เมียครับตื่นไปล้างหน้าก่อนไหม มันง่วงขนาดนั้นเลยหรือ หื้ม” ประธานหนุ่มเขย่าตัวหญิงสาวเบาๆเรียกให้หญิงสาว
ประธานหนุ่มเดินประคองหญิงสาวเข้ามาในห้องอาหารก่อนจะเดินนั่งประจำที่โดยมีประธานหนุ่มคอยเลื่อนเก้าอี้บริการให้เป็นอย่างดีแล้วค่อยเดินไปนั่งที่ของตัวเอง เมื่อเห็นว่าสมาชิกทุกคนมากันครบพร้อมหน้ากันแล้วก็ลงมือทานอาหารกัน มีพูดคุยกันบ้างแต่ส่วนมาจะเป็นคุณหญิงมณีรัตน์มากกว่าที่ถามมากมายหลายคำถามกับลูกสะใภ้จนบางครั้งลูกชายต้องห้ามเอาไว้ ส่วนคุณเอกภพและกิตต์ก็นั่งฟังบทสนทนาไปเงียบๆ เมื่อมื้ออาหารจบลงสมาชิกทุกคนก็ย้ายตัวเองจากห้องอาหารไปนั่งกันที่ห้องรับแขกโดยมีคุณหญิงมณีรัตน์นั่งบนโซฟาตัวยาวกับสามี ส่วนลูกชายคนเล็กก็นั่งที่โซฟาเดี่ยวทางด้านซ้ายและประธานหนุ่มกับหญิงสาวนั่งทางด้านขวา “วีร์แล้วเรื่องแต่งงานล่ะว่ายังไง พวกลูกคุยกันหรือยังว่าจะเอายัง” คุณหญิงมณีรัตน์เริ่มเปิดบทสนทนาที่ยังค้างไว้เมื่อกลางวัน “คุยแล้วครับ ผมกับน้องตกลงว่าจะไม่แต่ง” ประธานหนุ่มตอบมารดา มือหนาสอดประสานกับมือบางกระชับให้แน่นเพื่อเ
นิ้วเรียวจับปากกาจรดปลายปากกาลงบนกระดาษต่อจากประธานหนุ่ม มือหนาคอยโอบเอวบางอยู่ไม่ห่างเมื่อเซ็นตัวหนังสือตัวสุดท้ายเสร็จทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองกันสายตาทั้งคู่บ่งบอกถึงความรักที่มีให้กันความสุขที่เอ่อล้นออกมากจากแววตาทั้งคู่ “เรียบร้อยครับ คุณสองคนเซ็นเอกสารทั้งสองฉบับแล้ว ด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย กระดาษสองแผ่นนี้พวกคุณเก็บไว้คนละแผ่น ถึงมันจะเป็นเพียงแค่กระดาษ แต่มันจะเป็นสิ่งที่บอกว่าคุณทั้งสองได้เป็นคนๆเดียวกันแล้ว มีสิทธิต่อกันและกัน ต่อไปนี้คุณทั้งสองคือสามี ภรรยา ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะครับ ผมขอให้พวกคุณรักกันนานๆ ประคับประคองชีวิตคู่ไปด้วยกัน หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยกัน มีความสุขในชีวิตคู่มากๆนะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ” นายอำเภอพูดหลังจากที่หญิงสาวเซ็นตัวหนังสือตัวสุดท้ายเสร็จก่อนจะยื่นใบทะเบียนสมรสให้ทั้งประธานหนุ่มและหญิงสาวได้เก็บไว้คนละแผ่นและพูดอวยพรทั้งสองเล็กน้อยแล้วขอตัวกลับ “ขอบคุณค่ะ/ครับ”&
3 เดือนผ่านไป ตอนนี้อายุครรภ์ของหญิงสาวเข้าสู่เดือนที่สี่หน้าท้องจากที่เคยแบนราบก็เริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อยไม่ใหญ่มาก เพราะด้วยเป็นท้องแรกและหญิงสาวเป็นคนตัวเล็กหน้าท้องจึงไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก หญิงสาวเรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้วงานรับปริญญาก็พึ่งผ่านพ้นไปเมื่อเดือนที่แล้วแต่เธอไม่ได้ไปรับแต่ให้ทางมหาวิทยาลัยส่งใบปริญญาบัตรมาให้ที่บ้านแทน ชีวิตประจำวันของเธอก็นั่งๆนอนๆอยู่ที่คอนโดตอนแรกมารดาของสามีเธอจะให้ไปอยู่ที่บ้านเพราะเป็นห่วงและกลัวว่าหญิงสาวจะเหงาแต่เธอขอแม่สามีว่าจะอยู่ที่คอนโดก่อนเพราะถ้าหากเธอไปอยู่ที่บ้านใหญ่นั้นก็หมายความว่าสามีของเธอก็ต้องตามเธอไปด้วยอยู่แล้ว มันคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้าที่ทำงานของสามีเธอกับที่บ้านไม่ได้อยู่คนละทางเพราะลำพังแค่จากคอนโดไปบริษัทก็ใช้เวลาพอสมควร บริษัทของสามีเธอนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมืองทำให้การจราจรบริเวณนั้นติดขัดเธอจึงเลือกจะอยู่คอนโดและพอเข้าช่วงเดือนที่แปดค่อยย้ายไปอยู่บ้านเพื่อความสบายใจของแม่สามีซึ่งประธา
หลังจากประธานหนุ่มและหญิงสาวมาถึงห้องทำงาน ประธานหนุ่มก็ไปที่ห้องประชุมทันทีเพราะใกล้ถึงเวลาเริ่มประชุมแล้ว กว่าจะสิ้นสุดการประชุมก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมงเมื่อการประชุมจบลงประธานหนุ่มก็รีบเดินออกจากห้องประชุมและเดินก้าวยาวๆกลับไปที่ห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบกับความเงียบสายตากวาดมองไปทั่วห้องที่ว่างเปล่าไร้เงาภรรยาคนสวย ก่อนจะหันไปมองที่บานประตูห้องนอนก็เห็นว่ามันถูกแง้มไว้ ประธานหนุ่มก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนเขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องมือหนากำลังจะผลักประตูเปิดก็ชะงักและหมุนตัวหันหลังเดินไปที่โต๊ะทำงานกดอินเตอร์คอมสั่งงานเลขาหนุ่ม “กิตต์วันนี้ฉันไม่รับแขก อ้อ ถ้าฉันไม่เรียกห้ามให้ใครเข้ามา”ประธานหนุ่มกดสั่งงานเลขาหน้าห้อง “ครับท่าน แต่เบาได้ก็เบานะครับภรรยาท่านท้องคุณหนูน้อยอยู่” เลขาหนุ่มรับทราบคำสั่งเจ้านายและพูดแซวประธานหนุ่มเบาๆ พี่ชายเขาก็แบบนี้ทุกทีที่พาหญิงสาวมาที่ทำงานนั้นแหละ ขยันแบบนี้ไม่มีคุณน้อยก็ไม่รู้จะว่ายังไง
ช่วงเที่ยงของวันปรางทิพย์นั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพังเพราะสามีและลูกคนโตออกไปทำงานกันส่วนสองแฝดก็ไปเรียน เธอจึงต้องอยู่บ้านคนเดียวอย่างเหงาๆเพราะตั้งแต่มีลูกเธอก็ไม่ได้ทำงานอีกเลย “ม๊าขา อยู่ไหมคะ”ปริมลูกสาวคนเดียวของบ้านตะโกนเรียกมารดามาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านจนกระทั่งเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน “ม๊าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นลูก”ปรางทิพย์ขานตอบลูกสาวปริมเมื่อได้ยินเสียงมารดาดังมาจากห้องนั่งเล่นก็รีบวิ่งเข้าไปหามารดาทันทีปรางทิพย์เห็นว่าลูกสาววิ่งหน้าตั้งตาตื่นก็ตกใจนึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น “ปริมมีอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วนี่ทำไมกลับมาเร็วไม่มีเรียนเหรอคะ”ปรางทิพย์รัวคำถามใส่ลูกสาวที่วันนี้บอกว่ามีเรียนเลิกสี่โมงเย็นแต่นี่พึ่งบ่ายสองทำไมกลับมาเร็ว “อาจารย์ยกคลาสค่ะ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะ เพราะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นอีกค่ะ”ปริมพูดด้วยความตื่นตระหนกราวกับเ
เช้าวันใหม่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนของสองสามีภรรยาที่นอนกอดกันไม่ยอมตื่นลมแอร์ปะทะร่างกายทำให้ต้องกระชับกอดกันให้แน่นขึ้นเพราะความเย็นของแอร์ ปวีร์ขยับเปลือกตาค่อยๆลืมตาปรับแสงที่มากระทบตาเมื่อปรับได้แล้วก็หันไปมองภรรยาคนสวยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมกอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความสวยไม่เคยเลือนหายเขายังคงหลงใหลร่างกายนี้ไม่เคยเปลี่ยน เมื่อได้สัมผัสก็ต้องการที่จะสัมผัสมากขึ้นทุกครั้งตอนนี้ก็เช่นกัน ปรางทิพย์ที่อยู่ในชุดนอนเดรสสายเดี่ยวเนื้อผ้าซาตินลื่นมือทำให้เมียของเขาน่าสัมผัสมากขึ้นอีกเท่าตัวปวีร์จับตัวภรรยาคนสวยให้นอนราบกับที่นอนและเริ่มซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่เลียระดมจูบไปตามซอกคอทำให้เกิดเป็นรอยจ้ำแดงระเรื่อที่คอ มือหนาเลื่อนไปบีบขย้ำหนาอกอวบนิ้วแกร่งสะกิดยอกประทุมถันที่ชูชันอีกข้างก็เลื่อนลงไปที่กลีบกุหลาบงาม ปวีร์พรมจูบไล่ลงมาจนถึงกลีบกุหลาบงามมือหนาถอดกางเกงในของปรางทิพย์ออกและเลิกชายกระโปรงขึ้นลิ้นร้อนไล่เลียไปตามรอยแยกนิ้วแกร่งสอดเขาไปในร่
20 ปีผ่านไป ตอนนี้ลูกของประธานหนุ่มและภรรยาโตเป็นหนุ่มเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดทุกคนแล้ว ปริ๊น หรือ ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายคนโตของปวีร์และปรางทิพย์ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสี่ ปริ๊นเริ่มเข้ามาช่วยงานพ่อตั้งแต่ขึ้นมหาลัยเพราะอยากช่วยงานพ่อแต่ช่วงนี้ก็เริ่มที่จะเข้ามาทำมากขึ้นส่วนเด็กแฝดทั้งสองคนก็เรียนมหาลัยที่เดียวกับพี่ชายท้องที่สองเธอได้แฝดชายหญิงซึ่งสมใจพ่อเขานั้นแหละ “หนูวันนี้โทรบอกลูกๆแล้วใช่ไหมว่าให้เข้ามาทานข้าวที่บ้าน” ท่านประธานวัย54แต่ยังดูดีเหมือนคนวัย30ต้นๆ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเอ่ยถามภรรยาที่ยังสวยไม่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เจอกันถึงแม้จะอายุเลขสี่แล้วก็ตาม “โทรบอกแล้วค่ะ เดี๋ยวก็คงจะมากัน” “ครับ แล้วนี่หนูทำอะไรอยู่ครับ”ปวีร์เดินมานั่งข้างภรรยาโอบเอวไว้หลวมและเอ่ยถาม “ นั่งดูอะไรไปเรื่อยค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ”
1 เดือนผ่านไปอ๊วกๆ อ๊วกๆ อ๊วกๆ เสียงโก่งคออาเจียนของประธานหนุ่มดังขึ้นอย่างนี้มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วหญิงสาวบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไปบอกแต่ว่าไม่เป็นอะไรอาจจะเป็นผลมาจากการทำงาน “เฮียไหวไหมคะ ไปหาหมดเถอะนะ”หญิงสาวคะยั้นคะยอให้สามีไปหาหมอเพราะเป็นห่วงกลัวว่าสามีจะเป็นโรคร้ายแรง “เฮียไม่เป็นอะไรจริงๆครับ”ประธานหนุ่มพูดแล้วเอามือลูบหัวหญิงสาวให้คลายกังวล “ตะ...” “ป๊าม๊าเสร็จยังครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นไปเรียนสายนะ”ลูกชายตัวแสบเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู “พี่ปริ๊นครับ ไม่เสียงดังนะครับป๊าไม่สบายอยู่นะ”หญิงสาวบอกลูกชายให้เบาเสียงลง “ป๊าไม่สบายเหรอครับ งั้นม๊าอยู่ดูแลป๊านะครับ เดี๋ยวพี่ปริ๊นให้อากิตต์ไปส่ง”เด็กชายที่มีความคิดโตเกินเด็กวัยเดียวกันหันไปมองหน้าพ่อและพูดบอ
“ป๊า/ม๊าครับ พี่ปริ๊นมาแล้ว”เสียงเด็กชายเรียกพ่อกับแม่เข้าดังขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองกำลังเดินมาในโรงเรียน ประธานหนุ่มและหญิงสาวขับรถมารับลูกชายหลังเลิกงานทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงเจ้าแสบดังมาแต่ไกลเรียกพวกเขาทำให้ประธานหนุ่มและหญิงสาวหันหน้ามองกันและยิ้มให้กับความน่ารักของลูกชาย “เป็นไงครับ มาเรียนวันแรกมีเพื่อนหรือยังครับ แล้วนี่ดื้อกับคุณครูหรือเปล่า”หญิงสาวย่อตัวตัวลงให้เสมอกับลูกชายและยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู “วันนี้พี่ปริ๊นไม่ดื้อครับ ไม่เชื่อถามคุณครูได้เลย”เด็กชายพยายามหาพยานเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ดื้อ “พี่ปริ๊นดื้อไหมคะ คุณครู”หญิงสาวลุกขึ้นและส่งลูกชายไปให้สามีก่อนจะเอ่ยถามว่าวันนี้ลูกของเธออยู่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง “พี่ปริ๊นไม่ดื้อเลยค่ะ เข้ากับเพื่อนในห้องได้ทุกคน โดยเฉพาะน้องเกลค่ะพี่ปริ๊นชอ
“พี่ปริ๊นครับลูก ตื่นได้แล้วครับ วันนี้ไปโรงเรียนวันแรกหนูจำไม่ได้เหรอลูก” คุณม๊าคนสวยเดินขึ้นมาปลุกลูกชายวัยสองขวบที่วันนี้เป็นวันแรกที่ลูกของเธอต้องไปเรียนวันแรกตอนบอกเรื่องโรงเรียนลูกชายของเธอดีใจกระโดดโลดเต้นยกใหญ่ แต่ทำไมคนที่ดีอกดีใจที่จะได้ไปเรียนถึงกลับไม่ยอมตื่นเสียที “พี่ปริ้นครับ ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”คุณม๊าคนสวยไม่ลดความพยายามที่จะปลุกลูกชาย “ม๊าครับ พี่ปริ๊นยังอยากนอนอยู่เลย”เด็กชายงอแงไม่อยากตื่นและซุกหน้าลงหมอนหลับต่อแอดดดด “เอ้า ทำไมพี่ปริ๊นยังนอนอยู่ล่ะครับ ไหนว่าไปเรียนวันแรกไง”ประธานหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องลูกชายก็เห็นเมียนั่งมองลูกชายนอนหลับไหนว่าขึ้นมาปลุกแต่ทำไมเจ้าตัวแสบยังนอนอุตุอยู่ “ม๊าปลุกแล้ว แต่เจ้าตัวไม่ยอมตื่นบอกว่ายังอยากนอนอยู่เลย สงสัยอาหารเช้าของโปรดคงต้องเททิ้งแล้วสิ”หญิงสาวทำทีพูดว่าจะเอาของโปรดที่ลู
6 เดือนต่อมา หญิงสาวย้ายออกมาจากบ้านใหญ่เข้ามาอยู่บ้านที่ประธานหนุ่มซื้อไว้ตั้งแต่ลูกชายอยู่ในท้องยังไม่คลอดด้วยซ้ำ เป็นบ้านที่ประธานหนุ่มสั่งให้ทำห้องเด็กเพิ่มเพราะตัวบ้านเดิมไม่มีห้องของเด็ก บ้านหลังนี้จะมีห้าห้องนอน หกห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว ที่จอดรถ สนามหญ้าหน้าบ้านและก็สระว่ายน้ำส่วนแม่บ้านตอนแรกประธานหนุ่มจะจ้างคนใหม่แต่มารดาไม่ไว้ใจกลัวมาทำร้ายหลานเธอตามที่ข่าวออกเธอจึงส่งคนที่บ้านใหญ่มาสองคนซึ่งเป็นแม่บ้านที่ทำงานมานานและไว้ใจได้ ตอนนี้ลูกชายเธอน้องปริ๊นอายุเจ็บเดือนแล้วกำลังเริ่มหัดคลานคุณปู่คุณย่าก็แวะมาหาหลานเกือบทุกวัน ส่วนกิตต์คนนั้นต้องเรียกได้ว่าหลงหลานตามใจหลานทุกอย่างไม่เคยขัดจนหญิงสาวต้องคอยห้ามไว้เพราะกลัวลูกชายจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจพูดไม่ฟังตึงๆตึงๆ “น้องปริ๊นอย่าคลานเร็วนักสิลูก แหะๆ”หญิงสาวร้องเรียกตามลูกชายที่กำลังจะคลานไปหน้าบ้าน เผลอไม่ได้เลยลูกคนนี้ “คุณปรางมีอะไรให้สายใจช่วยไหมคะ”สายใจสา
1 เดือนต่อมา หลังหญิงสาวออกจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายตัวน้อย เธอจึงกลับมาพักที่บ้านใหญ่ตอนแรกประธานหนุ่มอยากเข้าไปอยู่บ้านที่เขาซื้อไว้แต่มารดาของสามีไม่ยอมบอกให้อยู่บ้านใหญ่สักเดือนสองเดือนก่อน ประธานหนุ่มที่ไม่เคยพูดชนะมารดาก็จำใจต้องยอมอยู่จนกว่าลูกชายจะสองเดือน แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้มีคนช่วยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแอ้ๆแอ้ๆแอ้ๆ เสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้มาจากแปลเด็กในตอนเช้าเด็กน้อยจะตื่นแต่เช้าทุกวันพอตื่นมาก็จะส่งเสียงอ้อแอ้ให้ป๊ากับม๊าได้ยินจะเป็นแบบนี้ประจำทุกวันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ลูกน้อยของเธอถือว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายไม่งอแงจะมีร้องบ้างแค่ตอนหิวหรือรู้สึกไม่สบายตัวและตื่นบ่อยตามปกติของเด็กแรกเกิด “น้องปริ๊นตื่นแล้วเหรอคะ คนแก่งของม๊าไปปลุกป๊ากัน” น้องปริ๊นหรือด.ช. ปรินทร์ อัศวภัทชกุล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและหลานสุดรักสุดหวงของคุณหญิงมณีรัตน์และคุณเอกภพ ชื่อนี้ประธานหนุ่มเป็นคนคิดตั้งแต่เจ้าลูกชายแปดเดือนช่วงนั้นสามีของเธอเคร
ทุกคนต่างให้ความสนใจสมาชิกใหม่ของบ้าน แต่คนที่ดูจะเห่อลูกชายเขามากที่สุดน่าจะเป็นคุณหญิงมณีรัตน์มารดาของประธานหนุ่ม เพราะข้าวของลูกชายเขาส่วนมากที่มีตอนนี้จนแทบจะล้นบ้านก็มาจากแม่เขาทั้งนั้น “ไหนดูสิหลานย่า น่าเกียจน่าชังจังเลยลูก ดูสิคะหน้าเหมือนตาวีร์ตอนเล็กๆเลย” ประธานหนุ่มยืนดูมารดาอุ้มลูกน้อยของเขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประธานหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงขยับข้างเตียงก่อนจะหันไปดูก็เห็นว่าหญิงสาวตื่นแล้ว ประธานหนุ่มช่วงพยุงหญิงสาวลุกขึ้นนั่งและหยิบน้ำมาให้หญิงสาวดื่ม “ดื่มน้ำก่อนครับ”ประธานหนุ่มยื่นแก้วน้ำไปให้หญิงสาวดื่ม “ขอบคุณค่ะ ดูคุณแม่จะเห่อหลานมาเลยนะคะ”หญิงสาวทักขึ้นยิ้มๆเธอดีใจที่ลูกชายของเธอเป็นที่รักของทุกคน “ใช่ครับ คุณแม่ท่านอยากได้หลานมาตั้งนานแล้วแต่เฮียไม่ยอมมีให้สักที”ประธานหนุ่มหันไปมองมารดาที่อุ้มหลานชายไปมารอบห้องด้วนรอยยิ้ม